ใดๆในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมติ
 
มหากาพย์อุลตร้าแมน ตอนที่1/6 (ไม่ได้เขียนเอง Credit Henshin Club)

ผมเห็นว่าบทความนี้เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์วงการฮีโร่ที่สำคัญ เลยขออนุญาตก๊อปของBlogของตัวเอง ขอให้CREDIT HENSHIN CLUB และคุณBooska ผู้เขียนมา ณ ที่นี้ด้วยครับ คนที่มีฮีโร่เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆอย่างในชีวิต original link //henshinclub.com/index.php?topic=427.0v

ตอนที่ ๑ ปฐมบทปมลิขสิทธิ์ “อุลตร้าแมน” เจ้าปัญหา

สำหรับคนที่ติดตามคดีความ “อุลตร้าแมน” แบบกระเซ็นกระสายคงออกอาการตกใจหรืองงงวยไม่น้อยเมื่อได้เห็นข่าวอุลตร้าแมนโกฮอลลีวูด และชวนให้มีคำถามตัวโตๆว่า “ตกลง ไชโยฯ ชนะคดี (อีก) แล้วหรือ” หรือว่า “อุลตร้าแมนจะกลับมาเป็นของไชโยฯอีก” ตกลงแล้วใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของยอดมนุษย์อุลตร้าแมน

เหมือนกับที่คุณพีระศิษฎ์ แสงเดือนฉาย (คุณท็อป) ผู้เป็นลูกชายลุงสมโพธิ ต้องออกหนังสือเล่มเล็กเรื่อง “อุลตร้าแมน เป็นของใคร” เมื่อปลายปี 2550 เพราะทุกครั้งที่ใครเจอหน้าเป็นต้องถามประโยคนี้ แกเลยออกหนังสือเล่มเล็กเอาไว้ตอบ แทนที่จะต้องเล่าเรื่องเดิมๆจนเบื่อหน่าย



แต่อ่านจบแล้ว ก็ยังไม่ได้ตอบโจทย์ว่า อุลตร้าแมนเป็นของใคร แค่อยากให้ยอดมนุษย์เป็นของทุกคน ไม่ต้องมีคัลเลอร์ไทม์เมอร์ไว้เตือนทุก 3 นาที

คนเชียร์ไชโยฯหลายคนก็อาจเพราะอยากดูโปรเจ็คอุลตร้าแมนที่มีคลิ๊ปโปรโมทหนังเหลือให้ได้ดูอยู่ในยูทูป บ้างก็คลั่งความเป็นไทยโดยไม่ได้ศึกษาเรื่องราว เหมือนปลากระดี่ได้น้ำ ออกมาโพสต์ดีใจกันยกใหญ่

พวกที่ไม่สนใจจะหาความรู้ถึงเรื่องจริงและความเป็นมา กลับมีจำนวนมากที่สุดและพวกนี้ก็เที่ยวโพสต์ความเห็นกันเต็มไปหมดตามเวปต่างๆ

เท่าที่ผมเคยคุยด้วยก็เห็นจะมีอยู่ไม่กี่คนเคยเห็นเคยอ่านสัญญาโอนสิทธิ์ฉบับดังกล่าว ที่เหลือต่างพากันโพสต์เรื่องอย่างสนุกสนาน

บางพวกก็ชอบตั้งทฤษฎีเองโดยตั้งธงแล้วก็จับแพะมาชนแกะสรุปว่ามันเป็นยังโง้น ยังงี้ ใครเห็นต่างก็ยกเอาพุทธภาษิตมาอ้างแบบลมๆแล้งๆ แต่หารู้ไม่ว่าเวลาชี้คนอื่นว่าโง่ มันยังมีอีก 3 นิ้วที่ชี้ใส่ตัวเองเต็มๆเลย

ผมเองก็พอเข้าใจว่าทำไมคุณสมโพธิและบริษัทไชโย (เดิมเรียกให้สับสนว่าซึบูราญ่าไชโย) จึงเป็นที่จงเกลียดจงชังจากเหล่าสาวกยอดมนุษย์ทั้งในและนอกประเทศไทย ทั้งที่คนไทยด้วยกันน่าถือข้างคนไทย แต่การกระทำแบบรุนแรงไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมกับเหล่าผู้ค้าขายที่เป็นสุจริตชนในช่วงที่ไชโยฯชนะคดีตลอด 7 ปีกว่านั้น หลายๆคนรับไม่ได้และยังกินใจมาจนถึงปัจจุบัน

ทั้งหนังเก่าหนังใหม่ก็หาดูกันไม่ได้ทั่วโลกนอกจากญี่ปุ่น บ้านเราต้องทนนั่งดูวีซีดีคุนภาพห่วย ในขณะที่แผ่นดีวีดีหาได้แต่ในญี่ปุ่น หรือไม่ก็ต้องซื้อของก็อปกันในเน็ตโดยไม่มีทั้งเสียงหรือบรรยายไทย

มันก็เลยบั่นทอนภาพพจน์ของอุลตร้าแมนไปเสียทุกวันๆตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา

แถมชาวต่างชาติก็ยังมาปรามาสว่า “คนไทยขี้โกง” เสียชื่อกันไปทั้งประเทศ

บางทีการผูกมิตรย่อมดีกว่าการสร้างศัตรูเป็นไหนๆ เพราะหลายๆครั้งเงินที่มีมันซื้อหาความรู้สึกดีๆไม่ได้เลย

และนี่คือหน้าตาของสัญญาเจ้าปัญหา..ที่มีเรื่องมีราวกัน 30 กว่าปีครับ




ตอนที่ ๒ ต้นแบบอุลตร้าแมน...จริงหรือหลอก?

