เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน............................
 
Little miss sunshine : เราต่างมีความขี้แพ้ในตัว



จริงๆแล้ว เสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมาผมเพิ่งได้มีอิสรภาพครั้งแรก ผมได้ออกเดินไปหาดใหญ่ร่วมกับรถ ผ.อ
มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้ก้าวออกจากรั้ว รพ. เป้าหมายหลักในการไปหาดใหญ่ครั้งนี้ ผมตั้งใจจะไปพบปะเพื่อนๆ
ชาวพัทลุง และ ตั้งใจจะไปดูหนังครับ
แรกสุดผมอยากดูเรื่อง “พลอย” ครับ จริงๆผมก็ไม่ได้ชอบหนังพี่เป็นเอกเขาแบบสุดๆซักเท่าไหร่นัก ( อีกทั้งที่เคยดูไปก็ใช่ว่าจะเข้าใจ ) แต่บางทีการที่มีแต่หนังฮอลีวู้ดให้ดูเพียงอย่างเดียว มันก็ทำให้เราเบื่อๆได้เหมือนกัน
ผลงานเรื่องสุดท้ายของพี่เขาที่ผมได้ดูคือ “ Invisible wave “ ผมมีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ กับเพื่อนเกลอสองท่าน ผมจำบทสนทนาหลังการดูหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

ผม “ เห้ย มึงว่า ฉากนั้นแม่งสื่อถึงอะไรว่ะ “
เพื่อน 1 “ ......................... “
เพื่อน 2 “ ....................... “
ผม “ ...................... “

ผม “ แล้วฉากนั้นหละ ? “
เพื่อน 1 “ ......................... “
เพื่อน 2 “ ....................... “
ผม “ ...................... “

เพื่อน 1“ มึงว่าเราฝืนกันไหมว่ะ “
เพื่อน 2“ ....................... “
ผม “ ...................... “


จากนั้นเราพากัน เข้าไปกินแมคโดนัล วางแผนว่าเรื่องหน้าเราควรไปดูเรื่อง “รักจัง” กันดีไหม


หลังจากห่างหายจากหนังเป็นเอกไป นานพอประมาณผมก็ว่าอาจถึงเวลาที่ผมต้องไปชมงานพี่เขาซะหน่อย
เมื่อถึงหาดใหญ่ ผมมุ่งหน้าสู่โรงหนังโดยเร็ว ผมถามหา “ พลอย “ คำตอบที่ได้รับคือ
“ ออกไปตั้งนานแล้ว มาแค่เจ็ดวันเท่านั้น “ ( ว้าว ทำลายทุกสถิติ ) ผมจึงตั้งเป้าหมายใหม่ ในเมื่อไม่มีหนังนอกกระแส ผมจะดื่มด่ำกับ ฮอลีวู้ดอย่างเต็มที่ผมตั้งใจจะดูพี่ บลูซ หรือไม่ก็ หุ่นยนต์แปลงร่างของพี่เบย์ ผมเข้าไปถาม และ บทสนทนาแบบเดิมๆ ก็กลับมา

ผม “ พี่ครับ มี die hard 4 กับ transformers รอบไหนบ้างครับ “
พี่พนักงาน “ ไม่มีค่ะ มีแต่ ปลุกอึด กับ หุ่นผู้พิทักษ์..... “
ผม “ ............. “
พี่พนักงาน “ แต่ transformer มีพรุ่งนี้ค่ะ หนึ่งรอบตอนหกโมง “

สรุปว่าในวันเสาร์ผมยังไม่ได้ดูหนังใดๆ แต่วันอาทิตย์ผมก็ได้ดู transformers อย่างสมใจครับ
ตอนแรกผมอยากมาชวนคุยเรื่องหนังเรื่องนี้ครับ
หนังเรื่องนี้มัน ช่างมันเหลือเกินครับ แถมจังหวะการปล่อยมุขก็ร้ายกาจ พี่เบย์แกทำหนังแบบใส่เอฟเฟก แบบไม่กลัวงบประเทศชำรุดเลยทีเดียว




