*** พื้นที่ส่วนตัวของ พันตำรวจเอก ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ รองผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี นี้ จัดทำขึ้นเพื่อยืนหยัดในหลักการที่ว่า คนเรานั้นจะมีความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ได้ ก็ต่อเมื่อมีเสรีภาพในการแสดงความคิดโดยบริบูรณ์ และความเชื่อที่ว่าคนเราเกิดมาเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ไม่มีอำนาจใดจะพรากความเป็นมนุษย์ไปจากเราได้ ไม่ว่่าด้วยวิธีการใด ๆ และอำนาจผู้ใด ***
*** We hold these truths to be self-evident, that all men are created equal, that they are endowed by their Creator with certain unalienable rights, that among these are life, liberty and the pursuit of happiness. That to secure these rights, governments are instituted among men, deriving their just powers from the consent of the governed. That whenever any form of government becomes destructive to these ends, it is the right of the people to alter or to abolish it, and to institute new government, laying its foundation on such principles and organizing its powers in such form, as to them shall seem most likely to effect their safety and happiness. [Adopted in Congress 4 July 1776] ***
Group Blog
 
All Blogs
 
... บนความว่างเปล่า ....

ช่วงนี้ ไปฟังบรรยายพิเศษ ที่ University of Illinois College of Law ของผม จัดบ่อย ๆ ซึ่งที่ผ่านมา ได้เชิญ บุคคลสำคัญ ๆ และนักวิชาการหลายหลากมาอภิปรายแลกเปลี่ยนความเห็นกับคณาจารย์ และ นักเรียนใน College of Law ของผม




การจัดบรรยายพิเศษในลักษณะนี้ น่าสนับสนุนยิ่งนัก เพราะทำให้ คณาจารย์ และ นักเรียน ได้มีโอกาสฟังแนวคิดใหม่ ๆ ของนักวิชาการ นักการเมือง นักการทูต ฯลฯ จำนวนมาก ซึ่งจะต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ในการเชิญบุคคลดังกล่าวมาถึง Campus บ้านนอก อย่าง UIUC

โชคดี ที่ College of Law มีศิษย์เก่า สนับสนุนหลายท่าน โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการบรรยายพิเศษนี้ ศิษย์เก่า ที่มีนามว่า Carl Vacketta ( J.D. 65) ซึ่งเป็นเจ้าของ สำนักกฎหมาย DLA Piper ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ได้สนับสนุนเงินทุน ในการจัดการบรรยายพิเศษในปีที่ผ่านมา ท่านได้กล่าวอย่างน่าชื่นชมว่า "ท่านเป็นหนี้ มหาวิทยาลัย และ โรงเรียนกฎหมายแห่ง อิลลินอยส์ เมื่อ ๔๐ กว่าปีที่ผ่านมา ท่านสำเร็จการศึกษาที่นี่ ด้วยค่าเทอม เพียง ๑๙๖ เหรียญสหรัฐ ท่านมีทุกอย่างนี้ได้ เพราะสถาบันแห่งนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงเห็นควรจะต้องตอบแทนให้แก่สถาบัน"


ในปีที่ผ่านมา มีการบรรยายพิเศษไปแล้ว หลายครั้ง เช่น U.S. Supreme Court Justice John Paul Stevens; อดีต ผู้นำเสียงข้างมากในรัฐสภาสหรัฐฯ Dick Armey; นายพล Joseph W. Ralston อดีตหัวหน้าฝ่าย NATO Supreme Allied Commander Europe; อดีตผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ Senator George Mitchell; รวมถึง อดีต สส. และ ผู้ว่าการรัฐฯ Michigan, และ เอกอัครทูตสหรัฐฯ ประจำแคนนาดา Jim Blanchard เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๐๐๗ ที่ผ่านมา ผมได้เข้าฟังการแสดงสุนทรพจน์ ของ U.S. Ambassador Marc Grossman ที่มาพูดเรื่อง "American Diplomacy in the 21st Century" (คลิ๊ก) ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เนื่องจากทำให้ทราบถึงทิศทางและบทบาทของประเทศสหรัฐ ที่มีต่อโลก ในยุคปัจจุบันและอนาคต

ท่าน Marc Grossman กล่าวอย่างน่าประทับใจว่า ท่านในฐานะนักการทูต และ เรา ๆ ท่าน ๆ ในฐานะนักกฎหมายนั้น มีแนวคิดอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ

"Both Lawyer and Diplomat need the systematic analysis."


