ใดๆในโลกล้วนเป็นสิ่งสมมติ
 
 

ฝึกงานคนเดี่ยวในปักกิ่ง ตอนที่ 5/18 อยู่อย่างมนุษย์ออฟฟิศ

บทที่ 5 อยู่อย่างมนุษย์ออฟฟิศ

                ย่านxīngmén(ฟู่ซิ่งเหมิน) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่าไฟแนนเชี่ยล สตรีท ถือเป็นแหล่งที่ตั้งของสถาบันการเงินชั้นนำของประเทศมากมาย เมื่อมีตึกสำนักงานอยู่มากมาย มนุษย์ออฟฟิศก็ต้องเยอะตามไปด้วย
                บริษัท Green Futures ตั้งอยู่ชั้น 20 ของอาคาร Investment Plaza มีหน้าที่เป็นนายหน้าขายตลาดสารอนุพันธ์ หรือเรียกอีกอย่างว่าสัญญาซื้อขายสินค้าล่วงหน้า
                ยกตัวอย่างง่ายๆ น้ำมัน ข้าว ยางพารา ที่ราคาแพงขึ้นก็มาจากกลไกของตลาดประเภทนี้
                นักลงทุนแค่จ่ายเงินมัดจำ ก็จะได้สัญญามาครอบครอง ถ้าคาดการณ์ราคาสินค้าในอนาคตถูกก็กำไรเละ
เพราะเลือกที่จะซื้อหรือขายก่อนก็ได้
                หากนักลงทุนคาดว่าทองคำจะถูก ก็สามารถขายสัญญาล่วงหน้าได้แม้ไม่มีของอยู่ในมือ เมื่อราคาลงไปจริงๆ ก็ปิดสัญญาเพื่อจะได้กำไรจากส่วนต่าง โดยไม่ต้องส่งมอบสินค้าแต่อย่างใด
                เรียกว่าลงทุนน้อย ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงก็สูงด้วย หากเกิดความผิดพลาดในตลาดนี้ จะต้องขาดทุนยิ่งกว่าหุ้นตกเหว
                พี่เฝิง เซ่า หยาง เป็นเพื่อนร่วมงานที่โต๊ะติดกัน ผมมักจะปรึกษาขอความรู้จากตลาดอนุพันธ์แห่งนี้จากเขาเสมอ
                หน้าที่ของมาร์เกตติ้งที่นี่ ต่างจากที่เมืองไทยอย่างหนึ่ง คือจะให้คำปรึกษาแก่ลูกค้าเท่านั้น ไม่ต้องป้อนคำสั่งซื้อขายใดๆทั้งสิ้น ลูกค้าต้องทำเองผ่านระบบอินเทอร์เนต ซึ่งก็ดูเหมาะสมกับสไตล์การลงทุนแบบจีนดี หากตัดสินใจลงทุนพลาดจะไม่สามารถโทษบริษัทได้เลย
                ผมถามพี่เฝิงว่า ลูกค้าของเขาที่ขาดทุนมากที่สุดคิดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
                พี่เฝิงให้คำตอบที่แปลเป็นภาษาไทยได้ว่า “แม้แต่สตางค์แดงเดียวก็ไม่เหลือ” หมายถึงลงทุนเท่าไหร่ ก็กลายเป็นศูนย์ แต่ก็มีด้านหนึ่งก็มีคนได้กำไรหลายสิบเท่าของเงินลงทุนเช่นกัน เพราะตลาดนี้มีความผันผวนมากกว่าที่นักลงทุนธรรมดาจะมาลองของได้ จำเป็นต้องมีประสบการณ์ และวินัยในการลงทุนอย่างมาก
                                วิกฤตการณ์เงินรอบใหม่ที่เริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มจากสถาบันการเงินชั้นนำต้องการผลตอบแทนที่มากเป็นพิเศษ จึงนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงด้วยสัดส่วนที่มากเกินความพอดี
                เมื่อเกิดปัญหาขึ้นจึงนำมาสู่การล่มสลายของสถาบันการเงินชั้นนำมากมาย
ส่วนคนที่ได้กำไรนั้นจากตลาดแห่งนี้ พี่เฝิงบอกว่าเดือนเดียวได้กำไรสองเท่าของเงินลงทุนครั้งแรกก็มี
                แต่ตราบใดที่ยังอยู่ในโลกตลาดล่วงหน้า มีการซื้อการขาย ก็ย่อมมีคำว่ากำไรและขาดทุนคละเคล้ากันไป สิ่งสำคัญคือเมื่อเลิกลงทุนในตลาดอนุพันธ์แล้วจะจะเหลือกำไรทั้งหมดเท่าไหร่ต่างหาก
เมืองไทยก็มีตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้านี้อยู่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าสินค้ายังมีอยู่จำกัดแค่ข้าว ยางพารา และมันสำปะหลังเท่านั้น ทั้งยังอยู่ในระยะแรกเริ่ม ไม่ค่อยได้รับความนิยมเหมือนในตลาดหุ้น
                ชีวิตตอนเช้าของผมจะมาถึงแปดโมงตรง เริ่มทำงาน8.20 มีเวลาพอให้ไปกินข้าวเช้าบ้าง แต่อาหารการกินย่านออฟฟิศของปักกิ่งนั้นดูจะมีตัวเลือกน้อยเหลือเกิน
