ใต้ฟ้าเดียวกัน.... ForGet mE nOt
Group Blog
 
All blogs
 

กายนครคำกลอน (หน้า 71 -75 ค่ะ)



เชิญท้าวไทธิบดินทร์ทรงศิลห้า
แต่ปาณาแรกเริ่มเดิมประถม
ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิตคิดนิยม
แล้วอบรมเมตตจิตติดต่อไว้

อทินนาสิกขาสองต้องตามหลัก
ห้ามฉ้อลักทรัพย์ที่เขามิให้
สิกขาสามห้ามเมียเขาอย่าเบาใจ
พระอย่าได้ก่อเวรามิจฉาจาร

สิกขาสี่ห้ามวจีมุสาวาท
อย่าประมาทกล่าวเท็จเหตุโวหาร
สิกขาห้าห้ามสุราเมรัยการ
อย่าพ้องพานทำผิดกิจวินัย

รวมเป็นเบญจสีลาสิกขาบท
เชิญทรงยศจำให้มั่นอย่าหวั่นไหว
เปรียบประดุจเกราะแก้วอันแววไว
ผู้ใดใส่สวมทรงเป็นมงคล
72-

ถือเมตตาปรานีขันตีมั่น
รบประจัญข้าศึกอกุศล
ไล่ตัณหาอวิชชาทรชน
อย่าให้วนเวียนอยู่ด้วยภูธร

อนึ่งพระสรณคมน์บรมรัตน์
รูปจะจัดชี้แจงแสดงสอน
ให้สว่างเป็นทางโลกอุดร
ละนิวรณะธรรมสำรวมกาย

ตามพระพุทธฎีกาโอฬาร์ล้ำ
รักษาธรรมมั่นไว้อย่าให้สลาย
ถือพระสรณะเลิศอันเพริศพราย
รีบขวนขวายเป็นธุระอย่าระอา

คุณพระรัตนไตรเป็นใหญ่ยอด
โปรดตลอดเขตแขวงทั่วแหล่งหล้า
ถึงชีวาตม์จะขาดจากกายา
จงยึดพระสรณาให้มั่นคง

73
อนึ่งควรครองใจไว้ในวิถี
ตามวิธีอาจารย์ท่านประสงค์
อย่าให้เกิดฟุ้งซ่านการพะวง
มะโนปลงบากบั่นหมั่นพากเพียร

ในทานศีลภาวนาสามประเภท
ซึ่งเป็นเหตุให้จิตสถิตเสถียร
อยู่ในหนทางตรงไม่วงเวียน
พ้นเบียดเบียนภัยทั้งมวลซึ่งควรกลัว

ด้วยใครมีคุณธรรมประจำจิต
ย่อมศักดิ์สิทธิ์เหมือนมงคลอยู่บนหัว
แม้อันตรายความตายมาถึงตัว
ก็ไม่กลัวแพ้แก่มรณา

ด้วยตั้งมั่นถึงชีวิตจะปลดปลิด
ก็ได้ปิดอบายไว้แน่นหนา
ขอพระองค์ทรงเดชเกศประชา
จงรีบมาสิ่งขจัดบำบัดภัย

74
อนึ่งในข้อที่พระองค์ทรงนิมิต
จะเปลื้องปลิดชี้ให้หายสงสัย
ที่ยาวนักให้บั่นข้อนั้นไซร้
คือทุกข์สัจข์สัจจ์มีนัยเป็นธรรมดา

ชาติทุกข์ทุกข์นี้มีแต่ต้น
ปฏิสนธิ์คัพโภทรอ่อนนักหนา
เท่าขนจามจุรีที่กล่าวมา
โลหิตาเป็นสายละลายไป

ถึงเจ็ดครั้งตั้งมั่นเป็นปัญจกะ
เกิดทุกขะเวทนาไม่ปราศรัย
อุปมาหนอนเกิดกำเนิดใน
บ่อคูถไซร้จะประมาณก็ปานกัน

ทนเทวษเป็นเหตุด้วยคับแคบ
นั่งในแบบผินหน้าเข้าหาสัน
ของมารดาทรมาอยู่ในครรภ์
เกิดด้วยกันกับรกเป็นรากมา


75
มือกอดอกงอเข่าดังเขามัด
เหมือนรึงรัดใส่ถุงไถ้ให้แน่นหนา
ถ้วนทศมาศพร้อมธาตุจึงยาตรา
ออกจากครรภ์มารดาตามว่าไว้