แต่ เมื่อกลับมาวันนี้ ผมได้ดูหนังเรื่องนี้ครับ little miss sunshine หนังเรื่องนี้ผมเห็นมันวางอยู่ในร้านเช่า วีดีโอ หลายครั้งแล้ว อีกทั้งหลายๆคนก็บอกว่าดี แต่บางทีผมมักรู้สึกกลัวหนังประเภทนี้เสมอ กลัวว่าการดูหนังมันต้องใช้พลัง ต้องมีการเตรียมตัว ฟิตร่างกายและจิตใจ มาก่อน แต่เมื่อวานนี้ ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณ อดิสัน บอกผมว่าพึ่งดูหนังเรื่อง นี้ “เจ๋งมาก “ เป็นคำตอบสั้นจากหนุ่ม playboy อารมณ์ดีคนนี้ เป็นเหตุให้ผมรอช้าไม่ได้ครับ ( การบอกต่อนี่ช่างมีพลังในการโฆษณา จริงๆ ไม่แปลกที่หนังสือการ์ตูน “ พี่คับ ” ถึงขึ้นหิ้งคลาสสิก และทำให้เฮียหง่าดังชั่วข้ามคืน )

หนังเรื่องนี้ว่าด้วยเรื่องของครอบครัว “ ฮูเวอร์ “ ที่ประกอบด้วย
ริชาร์ด -พ่อ ผู้เป็นคนคิดทฤษฎี “ บันได 9 ขั้นสู่ความสำเร็จ “ แต่ตัวเองนั้นไม่สำเร็จเอาซะเลย ไม่มีเงิน ตั้งใจจะพิมพ์ขายแต่
ไม่มีใครยอมพิมพ์ให้
เดวน-ลูกชาย ที่ได้อ่านงานของ *Nietzsche และตัดสินใจจะไม่พูดจนกว่าจะได้เป็น ทหารอากาศ ในเรื่องเขาไม่พูดมาเก้าเดือนแล้ว
โอลีฟ-ลูกสาว เด็กที่อยากเป็นนางงาม ทั้งๆทีดูจากลุคแล้วไม่น่าไปได้
เอ็ดวิน-ลุง คนแก่ที่ติดยาเฮโรอีน
เชอริล- แม่ แม่บ้านติดบุหรี่ ( chain smoker ) ที่ต้องรับผิดชอบทุกอย่างในครอบครัว
อาแฟรง-เป็นน้องชายของแม่ ผู้ซึ่งพึ่งพยายามฆ่าตัวตาย เนื่องจากเสียคู่เกย์ และ พลาดตำแหน่งนักวิจัยยอดเยี่ยม




พูดง่ายๆคือแหล่งรวมตัว คนขี้แพ้อย่างแท้จริง
แต่แล้ววันหนึ่ง หลังจาก มีโทรศัพท์มาว่า ลูกสาว ได้รับคัดเลือกประกวด little miss sunshine ( เหมือนประกวดนางงามเด็ก ) ปัญหาคือ เมืองที่ประกวดนี่อยู่ห่างจากบ้านแสนไกล ทำให้ทุกคนในบ้านต้องร่วมเดินทางด้วยกันใน รถเต่าสีเหลือง

เมื่อมีการเดินทางร่วมกัน ก็ต้องมีการเรียนรู้ซึ่งกันและกันตามมา
อาจเหมือนกับประโยคที่ได้ยินบ่อยๆว่า “ ระหว่างทาง อาจสำคัญกว่า จุดหมาย “




เรื่องราวระหว่างทางผมคงไม่ขอเปิดเผยให้เสียอรรถรส ( ผมขอเชียร์ทุกท่านให้ไปดูกัน )


แรกเริ่มที่ผมเริ่มดูหนังเรื่องนี้ พอมีการแนะนำตัวครบปุ้บ ผมก็รู้สึกขึ้นมาในใจว่า “ ครอบครัว เห้ อะไรครับเนี่ย “
แต่ถ้ามาดูดีๆแล้ว ผมกลับรู้สึกว่าแท้จริงมันจำลองความขี้แพ้ หรือ ปัญหาในหลายๆแง่มุม