สมโพธิมักยืนยันว่าอุลตร้าแมนเป็นของคนไทย ต้นแบบของอุลตร้าแมนถอดเอามาจากพระพักตร์ของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย โดยใช้แค่รูปถ่ายใบเดียวเล่าเรื่องราวเป็นตุเป็นตะว่า...

...ผมนำภาพของพระพุทธรูปจากสุโขทัยไปให้อาจารย์เอยิ ซึบูราญ่า 円谷英二 ดูจำนวน 3 องค์ คือ พระปางลีลาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระปางห้ามญาติจากวัดตะพานหิน และ พระอัฏฐารส ปางเปิดโลก ทันทีที่อาจารย์เห็นภาพถ่ายพระพักต์ของพระพุทธรูป ท่านถึงกับเก็บอาการชมชอบเอาไว้ไม่อยู่ มิหนำซ้ำยังกำชับว่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเพราะกลัวถูกขโมยความคิด





ผมและอาจารย์ปรึกษากันอยู่หลายครั้งที่จะสร้างวีรบุรุษคนใหม่จนมาตกผลึกดีแล้ว จึงให้ โทรุ นาริตะ 成田亨 เป็นผู้ออกแบบ

ท่าไม้ตายปล่อยแสง อาจารย์เอยิประยุกต์มาจากคำอธิบายของผม ท่าที่ยกมือมาไขว้กันเวลาปล่อยแสง หมายถึงการรวมพลังบวกจากด้านซ้าย และพลังลบจากด้านขวา…

หมายเหตุ จากหนังสือ “ความลับของยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน” หน้า 45-55



สมโพธิเดินทางกลับไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2506 ส่วนอุลตร้าแมนออกฉายที่ญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2509

ดังนั้นต้องลองพิจารณาดูกันเองว่า อุลตร้าแมน ออกแบบมาจากพระพุทธรูปสุโขทัยจริงอย่างที่สมโพธิอ้างหรือไม่

ทีนี้ลองมาดูพัฒนาการของแบบร่างอุลตร้าแมน จนมาเป็นตัวเป็นๆที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

งานต้นฉบับของ โทรุ นาริตะ

เริ่มต้นจาก Bemlar เป็นคอนเซ็ปดั้งเดิมของเรื่องอุลตร้าแมน มีหน้าตาเหมือน มนุษย์วิหค ที่บ้านเราเรียกว่า ครุฑ แต่แบบร่างนี้ถูกยกเลิกไป



ลิขสิทธิ์แบบร่างของ Bemlar ถูกขายต่อให้บริษัท Nikkatsu ไปทำหนังโรงสัตว์ประหลาดเรื่อง 大巨獣ガッパ Daikyojū Gappa  หรือ "Giant Beast Gappa" ในปี 1967



ภาพชุดต่อมาเป็นพัฒนาการที่เรียกว่า Redman 3 รุ่น (จากซ้าย) แล้วจึงพัฒนามาเป็น อุลตร้าแมน (3 รูปขวา)





โทรุ นาริตะ แกเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษว่า TOHL NARITA เป็นสุดยอดนักออกแบบเอเลี่ยนและมอนสเตอร์หาตัวจับยากของญี่ปุ่นแต่ทว่าแกเป็นคนหัวแข็ง หลังถ่ายทำอุลตร้าเซเว่นไปจวนจะจบเรื่อง แกลาออกจากซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ โทรุแกบอกว่าถ้าจะให้แกออกแบบแกขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ในสิทธิของเอเลี่ยนหรือมอนสเตอร์ที่แกออกแบบ ไม่ใช่ให้สิทธิ์ซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ ไปเลยเหมือนก่อน ทายาทรุ่นหลังเอยิแกไม่ยอม งานอุลตร้าแมนและสัตว์ประหลาดหลังเซเว่นเลยไม่สุดยอดเหมือนเดิม



แกเขียนตำหนิซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ เรื่องเอาอุลตร้าแมนฉบับของแกมาเติมเส้นเล็กและเปลี่ยนเป็นนุ่งกางเกงใน รวมทั้งเอาอุลตร้าแมนและเซเว่นมาใส่เขา และเปลี่ยนอุลตร้าแมนเป็น อนิเมะ (โจเนียส) ที่แกบอกว่า “รับไม่ได้”
แกแวะเวียนมาหาลุงสมโพธิบ่อยๆก่อนเสียชีวิตเมื่อต้นปี 2545 (2002) แต่แกไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าแบบอุลตร้าแมนนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปสุโขทัยที่ลุงเอารูปไปโชว์ให้อาจารย์เอยิดูตามที่อ้างเป็นแผ่นเสียงตกร่อง



ตอนที่ ๒ ต้นแบบอุลตร้าแมน...จริงหรือหลอก?