เรียกเป็นเทวทูตเดิมเริ่มประถม
ชี้ให้สมเห็นความตามวิสัย
ถ้าใครปลงลงแท้แน่แก่ใจ
ทุกข์นี้ไซร้ก็จะเห็นเป็นธรรมดา

ทุกขักขันธ์เหมือนกันทั้งเราเขา
เมื่อแรกเล่าเข้าใจในภาษา
จึงกลิ้งเกลือกเสือกไขว่อยู่ไปมา
ทั้งกายาเปื้อนมูตรและคูถปม

ครั้งอยากนมอยากน้ำก็ร่ำร้อง
ถึงเจ็บท้องก็ไม่แจ้งแห่งนุสนธิ์
พูดมิออกบอกมิได้จำใจทน
ต้องร้องให้ดิ้นรนกระวนกระวาย








 

Create Date : 23 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 7:59:56 น.
Counter : 565 Pageviews.  

กายนครคำกลอน(หน้า 66-70ค่ะ)




นางฟังความยามตรมอารมณ์หวน
ทั้งสองด่วนจรจรัลตามบรรหาร
พระจิตราชทรงสว่างสร่างรำคาญ
ด้วยนงคราญจรดลไปพ้นพักตร์

เรียกเสนายี่สิบห้าเข้ามาเฝ้า
แล้วตรัสเล่าความประชวรที่ด่วนหนัก
ยังมิหนำซ้ำนิมิตหลากจิตนัก
ไม่ประจักษ์จนบัดนี้ว่าดีร้าย

พลางกล่าวความถามนิมิตคิดกังขา
สองโหรานั้นก็ขับไปลับตา
จะได้ใครกล่าวคำช่วยทำนาย
พอให้คลายสงสัยในกระมล ฯ

ฝ่ายเสนีเหล่านั้นฟังบรรหาร
กราบทูลสารทรงเดชตามเหตุผล
ว่าต้องเคราะห์เพราะขุนนางสิบสี่คน
แกล้งกล่าวกลยุตะบึงจึงเสียความ

67
พระจอมพงศ์ทรงศักดิ์ดังหลักโลก
ประชวรโรคเพราะอมิตรคิดหยาบหยาม
ข้าศึกนอกมาประชิดคิดสงคราม
เพราะเสี้ยนหนามศัตรูอยู่ภายใน

อันศัตรูทั้งสองมองไม่เห็น
จึงเกิดเข็ญวิปริตผิดวิสัย
ซึ่งพระองค์ทรงนิมิตแม้นคิดไป
ก็อยู่ในสิ่งที่มีดีและร้าย

ขอเดชะพระองค์ดำรงภพ
ทรงปรารภคำประมูลทูลถวาย
นิมนต์สังฆราชามาธิบาย
คงทำนายนิมิตสมอารมณ์ปอง

68
ท่านชำนาญณานกล้าปรีชาหาญ
เป็นอาจารย์หม่อมฉันนั้นทั้งผอง
จะดับโรคาฝ่าละออง
อย่าหม่นหมองพระอุราฝ่าธุลี ฯ

ได้ทรงฟังดังอมฤตรส
พระทรงยศสั่งสนองด้วยผ่องศรี
ขุนศรัทธานิมนต์มาบัดเดี๋ยวนี้
จะแก้ที่ทุกข์ช้ำระกำทรวง ฯ

อำมาตย์รับวาทีชุลีหัตถ์
แล้วรีบรัดพร้อมพรั่งจากวังหลวง
เดินมิได้หยุดยั้งสิ้นทั้งปวง
เลยลุล่วงมรรคาถึงอาราม

นิมนต์พระสังฆราชให้คลาดแคล้ว
ครองผ้าแล้วรีบครรไลมิได้ขาม
พาเข้าปรางค์มาศนั่งอาสน์งาม
แล้วกล่าวความถวายพรภูธรเธอ ฯ

69
กรุงกระษัตริย์ทรงนมัสการกราบ
ให้เอิบอาบฤดีไม่มีเสมอ
เรียกเสนีปฏิบัติพัดบำเรอ
แล้วท้าวเธอแจ้งความตามอาดูร