หากจะกล่าวสรุป และอรรถาธิบาย ก็จะได้ความว่า ทั้งสองอาชีพ (และทุก ๆ อาชีพนั่นแหละ ในความเห็นผม) ต้องการแนวคิดการวิเคราะห์ที่ เป็นระบบ และ ท่านกล่าวเสริมต่อไปว่า

"The Rule of Law is the foundamental concept of the pluralism and prosperity."


กล่าวคือ หลักการแห่งหลักนิติรัฐ หรือ หลักการปกครองโดยยึดหลักกฎหมาย นั้น เป็นพื้นฐานแห่งหลักการพหุนิยม อันเป็นพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตย และ เป็นเครื่องประกัน ความมั่งคงมั่งคั่งของประชาชนในรัฐ (ซึ่งหลัก นิติรัฐ ในประเทศไทย ได้ถูกทำลายไปหมดสิ้นมานานแล้ว ... และถูกทำลายโดยนักกฎหมายใหญ่ ๆ ของไทยทั้งนั้น )

ท่านว่า ในศตวรรษนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ จะมุ่งให้ความสำคัญ ในนโยบายหลายประการ เช่น การคุ้มครองสิทธิมนุษย์ การส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การต่อสู้กับการก่อการร้าย และ นโยบายที่สำคัญที่สุด คือ การปกป้องโลก จากปัญหาโลกร้อน ด้วยการมุ่งเน้นการวิจัย ในการหาพลังงานทดแทนน้ำมัน และ รักสงวนรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งนับว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะ หากศึกษาให้ดีจะพบว่า สหรัฐฯ อเมริกา นี้เองที่ ไม่ได้เข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกในหลายๆ สนธิสัญญาระหว่างประเทศที่เกี่ยวกับปัญหาโลกร้อน หากอเมริกา เริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ ก็น่าจะมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาและมีการศึกษาวิจัยที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จริงจังในอนาคตอันใกล้ต่อไป




เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมด ไม่ได้เกี่ยวกับเนื้อหาของเรื่อง "บนความว่างเปล่า" หรอกนะครับ เรื่องที่ผมจะเขียนจริง ๆ คือ ช่วงนี้ ผมทำงานร้านอาหาร Thai Basil ด้วย เพราะมีหลายสาเหตุนะครับ โดยประการที่สำคัญที่สุดของผม ก็คือ ขี้เกียจทำอาหาร เลยไปสิงตัวที่ร้านบางวัน ทำงาน ได้เงินเล็กน้อย และ ได้อาหารกลับบ้าน เพราะ พี่เจี๊ยบ กับ พี่เบส คู่สามีภรรยา ท่านไม่หวงห้ามเรื่องกิน ... เพราะท่านว่า คนเราจะกินอะไรกันได้นักหนา กินเท่าไหร่ ก็คงไม่ทำให้ร้านล่มจมเป็นแน่ เพราะฉะนั้น อยากกินอะไรก็กินไป เอิ๊ก เอิ๊ก อิ่มสบายท้องครับ