                หากเทียบร้านอาหารระดับรากหญ้าข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ฟู้ดคอร์ท มีอยู่เพียงแค่ 2-3แห่งเท่านั้นในถนนแห่งนี้ โดยเฉพาะอาหารเช้ามีแค่ที่เดียวคือชั้นใต้ดินของตึกที่ผมทำงานอยู่ เป็นลักษณะบุฟเฟ่ต์ ซึ่งร้านนี้มีการควบคุมรสชาติของอาหารเป็นอย่างดี เพราะไม่เคยมีการเปลี่ยนรายการอาหารเลย ตลอดช่วงที่ผมฝึกงานอยู่ที่นั่น
โจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ไข่ต้ม น้ำเต้าหู้ ทุกวันร้านเขาก็ทำอยู่แค่นี้ ไม่มีอะไรใหม่เลย
กินซ้ำๆไปทุกวันก็เริ่มหวาดกลัว โจ๊ก ข้าวต้ม ปาท่องโก๋ ไข่ต้ม น้ำเต้าหู้  
ชีวิตตอนเที่ยงก็ไม่ต่างกัน ถ้าไม่ออกไปทานที่ร้านเดิมๆ ก็สั่งอาหารชุด มีกับข้าวอยู่สามสี่อย่าง วนเวียนไปเรื่อยๆ    
คนจีนจะคุ้นเคยกับการกินอาหารวนเวียนแบบนี้ เพราะสะดวก รวดเร็วและประหยัด พวกเขาไม่มีปัญหาที่ต้องกินอาหารเหมือนกันอาทิตย์ละห้าวันเหมือนผม ชีวิตในตอนนั้นจึงมีทางเลือกอยู่สองอย่าง
ถ้าไม่ปรับตัวก็ต้องปรับลดน้ำหนักแทน
                สาเหตุที่มนุษย์ออฟฟิศไม่มีตัวเลือกในการกินมากนักเพราะค่าเช่าพื้นที่ในย่านนี้สูงมาก ทำให้ร้านอาหารแบบธรรมดาสู้ค่าใช้จ่ายไม่ไหว ไม่สามารถทำกำไรได้ ร้านที่มาเปิดส่วนใหญ่จึงเป็นร้านระดับสี่ดาวขึ้นไป หรือแฟรนไชส์อินเตอร์ทั้งนั้น
                ความสุขที่สุดของมนุษย์ออฟฟิศแถวสีลมคือการเดินซอยละลายทรัพย์ตอนเที่ยง
                แต่สำหรับผมคือตอนเลิกงาน
                 เพราะผมสามารถไปดูหนัง เดินเล่น ซื้อของได้อย่างอิสระ และที่สำคัญคือ
เป็นมื้อเดียวที่ผมจะเลือกกินสิ่งที่ใจต้องการได้
ชอปปิ้งใจกลางเมือง
西dān(ซีตัน)
สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西dānซีตัน
แหล่งชอปปิ้งสำหรับคนจีนอย่างแท้จริง เป็นที่รวบรวมกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ตุ้มหู กิฟท์ชอบ ฯลฯ รวมถึงศูนย์กลางความบันเทิงหลากหลายชนิด ทั้งโรงหนัง โบว์ลิ่ง เกมส์ ผับ ฯลฯ
มีอะไรบ้างในซีตัน
Beijing Books Building běijīngshūshà(เป่ยจิงถูซูต้าซ่า)
สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西dān(ซีตัน)ทางออกA
ร้านหนังสือที่ใหญ่ที่สุดในปักกิ่ง
77th Street 西dānwénhuà广guǎngchǎng (ซีตันเหวินฮั่วกวงฉ่าง)
สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 西dān(ซีตัน)ทางออก B
แหล่งชอปปิ้งของวัยรุ่น ลักษณะคล้ายกับโบนันซ่าสยามสแควร์
ห้างอื่นๆรอบ XIDAN
Gaodeng Plazagāodēngshà (เกาเติงต้าซ่า)
เป็นห้างที่รวมของกิฟท์ชอบไว้มากมาย เช้นบนขายเสื้อผ้า เปรียบเสมือนมีโบนันซ่าและละลายทรัพย์รวมกันอยุ่ที่เดียว
Xidan Shopping Center 西dāngòuzhōngxīn(ซีตันกั้ววู่จงซิน)
Grand Palace běijīngjūntàibáihuò(เป่ยจิงจวินไท้ไป๋ฮั่ว) รวมสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง
Joy City yuèchéng(ต้าเหย่วฉาง) ห้างสุดฮิบมีสไตล์เหมือนเอสพานาร์ดรัชดา
Xidan Department Store 西dānshāngchǎng
แหล่งรวมของก๊อปขึ้นชื่อ
แหล่งชอปปิ้งของฝากครบครันในที่เดียว
Silk Market xiùshuǐjiēซิ่วสุ่ยเจีย
สถานีรถไฟฟ้าสาย 1  yòngān(ยงอันหลี่)
แหล่งเสื้อผ้า เครื่องประดับ นาฬิกาก๊อปปี้ จากสินค้าแบรนเนมยี่ห้อดังมากมายฯลฯ เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติมาเดินจับจ่ายใช้สอยกัน หากเลือกซื้อของที่นี่ควรจะมีทักษะในการต่อรองราคาบ้าง เพราะสินค้าทุกชนิดจะถูกบอกราคาให้แพงกว่าปกติถึงหลายเท่าตัว





