โลกบวม-กันดั้มบ๊อง II


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน โดย วินิทรา นวลละออง


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเล่าให้ฟังเกี่ยวกับการ์ตูนล้อ 'กันดั้ม' ซึ่งลายเส้นเหมือน YAS ราวกับเคาะแบบมา ความฮายังไม่ทันอยู่ตัว สัปดาห์นี้เล่ม 2 ก็คลอดมากระแทกกระเป๋าเงินจนได้ สร้างความงงงวยให้เหล่าสาวกจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกไปตามๆ กันด้วยสนนราคาที่แพงกว่าเล่ม 1 ถึง 3 เท่า!...แล้วทำไมเรายังซื้อเนี่ย...

เล่าย้อนซักนิดไปเมื่อวานซืนค่ะ ศิษย์รักโผล่เข้ามาที่ห้องตรวจหน้าตากระหืดกระหอบ ไอ้เราก็นึกว่ามีผู้ป่วยด่วนมาปรึกษา

'อาจารย์! กันดั้มดับเบิ้ลโอตอนแรกออกมาแล้วครับ!'

...เอ่อ...ใจเย็นๆ น้องพี่ พี่ยังต้องตรวจคนไข้อีกหลายคน

กันดั้มดับเบิ้ลโอ (Gundam OO) ที่ว่าคือภาคล่าสุดของจักรวาลกันดั้มซึ่งโดดเด่นที่ดีไซน์แหกจากกันดั้มรุ่นโบราณอยู่มาก และจากความสำเร็จของ Code Geass ซึ่งให้ CLAMP กลุ่มนักวาดการ์ตูนสาวมาออกแบบตัวละครให้ Gundam OO จึงตัดสินใจให้ 'ยุน โคงะ' นักวาดการ์ตูนแนวแฟนตาซี ซึ่งรับตลาดผู้หญิงมาออกแบบตัวละครให้เช่นกัน แรกสุดเหล่าสาวกซุบซิบนินทากันลั่นว่ากันดั้มดับเบิ้ลโอจะแต๋วแตกหรืออย่างไรจึงเลือกดีไซน์ของยุน โคงะ ปรากฏว่าผลที่ออกมาผิดคาดค่ะเพราะดูดีกว่าที่คิดโขเลย

แต่คอลัมน์วันนี้เราไม่ได้พูดถึงกันดั้มดับเบิ้ลโอเสียหน่อย แต่จะพูดถึงกันดั้มบ๊อง II ซึ่งหลังดูกันดั้มดับเบิ้ลโอเสร็จก็ตรวจข่าวในเว็บบอร์ดพันทิป..อุ๊ย..ออกเล่ม 2 แล้วเหรอเนี่ย

ความประทับใจแรกสุดตอนไปซื้อที่ร้านคือราคา 120 บาทค่ะ!

ความที่เตรียมใจและกระเป๋าสตางค์มาแล้วเลยไม่คิดอะไรมาก แต่คนที่ตกใจจนแทบเสียสติคือ 'คนขาย' ค่ะ เธอดูที่สันหนังสือก่อนแล้วคิดว่า 20 บาท แต่พอมามองหน้าปก เฮ้ย! 120 บาทจริงๆ เหรอ! หันไปถามเพื่อนก็ไม่มีใครรู้ซักคน เลยได้คุยกับคนขายครั้งแรกตั้งแต่อุดหนุนมาค่ะว่า '120 บาทถูกแล้วค่ะพี่ หน้าสีมันเยอะ' พี่คนขายได้แต่ยิ้มแห้งๆ พี่รับมาขายไม่ได้ดูราคาก่อนเลยเหรอคะ!!