สมโพธิมักยืนยันว่าอุลตร้าแมนเป็นของคนไทย ต้นแบบของอุลตร้าแมนถอดเอามาจากพระพักตร์ของพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย โดยใช้แค่รูปถ่ายใบเดียวเล่าเรื่องราวเป็นตุเป็นตะว่า...

...ผมนำภาพของพระพุทธรูปจากสุโขทัยไปให้อาจารย์เอยิ ซึบูราญ่า 円谷英二 ดูจำนวน 3 องค์ คือ พระปางลีลาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระปางห้ามญาติจากวัดตะพานหิน และ พระอัฏฐารส ปางเปิดโลก ทันทีที่อาจารย์เห็นภาพถ่ายพระพักต์ของพระพุทธรูป ท่านถึงกับเก็บอาการชมชอบเอาไว้ไม่อยู่ มิหนำซ้ำยังกำชับว่าอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปเพราะกลัวถูกขโมยความคิด





ผมและอาจารย์ปรึกษากันอยู่หลายครั้งที่จะสร้างวีรบุรุษคนใหม่จนมาตกผลึกดีแล้ว จึงให้ โทรุ นาริตะ 成田亨 เป็นผู้ออกแบบ

ท่าไม้ตายปล่อยแสง อาจารย์เอยิประยุกต์มาจากคำอธิบายของผม ท่าที่ยกมือมาไขว้กันเวลาปล่อยแสง หมายถึงการรวมพลังบวกจากด้านซ้าย และพลังลบจากด้านขวา…

หมายเหตุ จากหนังสือ “ความลับของยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน” หน้า 45-55



สมโพธิเดินทางกลับไทยเมื่อเดือนธันวาคม 2506 ส่วนอุลตร้าแมนออกฉายที่ญี่ปุ่นครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2509

ดังนั้นต้องลองพิจารณาดูกันเองว่า อุลตร้าแมน ออกแบบมาจากพระพุทธรูปสุโขทัยจริงอย่างที่สมโพธิอ้างหรือไม่

ทีนี้ลองมาดูพัฒนาการของแบบร่างอุลตร้าแมน จนมาเป็นตัวเป็นๆที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน

งานต้นฉบับของ โทรุ นาริตะ

เริ่มต้นจาก Bemlar เป็นคอนเซ็ปดั้งเดิมของเรื่องอุลตร้าแมน มีหน้าตาเหมือน มนุษย์วิหค ที่บ้านเราเรียกว่า ครุฑ แต่แบบร่างนี้ถูกยกเลิกไป



ลิขสิทธิ์แบบร่างของ Bemlar ถูกขายต่อให้บริษัท Nikkatsu ไปทำหนังโรงสัตว์ประหลาดเรื่อง 大巨獣ガッパ Daikyojū Gappa  หรือ "Giant Beast Gappa" ในปี 1967



ภาพชุดต่อมาเป็นพัฒนาการที่เรียกว่า Redman 3 รุ่น (จากซ้าย) แล้วจึงพัฒนามาเป็น อุลตร้าแมน (3 รูปขวา)





โทรุ นาริตะ แกเขียนชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษว่า TOHL NARITA เป็นสุดยอดนักออกแบบเอเลี่ยนและมอนสเตอร์หาตัวจับยากของญี่ปุ่นแต่ทว่าแกเป็นคนหัวแข็ง หลังถ่ายทำอุลตร้าเซเว่นไปจวนจะจบเรื่อง แกลาออกจากซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ โทรุแกบอกว่าถ้าจะให้แกออกแบบแกขอส่วนแบ่ง 30 เปอร์เซ็นต์ในสิทธิของเอเลี่ยนหรือมอนสเตอร์ที่แกออกแบบ ไม่ใช่ให้สิทธิ์ซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ ไปเลยเหมือนก่อน ทายาทรุ่นหลังเอยิแกไม่ยอม งานอุลตร้าแมนและสัตว์ประหลาดหลังเซเว่นเลยไม่สุดยอดเหมือนเดิม



แกเขียนตำหนิซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ เรื่องเอาอุลตร้าแมนฉบับของแกมาเติมเส้นเล็กและเปลี่ยนเป็นนุ่งกางเกงใน รวมทั้งเอาอุลตร้าแมนและเซเว่นมาใส่เขา และเปลี่ยนอุลตร้าแมนเป็น อนิเมะ (โจเนียส) ที่แกบอกว่า “รับไม่ได้”
แกแวะเวียนมาหาลุงสมโพธิบ่อยๆก่อนเสียชีวิตเมื่อต้นปี 2545 (2002) แต่แกไม่เคยบอกเลยสักครั้งว่าแบบอุลตร้าแมนนั้นได้รับแรงบันดาลใจจากพระพุทธรูปสุโขทัยที่ลุงเอารูปไปโชว์ให้อาจารย์เอยิดูตามที่อ้างเป็นแผ่นเสียงตกร่อง