“พ่อ “ ซึ่งเป็นตัวละครที่ผมว่ามันมีมิติที่สุดครับ เป็นคนที่พูดเรื่องวิธีการเป็นคนที่สำเร็จ แต่ตัวเองกลับทำไม่ได้อย่างที่พูดหรือพูดอีกอย่างคือ เป็นคน”ดีแต่ปาก”นั่นเอง เป็นตัวละครที่ดูน่าหมั่นไส้ที่สุดในช่วงแรกของเรื่อง แต่ผมว่า ความเป็นพ่อในเรื่องนี้กลับมีอยู่ในสังคมเรามากที่สุดเลย นึกว่าตัวเองเก่ง แนะนำคนอื่นได้เป็นฉากๆแต่ตัวเองพังไม่เป็นท่า กลุ่มคนเหล่านี้เห็นได้ในทีวีบ่อยๆ

“แม่ “ อาจเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุด เธอเหมือนกระโถนของครอบครัวนี้ คอยรับทุกๆอย่าง เป็นตัวละครที่มีแง่บวกมากที่สุดในเรื่อง และผมว่าในชีวิตจริงๆ แม่ๆพวกเราก็รับบทประมาณนี้ ( อาจไม่แย่เท่า เพราะอย่างน้อย คุณยังพูดนิ )

“ อาแฟรง “ สับสนผิดเพศ ผิดหวังกับความสำเร็จ และตัดสินใจฆ่าตัวตาย ส่วนใหญ่แล้วคนที่ฆ่าตัวเอง ประเด็นหลักๆคือ ไม่เห็นคุณค่าในตัวเองนั่นเอง การผิดเพศนั้นจริงๆแล้วไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย มันอาจอยู่ในยีน อาจเกิดจากสภาพแวดล้อม
หรือ อะไรก็แล้วแต่ที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ตอนนี้ แต่ปัญหาคือ เราจัดการกับมันได้อย่างไร

“ โอลีฟ “ เธอเป็นความสดใสของเรื่อง แต่บางทีสะท้อนให้เห็นถึงแง่มุมว่า เราเชิดชู หลงใหลไปกับ “เปลือก”กันมากไปรึเปล่า

“เดวน-ลูกชาย “ เก็บกดไม่พูด เกลียดทุกคนบนโลก บางครั้งการที่เราไม่พูดกันก็ทำให้เรื่องง่ายเป็นเรื่องยาก

“ ลุง “ ติดยา เบื่อกับชีวิต แต่ก็ไม่ได้พยายามทำอะไรให้มันดีขึ้น





บางทีเราอาจมีส่วนใดส่วนหนึ่งเหมือนตัวละครเหล่านี้

ผมนึกถึงบทความที่คุณ โหน่ง วงทนง ( ผู้ก่อตั้ง a day ) ที่เขาเล่าว่า เมื่อเขามีโอกาสไปเป็นอาจารย์สอนเด็กๆ
เขาให้เด็กเขียนปมด้อย ตัวเอง แล้วใส่กระดาษมา พอหมดเวลา เขาก็เอามาอ่านปมด้อยของแต่ละคนให้ฟัง
เล่นเอาสนุกสนานกันทั้งห้อง โดยที่บทเรียนวันนั้นที่เขาให้กับเด็กๆ คือ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์ไม่มีปัญหาหรอก


ต่อมาอีกนิด ใกล้ตัวอีกหน่อย ผมนึกถึงเหตุการณ์ตอนผมผ่านแผนกจิตเวช ได้มีการทำแบบทดสอบทางจิตเวช
ว่าเรามีความผิดปกติทางจิตรึเปล่าซี่ง มีหลายๆกลุ่มโรคที่น่าสนใจครับ
- Depressive disorder ซึมเศร้าคิดว่าไม่มีค่าในตนเอง เบื่อชีวิต ไม่อยากเข้าสังคม และมักนำไปสู่การฆ่าตัวตาย
- Anxiety disorder มีความกังวล เครียดไปทุกเรื่อง กลัวทุกอย่าง
- Schizophrenia อันนี้เป็นจิตเภทครับ เหมือนคุณหมอประกิตเผ่า หรือ คุณพี่ จอห์น แนชเป็น
- Phobia พวกกลัวอะไรที่คนส่วนใหญ่ไม่กลัวกัน เช่น กลัวแมงมุม กลัวเงาะ กลัวที่แคบ พวกนี้เห็นได้ตามเกมส์โชว์ทั่วไป
- OCD ( obcessive compulsive disorder ) พวกย้ำคิดย้ำทำ รักความสะอาด-ล้างมืออยู่นั่น
อันนี้เป็นโรคที่ โฮเวิดจ์ ฮิวด์ เป็นในเรื่อง Aviator
- Mania พวกอารมณ์ดีเกินเหตุ มั่นใจในตัวเองเกิน ชอบใช้เงินซื้อของอย่างไม่มีเหตุผล อันนี้หลายคนคงเป็น