ที่มาของ 120 บาท คือ หน้าสีเกินครึ่งเล่มค่ะ และเมื่อคิดว่าทำไมต้องพิมพ์สี พิมพ์ขาวดำไม่ได้รึไง คำตอบคือถ้าไม่ใช่สีจะยิ่งมองไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่เลยค่ะ เนื่องจากช่วงภาพสีเป็นการ์ตูนช่องที่น่าทึ่งมาก โทนี่ ทาเคซากิ ผู้เขียนจับเอาบรรดากันดั้ม (ของจริงและโม (modify) เอง) มาจัดท่าแล้วถ่ายเป็นช็อตก่อนจะเรียงให้เป็นการ์ตูนช่องๆ

เรื่องแรกว่าด้วยเหล่าแซ็คออกปฏิบัติการกลางทะเลทรายร้อนระอุ ทันใดนั้นเอง MS (Mobile Suit ก็คือหุ่นแบบกันดั้มนี่ล่ะค่ะ) สีขาวก็ลอยลงมาจากท้องฟ้า!! พระเจ้า!!...มันตัวอะไรเนี่ย เหล่าแซ็คถึงกับตื่นตะลึงเพราะหน้าตามันเหมือนหุ่นตัวละ 30 บาท ที่ขายหน้าโรงเรียนประถม!! พ่อแซ็คเขียวทั้งหลายเชื่อว่ามันคือกันดั้มแน่นอนเพราะอกมันเขียนอยู่โทนโท่ว่า GUNDAM แต่แล้ว...ตกลงสุดท้ายก็ไม่รู้ว่าตัวอะไร แต่คุ้นๆ ว่าเคยเห็นเป็น bootleg กันดั้มจีนรุ่นปลอมไม่เหมือนสำหรับเด็กประถมล่ะค่ะ

จบแค่ตอนแรก...ขำบ้าบอคอแตกอยู่คนเดียวจนพ่อสารถีที่บ้านหันมามอง

ต่อตอนสองเมื่อ 'ชาร์' ดาวหางแดงผู้ฉลาดปราดเปรื่องที่สุดในเรื่องวางแผนล่อกันดั้มออกมาโดยการเอาวงจรพิเศษเป็นเหยื่อแล้วตั้งกระจาดเตรียมครอบเมื่อกันดั้มเข้ามาเก็บ (คิดได้ยังไง) แต่ไม่น่าเชื่อว่ากันดั้มก็ติดกับจริงๆ! (ขำเป็นรอบที่สิบ) แต่มันช่างเป็น MS ที่แข็งแกร่งเหลือเกินค่ะเพราะแซ็ครุมทั้งฝูงก็ยังเผด็จศึกไม่ได้! พ่อชาร์ขี่เกลกุ๊กเข้ามาดันทาสีแดงติดเขาเร็ว 3 เท่าเบรกไม่อยู่เสียอีก! เป็นอันว่าปฏิบัติการจับกันดั้มก็เหลวอีกครั้ง

จบตอนที่สอง..ขำไปกลิ้งกับพื้นเลยค่ะ

ไม่ไหวล่ะค่ะ เล่าต่อคงหัวเราะจนขาดใจตาย สำหรับแฟนกันดั้มแล้ว การ์ตูนเล่มนี้เล่มเดียวแม้ราคาเท่าการ์ตูนปกติ 4 เล่มก็ถือว่าคุ้มค่ะ ความใฝ่ฝันที่จะได้เห็นเหล่าฮีโร่ในใจแสดงท่าหลุดๆ แบบนี้มีไม่บ่อยนัก

โดยเฉพาะแอ๊คชั่นจากโมเดลกันดั้มของจริง เห็นตัวที่อยู่ในตู้โชว์ที่บ้านทีไรก็ขำทุกทีค่ะ

//www.matichon.co.th/news_detail.php?id=7462&catid=31&catid=8



Create Date : 14 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 16:57:38 น.
Counter : 1776 Pageviews.

0 comment
โลกบวมๆ ของกันดั้มบ๊องๆ


คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน โดย วินิทรา นวลละออง


ตอนที่ไปเดินเล่นในร้าน Borders ร้านหนังสือนำเข้าใหญ่โตที่มีสาขาทั่วโลก (แต่ยังไม่เคยเห็นในไทยค่ะ ตอนนั้นไปเดินที่ออสเตรเลีย) มีหนังสือเล่มหนึ่งน่าสนใจมาก ว่าด้วยตัวการ์ตูนที่ยังประทับใจผู้ชมอยู่จนถึงทุกวันนี้ แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น พระเอกตลอดกาล นางเอกตลอดกาล ตัวร้ายชายหญิงตลอดกาล แต่มีอยู่หมวดหนึ่งที่น่าสนใจมาก 'ตัวเอกที่ไม่ใช่พระเอก' หรือพูดง่ายๆ คือตัวการ์ตูนที่มีความโดดเด่นเหนือกว่าพระเอกแต่ไม่ได้ถูกจัดเป็นพระเอกนั่นเอง (อาจเป็นแค่เพื่อนพระเอกหรือตัวโกง)