 

Create Date : 18 เมษายน 2558   
Last Update : 18 เมษายน 2558 14:55:55 น.   
Counter : 2150 Pageviews.  


ฝึกงานคนเดี่ยวในปักกิ่ง ตอนที่ 4/18 ปักกิ่งไม่ได้มีแค่เป็ด

บทที่ 4  ปักกิ่งไม่ได้มีแค่เป็ด.

                ตามวัฒนธรรมจีนนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องอาหารการกินอยู่เสมอ เจอกันก็ทักว่ากินข้าวหรือยัง ทำความรู้จักกันครั้งแรกก็เลี้ยงข้าว พอต้องจากกันก็เลี้ยงส่ง ในฐานะน้องใหม่ของบริษัท เพื่อนร่วมงานจึงพาผมไปทานอาหารกลางวันกันทั้งแผนก  
ปักกิ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน อาหารทะเลจึงเป็นของหายาก และมีราคาแพง เวลาสั่งปลาบางชนิด จะบอกราคาเป็นขีดให้ในเมนู ถ้าเอา ก็ต้องเลือกจากในตู้ปลาไปชั่งน้ำหนักไปเลยว่าเท่าไหร่
                หลังจากสั่งอาหารเสร็จสักพัก พนักงานเดินเข้ามาบอกว่าปลาที่สั่งมีน้ำหนัก 3 ขีดครึ่ง ราคาขีดละ 30หยวน
                เพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง เดินตามออกไปดูที่ตาชั่งอีกทีให้แน่ใจ ปรากฏว่าน้ำหนักจริงๆเพียงแค่ 2.7 ขีด ทุกคนรู้ก็พร้อมใจกันโวยขึ้นมา สร้างความตระหนกตกใจให้ผมเป็นอย่างยิ่ง
                สักพักหัวหน้าแผนกชื่อคุณหลู ก็บอกว่าไม่เป็นไร กินก่อน เดี๋ยวค่อยเคลียร์ทีหลัง ทุกคนก็เห็นด้วย และตั้งหน้าตั้งตากิน มีแต่ผมที่นั่งงงอยู่คนเดียวว่าเขาจะเคลียร์ทีหลังกันได้อย่างไร
                ผู้ชายในแผนกส่วนใหญ่สั่งเบียร์ และเหล้าขาวมาดื่ม ทั้งที่เป็นมื้อกลางวัน ผมเลยถามว่าไม่เป็นไรหรือ
“ถ้ากลับไปทำงานได้ตามปกติในตอนบ่าย จะดื่มอะไรตอนเที่ยงก็ไม่มีปัญหา”
ในเมืองไทย แม้แต่ในการพบปะของนักธุรกิจในมื้อกลางวัน ก็ไม่ค่อยปรากฏว่ามีเครื่องดื่มมึนเมาเป็นส่วนประกอบ 
ลองมีกลิ่นแอลกอฮอล์ติดตัวกลับออฟฟิศตอนบ่าย คงไม่มีใครสนใจว่าจะทำงานได้ปกติหรือไม่   น่าจะโดนอเปหิไปหาออฟฟิศใหม่เลยมากกว่า
เมื่อแต่ละคนอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลา “เคลียร์” ตามที่คุณหลูบอก เริ่มด้วยการเรียกพนักงานมาเช็คบิลก่อน
พนักงานเดินหน้าจ๋อยเข้ามาบอกว่า ทางร้านขอโทษที่ชั่งน้ำหนักปลาผิด พร้อมกับลดให้ 20 หยวน
                ทุกคนตะโกนพร้อมกันว่าไม่ได้ต้อง 200 หยวน
                ผมนั่งอึ้งกิมกี่ การคิดน้ำหนักปลาผิดไปประมาณ 1 ขีดก็มีมูลค่าไม่เกิน 30 หยวนเท่านั้น ทำไมร้านต้องชดใช้ถึง 200 หยวนด้วย
                ผู้จัดการมาเคลียร์ก็บอกว่าลดขนาดนั้นไม่ได้ ถึงจะเป็นความผิดพลาดของร้านก็ตาม แต่ทางเราก็ไม่ยอมท่าเดียว สุดท้ายต้องโทรศัพท์ให้เจ้าของร้านตัดสินใจ หลังจากที่คุณหรูได้คุยกับเจ้าของร้านเล็กน้อย เรื่องก็จบด้วยความรวดเร็ว
                เราได้ลด 200 หยวน พร้อมกับบัตรลดสิบเปอร์เซ็นต์ในครั้งหน้า
                ระหว่างทางเดินกลับผมคุยกับคุณหรู เพื่อคลายข้อข้องใจในเรื่องของส่วนลดที่มูลค่าสูงขนาดนั้น เธอบอกว่า ตามปกติถ้าร้านค้าทำผิดพลาด หลอกลวงเงินลูกค้า ต้องชดใช้เป็นมูลค่า 10 เท่า แต่เขานั้นใจดี คิดแค่ 200 หยวนถ้วนๆก็พอ
                เธอย้ำว่า มันเป็นหลักปฏิบัติกันสากลมิใช่หรือ เป็นสิทธิที่ลูกค้าควรจะพึงมี เจ้าของยังไงก็ต้องยอม เพราะทางร้านเขามีเจตนาโกงน้ำหนักปลาจริงๆในตอนแรก
                ผมเชื่อแล้วว่าคนจีนใช้สิทธิของผู้บริโภคอย่างเต็มที่จริงๆ
ถ้าอยู่เมืองไทยแล้ว ร้านคิดผิดไปแค่ 20 บาท จะมีคนที่กล้าขอให้ร้านลดราคาให้สัก 100 บาทไหม
Beijing Dadong Roast Duck Restaurant běijīngdǒngkǎodiàn
ร้านเป็ดปักกิ่งที่มีชื่อเสียง ในเรื่องของรสชาติ และบริการ ก่อนไปควรโทรศัพท์ไปจองล่วงหน้า เพื่อ
สาขา dōngshítiáodiànตงซื่อสือเถียว
สถานีรถไฟฟ้าสาย 2 dōngshítiáoตงซื่อสือเถียว 
ที่อยู่东城区东四十条甲22号南新仓国际大厦1-2(东四十条桥西南)
โทรศัพท์ 86-10-51690329
สาขาtuánjiédiàn ถวนเจียหู
สถานีรถไฟฟ้าสาย 10 tuánjié()ถวนเจียหู
ที่อยู่ 朝阳区团结湖北口3号楼(长虹桥东南)
โทรศัพท์ 86-010-65824003, 86-010- 65822892
Donglaishun dōngláishùnสุกี้หม้อไฟจีน
ร้านสุกี้หม้อไฟจีนชื่อดังสไตล์จีน มีมากกว่า 50 สาขาทั่วปักกิ่ง
เวบไซต์ //www.donglaishun.com
โทรศัพท์ 86-010-65280392 , 86-010-65280240
อาหารเสฉวน
Xiaochi Street xiǎochījiēเสี่ยวชือเจีย
ถนนของกินเล่นอันขึ้นชื่อในย่าน wáng(jǐng)(หวางฝู่จิ่ง) ภายในมีร้านขายของที่ระลึก บาร์บีคิว ของกินเล่น บรรยากาศจะเริ่มคึกคักตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเป็นต้นไป
สถานีรถไฟฟ้าสาย 1 wáng(jǐng)หวางฝูจิ่ง
Website รวมของกิน