ว่าเดิมทีธานีของโยมนั้น
สารพันยับไปทั้งไอศูรย์
ครั้นเยียวยายิ่งวิบัตปฏิกูล
โยมยิ่งพูนเพิ่มทุกข์ไม่สุขเลย

เข้าไสยาสน์หวาดหลับอยู่กับที่
เหมือนถูกตีล้มทับกับเขนย
คิดรักษายาหยูกไม่ถูกเลย
ทั้งไม่เคยฝันเห็นก็เป็นไป

นิมิตว่าดาบสพระองค์หนึ่ง
เข้ามาถึงแท่นรัตน์ตรัสปราศรัย
ถามสองข้อปริศนาท่านว่าไว้
ข้อหนึ่งไซร้ยาวอยู่ให้ดูทอน

70
ข้อหนึ่งนั้นให้ต่ออย่าท้อจิต
ให้ตรองคิดในสามวันจะผันผ่อน
พระฤาษีสั่งเสร็จระเห็ดจร
โยมเร่าร้อนกลุ้มจิตตื่นนิทรา

ไม่ทราบความตามทำนองจึงหมองศรี
เหตุร้ายดีเป็นไปไฉนหนา
หรือจะต้องโพยภัยในพารา
จงโปรดข้าเชิญแสดงให้แจ้งพลัน ฯ

ท่านพระสังฆราชาสดับเหตุ
รู้วิเศษตามจริงทุกสิ่งสรรพ์
จึงถวายพรองค์พระทรงธรรม์
ว่าอย่าหวั่นพรั่นใจด้วยภัยพาล

ด้วยกุศลพระองค์มีเป็นเป็นที่พึง
จึงทรงซึ่งนิมิตเห็นเป็นแก่นสาร
อาตมาจะกล่าวธรรมล้ำโอฬาร
ขอภูบาลทรงฟังตั้งอารมณ์





ชีวิตคือดวงจิตแสวงหา
กำเนิดกายรูปมาจากก่อผล
ด้วยกรรมดีกรรมชั่วเป็นตัวตน
ไห้ปรากฏของผลเป็นรูปกาย

เพราะมีกรรมรองรับร่างมนุษย์
ผลการย์ฉุดวิญญาณมาเวียนว่าย
กรรมชะตานำพาจิตเป็นนาย
กายเป็นบ่าวร่างกายเพียงปลายทาง

รักและห่วงบ่วงบาศอยากถ่ายถอน
จิตนิวรณ์กิเลสมิถากถาง
ให้เวียนตายเวียนเกิดกำเนิดตาม
ที่ก่อร่างสร้างกรรมทำขึ้นมา

พ่อและแม่สัมพันธ์เพราะกรรมฉุด
เป็นมนุษย์ติดบ่วงเสน่หา
ปฏิสนธิรูปกายเป็นลูกยา
โลภ โกรธ หลง ตามมาให้ได้เจอ

สร้างกรรมดีติดไว้ให้พานพบ
เพื่อบรรจบผลบุญนำเสนอ
สร้างสมกรรมทำดีไว้บำเรอ
จะพบเจอครอบครัวสุขสมบูรณ์




 

Create Date : 17 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:00:59 น.
Counter : 745 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 61-65 ค่ะ)




เหลือบแลดูว่าศัตรูจะอยู่ไหน
ก็มิได้เห็นกายเหมือนหมายมั่น
เงี่ยพระโสตฟังสำเนียงเวียงวังพลัน
เสียงไหวหวั่นสั่นระรัวไปทั่วทิศ

เรียกสองราชเทวีเจ้าพี่เอ๋ย
กระไรเลยงามสรรพหลับสนิท
พี่ประชวรจวนลับดับชีวิต
แม่มิ่งมิตรจงช่วยพี่ด้วยรา

ทั้งสองนางต่างตระหนกในอกหมอง
เข้าประคองเคียงกายทั้งซ้ายขวา
เห็นพระองค์ทรงสะท้านทั้งกายา
โอ้ผ่านฟ้ามาเป็นประการใด

อยากเสวยสุราหรืออาเพี่ยน
ในมณเฑียรหาง่ายได้แก้ไข
ทั้งกัญชาบรั่นน้องสรรพ์ไว้
หมูเป็ดไก่เครื่องแกล้มมีแถมพร้อม