หนึ่งในชื่อเหล่านั้นก็มี 'ชาร์ อัสนาเบิ้ล' บุรุษผู้อุดมไปด้วยสติปัญญา ชาติตระกูล รสนิยม หน้าตา ฝีมือ และความเท่ เขาไม่ใช่พระเอกของ Gundam ค่ะ แต่เขาคือตัวละครคนแรกที่โผล่ขึ้นมาเมื่อพูดถึงการ์ตูนแนวโมบิลสูทเรื่องนี้

Gundam the Origin เป็นผลงานการ์ตูนของ YAS นักเขียนการ์ตูนระดับเซียนของญี่ปุ่น ทั้งลายเส้นโดดเด่นและเนื้อเรื่องดราม่าผจญภัยชวนตื่นเต้น YAS จึงจัดอยู่ในกลุ่มแนวหน้าของนักเขียนการ์ตูนผู้ชายอย่างไม่ต้องสงสัย เขาสร้างชาร์ให้มีมิติล้ำลึกเกินกว่าฮีโร่ธรรมดา กลายเป็นคนมีเลือดเนื้อที่ฉลาดหลักแหลมและมีกึ๋นจนคนอ่านรู้สึกว่าผู้ชายบ้าอะไรเท่ชะมัด

โดยส่วนตัวชอบชาร์อย่างแรงเลยค่ะ! กรี๊ดกร๊าดถึงขนาดซื้อโมเดลชาร์ 3 เวอร์ชั่นมาเก็บไว้ในตู้โชว์ จนกระทั่ง...เมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ศิษย์รักเอาการ์ตูนสีชมพูหวานแหววที่มีภาพปกท่านชาร์กำลังซดกาแฟกระป๋องนิ้วก้อยกระเด้ง

'นี่มันลายเส้น YAS นี่แชมป์!'

'ไม่ใช่ครับอาจารย์ ของโทนี่ ทาเคซากิ วาดลงแม็กกาซีน Gundam A คู่กับลายเส้นจริงของ YAS เลยครับ'

....อึ้งไปประมาณ 3 วินาที

เปิดดูอีกรอบ...นี่มัน YAS ชัดๆ!

และเมื่ออ่านไปเรื่อยๆ 'โลกบวม กันดั้มบ๊อง' ก็ทำให้ภาพชาร์ที่มีในความทรงจำเปลี่ยนไปตลอดกาล

โลกบวมฯ เล่มนี้เป็นการ์ตูนล้อเลียนกันดั้มที่ลงต่อเนื่องในนิตยสารกันดั้มรายเดือน Gundam A ค่ะ เนื้อเรื่องหลักถอดมาจากกันดั้มเรื่องจริง แต่นำมาล้อเลียนจนตัวการ์ตูนหลายตัวแทบเสียคน และชาร์ดูจะได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะจากเดิมที่เขาเป็นฮีโร่เก่งเทพจนแฟนๆ กันดั้มหลงใหล ในเรื่องนี้เขากลายเป็นทหารบ๊องๆ ที่บ้าสีแดงและต้องขับยานที่มีเขาติดบนหน้าผากเท่านั้น

ความสนุกน่าจะอยู่ที่การได้เห็นพฤติกรรมประหลาดหลุดๆ ของบรรดาตัวการ์ตูนที่ลายเส้นและการใช้สกรีนโทนเหมือนต้นฉบับทุกอย่าง หลายครั้งเป็นฉากในความทรงจำของเรื่อง ท่านอาจารย์ก็เอามาเขียนจนเละ ขำก็ขำ แต่อีกใจก็สงสาร YAS นิดๆ ที่จู่ๆ มีคนเอาตัวการ์ตูนไปปู้ยี้ปู้ยำเสียขนาดนี้