 

Create Date : 18 เมษายน 2558   
Last Update : 18 เมษายน 2558 14:54:39 น.   
Counter : 1864 Pageviews.  


ฝึกงานคนเดี่ยวในปักกิ่ง ตอนที่ 3/18 เด็กฝึกงาน

บทที่ 3 อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่แน่น

ระบบขนส่งมวลชนนอกจากมีข้อดีที่สามารถขนผู้คนได้จำนวนมากแล้ว ยังทำให้คนเดินทางด้วยเวลาที่กำหนดได้ ไม่ต้องนั่งกังวลใจว่าวันนี้รถจะติดหรือไม่

เมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง อลันบอกกับผมว่า จากที่พักต้องนั่งรถไป 5 นาที เพื่อไปถึงสถานีรถไฟใต้ดินsōng (อู่เคอซง) โดยพวกเราออกไปหน้าประตูที่พักเพื่อเรียกรถ เมื่อผมเห็นเจ้ารถคันที่ว่าครั้งแรกถึงกับอึ้ง

โอ้..มันคือรถสามล้อกับมอเตอร์ไซด์บ้านเรารวมร่างกันดีๆนี่เอง

ข้างหน้าใช้รถมอเตอร์ไซต์ขับเคลื่อน ด้านหลังทำเป็นตู้ขึงด้วยผ้าให้ผู้โดยสารนั่งได้สองคน กันน้ำกันฝนได้อย่างดี และที่สำคัญมีระบบเปิดประตูอัตโนมัติด้วยเชือก

แค่กระตุก ประตูก็เปิด ผมกับอลันขึ้นไปนั่งก็รู้สึกว่าเขาทำได้แข็งแรงดี แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีบ้านๆ

เมื่อรถออกตัวสตาร์ทเท่านั้นแหละ ผมรู้สึกได้เลยว่าเขาคงใช้ระบบปรับอากาศด้วยท่อไอเสียแน่ๆ ควันมอเตอร์ไซด์เข้ามาในห้องผู้โดยสารตลอด ผมแทบหายใจไม่ออก

นอกจากนั้นพี่แกยังขี่สวนทางถนนวันเวย์แบบที่เราดูกันในหนังเมทริกซ์อย่างไรอย่างนั้น

เรียกว่ากว่าจะถึงสถานีรถไฟฟ้าวันแรก ผมก็ทั้งมึนทั้งเสียวจนแทบอาเจียนออกมา แถมรู้สึกชีวิตนี้มีคุณค่าขึ้นอีกเยอะ

ดีจังเลย ที่ดวงไฟชีวิตไม่ต้องดับ ไปพร้อมกับโอลิมปิค 2008!

เมื่อไปถึงนี่นั่น ก็ได้ความรู้ใหม่ว่าตั๋วรถไฟฟ้ามีอยู่สองแบบ คือแบบคูปอง และการ์ดเติมเงิน แตะแล้วเดินผ่าน เนื่องจากผู้โดยสารเยอะ หากใช้ระบบประตูกั้นอัตโนมัติจะทำให้ช้ามาก ทางขนส่งมวลชนจีนจึงเปิดที่กั้นไว้ตลอด แล้วให้เจ้าหน้าที่ยืนเฝ้าแทน

อลันบอกผมว่าไม่ต้องซื้อตั๋วหรอกเขามีการ์ดใช้ของเขาได้ ผมก็ฟังแล้วงงเล็กน้อยว่าการ์ดใบเดียวจะใช้สองคนได้อย่างไร

อลันมองหน้าเจ้าหน้าที่พร้อมแตะบัตรด้านซ้ายหนึ่งที ขวาอีกหนึ่งที แล้วเขาก็ปล่อยพวกเราผ่านไป อย่างมิได้นำพา ทำให้ผมนึกถึงปรัชญาของเติ้งเสี่ยวผิงเรื่องแมวจับหนูว่า “ไม่ว่าจะวิธีการใด ขอให้เก็บค่าโดยสารได้ครบถ้วนถือว่าเป็นวิธีที่ดี”

ในชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟฟ้าจะมา 2 นาทีต่อหนึ่งคัน ผมยืนเข้าคิวตามปกติ และเมื่อรถไฟฟ้ามาถึงผมก็รู้สึกว่ามีแรงผลักมาจากด้านหลังผมให้เข้าไปอยู่ในรถด้วยความรวดเร็ว ไม่ต้องออกแรงก้าวขาเลยแม้แต่น้อย

เมื่ออยู่ข้างในผมรู้สึกถึงแรงบีบอัดจากทุกทิศทาง แน่นจนไม่มีพื้นที่จะขยับตัว ต้องเงยหน้าไปด้านพัดลมดูดอากาศเพื่อไม่ให้ขาดอากาศหายใจจนเกินไป เวลารถเบรกแรงๆ ก็เหมือนกับโดมิโนที่ทำให้ผู้โดยสารกระเด็นไปทั้งคันรถ