ช่วงที่ทำงาน ก็พบเจอคนหลายหลาก ได้เพื่อนเยอะ ได้เห็นธาตุแท้และลักษณะนิสัย (สันดาน) ของคนเยอะเหมือนกัน ท่านแรก คือ Professor Anthony J. Leggett ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ ที่ได้รับรางวัล Nobel Prize สาขา Physics ในปี ๒๐๐๓ (โปรดคลิ๊กเพื่อดูประวัติ ผลงาน และรายงานงานวิจัย) ท่านนี้ มีความสุภาพ อ่อนน้อมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้แสดงตนว่า ได้รับรางวัลยกย่องระดับโลก อะไรเลยแม้แต่น้อย กินข้าวเสร็จ ก็เก็บจาน กวาดเศษอาหารลงถังขยะให้เรียบร้อย ก่อนจะเอาถาดและจานมาวางเรียงซ้อนในที่จัดไว้สำหรับลูกค้า ซึ่งเป็นแบบกึ่งบริการตนเอง

ระหว่างทำงานได้เจอกับคนไทย นักเรียนไทย ฯลฯ หลายคน เรื่องหลายเรื่อง ก็เกิดขึ้น ในช่วง Summer ที่ผ่านมา ได้เจอพ่อแม่ ของเด็กใหม่หลายคน มาลูกมาดูมหาวิทยาลัย UIUC ผมและพนักงานร้านอาหาร ก็ทักทายอย่างสุภาพอ่อนโยน โดยไม่ได้บอกว่า ตัวเองก็เป็น นักศึกษาในระดับปริญญาเอก ฯลฯ สิ่งที่ได้รับ คือ เขาส่งสายตา มองจากหัวจรดตีน ฯลฯ เอ่อ งง ไปเลยซิครับ แล้วก็คิดไป กูไม่น่าไปทะลึ่งทักเขาเลย .... จนแล้วไม่เจียม ... อะไรทำนองนั้น

ในช่วงนั้น ได้เจออีกคนอีกกลุ่มหนึ่ง มาดูงานที่มหาวิทยาลัยผม อาการดีใจ ที่เจอคนไทยด้วยกันของผมเริ่มน้อยลงไปเรื่อย ๆ หลังจากเจอเหตุการณ์ไม่ค่อยดีหลายครั้ง แต่คราวนี้ ก็ลองเสี่ยง จึงทักทาย สวัสดี ฯลฯ คุยไปคุยมา กลุ่มนี้ เป็นครูบาอาจารย์ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นอธิการบดี เลยทีเดียว แต่เธอ พูดจาสุภาพ น่ารักมาก ไม่ได้อวดอ้างถือตัวอะไร

เมื่อสองสามวันก่อน มีรุ่นน้องมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่มาแลกเปลี่ยนที่มหาวิทยาลัยผม ได้มากินอาหารที่ร้าน จึงได้ถามสารทุกข์สุขดิบกันไป ซึ่งน้องคนนี้ ก็น่ารักมาก อย่างทุกครั้ง เคารพ นอบโน้ม ฯลฯ ตามแบบฉบับนิสัยคนไทย ที่มีเรื่องของอายุ มากน้อย เข้ามาเกี่ยว ผมจึงถามเธอว่า ชอบเมืองบ้านนอกอย่าง UIUC หรือยัง

เธอตอบว่า "ชอบเมือง แต่ไม่ชอบนิสัยฝรั่ง เพราะเห็นแก่ตัว" ผมจึงได้เล่าว่า ที่จริง ไอ้นิสัยที่น่ารังเกียจยิ่งกว่า ก็มาจากคนไทยด้วยกันเยอะเหมือนกัน โดยเฉพาะนิสัยเหยียดหยาม เย่อยิ่ง เห็นคนอื่นต่ำกว่า มีเกียรติยศน้อยกว่า เพราะเรื่องหน้าที่ที่แตกต่างกันมาก นี่ไม่น้อย โดยเฉพาะนักเรียนที่ได้มาชุบตัวในเมืองนอก หรือ ใน UIUC นี่แหละ อย่าไปว่า แต่ฝรั่งมังค่ามันเลย ....