ตอนที่ ๓ ประวัติของลุงสมโพธิและคำบอกเล่าพิศวงที่เกี่ยวกับ ยอดมนุษย์

ประวัติคร่าวๆของลุงสมโพธิและบริษัทไชโย (รวบรวมมาจากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 72 พ.ย. 2549 โดย จินดาวรรณ บทสัมภาษณ์ส่วนตัว และ หน้งสือ ความลับของยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน) มีดังนี้ครับ

สมโพธิสนใจการถ่ายภาพมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน มีผลงานภาพถ่ายลงในหนังสือชัยพฤกษ์ และวิทยาสาร ติดต่อกันหลายปี จนกระทั่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ในสาขาวิชาช่างภาพ และได้เข้าทำงานที่กองการโฆษณา ธนาคารออมสิน ในตำแหน่งเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ที่กองการโฆษณา ธนาคารออมสิน สาขาราชดำเนิน ทำให้มีโอกาสได้ทุนจากธนาคารออมสิน กับธนาคารมิตซุยไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นเมื่อพ.ศ. 2505 ขณะนั้นมีอายุเพียง 20 ปี ได้ไปฝึกงานกับบริษัทโตโฮเรื่องการทำสเปเชียลเอฟเฟค ในช่วงนั้นกำลังมีการถ่ายทำเรื่อง “คิงคองปะทะก็อตซิลล่า” และได้มีโอกาสพบปรมาจารย์หนังไซไฟญี่ปุ่น อจ. เอยิ ซึบูราญ่า ที่ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่น และ โทรุ นาริตะ นักดีไซน์เนอร์




ข้อความที่เอยิเขียนให้สมโพธิเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “สมโพธิคุง กัมบาเระ (1962 หรือ ปี 2505)” แปลว่า “พยายามเข้านะ คุณสมโพธิ”

เมื่อเรียนจบเขาก็กลับมาทำงานที่ธนาคารออมสิน ก่อนจะลาออกมาลงทุนสร้างภาพยนตร์ทีวีตามใจหวัง เรื่องแรกเรื่องไกรทอง ด้วยวัยเพียง 23 ปี ทำให้เขาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และ 3 ปีต่อมาเขาก็เบนเข็มไปสร้างภาพยนตร์เพื่อฉายตามโรงหนัง โดยมี “ท่าเตียน” เป็นหนังเรื่องแรก และหนังทุกเรื่องต่อมาของไชโยจะใช้ชื่อลูกชายของลุงสมโพธิ (พีระศิษฎ์) เป็นผู้กำกับ



บริษัทไชโย ภาพยนตร์ นั้นเป็นชื่อที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทยตั้งให้ ท่านบอกว่าชื่อ บริษัทไชโย แปลว่าผู้ชนะ คือชนะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก



สมโพธิและ “ยอดมนุษย์”

ในมุมมองของสมโพธิ ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ควรจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่น่าจะนำคนมาสวมบทพระเอกผู้ปราบอธรรมมากกว่า ดังนั้นต่อมาในปี 2506 สมโพธิจึงเสนอไอเดียกับอาจารย์เอยิ ว่าเขาจะหาคาแร็คเตอร์ของพระเอกที่เป็นมนุษย์มาปราบคิงคองและก็อตซิลล่า และสร้างเป็นภาพยนตร์ทีวี นี่เองจึงเป็นที่มาของ ‘อุลตร้าแมน’ ยอดมนุษย์ขวัญใจเด็กๆ ตัวแรก ของญี่ปุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2509

...ชื่อ “ยอดมนุษย์” นี่ผมเป็นคนตั้งเอง คือจริงๆแล้วพระพุทธเจ้าท่านก็เป็นมนุษย์ แต่ท่านสั่งสมความดีจนสามารถ ตรัสรู้ธรรม ท่านจึงเป็นยอดแห่งมนุษย์ แรงบันดาลใจเกิด จากตรงนี้ ผมจึงนำภาพถ่ายพระพุทธรูป 3 องค์ ไปให้อาจารย์เอยิดู ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยและอยู่ในจังหวัดสุโขทัยทั้ง 3 องค์ คือพระปางลีลา จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระปางห้ามญาติ วัดสะพานหิน และพระอัฏฐารส ปางเปิดโลก ซึ่งอาจารย์เห็นแล้วชอบมาก ท่านจึงให้นำพระพุทธรูปดังกล่าวมาเป็นต้นแบบในการร่างคาแร็กเตอร์ของยอดมนุษย์ โดยมีโทรุ นาริตะ เป็นผู้เขียน แบบตามที่ผมบอก