สถานีที่ผมลงคือฟูซิงเหมิน xīngmén ที่มีคนขึ้นลงเยอะมาก เพราะเป็นย่านของคนทำงานเหมือนถนนสีลมและสาธร คนเกินกว่าครึ่งหนึ่งจะกรูกันออกจากรถไฟฟ้า ผมก็ไม่ต้องแหวกว่ายผู้คนแต่อย่างใด เพราะมีแรงผลักออกมาจากรถไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ แม้จะใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีในการเดินทาง แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ว่าชีวิตปลากระป๋องเป็นอย่างไร

อลันบอกกับผมว่า วันนี้ดีนะถือว่าไม่ค่อยแน่นเท่าไหร่

การคมนาคมในจีน

IC CARD (IC)

เป็นบัตรเติมเงินใช้ขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ได้ทั่วปักกิ่ง ค่ามัดจำครั้งแรก 20 หยวน หากไม่ใช้บัตรก็ สามารถ ซื้อตั๋วเป็นครั้งๆได้

Subway tiě (ตี้เถี่ย)

มีทั้งหมด 5 สาย ครอบคลุมระยะทางกว่า 129 กิโลเมตร ค่าเดินทาง 2 หยวนตลอดสายต่อหนึ่งครั้ง

(แผนที่เดินรถ + สัญลักษณ์ ภาคผนวก)

รถเมล์ gōngchē (กงเชอ)

เวบไซต์ //www.bjbus.com

ราคาเริ่มต้นที่ 1 หยวน ค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้นตามระยะทาง สามารถค้นหาเส้นทางและค่าโดยสารได้จากเวบไซต์

TAXI 出租车(ชูจูเชอ)

รถแท็กซี่ 2 กิโลเมตรแรก 10 หยวน กิโลเมตรถัดไป 2 หยวน มีระบบพิมพ์ใบเสร็จอัตโนมัติ แจ้งระยะทาง เวลา หมายเลขรถแท็กซี่ และจำนวนค่าโดยสาร เมื่อเวลาเกิดปัญหาขึ้นก็สามารถใช้ใบเสร็จเป็นหลักฐานได้ ผู้โดยสารจึงมั่นใจได้ว่าแท๊กซี่จะไม่พาวนอ้อมโลก






 

Create Date : 18 เมษายน 2558   
Last Update : 18 เมษายน 2558 14:52:53 น.   
Counter : 1915 Pageviews.  