มีน้องใหม่ ๆ หลายคน ไม่ทราบว่า ผมเป็น นร. ที่ UIUC เช่นเดียวกับเขา เห็นผมทำงานร้านอาหาร ก็คงคิดว่า เป็นพวก กุลี จับกัง โดดหนีวีซ่า แอบทำงาน ฯลฯ จึงได้แสดงท่าทางหยิ่งยะโส ใช้ได้เลยทีเดียว ไอ้ผม ก็เสือกสะเออะ ไปถามชีวิต ความเป็นอยู่ ชื่อเสียงเรียงนามและโปรแกรมที่เธอเรียนอยู่ ระหว่างที่เธอมาสั่งอาหาร กับพนักงานรับ order ต่ำ ๆ อย่างผม คำตอบที่ได้ จึงได้สะท้อนในสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจ .... ประมาณว่า แล้วคนต่ำ ๆ อย่างมึง จะมาสะเออะ ถามเรื่องของกูทำไมวะ ....




ผมเลยคิดว่า ทำงานร้านอาหารนี่ มันเห็นนิสัย และธาตุแท้ของคนเยอะเหมือนกันนะครับ มีประโยชน์ใช่น้อย แต่ที่แน่ ๆ มันทำให้ผมแหยง กับการเจอคนไทย และ การทักทายกับคนไทยในสหรัฐฯ ไปเยอะเลย หากบังเอิญ น้องที่ UIUC ผ่านมาเจอ blog นี้ ก็ขอร้องเหอะ อย่าหยิ่งกันเลยนะครับ ..... คนเหมือนกัน ..... เดี๋ยวก็ตายห่าจากกันแล้ว ...... ทำดีต่อกันเถอะครับ พี่น้องครับ ..... ทุกอย่าง ล้วนอยู่บนความว่างเปล่าทั้งนั้นแหละครับ พี่น้องคร๊าบ ....





Create Date : 27 ตุลาคม 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2553 14:43:23 น. 21 comments
Counter : 552 Pageviews.

 
น่าสนใจดีนะครับพี่ ไม่คอมเมนท์เรื่องที่มีอาจารย์มาพูดที่ม. หละกัน เพราะว่าพูดไปแล้วในอีกบลอก เอาเรื่องที่ร้านอาหารแล้วกันนะครับ

พี่จำเรื่องที่ผมอ่านให้ฟังได้ปะครับ ที่วันนั้นอ่านให้พี่กับต้นฟัง แล้วพี่บอกว่า "ไอ้คนเขียนนี่โม้ว่ะ มันเขียนไปอย่างนั้น" แต่ดูเหมือนว่าพี่จะเจอของจริงเข้าให้แล้ว หุหุ ก็ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ครับ

ว่าไปแล้วก็อยากไป Thai Basil อีก หุหุ พี่ๆ อาๆ น้าๆ เค้าน่ารักดี มีน้ำใจ แล้วก็ร้านก็ตกแต่งเรียบๆ สว่างๆ ดีผมชอบ


โดย: เมื่อลมแรง...ใบไม้ก็ร่วง วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:12:38:23 น.  

 
เห็นด้วยกับประเด็นที่ว่า การเจอคนหลากหลาย มันจะเจอนิสัยคนบางอย่างที่เราไม่ได้คาดคิด และไม่ได้เจอในชีวิตจริงมานานแล้ว อาจจะเหมือนนิยาย แต่มาเจอในชีวิตจริง ในประเทศนี้ค่ะ ....


โดย: Second impact วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:12:41:32 น.  

 
แบบนี้ถือว่าโชคดีเหมือนมีครูมาให้ธรรมะ
เคยเจอบ้าง ก็คิดว่าเราจะไม่ทำแบบเค้า

ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย...ให้อภัยน้องๆ เถอะคร๊าบบบ


โดย: woodchippath IP: 74.134.102.218 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:13:07:55 น.  

 
โปรดคลิ๊ก...ทำให้ฉันลืมตัวเลยคะ เลยปาคลิ๊กเข้าไปสองรอบตามคำสั่ง...โปรดคลิ๊ก


คงให้อะไรได้ไม่มากกว่ากับสิ่งที่เราพบเจอด้วยตัวเอง นั่นแหละบทเรียนและประสบการณ์

จงเรีนยรู้และแยกแยะ...ขอบคุณสำหรับการแชร์เรื่องเล่าเสาร์นี้


โดย: เฮอร์มาโฟรไดทัส IP: 202.41.187.247 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:14:57:59 น.  