นอกจากนั้นอาจารย์เอยิยังสังเกตเห็นว่าพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์มีท่าทางไม่เหมือนกัน ผมก็อธิบายว่านี่คือปางต่างๆของพระพุทธรูป เช่น ปางห้ามญาติ ปางเปิดโลก แต่ละปาง ก็มีพุทธานุภาพไม่เหมือนกัน อาจารย์ก็รู้สึกทึ่ง และบอกว่า น่าจะนำท่าทางเหล่านี้มาดีไซน์เป็นท่าไม้ตายในการปราบสัตว์ประหลาด จนสุดท้ายก็ออกมาเป็นท่าปล่อยแสง

นอกจากคาแร็คเตอร์ของอุลตร้าแมนแล้วเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังนำเอาธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นแก่นแกนในการดำเนินเรื่อง เพื่อให้เด็กๆ ซึมซับในเรื่องของคุณธรรม โดยให้อุลตร้าแมนเป็นตัวแทนของความดีหรือฝ่ายธรรมะ และให้สัตว์ประหลาดเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายหรือฝ่ายอธรรม



 “ผมและอาจารย์เอยิมีจุดประสงค์ตรงกันในการสร้างภาพยนตร์เรื่องอุลตร้าแมน คือต้องการให้เด็กในรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีธรรมะ จะได้ไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันอีก ซึ่งเรื่องพวกนี้เราต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ โดยผมเป็นคน กำหนดเนื้อหาที่เป็นแก่นของเรื่อง คือธรรมะย่อมชนะอธรรม ส่วนรายละเอียดในแต่ละตอนคนญี่ปุ่นจะเป็นคนเขียน

เราไม่ได้นำพระพุทธรูปมาล้อเล่นนะครับ แต่นำคาแร็คเตอร์ของท่านมาเป็นต้นแบบ เพราะโครงเรื่องของเราคือเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะชนะอธรรม ซึ่งก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้นท่านต้องปราบพวกมารมากมาย สัตว์ประหลาดในเรื่องอุลตร้าแมนก็เหมือนกับมาร ส่วนอุลตร้าแมนจะเป็นฮีโร่ที่มีความเมตตา บางทีจับสัตว์ประหลาดได้ก็พาไปส่งที่ดวงดาวที่สัตว์ประหลาดอยู่

คาแร็คเตอร์ของสัตว์ประหลาดนั้นเราจะไม่ให้ออกมาในแนวดุร้าย แต่จะดูตลก คาแร็คเตอร์ของสัตว์ประหลาดบางตัวนั้นเรานำมาจากตัวโกงในเรื่องรามเกียรติ์ เช่น ทรพี ทรพา ลวดลายบนตัวของสัตว์ประหลาดบางตัวก็มาจากลาย บ้านเชียง เพราะช่วงที่ผมไปญี่ปุ่นตอนนั้นคนกำลังเห่อลาย บ้านเชียง ส่วนการต่อสู้ระหว่างอุลตร้าแมนและสัตว์ประหลาดก็จะไม่มีภาพที่น่ากลัว เลือดสาดเหมือนอย่างการ์ตูนสมัยนี้ ซึ่งผมมองว่ามันจะไปปลูกฝังให้เด็กเป็นคนก้าวร้าว และโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว” ... สมโพธิ กล่าว ตอนที่ ๓ ประวัติของลุงสมโพธิและคำบอกเล่าพิศวงที่เกี่ยวกับ ยอดมนุษย์

ประวัติคร่าวๆของลุงสมโพธิและบริษัทไชโย (รวบรวมมาจากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 72 พ.ย. 2549 โดย จินดาวรรณ บทสัมภาษณ์ส่วนตัว และ หน้งสือ ความลับของยอดมนุษย์ อุลตร้าแมน) มีดังนี้ครับ

สมโพธิสนใจการถ่ายภาพมาตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียน มีผลงานภาพถ่ายลงในหนังสือชัยพฤกษ์ และวิทยาสาร ติดต่อกันหลายปี จนกระทั่งจบการศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ในสาขาวิชาช่างภาพ และได้เข้าทำงานที่กองการโฆษณา ธนาคารออมสิน ในตำแหน่งเป็นช่างถ่ายภาพยนตร์ ที่กองการโฆษณา ธนาคารออมสิน สาขาราชดำเนิน ทำให้มีโอกาสได้ทุนจากธนาคารออมสิน กับธนาคารมิตซุยไปศึกษาต่อที่ญี่ปุ่นเมื่อพ.ศ. 2505 ขณะนั้นมีอายุเพียง 20 ปี ได้ไปฝึกงานกับบริษัทโตโฮเรื่องการทำสเปเชียลเอฟเฟค ในช่วงนั้นกำลังมีการถ่ายทำเรื่อง “คิงคองปะทะก็อตซิลล่า” และได้มีโอกาสพบปรมาจารย์หนังไซไฟญี่ปุ่น อจ. เอยิ ซึบูราญ่า ที่ต่อมาเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทซึบูราญ่า โปรดักชั่น และ โทรุ นาริตะ นักดีไซน์เนอร์




ข้อความที่เอยิเขียนให้สมโพธิเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า “สมโพธิคุง กัมบาเระ (1962 หรือ ปี 2505)” แปลว่า “พยายามเข้านะ คุณสมโพธิ”