ในที่สุด ตอนนี้ถ้าใครถามว่าชาร์เป็นคนยังไง สิ่งที่คิดแวบแรกเลยคือ 'ผู้ชายบ้าสีแดง ชอบทำเด่น นิยมเอาเขาไปติดยามแล้วทาสีแดงทั้งลำโดยอ้างว่าจะเร็วขึ้น 3 เท่า' ทั้งที่ตัวจริงไม่ได้เป็นแบบนี้เลยค่ะ การ์ตูนล้อกันดั้มทำให้ชาร์คนเดิมหายไปเสียแล้ว

ปกหลังของการ์ตูนเรื่องนี้ถึงกับเขียนคำเตือนไว้ก่อนอ่านว่า 'การ์ตูนเรื่องนี้ล้อเลียนมาจากเรื่องต้นฉบับนะ อย่าเข้าใจผิดว่าเป็นเรื่องจริง ถ้ามีญาติโยมอ่านแล้วอึ้งให้บอกด้วยว่านี่เป็นเรื่องล้อเลียนเท่านั้น ถ้าอ่านแล้วไม่รับมุข ขอร้องว่าอย่าถามกองบรรณาธิการเพราะเขาเหล่านั้นก็ไม่รู้จะตอบอย่างไรเหมือนกัน คิดเอาเองนะ นอกจากนั้นเนื้อเรื่องในเล่มบางตอนเยาวชนไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างเด็ดขาด ถ้าโอเคกรุณาย้อนไปอ่านอีกรอบนึง มั่นใจว่าอ่านคำเตือนอย่างละเอียดแล้วแน่นะ งั้นหยิบไปจ่ายตังค์ได้เลย'

อ่านคำเตือนแล้วกุมขมับเลยค่ะ เป็นการ์ตูนที่อันตรายจริงๆ เสียด้วยเพราะทำลายภาพชาร์เสียไม่มีชิ้นดี (แต่ชอบนะคะ อ่านแล้วรู้สึกว่าคนเขียนคิดจากสมองส่วนไหนเนี่ย) นี่คงเป็นตำนานอีกบทหนึ่งของกันดั้มที่ลูกหลานจะกล่าวขานไปอีกหลายปี และคงเป็นหนึ่งในการ์ตูนล้อไม่กี่เรื่องที่แม้จะทำตัวเอกสุดเทพเสียผู้เสียคน แต่นักอ่านก็ยังชอบค่ะ

ยืนยันทฤษฎีว่าแม้นักอ่านจะชอบพระเอกที่เก่งกาจ แต่ลึกๆ ก็อยากเห็นพระเอกเทพมาทำอะไรไร้สาระบ้าง

//www.matichon.co.th/news_detail.php?id=6765&catid=8



Create Date : 07 ตุลาคม 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 16:57:23 น.
Counter : 1241 Pageviews.

1 comment
CROWN กับ นักเขียนชายผู้ยืนยง ในวงการการ์ตูนผู้หญิง
โดย วินิทรา นวลละออง คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน



สำหรับหลายๆ ท่านที่คิดว่า 'การ์ตูนผู้หญิง' น่าจะสร้างจากจินตนาการของผู้หญิงด้วยกันในระหว่างที่ 'การ์ตูนผู้ชาย' จะสนุกได้ก็ควรเขียนจากปลายปากกาของผู้ชาย ส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้นค่ะ ยกเว้นบางท่านที่สามารถยืนหยัดในวงการการ์ตูนต่างเพศของตัวเองได้มานานหลายสิบปี นักเขียนการ์ตูนหญิงที่เขียนการ์ตูนผู้ชายมาตลอดและโด่งดังที่สุดเห็นจะเป็น 'ทาคาฮาชิ รูมิโกะ' ผู้วาดอินุยาฉะ,รันม่า?,เมซองอิกโกกุ,ลามู แต่หากจะกล่าวถึงนักเขียนชายที่แจ้งเกิดในวงการการ์ตูนผู้หญิงและยังคงได้รับการยกย่องให้โดดเด่นในวงการผู้หญิงจนทุกวันนี้ ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาคือ 'วาดะ ชินจิ' ค่ะ