 
ดีจังเลยค่ะได้ฟังคอนเฟอร์เรนซ์ดีๆ บ่อยๆน่าอิจฉา

ทำงานร้านอาหารแล้วได้อาหารกลับไปทานด้วยเนี่ย สุดยอดค่ะ ที่นี่ไม่ค่อยมีร้านอาหารให้ทำหรอกค่ะ เพราะเค๊าเข้มงวดมากเรื่องนักเรียนทำงาน

จริงๆ เวลาคนไทยเห็นคนไทยในต่างประเทศน่าจะดีใจนะคะ ทำไมถึงมาดูถูกกันได้ เง็ง โดยเฉพาะถ้าเขาทำมาหากินแบบสุจริต ไม่ว่าจะอยู่ในระดับคนงานหรืออะไร (ซึ่งอาจจะไม่ได้เป็น นศ. ป.เอกอย่างคุณ POL_US) ก็น่าจะดีใจและชื่นชมมากกว่า เพราะไม่ทำให้ชื่อเสียงประเทศไทยเสียอย่างอาชีพอื่น แต่วิคเชื่ออยู่เสมอนะคะว่าคนที่เค๊าดีหรืออยู่ในที่สูงจริง เค๊าจะอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่แสดงว่าฉันใหญ่ค่ะ แต่พวกที่อยู่ครึ่งๆ กลางๆ นั่นแหละมักจะโอ้อวดหรือกดคนอื่นเพื่อให้ตัวเองดูดี

อย่างโคลงโลกนิตเนี่ยค่ะ
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
เลื้อยบ่ทำเดโช แช่มช้า
พิษน้อยหยิ่งยโส แมลงป่อง
ชูแต่หางเองอ้า อวดอ้างฤทธี”


มีความสุขในวันหยุดนะคะ


โดย: the Vicky วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:16:04:22 น.  

 
คนไทยไปที่ไหนก็ยังเป็นคนไทยไม่ทิ้งนิสัยเดิม อย่าไปแคร์ค่ะ


โดย: thaigirl21 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:16:58:18 น.  

 
อย่ากระนั้นเลยคะ เดี๋ยวเขาจะหาว่าเข้ามาแย่ง หมู ..กินกันอีก


โดย: ... IP: 202.41.187.247 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:17:11:48 น.  

 
คงจำเหตุการณ์โต๊ะจีนเทศกาลหมูย่างเมืองตรังได้นะคะ

หรือไม่ก้อเทศกาลลิง รุมกินโต๊ะของดีของลพบุรีอะคะ


หากเจ้าที่ไม่ออกมาห้าม ลิงคงกัดกันแย่ ไม่น่าดูเลย เสียภาพพจน์กับชาวต่างชาติหมด


สุดท้ายขอบคุณ มากคะ สำหรับเรื่องราวดีๆของคุณพล




โดย: ...น้องแมวหวงก้าง IP: 202.41.187.247 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:17:32:21 น.  

 
ท่าทางเจ้าของ blog ที่เขียนเรื่องนี้ด้วยน้อยเนื้อน้อยใจน่าดู
ที่โดนสายตาและวาจาไม่ค่อยจะเป็นมิตรจากคนบ้านเดียวกัน

เจอแบบนี้ผมว่าก็ดีนะครับ เรารู้เค้าแต่เค้าไม่รู้เรา
ให้เค้ามารู้ที่หลัง ว่าไผ๋เป็นไผ๋ คงไม่กล้าสู้หน้าท่านแน่





โดย: merf1970 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:17:58:11 น.  