เมื่อเรียนจบเขาก็กลับมาทำงานที่ธนาคารออมสิน ก่อนจะลาออกมาลงทุนสร้างภาพยนตร์ทีวีตามใจหวัง เรื่องแรกเรื่องไกรทอง ด้วยวัยเพียง 23 ปี ทำให้เขาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีอายุน้อยที่สุดในขณะนั้น และ 3 ปีต่อมาเขาก็เบนเข็มไปสร้างภาพยนตร์เพื่อฉายตามโรงหนัง โดยมี “ท่าเตียน” เป็นหนังเรื่องแรก และหนังทุกเรื่องต่อมาของไชโยจะใช้ชื่อลูกชายของลุงสมโพธิ (พีระศิษฎ์) เป็นผู้กำกับ



บริษัทไชโย ภาพยนตร์ นั้นเป็นชื่อที่หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 13 ของไทยตั้งให้ ท่านบอกว่าชื่อ บริษัทไชโย แปลว่าผู้ชนะ คือชนะทุกสิ่งทุกอย่างในโลก



สมโพธิและ “ยอดมนุษย์”

ในมุมมองของสมโพธิ ตัวเอกของเรื่องก็ไม่ควรจะเป็นสัตว์ประหลาด แต่น่าจะนำคนมาสวมบทพระเอกผู้ปราบอธรรมมากกว่า ดังนั้นต่อมาในปี 2506 สมโพธิจึงเสนอไอเดียกับอาจารย์เอยิ ว่าเขาจะหาคาแร็คเตอร์ของพระเอกที่เป็นมนุษย์มาปราบคิงคองและก็อตซิลล่า และสร้างเป็นภาพยนตร์ทีวี นี่เองจึงเป็นที่มาของ ‘อุลตร้าแมน’ ยอดมนุษย์ขวัญใจเด็กๆ ตัวแรก ของญี่ปุ่นที่ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2509

...ชื่อ “ยอดมนุษย์” นี่ผมเป็นคนตั้งเอง คือจริงๆแล้วพระพุทธเจ้าท่านก็เป็นมนุษย์ แต่ท่านสั่งสมความดีจนสามารถ ตรัสรู้ธรรม ท่านจึงเป็นยอดแห่งมนุษย์ แรงบันดาลใจเกิด จากตรงนี้ ผมจึงนำภาพถ่ายพระพุทธรูป 3 องค์ ไปให้อาจารย์เอยิดู ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยและอยู่ในจังหวัดสุโขทัยทั้ง 3 องค์ คือพระปางลีลา จากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พระปางห้ามญาติ วัดสะพานหิน และพระอัฏฐารส ปางเปิดโลก ซึ่งอาจารย์เห็นแล้วชอบมาก ท่านจึงให้นำพระพุทธรูปดังกล่าวมาเป็นต้นแบบในการร่างคาแร็กเตอร์ของยอดมนุษย์ โดยมีโทรุ นาริตะ เป็นผู้เขียน แบบตามที่ผมบอก

นอกจากนั้นอาจารย์เอยิยังสังเกตเห็นว่าพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์มีท่าทางไม่เหมือนกัน ผมก็อธิบายว่านี่คือปางต่างๆของพระพุทธรูป เช่น ปางห้ามญาติ ปางเปิดโลก แต่ละปาง ก็มีพุทธานุภาพไม่เหมือนกัน อาจารย์ก็รู้สึกทึ่ง และบอกว่า น่าจะนำท่าทางเหล่านี้มาดีไซน์เป็นท่าไม้ตายในการปราบสัตว์ประหลาด จนสุดท้ายก็ออกมาเป็นท่าปล่อยแสง

นอกจากคาแร็คเตอร์ของอุลตร้าแมนแล้วเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังนำเอาธรรมะขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ามาเป็นแก่นแกนในการดำเนินเรื่อง เพื่อให้เด็กๆ ซึมซับในเรื่องของคุณธรรม โดยให้อุลตร้าแมนเป็นตัวแทนของความดีหรือฝ่ายธรรมะ และให้สัตว์ประหลาดเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายหรือฝ่ายอธรรม



 “ผมและอาจารย์เอยิมีจุดประสงค์ตรงกันในการสร้างภาพยนตร์เรื่องอุลตร้าแมน คือต้องการให้เด็กในรุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีธรรมะ จะได้ไม่ต้องมาเข่นฆ่ากันอีก ซึ่งเรื่องพวกนี้เราต้องปลูกฝังกันตั้งแต่เด็กๆ โดยผมเป็นคน กำหนดเนื้อหาที่เป็นแก่นของเรื่อง คือธรรมะย่อมชนะอธรรม ส่วนรายละเอียดในแต่ละตอนคนญี่ปุ่นจะเป็นคนเขียน