ในช่วงปี 1970 เป็นต้นไปซึ่งถือเป็นยุคทองของการ์ตูนผู้หญิง อ.วาดะโด่งดังขึ้นจาก 'Sukeban Deka' หรือสิงห์สาวนักสืบผู้ใช้ลูกดิ่งเป็นอาวุธ ใครที่อายุอานามใกล้สามสิบหรือพ้นไปหน่อยต้องรู้จักดีแน่ค่ะเพราะนอกจากเป็นการ์ตูนแล้ว สิงห์สาวโยโย่คนนี้ยังได้รับการสร้างเป็นละครโทรทัศน์โด่งดังเสียจนเกิดปรากฏการณ์โยโย่พิทักษ์คุณธรรมระบาดไปทั่วเมือง ต่อมา 'โจรสาวอมาริริส' ก็ออกมาในช่วงกระแสการ์ตูนจอมโจรกำลังดัง และตลาดการ์ตูนกำลังค่อยๆ ขยายไปสู่กลุ่มเด็กผู้ชายทีละน้อย จนเมื่อปลายทศวรรษที่ 80 'Pygmalion' และ 'สาวน้อยมหัศจรรย์อาสุกะ' แม้จะลงต่อเนื่องในนิตยสารการ์ตูนสำหรับผู้หญิง แต่ด้วยความนิยมในการ์ตูนกลุ่มนี้ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบและแนวเรื่องแอ๊คชั่นผจญภัยไม่ใช่แนวขายหลักอีกต่อไปแล้ว อ.วาดะจึงต้องผันตัวเองไปสู่โลกของการ์ตูนผู้ชายและสร้าง 'อาสุกะ' ให้กลายเป็นการ์ตูนผู้ชายในเวลาต่อมา

สิบกว่าปีผ่านไป โชคชะตาก็เหมือนเล่นตลกให้ชายผู้เกิดและโด่งดังจากการ์ตูนผู้หญิงคนนี้กลับมาสู่วงการการ์ตูนผู้หญิงอีกครั้ง ช่วงเกือบสิบปีที่ผ่านมา 'คาแรคเตอร์' กลายเป็นจุดขายสำคัญยิ่งกว่าเนื้อเรื่องค่ะ ดังนั้นรายได้ของสำนักพิมพ์ส่วนใหญ่มาจากสินค้าที่ขายหน้าตาตัวการ์ตูนมากกว่าหนังสือการ์ตูนด้วยซ้ำ เดาว่าปรินเซสเดอลุกซ์ซึ่งเป็นกองบรรณาธิการจัดทำการ์ตูนเรื่อง CROWN นี้คงคิดว่าสุดท้ายการ์ตูนผู้หญิงที่มีดีแค่ผู้ชายหล่อกับผู้หญิงสวยคงไปไม่รอด เนื้อเรื่องที่ตื่นเต้นเร้าใจจึงกลับมาเป็นหนึ่งในจุดขายอีกครั้ง

ในที่สุดการประสานพลังระหว่างราชาแห่งเรื่องแอคชั่นเร้าใจอย่าง 'วาดะ ชินจิ'กับเจ้าหญิงแห่งวงการการ์ตูนหนุ่มหน้าสวย 'ฮิงูริ ยู' จึงกลายมาเป็น CROWN จนได้

เรื่องราวเริ่มต้นจากพล็อตน้ำเน่ายุงชุม (แต่ร่วมสมัย) ของแนวการ์ตูนผู้หญิงยุค 70 เมื่อ 'มาฮิโระ' เด็กสาวผู้อาภัพไร้ญาติขาดมิตรต้องทนลำบากทำงานเลี้ยงดูตัวเอง เธอถูกญาติๆ ซึ่งอ้างว่าจะช่วยดูแลสมบัติของพ่อแม่ที่เสียชีวิตไปไล่ออกจากบ้าน ชีวิตที่ไร้ความหวังกลับพลิกฝ่ามือเมื่อ 'พี่ชาย' ของเธอปรากฏตัวขึ้น