 
เข้ามาอ่านโดยบังเอิญ โอ้โห พระเจ้าจอร์จมันยอดมากเลยครับblogนี่ ท่านเจ้าของblog ท่านเป็นใครกันครับ ทำไมเขียนอะไรไว้เพียบเลย ความรู้+ประสบการณ์ ทำไมผมไม่เคยอ่านเจอมาก่อน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคนครับ กำลังเรียนเนติอยู่ ผมคนบ้านนอก เหมือนกับครับ
ว่าแต่ กพ.คัดเลือกคนไปเรียนได้เจ๋งมากเลยนะครับ ท่านเจ้าของblogนี้ ผมจะตามมาอ่านและเป็นแฟนพันธ์ ด้วยคนนะครับ ขอให้จขบ มีกำลังใจต่อไปทุกๆวันครับ ขอบคุณสำหรับสิ่งดีดีในนี้


โดย: วีระศักดิ์ IP: 125.26.32.250 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:18:04:45 น.  

 
พิมพ์ตกน่ะครับ จะพิมพ์ว่า แฟนพันธ์แท้น่ะครับ
ฝากกลอนให้ท่าน จขบ นะครับ (แถม)
พึงชนะความยากลำบากด้วยอดทน
พึงชนะใจคนด้วยความดี
ผมว่าท่าน จขบ. ทำดีแล้ว ทำดีต่อไปนะครับ


โดย: วีระศักดิ์ IP: 125.26.32.250 วันที่: 27 ตุลาคม 2550 เวลา:18:13:28 น.  

 
ดีจังครับเป็นนักกฎหมาย ผมไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายเลย แต่อยากจะศึกษากฎหมาย
แล้วจะเก็บความรู้นั้นไว้ในบล๊อคด้วย นักกฎหมายมาอ่านอาจจะดูเราเด็กๆ ไปเลย
เรื่องบล๊อค เดือนหน้าก็ตกแล้วครับ ธรรมดามีขึ้นได้ก็ต้องลงได้


โดย: ต่อตระกูล วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:8:39:30 น.  

 
Forgive them....

Value of a person can be justified differently from one person to others.

If someone judges you only from what you're doing or what you look like, this kind of people is a kind that you should be away as far as possible.

That's good for you, in my opinion, that they demonstrate what kind of people they are, so you know how to deal with these people.... You should be thankful for them. :)

It's a piece of cake for you to cope with them if you know, right?


โดย: A.T. IP: 129.82.97.194 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:11:59:01 น.  

 
สาธุเจ้าคะ


โดย: อะไรในกอไฝ่ IP: 58.10.128.206 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:18:04:05 น.  

 
ฟังลูกพี่เล่าเเล้วเศร้าใจเเทนคนไทยด้วยกัน มองคนอื่นเเบบดูถูกเหยียดหยาม เเล้วต่อไปถ้ากลุ่มคนเหล่านี้จบไปทำงาน เเล้ว ได้เป็นเจ้าคนนายคน สงสัย คงดูถูกเหยียดหยามคนอื่นได้จนเมามัน เเค่คิดก็เศร้าเเล้ว

...คนจะยืนหยัดอยู่ยืนยง ไม่หลงมัวเมาเป็นอื่น เอาใหม่เมื่อล้ม สลบเเล้วฟื้น กลับมายืนได้เอง คุณธรรมปักอยู่ ในใจ ไม่ใช่เเค่เป็นคนเก่ง ทำสิ่งที่รู้ เพื่อคนทั้งหลาย ไม่ทำลายเสียเอง จึงอยู่นานๆๆๆๆ...


โดย: Frank Abanel (Frank Abanel ) วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:18:34:35 น.  

 
สงกะสัยว่า จะเป็นดั่งนิยายเรื่อง ดอกฟ้า และ โดมผู้จองหองรึเปล่าครับท่าน ภาคแดนไกล พบกันที่ร้านอาหารไทย...ท่านไปรับorder แล้วส่งสายตาหวานเจี๊ยบ กะน้องเขารึเปล่า แฮ่ๆๆ กะผมมิอยากให้ฟังความข้างเดียว ครับท่านเปา


โดย: 555 IP: 125.26.158.138 วันที่: 28 ตุลาคม 2550 เวลา:21:18:28 น.  