ฯลฯ

ซึ่งผลที่ออกมายิ่งน่าสนใจครับ คือผลปรากฏว่าทุกคนในกลุ่มมีการโน้มเอียงที่จะผิดปกติ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง บางคนอาจหลายทาง แต่ที่ เรายังไม่จัดเป็นโรค เพราะเรายังรักษาสมดุลได้ครับ ก็คงเหมือนตัวอย่างแรก มันทำให้คิดได้ว่า ไม่มีใครสมบูรณ์แบบหรอก
“Nobody perfect “ประโยคเท่ๆที่ไว้พูดให้กำลังใจ (ส่วนใหญ่มักใช้ในเทศกาลแห่งความผิดหวัง)


บางทีทุกคนก็ล้วนมีปมด้อย มีข้อเสีย มีความขี้แพ้ในตัวเอง


แต่อย่างที่คุณลุงเอ็ดวิน บอกกับโอลีฟในเรื่องว่า



“ คนขี้แพ้ที่แท้จริง คือคนที่กลัวไม่ชนะ ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่ได้พยายามทำอะไร “


< A real loser is someone who's so afraid of not winning he doesn't even try >





หวังว่าเพื่อนๆทุกคนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ


ด้วยรักและเคารพ

:->m’26









*Nietzsche เป็นนักปรัชญาในยุค post modern
ป.ล ผมไม่เคยอ่านงานพี่เขา





Create Date : 04 กรกฎาคม 2550
Last Update : 7 กรกฎาคม 2550 12:26:16 น. 15 comments
Counter : 1392 Pageviews.  
 
 
 
 
ไม่เคยดูเลยค่ะ อ้อมไม่ค่อยชอบดูภาพยนต์เม่าไหร่

ขอบคุณนะคะที่เข้าไปอ่านจนจบ
 
 

โดย: verdancy วันที่: 4 กรกฎาคม 2550 เวลา:19:21:00 น.  

 
 
 
ขอบคุณคับ สำหรับการบอกเล่าสิ่งที่คุณหมอได้รับจากหนัง เป็นประโยชน์มากทีเดียวที่ได้เรียนรู้เเง่คิดต่างๆโดยที่ไม่ต้องดูเอง ถึงผมดูเองก็คงอาจจะไม่ได้มองเหมือนคุณหมอเเน่ๆ ผมคงได้เเค่ความบันเทิงเท่านั้น

ดีคับ การที่ได้เเชร์มุมมองต่างๆ ซึ่งมาจากคนละประสพการณ์ + สายงาน
 
 

โดย: CM_Guy IP: 61.7.146.73 วันที่: 5 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:12:32 น.  

 
 
 
เพิ่งได้ดูเรื่องนี้เหมือนกันค่ะ เราว่ามันสะท้อนสังคมวิ่งสู้ฟัดของอเมริกา (และของไทยในบางแง่) ได้ดีมากเลยอะ ดูแล้วคิดอะไรได้หลายอย่างเลย

แต่ที่แน่ ๆ ขอแนะนำให้ลองอ่านงาน "พี่ Nietzsche" เค้าดูสิคะ (เรียกซะหนิดหนมเชียว) พี่เค้าคิดได้บ้ามากเลย... แล้วสุดท้ายพี่เค้าก็เป็นบ้าไปจริง ๆ ด้วยค่ะ รู้สึกจะเป็น schizophrenia นะ แต่ไหง๋เราอ่านแล้ว depressed จิ๊บเป๋ง... สงสัยเพราะอ่านไม่รู้เรื่อง และกลัวอ.จะเอามาออกข้อสอบอ่า
 
 

โดย: ผ้าถุง วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:6:10:49 น.  