'เร็น' ชายหนุ่มหล่อเหลาสุภาพบุรุษที่สุดในโลกและสหาย 'เจค' พาเธอไปอยู่ด้วยและไล่บรรดาญาติตัวแสบออกจากบ้านให้หมด ภายหลังมาฮิโระจึงทราบว่า 'เร็น' คือพี่ชายที่พลัดพรากกันตั้งแต่เด็ก แต่ที่ยังไม่รู้คือทั้งสองเป็นทหารรับจ้างซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ความมุ่งมั่นของเร็นที่กลับมาญี่ปุ่นอีกครั้งไม่ใช่แค่เพราะคิดถึงน้องสาว แต่เขาและเจคต้องการปกป้องมาฮิโระให้พ้นจาก 'ราชินีแห่งเรกาเรีย' ด้วย

ราชินีแห่งอาณาจักรชื่อประหลาดนี้วางแผนฮุบบัลลังก์ราชาไว้เสียเอง ติดอยู่อย่างเดียวที่เธอไม่มี CROWN อัญมณีซึ่งสืบทอดกันมาแต่โบราณ อัญมณีนี้คือจี้ห้อยคอซึ่งมีคุณสมบัติรวมแสงให้กลายเป็นรัศมีคล้ายมงกุฎโดยรอบ ผู้ที่จะขึ้นเป็นราชินีได้ต้องมีอัญมณีนี้เท่านั้น เป็นสาเหตุให้มาฮิโระโดนตามสังหารเพื่อชิง CROWN ที่อยู่บนคอเธอครั้งแล้วครั้งเล่า

อา..พล็อตช่างสมเป็นวาดะ ชินจิค่ะ แต่งานภาพที่วาดหนุ่มหล่อชวนให้สาวๆ กรี๊ดกันสลบทำให้รู้สึกขัดเขินตอนอ่านอยู่เหมือนกัน ถือเป็นโอกาสดีที่ทำให้เด็กรุ่นหลัง (อายุสิบกว่า) ได้สัมผัสแนวการ์ตูนในยุค 70 ซึ่งเต็มไปด้วยจินตนาการและการผจญภัยที่น่าตื่นเต้นมากกว่าเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ลายเส้นร่วมสมัยตามแบบการ์ตูนผู้หญิงยุคใหม่ผสานกับความละเอียดแบบยุคเก่าทำให้ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฮิงูริ ยู เป็นนักเขียนที่ช่วยเชื่อมวัฒนธรรมการ์ตูนสองยุคให้เข้ากันได้อย่างดี

ปัจจุบันเรื่องนี้ออกในญี่ปุ่น 3 เล่มแล้วค่ะ คงต้องลุ้นว่าสำนักพิมพ์วิบูลย์กิจซึ่งเริ่มถอยทัพการ์ตูนผู้หญิงจะเดินหน้าต่อไหวหรือเปล่า แต่ถ้าหากดองไว้แค่เล่ม 1 เล่มเดียว สงสัยงานนี้คงมีคนเดินขบวนประท้วงกันบ้างแล้วค่ะ

//www.matichon.co.th/news_detail.php?id=4566&catid=8



Create Date : 29 กันยายน 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 16:57:16 น.
Counter : 1048 Pageviews.

1 comment
Claymore และ คุณค่าในชีวิต
คอลัมน์ มหัศจรรย์การ์ตูน โดย วินิทรา นวลละออง


เมื่อวานนี้ได้เข้าเวิร์คช็อปว่าด้วยการพัฒนาองค์กรไปสู่ความเป็นเลิศค่ะ พอพูดถึงการพัฒนาตัวเอง หลายคนก็ทำหน้าเบื่อแล้วก็คิดว่า 'มีอะไรต้องเรียนรู้ใหม่อีกแล้ว' ในระหว่างที่อีกหลายคนทำตาวาวแล้วก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า 'มีอะไรให้เรียนรู้ใหม่อีกแล้ว' ความแตกต่างนี้แบ่งคนออกเป็น 2 กลุ่มได้ง่ายๆ เลยค่ะ คือคนที่รักและผูกพันกับองค์กรจริงๆ กับอีกส่วนที่อยู่เพราะไม่มีที่ไป (คือถ้ามีที่ดีกว่าก็ไปแล้ว)