เราไม่ได้นำพระพุทธรูปมาล้อเล่นนะครับ แต่นำคาแร็คเตอร์ของท่านมาเป็นต้นแบบ เพราะโครงเรื่องของเราคือเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะชนะอธรรม ซึ่งก่อนที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้นั้นท่านต้องปราบพวกมารมากมาย สัตว์ประหลาดในเรื่องอุลตร้าแมนก็เหมือนกับมาร ส่วนอุลตร้าแมนจะเป็นฮีโร่ที่มีความเมตตา บางทีจับสัตว์ประหลาดได้ก็พาไปส่งที่ดวงดาวที่สัตว์ประหลาดอยู่

คาแร็คเตอร์ของสัตว์ประหลาดนั้นเราจะไม่ให้ออกมาในแนวดุร้าย แต่จะดูตลก คาแร็คเตอร์ของสัตว์ประหลาดบางตัวนั้นเรานำมาจากตัวโกงในเรื่องรามเกียรติ์ เช่น ทรพี ทรพา ลวดลายบนตัวของสัตว์ประหลาดบางตัวก็มาจากลาย บ้านเชียง เพราะช่วงที่ผมไปญี่ปุ่นตอนนั้นคนกำลังเห่อลาย บ้านเชียง ส่วนการต่อสู้ระหว่างอุลตร้าแมนและสัตว์ประหลาดก็จะไม่มีภาพที่น่ากลัว เลือดสาดเหมือนอย่างการ์ตูนสมัยนี้ ซึ่งผมมองว่ามัน
ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนก้าวร้าว และโหดร้ายโดยไม่รู้ตัว” ... สมโพธิ กล่าว

ตอนที่ ๔ ปัญหาในซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์...อดีตจวบปัจจุบัน

เอยิ ซึบูราญ่า เสียชีวิตเมื่อเดือนมกราคมปี 2513 ด้วยวัย 69 มีงานที่เกี่ยวกับอุลตร้าแมนอยู่ 2 เรื่องคือ อุลตร้าแมน กับ อุลตร้าเซเว่น แต่ถ้าจะนับรวมปฐมบท อย่าง อุลตร้าคิวด้วยอีกเรื่องก็ไม่ผิดประการใด ลูกชายคนโต ฮาจิเมะ 円谷一 จึงมารับงานต่อในขณะที่ซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ เริ่มมีปัญหาทางการเงินแล้ว



ฮาจิเมะ เป็นมือขวาของคุณพ่อมาตลอด เพลงไตเติ้ลหนังทีวีของซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ ฮาจิเมะเป็นคนเขียนแทบทั้งนั้น ทั้งแกยังให้เสียงอุลตร้าแมนตอนแรกที่คุยกับฮายาตะในลูกบอลทรงกลมสีแดง (เป็นด้วยความบังเอิญเพราะคนพากย์ตัวจริง มาซาโอะ นากาโซเนะ ติดธุระ มาซาโอะคือต้นเสียงอมตะ Shuwatch! シュワッチ!   นั่นเองครับ)

ในยุคฮาจิเมะ มีหนังทีวีซีรี่ส์อุลตร้าแมนตอนสั้นๆอย่าง อุลตร้าไฟท์ ภาพยนตร์ชุดอุลตร้าแมนเรื่อง รีเทิร์น ออฟ อุลตร้าแมน (ชื่อก็บอกแล้วว่าตั้งใจจะเอาอุลตร้าแมนตัวแรกกลับมา แต่สุดท้ายก็ปรับเป็นตัวใหม่เพื่อการตลาด บ้านเรายุคนั้นก็มักเรียกว่า “แมน 2” หรือไม่ก็ “นิวแมน” มาเรียกว่า อุลตร้าแมนแจ็ค เอาก็ปี 2527 ที่มีหนังโรงฉบับพิเศษของโซฟี่) มิเรอร์แมน (ชื่อไทย เงาอภินิหาร) แต่ในขณะที่กำลังถ่ายทำ อุลตร้าแมนเอซ (บ้านเราเรียก อุลตร้าแมนเอ) ฮาจิเมะก็เสียชีวิตด้วยอาการเลือดออกในสมอง (ปี 2516) ด้วยอายุเพียง 39 เพียงแค่ 3 ปีหลังมารับช่วงจากบิดา

มรดกจึงตกทอดสู่น้องชายของฮาจิเมะที่ชื่อ โนโบรุ 円谷皐 ผู้สร้างเรื่องราวที่เรากำลังคุยกันเป็นมหากาพย์ 40 ปีเรื่องนี้และเป็นการเข้าสู่ยุคมืดมัวของซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ และอุลตร้าแมน 20 ปี (1975 ถึง 1995)



ยุคโนโบรุ มี อุลตร้าแมนทาโร่ (1974) และ อุลตร้าแมนเลโอ (1975) โดยตั้งแต่กลางๆเรื่องอุลตร้าแมนเลโอ สภาพเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลกทำหนังฮีโร่ญี่ปุ่นเดี้ยงไปทั้งวงการ

