ใดๆในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมติ
 
สรุปย่อหนังสือ "Happy แบรนด์พลิกคน คนพลิกแบรนด์"


 ผมเป็นคนที่ยึดมั่นในแบรนด์ดีแทคมาตลอด ตั้งแต่โฆษณาตอนเปิดตัวว่า ทุกๆสิ่งในเมืองไทยจะDขึ้น ผมก็ตัดสินใจเลือกระบบมือถือแรกในชีวิตให้ตัวเองได้ทันที

    





แต่ความเป็นจริงแล้ว หลังจากรวมหุ้นกับเทเลเนอร์(นอร์เวย์) หลายๆสิ่งในดีแทคกลับแย่ลง ทั้งเรื่องการเมืองที่มากเกินไป ทำให้ระบบขั้นตอนต่างๆเป็นไปได้ช้ามาก ผ่านไป3ปี มีโปรโมชั่น Dflexออกมาเพิ่มแค่อย่างเดียวเท่านั้น
การเงินก็ย่ำแย่ เพราะใช้เงินกับโฆษณามากไป แถมเจอคู่แข่งใหม่อย่างorangeที่ตีตลาดจนลูกค้าหายหมด
   
     จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบซีอีโอคู่คือคนวิชัย และซิกเว่ หลายๆสิ่งก็เริ่มดีขึ้นจริงๆ ทั้งสองคนจัดระบบการทำงาน โดยไม่ให้มีชั้นของการสั่งงานเยอะเกินไป มีการตั้งเป้าหมายที่ยากเย็นแสนเข็น เช่นเพิ่มรายได้ของบริษัทให้ได้ 30% ในสามเดือน
    
     แต่ก็เป็นเรื่องแปลก เป้าหมายที่ทุกคนบอกว่าทำไม่น่าจะทำสำเร็จ ถึงเวลาจริงๆก็ทำได้เกือบทุกครั้งไป อย่างน้อยการมาของคู่หูซีอีโอ ก็เป็นการ"หยุดเลือด"ที่ไหลไม่หยุดของดีแทคได้ชั่วคราว  ปัญหาต่อไปคือจะสร้างเส้นเลือดใหม่ๆ มาหล่อเลี้ยงบริษัทได้อย่างไร
    
       ซีอีโอได้มอบหมายให้คุณธนา เธียรอัจฉริยะ ที่มีพื้นฐานด้านไฟแนนซ์มาเต็มเปี่ยม มาพัฒนาDpromtที่มีภาพลักษณ์ย่ำแย่เหลือเกินในตอนนั้น
 
      คุณธนา เลือกทีมงานที่ไว้ใจได้  5 คน มาพัฒนาDpromt พร้อมคำปรามาสจากคู่แข่งซึ่ง เป็นทีมการตลาดมืออาชีพว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างไร

      ถึงคุณธนา ไม่เคยมีพื้นฐานด้านการตลาด แต่เขาก็เลือกทำในสิ่งที่ง่ายที่สุด สำหรับการวิจัยการตลาด นั่นคือการเดิน สังเกตุ และพูดคุยอย่างตรงไปตรงมา ทำให้เข้าได้รับข้อมูลหลายๆอย่างที่น่าสนใจ และไม่เคยรู้มาก่อน
      
      สุดท้ายธนาและทีมงาน เลือกใช้สีแดง ซึ่งดูเด่นกว่าของคู่แข่ง พร้อมกับสร้างภาพลักษณ์ ความใจดีเป็นจุดขาย ฉีกหนีกับคู่แข่งที่ใช้กลยุทธคุณภาพของสัญญาณ(เอไอเอส) และกลยุทธ์ราคา(Orange)อย่างชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่มาจากช่องว่างที่แทบไม่มีใครมองเห็น แต่มาจากการ"เดิน"อย่างแท้จริง
     
      จากข้อมูลของธนา เขาพบตัวเลขโดยบังเอิญว่า  60% ของจำนวนการโทรทั้งหมด คนใช้โทรศัพท์ไม่ถึง 1 นาที นั่นทำให้ดีแทคเป็นเจ้าแรกที่เลือกโปรโมชั่นค่าโทร สามนาทีแรก 2.5  บาท และ50สตางค์ในนาทีที่สี่ ก่อนที่จะมีการแข่งขันรุนแรงจนเกิดโปรโมชั่นลักษณะนี้เต็มไปหมด
    
      แม้จะประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่การเติบโตก็ยังเป็นไปได้ช้า ธนา ค้นพบด้วยการเดินอีกว่า บริษัทคู่แข่งมักจะเลือกขายแต่Dealerเจ้าใหญ่เพียงไม่กี่ร้อยเจ้า แต่ขณะที่ร้านค้ารายย่อยจำนวน กว่า 15,000 แห่ง เป็นช่องว่างที่เจ้าใหญ่ทิ้งไว้ให้ เพราะเขาคงไม่มีเวลาลงไปใส่ใจรายย่อยได้ขนาดนั้น
   
      ดีแทคจึงรื้อทีมขายออกทั้งหมด และคัดคนที่พร้อมจะลุย ขับรถกระบะไปคุยกับรายเล็กๆ อย่างไม่ต้องรู้สึกเสียฟอร์มที่เคยรุ่งโรจน์ในอดีต พร้อมกับเป้าหมายมัดใจรายย่อย 15,000 ด้วยผลตอบแทนที่เป็นธรรม และความเชื่อมั่นในการจ่ายเงินที่ตรงเวลา
  
     ถึงช่วงแรกจะยากลำบาก แต่ดีแทคแสดงถึงความจริงใจ และพูดจริงทำจริง พยายามแก้ปัญหาให้ด้วยความรวดเร็ว ซึ่งเป็นคำที่คุณซิกเว่ ชอบยกมาใช้ การแนะนำปากต่อปาก ร้านต่อร้าน ก็เริ่มแพร่ออกไป สิ่งที่ได้คือดีแทคมััดใจร้านค้ารายย่อยได้ และเมืื่อเขารู้สึกดี ก็จะช่วยโฆษณา ช่วยเชียร์ให้ โดยไม่จำเป็นต้องมาดูที่ผลตอบแทนที่ได้

      เรียกได้ว่า เวลาเขาเป็นรายย่อย ดีแทคก็ดูแลเขา ในลักษณะที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน ช่องทางการขายที่เป็นปัญหาก็หายไป พร้อมกับสร้างเครือข่ายที่แข็งแรงสำหรับการขยายตัวในอนาคต
    
      ถึงทุกวันนี้ดีแทคก็ยังคงอาศัยกลยุทธการเดินเป็นหลัก ในการเก็บข้อมูล ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่แท้จริง ดีกว่าการจ้างบริษัทวิจัยการตลาดแพงๆเป็นไหนๆ การได้มาซึ่งข้อมูลที่ถูกต้องก็ต้องมีความจริงใจก่อน และถ้าคุณได้ข้อมูลที่ถูกต้องก็จะทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น และถูกทาง
    
      สุดท้ายแล้วการตลาดด้วยวิธีเดิน เป็นอะไรที่ง่ายๆ ประหยัดไม่เสียเงิน แต่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก


      "สรุปย่อจากหนังสือ Happy Brandพลิกคน คนพลิกBrand"









Free TextEditor


Create Date : 16 มิถุนายน 2553
Last Update : 16 มิถุนายน 2553 21:23:52 น. 1 comments
Counter : 8023 Pageviews.  
 
 
 
 
เขียนดีมากเลยครับ
 
 

โดย: จอม IP: 61.47.119.115 วันที่: 25 พฤษภาคม 2554 เวลา:14:55:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

assuming
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add assuming's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com