ฝึกงานคนเดี่ยวในปักกิ่ง ตอนที่ 2/18 เด็กฝึกงาน

บทที่ 2 ที่ซุกหัวนอน

แต่ไหนแต่ไรมา คนจีนมีวันหยุดเพียงแค่สามเทศกาล คือตรุษจีน แรงงาน และวันชาติ ทำให้คนจีนส่วนใหญ่ต้องเที่ยวพร้อมๆกันในช่วงเทศกาลดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
                ช่วงนั้นเรียกว่าแค่ในประเทศก็แน่นจะแย่อยู่แล้ว โรงแรมต่างๆไม่ต้องง้อนักท่องเที่ยวต่างชาติ การจองต้องทำล่วงหน้าหลายเดือน แต่พอเข้าช่วงอื่นของปี ที่เป็นโลว์ซีซั่นเท่านั้นแหละ ก็ทำให้โรงแรมที่ทำการตลาดไม่เก่ง ถึงกับเงียบหงอย ทำเอาอาเจ๊ อาแปะเจ้าของกิจการหน้าซีดเซียวกันถึงขั้นต้องปิดกิจการไปก็มาก จึงเป็นโอกาสของนายทุนหัวใสหลายรายที่เห็นโอกาสงามๆ เข้ามาทยอยซื้อกิจการพวกนี้ แล้วปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่มีระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย
                กลุ่มเป้าหมายคือนักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องการการบริการที่เลิศหรูอะไร นอกจากห้องพักที่สะอาด ที่นอนอุ่นๆ และที่สำคัญราคาย่อมเยา เหมาะแก่การพักระยะสั้นๆ
ธุรกิจกลุ่มนี้ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะยังมีความต้องการที่พักแบบนี้สูงขึ้นเรื่อยๆ
ผมเองก็เป็นคนที่ชอบใช้บริการแบบนี้
เนื่องจากมาถึงก่อนเวลาเลิกงาน ทำให้ผมต้องหาที่พักไว้นอนรอ จนกว่าเพื่อนร่วมงานจะมารับ
ตอนเย็น ไมเคิล หลิว ว่าที่เพื่อนร่วมงาน พาไปทานข้าว ซึ่งโดยธรรมเนียมจีนแล้ว ต้องให้เขาเป็นคนเลี้ยงแขกในครั้งแรก ผมก็ต้องยอม
แม้ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
นั่งนึกในใจว่า แหม...ทำไมไม่เป็นภัตตาคารระดับ 5 ดาวนะ
                เมื่อเศรษฐกิจสะพัด ราคาอสังหาริมทรัพย์มักจะพุ่งเป็นอันดับแรก เพราะเศรษฐกิจดี คนมีเงินจับจ่ายใช้สอย ย่อมมองหาที่อยู่อาศัยที่เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญ เมื่อคนมีเงินแต่บ้านสร้างไม่ทันความต้องการส่งผลให้ที่พักต่างๆมีราคาแพงขึ้นอย่างรวดเร็ว
                ไมเคิลบอกว่าเมื่อ ปี 2003 เศรษฐกิจในปักกิ่งยังไม่ค่อยร้อนแรง กลิ่นอายของโอลิมปิกยังไม่ค่อยเข้ามา แถววงแหวนรอบที่ 4 ราคาห้องชุดยังตกตารางเมตรละไม่เกิน 5,000 หยวนคนยังบ่นว่าแพง ยอดขายคอนโดก็อืดๆ
                ปัจจุบันราคา 15,000 หยวน ยังไม่รู้หาซื้อได้หรือเปล่าเลยอาคารชุดที่สร้างใหม่คนก็แย่งกันจับจองราวกับแจกฟรี
                เนื่องจากผมต้องการพักระยะสั้น จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะหาห้องเช่าในปักกิ่งด้วยสภาวะแบบนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือการแชร์ห้องกับเพื่อนร่วมงานสักคนในบริษัท
                เราย้ายจากโรงแรมสู่ห้องพักแถว sōng(อู่เคอซง) ซึ่งอยู่วงแหวนที่สี่ด้านตะวันตก ไมเคิลบอกว่าเจ้าของห้องชื่ออลัน หลิว ยินดีให้ผมอยู่ห้อง แต่วันนี้ต้องไป
                สภาพห้องกว้างขวางดี เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างอยู่ในสภาพดีมาก แต่ฝุ่นจับหนาเป็นนิ้วดูเหมือนไม่มีคนอยู่มาเป็นปี ไมเคิลบอกว่าตามประสาผู้ชายอยู่คนเดียว ประกอบกับอลันหลิวชอบสังสรรค์กับลูกค้านอกบ้าน ออฟฟิศของภรรยาก็ย้ายไปอยู่เซี่ยงไฮ้ ชีวิตอลันเลยเหมือนคนกึ่งๆโสด เข้าทำนองwork hard play hard จนไม่ค่อยมีเวลาได้ดูแลห้องนอนสักเท่าไหร่
ผมจึงถือโอกาสใช้เวลาในคืนแรกบำเพ็ญกุศลอุทิศให้คุณนายของอลัน โดยการทำความสะอาดครั้งใหญ่หลายชั่วโมง ฝุ่นคลุ้งตลบจนแทบหายใจไม่ออก
                รุ่งเช้าเมื่ออลันหลิว กลับมาถึง ก็อึ้งตะลึงกับสภาพห้องที่สะอาดเอี่ยม จนแทบจำไม่ได้ จากการที่ผมถูพื้นไปถึงสี่รอบ จึงเอาคราบฝุ่นเหล่านี้ออกไปได้หมดเกลี้ยงและได้แต่ถามผมว่านี่ห้องเขาเองใช่ไหม ทำไมดูสะอาดเหลือเกิน
                ส่วนผมได้แต่ทำหน้ายิ้มสยาม แล้วถามกลับในใจว่าอืม....แล้วแต่ก่อนคุณอยู่ได้ยังไงเนี่ย
ถ้าอลันสามารถอ่านใจได้ ผมอาจจะต้องระเห็จไปนอนโรงแรมตลอดการฝึกงานแน่ๆ
Hostel
ลักษณะเหมือน Guest House ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วโลก มีมาตรฐานความปลอดภัย และความสะอาดที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการที่พักราคาประหยัด ส่วนใหญ่เป็นห้องนอนรวม 2 -4 คน ราคาตั้งแต่ 50-120 หยวน แต่หากใครต้องการนอนห้องส่วนตัวก็ต้องยอมจ่ายแพงขึ้น
Budget Hotel โรงแรมขนาดประหยัด
มีมากกว่า 20 สาขาทั่วปักกิ่ง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการมาพักระยะสั้น ปลอดภัย ได้มาตรฐานและประหยัดงบประมาณราคาเริ่มตั้งแต่ 180-250 หยวน
Seven days inn //www.7dayinns.cn
อีกทางเลือกหนึ่งของโรงแรมขนาดประหยัด ครอบคลุมถึง 28 สาขา ทั่วปักกิ่ง ราคาเริ่มตั้งแต่ 156 - 248หยวน
Chinese Hotels เครือโรงแรมจีนขนาด 3 -5 ดาว
 โรงแรมจีน ขนาด 3 ดาวขึ้นไป แต่เป็นมาตรฐานในประเทศจีนเท่านนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวก และการบริการที่ดีเลิศ ราคาตั้งแต่ 650-1500หยวน
World Chain Hotel เครือโรงแรมระดับโลก
เครือข่ายโลกแรมระดับโลก ที่มีสาขาอยู่ในปักกิ่ง เพียบพร้อมด้วยบริการมาตรฐานระดับโลก  ระดับราคาตั้งแต่ 1,500 หยวนขึ้นไป
The Regent Beijing //www.regenthotels.com
สถานีรถไฟฟ้สายที่ 5 灯市口(dēngshìkǒu)เติงซื่อโข่ว
99 Jinbao St, Dongcheng District Beijing, 100005
โทรศัพท์ 86-10-85221888
The Westin Beijing Financial Street
สถานีรถไฟฟ้าสายที่ 2 阜成门fùchéngménฟู่เฉิงเหมิน
9BFinancial Street, Jianguomen Xicheng District Beijing, 100032
โทรศัพท์ 86-10-66068866





 

Create Date : 18 เมษายน 2558   
Last Update : 18 เมษายน 2558 14:52:04 น.   
Counter : 1930 Pageviews.  