มีตอนหนึ่งที่วิทยากรถามผู้เข้าประชุมว่า 'ทำไมถึงยังเลือกทำงานอยู่ที่นี่' คำตอบมีหลากหลายเลยค่ะ ตั้งแต่ภูมิใจในสถาบัน ให้ค่าตอบแทนที่เหมาะสม มีโอกาสก้าวหน้า ใกล้บ้าน ไม่รู้จะไปไหน ฯลฯ แต่โดยสรุป วิทยากรบอกว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้คนเลือกที่จะอยู่เช่นนี้คือ 'สถานที่นี้ทำให้ตัวเองรู้สึกว่ามีคุณค่า'

คำนี้โดนใจจังค่ะ พอคิดๆ ดูแล้วหลายคนเลือกทำในสิ่งที่ยืนยันคุณค่าของตัวเอง เด็กๆ พยายามขยันเรียนและสอบให้ได้คะแนนเยอะๆ ก็เพื่อให้พ่อแม่เห็นคุณค่า (ว่าเป็นคนเก่ง) หรือชายหนุ่มเพียรเอาอกเอาใจสาวก็เพื่อให้อีกฝ่ายเห็นคุณค่า (ว่าเป็นคนน่าคบ) แต่ถ้าเราไม่รู้สึกว่าต้องการคุณค่าอะไรในชีวิตเลย ชีวิตก็ไร้ค่าค่ะ

เช่นเดียวกับ 'เคลย์มอร์' (Claymore) ในการ์ตูนแนวดาร์คไซด์แฟนตาซีที่ดีเกินคาดของ อ.ยางิ โนริฮิโระ บรรยายถึงประเทศแห่งหนึ่งซึ่งมีปิศาจแอบซ่อนตัวอยู่ในคราบมนุษย์และค่อยๆ จับมนุษย์กินเป็นอาหารไปเรื่อยๆ องค์กรหนึ่งตั้งขึ้นมาเพื่อรับจ้างกำจัดปิศาจออกจากหมู่บ้าน และผู้ที่ลงมือจัดการคือ 'เคลย์มอร์' สิ่งมีชีวิตลูกผสมระหว่างปิศาจและมนุษย์

เหล่าเคลย์มอร์ล้วนเป็นสาวงามหน้าตาดี พวกเธอมีความสามารถและพละกำลังมหาศาลทั้งที่ภายนอกเป็นมนุษย์ แต่เมื่อใดที่ต้องใช้พลังปิศาจมาช่วย ความเป็นมนุษย์ของพวกเธอก็จะลดลงจนอาจกลายร่างเป็นปิศาจได้ ดังนั้นหากถึงเวลาที่กำลังจะกลายร่างเป็นปิศาจ พวกเธอจะต้องตัดสินใจตายทันทีเพื่อให้อย่างน้อยได้ตายในขณะนี้ตัวเองยังเป็นมนุษย์ นั่นคือ 'คุณค่า' เพียงอย่างเดียวของชีวิตเคลย์มอร์ที่ไม่ต้องการกินอาหารมากมายหรือนอนบนเตียงหรูหรา

'แคลร์' เคลย์มอร์คนหนึ่งเดินทางมากำจัดปิศาจตามปกติ ชาวเมืองต่างหวาดกลัวเธอและเธอก็ไม่คิดว่าจะต้องใส่ใจอะไรเป็นธรรมดาดังเช่นทุกครั้ง แต่กลับมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแม้จะตกใจกลัวตอนที่เห็นความโหดร้ายของเธอ จิตใจที่อยากช่วยเหลือชาวเมืองให้พ้นจากปิศาจของแคลร์ทำให้ 'ลาคิ' เด็กหนุ่มตัดสินใจขอติดตามไปด้วย ความชื่นชมที่ลาคิมีให้แทนที่จะเป็นความหวาดกลัวและเสียงนินทาว่าร้ายทำให้ประตูบานเล็กๆ ในใจของแคลร์เปิดออก ที่ผ่านมาเธอเคยปกป้องมนุษย์เพราะเป็นงาน แต่เมื่อตัวเองกลับได้รับการปกป้องจากมนุษย์ที่แทบจะไร้พละกำลังทำให้เธอเกิดคำถามในใจมากมาย