อุลตร้าแมนหายไปจากจออยู่ 4 ปีจึงมี "ดิ อุลตร้าแมน" (โจเนียส) เป็นอนิเมะออกมาในระหว่างปี 1979-80 เพื่อลดต้นทุน แต่คนดูยังอยากเห็นฮีโร่ร่างยักษ์ในแบบเดิมมากกว่า

อุลตร้าแมน 80 เป็นการกลับมาเต็มตัวของอุลตร้าแมนซีรี่ส์ แต่ก็ต้องหยุดซีรี่ส์ไปอีกพักใหญ่ๆ

อันโดรเมรอส เป็นหนังสั้นต้นทุนต่ำตอนละ 10 นาทีออกฉายปี 1983

อุลตร้าแมน USA เป็นอนิเมะร่วมมือกับ Hanna-Barbera Productions ในอเมริกา ฉายในอเมริกาปี 1987 และในญี่ปุ่นปี 1989

อุลตร้าแมนเกร็ท ถือเป็นอุลตร้าซีรีส์เรื่องแรกในยุคเฮเซ (ยุคจักรพรรดิอากิฮิโตะ) ร่วมทุนกับบริษัทในออสเตรเลีย South Australian Film Corporation ถ่ายทำที่เมือง Adelaide เพื่อลดต้นทุน (ยุคนั้นหนังทีวีอเมริกาอย่าง Mission Impossible ปี 1998-89 ก็ไปถ่ายทำที่ออสเตรเลียเพื่อลดต้นทุน) ในญี่ปุ่นทำเป็นโฮมวีดิโอ กับ เลเซอร์ดิสค์ ออกมาขายในปี 1990 ส่วนฉายทางฟรีทีวีก็อีก 5 ปีให้หลัง (1995) และเอาไปฉายในอเมริกาปี 1992

จึงมีซีรีส์ อุลตร้าแมนพาวเวิร์ด ที่ร่วมทุนกับ Major Havoc Entertainment (ปัจจุบันคือ Steppin Stone Entertainment) ถ่ายทำในแอลเอ ทำเป็นโฮมวีดิโอขายในญี่ปุ่นปี 1993 ส่วนฟรีทีวีก็ต้องปี 1995 อีก 2 ปีให้หลัง แม้จะถ่ายทำในอเมริกาแต่ทว่าเรื่องนี้ไม่เคยฉายทางทีวีในอเมริกาเลย

ทั้งเกร็ทและพาวเวิร์ดเลยเป็นแค่ 2 เรื่องที่ผลิตนอกญี่ปุ่น หลังจากนั้นก็กลับไปถ่ายทำในญี่ปุ่นมาตลอด

ทั้งหมดนี้อยู่ในยุคมืดของซึบูราญ่า โปรดัคชั่นส์ ครับ

โนโบรุเสียชีวิตเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ปี 2538 (1995) ด้วยโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ลูกชาย คาซูโอะ 円谷一夫 จึงมารับช่วงต่อ



และเป็นยุคที่อุลตร้าแมนเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาในญี่ปุ่นอีกครั้ง โดยมี อุลตร้าแมนเซิร์ท (2 ภาคในปี 1996 กับ 1997 เป็น OVA) เป็นซีรีส์ฉลองครบรอบ 30 ปีของอุลตร้าแมน

ตามมาด้วย ทีก้า (96-7) ไดน่า (97-8) ไกอา (98-9) เนออส (2000-1 เป็น OVA) และ คอสมอส (2001-2)

เนออสนั่นเดิมทีเป็นโครงการปี 1996 ฉลองซีรีส์อุลตร้าแมนครบ 30 ปีกะว่าจะทำเป็นซีรีส์ยาวอย่าง อุลตร้าแมน 80 แต่โครงการโดนเก็บขึ้นหิ้ง ต่อมาเอากลับมาทำเป็น OVA 12 ตอนจบ

จบซีรีส์คอสมอส อุลตร้าแมนหายไปอีกพักเล็กๆอีก 2 ปี

อุลตร้า N โปรเจ็ค เป็นโครงการใหญ่ของคาซูโอะ ประกอบด้วยหนังโรง อุลตร้าแมน-2004 หนังทีวีซีรี่ส์ เน็กซัส- 2004-5 และ โนอา สำหรับอีเว้นต์ แต่หนังทีวีไม่ได้รับความนิยมเพราะเนื้อเรื่องกลายเป็นหนังสำหรับผู้ใหญ่แต่ดันไปฉายเวลาของเด็ก แต่พอเอามาฉายอีกครั้งหลังเที่ยงคืน เรตติ้งกลับดีขึ้นมาก

อุลตร้าแมนตัวต่อมาเลยต้องกลับไปเป็นแบบเดิมที่มีสัตว์ประหลาดสัปดาห์ละ 1 ตัวให้อุลตร้าแมนพิทักษ์โลก โดยมี แม็กซ์ (2005-6) และ เมบิอุส (2006-7)





อ่านต่อคลิกที่นี่<noembed /></a></p> </body></body>




Create Date : 26 พฤษภาคม 2556
Last Update : 26 พฤษภาคม 2556 13:52:35 น. 0 comments
Counter : 7201 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

assuming
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add assuming's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com