 
 
 
เคยดูแล้วค่ะ ชอบเหมือนกัน ไม่รู้ว่าคิดได้ไง ที่ให้เข็นรถแล้ววิ่งขึ้นที่ละคนอ่ะคะ เคยเห็นแต่มอไซค์ที่ใช้วิธีนี้ ก็เลยขำดี

ชอบฉากที่ลูกชายเค้ารู้ว่าตัวเองตาบอดสีอ่ะคะ รู้สึกว่าเค้าเล่นดี
 
 

โดย: picnic244 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:31:02 น.  

 
 
 
ชอบมากครับ เรื่องนี้
เอาไปให้ใครต่อใครดูไปทั่วเลย

เป็นการรวม Loser แต่สรุปแล้วได้ Winner ครับ

ลองอ่านที่นี่นะครับ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=amp-atom&month=03-2007&date=26&group=2&gblog=36
 
 

โดย: คนขับช้า วันที่: 7 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:47:22 น.  

 
 
 
miss sunshine อยากดูมากครับ คิดว่าจะได้ดูเร็วๆ นี้
( เพราะฉะนั้นข้อความครึ่งหลังในบหน้านี้ผมจึงไม่ได้อ่านทั้งหมด ไว้ถ้าได้ดูแล้วจะมาอ่านอีกทีครับ )

invisible wave ผมเกลียดมาก อะไรจะทำหนังได้เอาแต่ใจตัวเองและน่าเบื่อขนาดนั้น
( แต่ last life in the universe เป็นหนังในดวงใจที่ผมชอบมากๆ )

สำหรับเรื่องพลอยไม่ยากและน่าเบื่อเท่าไหร่ครับ
ผมว่าเขาพัฒนาไปอีกขั้นตรงที่เปิดโอกาสให้คนดูได้ตีความอย่างสนุกสนาน
สิบคนอาจตีความได้ไม่ตรงกัน
แต่ได้รับสิ่งที่หนังต้องการจะบอกเหมือนกันครับ

tranformers เพิ่งดูเมื่อวันอาทิตย์
แทบจะลุกออกจากโรงเพราะรำคาญเสียงดังมากๆ

 
 

โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 10 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:57:55 น.  

 
 
 
อยากดูพลอยมากครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 11 กรกฎาคม 2550 เวลา:16:24:18 น.  

 
 
 
ตั้งแต่ย้ายประเทศมาไม่เคยไปดูหนังเลยค่ะ

เข้ามาอ่านในบล็อคนี้ก็รุ้สึกเหมือนได้ดูหนังเองเหมือนกัน

ขอบคุณนะคะ

ปล. อยู่ รพ แถวนั้น ...ดูแลตัวเองดีๆนะคะ ...
 
 

โดย: Abijan วันที่: 13 กรกฎาคม 2550 เวลา:8:41:19 น.  

 
 
 
I like it yah yah
 
 

โดย: drunkcat วันที่: 14 กรกฎาคม 2550 เวลา:13:49:41 น.  

 
 
 
ชอบเรื่องนี้ หนังรวมพลคนขี้แพ้แต่ดูสดใสเป็นบ้าเลย : )

ล.ป. ลุงคนนั้น น่าจะเป็นปู่มากกว่านะ
แล้วก็...น้องของแม่ เรียกแบบไทยๆ ว่าน้าค่ะ
 
 

โดย: jimkong วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:00:27 น.  

 
 
 
ความจริงที่สุดของผมก็คือ

เด็กๆผมไม่เก่งภาษาไทยครับ

 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่แตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:0:04:49 น.  

 
 
 
ชอบหนังเรื่องนี้มากเลยค่ะ
 
 

โดย: ไ อ ฝ น IP: 58.64.55.50 วันที่: 21 กรกฎาคม 2550 เวลา:21:58:25 น.  