 
เหอ เหอ ร้านผม มันเป็นแบบกึ่งบริการตนเอง ไม่มีการเติมน้ำเติมท่า ฯลฯ รับ Order ที่ ตรงที่จ่ายเงิน จ่ายเงินแล้ว ก็แล้วกันไป มีพนักงานเอาอาหารไปส่งตาม เลขที่เราให้ไป แค่นั้นแหละครับ

เอ่อ ที่เล่ามา ก็เป็นข้อเท็จจริง ที่เกิดขึ้นจริง ในครัว ก็ถามว่า น้องสองคนนี่ ไม่รู้จักพี่เหรอ ..... เอ่อ ก็คงไม่รู้จักเขาคงคิดว่าเราแอบหนีวีซ่ามาทำงานมั๊ง

แต่ผมไม่ได้แคร์อะไรมากหรอก เพียงแต่ว่า อยากจะเล่าว่า ในสังคมที่เรียกมีการศึกษาสูง ๆ บางที ก็มีเรื่องแบบแปลก ๆ เกิดขึ้นได้เยอะ

ปล. ผมไม่อาจจะบังคับให้มาเชื่อได้หรอก เพราะคุณเชื่อหรือไม่ ก็คงไม่ได้ทำให้ผมได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา แต่ผมเชื่อว่า หลายคน คงเคยประสบปัญหาอย่างเดียวกันมาก่อน ลองไม่แนะนำตัวว่าคุณเป็นใครก่อนซิครับ คุณอาจจะได้รับการดูถูก นับแต่การแต่งกาย เป็นต้นไปแล้วละครับ


โดย: POL_US IP: 74.139.220.101 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:1:59:56 น.  

 
สรุปว่าการแนะนำตัวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในสังคมชั้นสูง


โดย: 555 IP: 125.26.34.80 วันที่: 29 ตุลาคม 2550 เวลา:12:46:08 น.  

 
ผมคิดว่า คนเราต้องรู้จักการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ว่า เขาจะทำอะไร มีอาชีพอะไร มีการศึกษาเท่าใด ก็ตาม ล้วนแต่มีเกียรติ และ มีคุณค่าของความเป็นมนุษย์เสมอกัน


โดย: POL_US วันที่: 31 ตุลาคม 2550 เวลา:12:06:21 น.  

 
พี่คะอ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกค่ะ อย่าว่าแต่ที่พี่อยู่ที่ USA เลย ที่ UK ก็จะมีพวกประมาณนี้เหมือนกันค่ะ คิดว่าเราคงได้แต่คิดไว้สักวันว่าพวกเค้าจะมีความรู้สึกเหมือนปุถุชน คนธรรมดากับเค้ากันบ้างค่ะ สาธุ


โดย: may น้อง B'ham IP: 194.83.36.52 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:25:42 น.  

 
พิมพ์แล้วมันบอกมีข้อความไม่เหมาะสมอะครับ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า IP: 61.19.52.106 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:39:59 น.  

POL_US
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 82 คน [?]




คลิ๊ก เพื่อ Update blog พ.ต.อ.ดร. ศิริพล กุศลศิลป์วุฒิ ได้ที่นี่
https://www.jurisprudence.bloggang.com






รู้จักผู้เขียน : About Me.

"เสรีภาพดุจดังอากาศ แม้มองไม่เห็น แต่ก็ขาดไม่ได้ "










University of Illinois

22 Nobel Prize & 19 Pulitzer Prize & More than 80 National Academy of Sciences (NAS) members







***คำขวัญ : พ่อแม่หวังพึ่งพาเจ้า

ครูเล่าหวังเจ้าสร้างชื่อ

ชาติหวังกำลังฝีมือ

เจ้าคือความหวังทั้งมวล



*** ความสุข จะเป็นจริงได้ เมื่อมีการแบ่งปัน :

Happiness is only real when shared!














ANTI-COUP FOREVER: THE END CANNOT JUSTIFY THE MEANS!






Online Users


Locations of visitors to this page
New Comments
Friends' blogs
[Add POL_US's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.