ทำไมคนเหล่านี้ต้องปกป้องเธอทั้งที่เธอไม่ได้คิดจะช่วยเหลืออะไรเสียหน่อย เป็นงานที่ต้องปกป้องมนุษย์ต่างหาก

เมื่อเมล็ดแห่งความตื้นตันเล็กๆ งอกโตในหัวใจของแคลร์จนกลายเป็น 'คุณค่า' ในตัว การที่ลาคิปกป้องเธอเพราะเธอมี 'คุณค่า' และการได้เป็นคนที่มีคุณค่าในสายตาใครซักคนก็กลายมาเป็นความรู้สึกอยากมีชีวิตต่อไป พัฒนาขึ้นกลายเป็นความผูกพันในที่สุด และสุดท้ายการที่แคลร์เลือกเดินทางร่วมกับลาคินั่นก็เพราะลาคิทำให้เธอ 'รู้สึกว่ามีคุณค่า' นั่นเอง

รุ่นพี่หมอที่รักมากคนหนึ่งอีเมล์มาบ่นให้ฟังว่าจู่ๆ ก็เกิดเบื่อโรงพยาบาลที่ทำงานอยู่ขึ้นมากระทันหัน จากประวัติการย้ายโรงพยาบาลหลายครั้งทำให้ทราบว่าครั้งนี้ก็มีโอกาสได้ย้ายอีกแน่ ติดที่เรื่องเดียวคือต้องหาเงินไปจุนเจือครอบครัวจึงยังต้องทำงานต่อ เลยถามไปตรงๆ ค่ะว่า 'ที่นั่นเคยทำให้พี่รู้สึกมีคุณค่าบ้างไหม' หรือแค่เห็นเป็นหมอรับเงินเดือนก็จิกใช้โดยไม่ใส่ใจว่างานหนักแค่ไหนหรือชีวิตที่ต้องอยู่คนเดียวต่างจังหวัดห่างไกลพ่อแม่เป็นยังไงบ้าง

ยังไม่ได้คำตอบค่ะ แต่คิดว่าที่ใดก็ตามที่อยู่แล้วรู้สึก 'มีคุณค่า' ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน บ้าน หรือแค่ข้างกายใครซักคนย่อมตามมาด้วยความผูกพัน และจากความผูกพันก็จะพัฒนาเป็นความรัก ความภาคภูมิใจ และปรารถนาจะให้คนหรือสถานที่ที่เรารักพัฒนายิ่งขึ้น

เคลย์มอร์จึงอาจเป็นการ์ตูนที่นำเสนอคุณค่าของความเป็นมนุษย์อย่างเป็นรูปธรรมที่สื่อได้ตรงใจค่ะ ทุกครั้งที่เคลย์มอร์เห็นคุณค่าของมนุษย์มากขึ้น นักอ่านก็เริ่มเห็นคุณค่าของตัวเองมากขึ้นไปด้วย ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะที่เรื่องนี้โด่งดังจนทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนฉายทางโทรทัศน์ด้วย

สำหรับคนที่ค้นหาคุณค่าในตัวเอง ต้องลองอ่านแล้วล่ะค่ะ

//www.matichon.co.th/news_detail.php?id=5930&catid=8



Create Date : 29 กันยายน 2550
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2556 16:57:10 น.
Counter : 1039 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  

iamZEON
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 111 คน [?]



ยินดีต้อนรับทุกท่านนะครับ ^^/

ข่าวสารการ์ตูนญี่ปุ่น
กับเกี่ยวข้องอย่างภาพยนตร์-เพลง
รายชื่อการ์ตูนออกใหม่-งานหนังสือ
เรื่องทั่วๆไปทั้งในและนอกประเทศก็มีบ้าง
New Comments
Group Blog
All Blog
MY VIP Friend