 
 
 
+ ก่อนอื่นต้องขอเปิดเผยตรงนี้ไว้ก่อนเลยว่า ผมอ่านอาการผิดเพี้ยนทางจิตประเภทต่างๆ ที่คุณหมอเขียนมา (เก่งนะครับ จำได้หมดเยย) แล้ว ผมคิดว่าผมคงเป็นโรค OCD อย่างอ่อนๆ อ่ะครับ (มีทั้งวิ่งไปบิดลูกบิดใหม่ ทั้งๆ ที่ล็อกไปแล้ว ... ส่วนเรื่องอนามัยจัดนี่เพิ่งมาเป็นช่วงหลัง หลังจากอ่านหนังสือเกี่ยวกับสุขภาพไปเยอะๆ อ่ะครับ ) ... เด๋วเร็วๆ นี้ผมว่าจะเขียนบล็อกใหม่ หัวข้อเกี่ยวกับ นิสัยแปลกๆ ของตัวผมเอง คงเอาเรื่องนี้เป็น 1 ในหัวข้อด้วยอ่ะครับ เหอๆๆ

+ เป็นหนัง "รวมพลคนขี้แพ้" ที่ดูแล้วรู้สึกดี สดใสได้ใจมั่กๆ ครับ ตัวละครแต่ละตัวมีเรื่องราวและโมเม้นต์ของตัวเอง มีหลายๆ ช่วงตามรายทางเลยที่ผมชอบ (แต่ที่สุดเซอไพรซ์ก็ต้องยกให้ฉากเต้นไคลแม็กซ์บนเวทีอ่ะแหละครับ ... ช่างกล้า 555) ... อย่างเช่นตอนที่ ดเวนรู้ว่าตัวเองตาบอดสี แล้วใครก็ปลอบไม่สำเร็จ พอโอลีฟเดินเข้าไปหาเท่านั้นแหละ .......... หรือตอนที่ 2 อาหลานมายืนปรับความเข้าใจกันริมทะเล (รูปรองสุดท้ายในหน้านี้ของคุณหมอ) ... ดาราทุกคนก็เล่นดีมีฝีมือแบบไม่มีใครขโมยซีนใคร (เสียแต่ปู่อลัน อาร์กิ้น ออกมาน้อยไปนิดนึง ดันได้ออสการ์เฉยเลย ... ล่าสุดผมเพิ่งดู Little children ไป อยากมอบรางวัลให้ แจ๊คกี้ เอิร์ล ฮาร์ลีย์ ผู้เข้าชิงอีกคนจากเรื่องที่ว่านี่มากกว่าอ่ะครับ)
+ ที่คนอเมริกันคลั่งไคล้หนังเรื่องนี้กัน ส่วนนึงน่าจะเป็นเพราะหนังทำลาย "ขนบ American dream" ที่เน้นการเป็นผู้ชนะ ผู้ประสบความสำเร็จด้วยมั้งครับ ... จริงๆ แล้ว ถึงจะแพ้บนเวที แต่ชนะใจผู้ชม (รวมทั้งเกิดความสมานฉันท์ในครอบครัว) ก็ถือว่าครอบครัวนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการเดินทางครั้งนี้แล้วอ่ะครับ
+ ตอนดู ผมดูรอบตัวอย่างที่ Catalyst จัดฉายเป็นแซมเปิล เค้าเลยเปิด Alternative endings 3-4 แบบที่มีอยู่ให้ดูด้วยอ่ะครับ ... แต่ละแบบ ฮากระจายเลยอ่า
 
 

โดย: บลูยอชท์ วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:14:05:42 น.  

 
 
 
เพิ่งได้เข้ามาอ่านฮับ

เด๋วไปหามาดู

น่าสนใจ กับบทละคร ที่เค้าวาง โครงเรื่องไว้คับ
 
 

โดย: tor IP: 118.173.153.230 วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:0:14:12 น.  

 
 
 
แผ่นนี้ ผมมี แต่พี่คิงค์ยึดไปดองไว้นานแล้วครับ
 
 

โดย: เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน (kanapo ) วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:0:36:38 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

kanapo
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้ชายที่ไม่เตะบอลตอนกลางวัน

@boydontkick
[Add kanapo's blog to your web]

MY VIP Friend

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com