ฝึกงานคนเดี่ยวในปักกิ่ง ตอนที่ 1/18 เด็กฝึกงาน

บทที่1 เด็กฝึกงาน

พูดถึงปักกิ่ง สิ่งที่เด่นชัดในความรู้สึกที่ได้แบกเป้เที่ยวเมื่อหลายปีก่อน คือความรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อยในเรื่องเล่ห์เหลี่ยมของผู้คนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งก็ไม่ผิดจากที่คนไทยอย่างเราเม้าส์กันสนุกปาก แต่กระนั้น สิ่งที่ผมได้พบก็เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของมหานครนี้ เมืองซึ่งเป็นศูนย์กลางของอำนาจการเมือง วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชาวจีนกว่า 1,300 ล้านคน
การเรียนภาษาจีนตามตำราอย่างเดียวนั้น หรือแม้กระทั่ง จะมีช่องดาวเทียมให้ดูอย่าง CCTV ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเข้าใจวัฒนธรรมและพื้นฐานความคิดของคนจีนสมัยใหม่ ทำให้ผมได้แต่เฝ้าภาวนาว่า สักวัน คงจะมีเวลาและโอกาสในการทำความเข้าใจปักกิ่งให้มากกว่าที่เป็นอยู่
เมื่อถึงฤดูผลัดใบจังหวะหัวใจเปลี่ยน ผมมีโอกาสศึกษาต่อระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจที่กรุงเทพฯ และมีช่วงปิดเทอมใหญ่ ให้หัวใจว้าวุ่นตอนจบปีหนึ่ง ผมตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะพุ่งเป้าไปฝึกงานในประเทศจีน เพราะถ้าได้ไปจริง จะเหมือนเล่นได้ไพ่ป๊อกสามเด้ง
เด้งแรก ได้ภาษาและประสบการณ์ เด้งสองได้เรียนรู้วัฒนธรรมแบบจีนๆ และสามคือเห็นช่องทางการทำธุรกิจในเมืองจีน ซึ่งอย่างหลังนี่แหละครับที่สำคัญสุด
                แต่ปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ บริษัทไหนจะกล้ารับผมเข้าฝึกงาน? เพราะปัญหาของการรับเข้าฝึกงานอยู่ที่ความไว้เนื้อเชื่อใจให้คนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในบริษัทในระยะสั้น มากกว่าคำนึงถึงเรื่องพื้นฐานการศึกษา 
                การที่จะรับเข้าทำงานได้ ต้องทำให้คนที่มีอำนาจตัดสินใจแน่ใจได้ว่า ผมจะไม่ก่อความเสียหายขึ้นในองค์กรของเขา แม้ว่าจะผ่านพ้นช่วงฝึกงานไปแล้วก็ตาม
                โดยมารยาทการขอฝึกงานของคนไทย จะต้องรอให้บริษัทแรกปฎิเสธก่อน จึงค่อยไปหาบริษัทที่สองและสามตามลำดับ หากเขาตอบรับ จะได้ไม่ต้องปฎิเสธกันภายหลัง เสียทั้งเครดิตตัวเองและสถาบัน
“ซึ่งตรงกันข้ามกับของคนจีนโดยสิ้นเชิง”
                จางฉวง เพื่อนคนจีนที่เรียนอยู่ Guang Hua Business School ของ Pekking University(PKU) บอกว่าเวลานักศึกษาเอ็มบีเอจะฝึกงาน จะกระจายจดหมายไปหลายๆบริษัท แล้วรอจนกว่าที่ใดที่หนึ่งจะตอบรับ
                ที่เข้มข้นกว่านั้นคือ หากฝึกงานในองค์กรขนาดใหญ่ ต้องฝึกงานอย่างน้อย 6 เดือน
                หมายความว่า แม้จะเปิดเทอมแล้ว ก็ต้องกลับไปเป็นม้าใช้ ช่วยงานที่บริษัทนั้นๆ อยู่ตามเวลาจะอำนวย โดยไม่อิดออด
ถึงจะรู้วิธีการขอฝึกงานสไตล์จีน แต่ตัวผมลองคิดตรองดู ก็ปลงใจขอเลือกใช้วิธีแบบไทยๆดีกว่า โดยเริ่มจากบริษัทยักษ์ใหญ่ สัญชาติไทย ที่ไปลงทุนครอบคลุมเกือบทุกกิจการในประเทศจีน ผมจึงรีบส่งจดหมาย พร้อมเอกสารไปเรียบร้อยแต่เนิ่นๆ
                ตามเรื่องมาเรื่อยๆ แต่ด้วยความที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ มีลำดับชั้นในการทำงานซับซ้อน ทำให้ไม่มีใครกล้าตัดสินใจรับผมเข้าทำงาน เพราะกลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งกันในองค์กร
                ความหวังที่จะฝึกงานที่เมืองจีน ดูมืดมนเหลือเกิน เวลาปิดเทอมก็งวดเข้ามาทุกขณะ จนกระทั่งพี่ซัน รุ่นพี่ม.เชียงใหม่ ที่ทำงานอยู่ในปักกิ่ง ได้เข้ามาเป็นฮีโร่ฉายสปอตไลท์ไปยังหนทางสู่แดนมังกร โดยเสนอทางออกว่า
                ให้ผมเอาหน้าซื่อๆไปขอฝึกงานที่บริษัทขนาดกลางสัญชาติจีนดูเลยดีกว่า โดยข้อดีของการเลือกองค์กรขนาดนี้คือผมจะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากกว่าการเข้าไปอยู่ในองค์กรยักษ์ใหญ่ ทางพี่ซันเองก็จะใช้เครดิตส่วนตัวเป็นกำลังภายในช่วยผลักดันผมอีกแรง
การเปลี่ยนเป้าหมาย แต่ก็ยังไม่ละซึ่งความพยายาม สุดท้ายบริษัท Green Futures ตอบรับผมเข้าฝึกงานในช่วงฤดูร้อน
                ซึ่งทำให้ผมกลายเป็นมนุษย์สัญชาติไทยเพียงคนเดียวในบริษัทนี้ในที่สุด!!!
                ช่วงปิดเทอมฤดูร้อนระอุอันแสนจะทารุณ ในประเทศไทย (มีนาคม-พฤษภาคม)กลับกลายเป็นช่วงเวลาที่อากาศดีที่สุดในปักกิ่ง ผมรู้สึกถึงสายลมเอื่อยๆ อากาศกำลังเย็นสบาย ไม่หนาวหิมะตก และไม่ร้อนรากเลือด การเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกนั้นทำให้หลายสิ่งหลายอย่างในปักกิ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น จีนเริ่มจริงจังกับปัญหามลพิษ ตลอดจนโครงการก่อสร้างสนามบินใหม่ เพิ่มความสะดวกด้านระบบคมนาคมขนส่งอีกหลายเส้นทาง เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวก็คึกคัก            
                สนามบินอาคาร 3 ออกแบบโดยสถาปนิกระดับโลกนามว่า นอร์แมน ฟอสเตอร์ที่สร้างไว้เพื่อรองรับโอลิมปิกและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้นในอนาคต สร้างเสร็จไวเหมือนโกหก เพราะเนรมิตในเวลาเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น มีพื้นที่กว่าหนึ่งล้านตารางเมตร            
อาคารทันสมัย โอ่โถง นั่นเป็นเรื่องปกติของสนามบินยุคใหม่อยู่แล้ว แต่สิ่งที่จะพิสูจน์ว่าผู้สร้างใส่ใจในความสุขเล็กๆน้อยๆของผู้โดยสารหรือเปล่าก็คือ
ห้องน้ำ
                ยามเข้าไปสำรวจ ก็เห็นได้ชัดเลยว่าจีนใส่ใจในเรื่องการออกแบบห้องน้ำเป็นอย่างมาก ตำแหน่งของห้องน้ำที่กระจายอยู่ทั่วอาคารผู้โดยสาร มีขนาดกว้างสบาย ใช้วัสดุในการก่อสร้างอย่างดี ทางด้านความสะอาดที่เป็นจุดอ่อนสำคัญตลอดมาในประวัติศาสตร์ ก็ได้รับการแก้ไขไปหมดสิ้น และที่สำคัญกว่านั้น พลันที่ลุกขึ้นมา ระบบอินฟราเรดที่ตำแหน่งหัวคนนั่ง จะสั่งให้กดน้ำเองโดยอัตโนมัติ
โอ้ ปักกิ่ง เมืองเดิมที่ผมเคยรู้จัก ได้เปลี่ยนไปตลอดกาลแล้ว
ข้อมูลปักกิ่ง
ปักกิ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศจีนมาตั้งแต่ปี1403 สมัยราชวงศ์หมิง ชิง จนกระทั่งเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐ ในปี1949 มีพระราชวังต้องห้ามเป็นจุดศูนย์กลาง มีโครงสร้างถนนวงแหวน 6 วงล้อมรอบ มีอาณาเขต16,800ตารางกิโลเมตร มี 8 เขตเมืองชั้นใน 8 เขตชั้นนอก และ2county มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 15 ล้านคน
การขอวีซ่า
สถานทูตจีนประจำประเทศไทย 57 ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ 10310 โทรศัพท์ 0-2245-7033
ประเภทของวีซ่า
Type L วีซ่าท่องเที่ยว ขอได้โดยไม่ต้องใช้เอกสารประกอบอื่น ระยะเวลาสูงสุดคือ 3 เดือน สามารถต่ออายุได้อีก 30 วัน หรือเปลี่ยนเป็นวีซ่านักเรียนได้ โดยต้องเสียค่าธรรมเนียม 400 หยวน สำหรับวีซ่าอายุไม่เกิน 1 ปี และ 800 หยวนหากมากกว่า 1 ปี
Type X วีซ่านักเรียน มีระยะเวลาตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 3 ปี ต้องใช้เอกสารรับรอง JW-202 ซึ่งทางกระทรวงศึกษาธิการจีนจะเป็นผู้ออกให้ ในการสมัครวีซ่าประเภทนี้
Type F วีซ่านักเรียน ลักษณะเหมือน Type X แต่ว่าจะไม่สามารถต่ออายุหรือเปลี่ยนประเภทวีซ่าได้อีก ต้องใช้เอกสารรับรอง JW-202 ในการสมัครเช่นกัน เหมาะกับนักศึกษาที่มาเรียนในระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน
Type Z วีซ่าทำงาน ต้องมีหนังสือเชิญจากรัฐบาลจีน สัญญาว่าจ้างจากกรมแรงงาน หรือใบผูเชี่ยวชาญต่างชาติเพื่อประกอบการขอวีซ่าสามารถต่ออายุได้เรื่อยๆ ตราบเท่าที่มีการต่อสัญญาทำงาน
ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า
ค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับ ระยะเวลา จำนวนครั้งในการเข้าออกประเทศ และเวลาในการรับวีซ่า
Single เข้าได้ 1 ครั้ง Double เข้าได้ 2 ครั้ง Multiple เข้ากี่ครั้งก็ได้ จนกว่าหมดอายุวีซ่า
โดยปกติจะใช้เวลา 4 วันทำการ แต่ถ้าต้องการใช้เร็วกว่านั้น ก็ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมสูงขึ้น
1 วัน
2-3 วัน
4 วัน
Single
2,200
1,800
1,000
Double
3,200
2,800
2,000
Multiple/ครึ่งปี
4,200
3,800
3,000
Multiple/ 1 ปี
5,700
5,300
4,500
อากาศ (ข้อมูลจาก //www.weather.com)




 

Create Date : 18 เมษายน 2558   
Last Update : 18 เมษายน 2558 14:51:11 น.   
Counter : 2030 Pageviews.  


1  2  

assuming
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




[Add assuming's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com