62
สารพัดเปรี้ยวหวานตระการรส
อย่าทรงอดให้อาดูรทูลกระหม่อม
บุราณว่าผู้ใดใครรอดออม
จะซูบผอมเหมือนไม่รักใคร่องค์

ถ้าแม้นรักกายาแล้วอย่าอด
ของมีรสเร่งปองต้องประสงค์
อยากสิ่งไหนเสวยนั่นเครื่องบรรจง
น้องจำนงถวายตามไม่ห้ามเลย ฯ

พระฟังสองยอดสร้อยละห้อยหวน
แสนประชวรในอินทรีย์เจ้าพี่เอ๋ย
จะถูกต้องสิ่งใดไม่แจ้งเลย
เครื่องเสวยก็เหลือเต็มเบื่อเบือน

สองอนงค์ฟังองค์พระภูวนาถ
นึกประหลาดหลากใจใครจะเหมือน
เรียกแพทย์หลวงเข้ามาแก้ก็แชเชือน
ไม่คลายเคลื่อนโรคาพระสามี

63
ให้ลงมดลงท้าวกล่าวมุสา
สองชายาเอออือนับถือผี
บ้างจัดแจงแต่งตั้งเครื่องพลี
สังเวยที่เทวาตามอารมณ์

ทุกเช้าค่ำเฝ้าแต่บวงสรวง
เป็นไก่งวงสิ่งละคู่หัวหมูต้ม
เรียกหมอนวดหมอยามาทุกกรม
ให้ระดมรักษาพยาบาล

บ้างก็ว่าพระวาตากำเริบเต้น
อีกพระเส้นรึงรัดถึงอัติสาร
ส่งโอสถบดร่ำประจำงาน
พระอาการมิได้หายคลายประชวร

พระจิตราชสุริย์วงศ์องค์กระษัตริย์
โทมนัสดิ้นโดยลงโหยหวน
บรรทมเหนือแท่นสุวรรณทรงรัญจวน
จะดึกด่วนถ้านสิบนาฬิกา

64
จะสิ้นเคราะห์เพราะบุญหนุนสนอง
ให้ผุดผ่องสว่างทุกข์ถึงสุขา
พอเคลิ้มหลับระงับพระวิญญาณ์
นิมิตว่ามีนักสิทธิ์ฤทธิรงค์

เหาะเข้ามาทางหน้าพระแกลนั้น
กล่าวถามปัญหาสองต้องประสงค์
ข้อหนึ่งของยาวนั้นให้บั่นลง
หนึ่งสั้นคงให้ต่ออย่าท้อการ

ให้พระองค์ทรงคิดประดิษฐ์ต่อ
ทั้งสองข้อปัญหาที่ว่าขาน
จะได้แก่สิ่งใดหนาคิดอย่านาน
สามวันวารคิดมิได้ภัยจะมี

แม้นดำริตริตรองถูกต้องแล้ว
จะผ่องแผ้วล้ำเลิศประเสริฐศรี
บอกสำเร็จเสร็จความตามคดี
พระภูมิมีคลาไคลจากไพชยนต์

65
พระจอมจิตภูวไนยตื่นไสยาสน์
หลากประหลาดในนิมิตคิดฉงน
จำสุบินแม่นยำตามยุบล
คิดขัดสนจะได้ใครให้ทำนาย

นึกถึงสองโหรเฒ่ายิ่งเศร้าซ้ำ
คะนึงคำแน่จิตไม่คิดหมาย
เราหลงลิ้นยุบลพวกคนร้าย
เลยสั่งให้ขับไล่เขาไปลับ

เหลืออยู่แต่มนตรียี่สิบห้า
เจ้าปัญญาแก้ร้อนพอผ่อนดับ
ทรงนึกได้แข็งพระทัยลุกประทับ
จะให้รับเสนาเข้ามาใน

เกรงสองนางถางถากด้วยปากร้าย
พระเบื่อหน่ายนางทั้งสองไม่ผ่องใส
แกล้งสั่งให้สองนางจากปรางค์ชัย
ว่าจงไปเทียบเครื่องเรืองตระการ





บทโศลก แห่งพุทธะอิสระ

ปัญหา คือ ยาชูกำลังอันวิเศษ ถ้าเราละเลยปัญหาวันนี้
พรุ่งนี้เราก็ต้องละเลยอีก กลายเป็นว่าพวกเราคือตัวปัญหา
ทีนี้จะทำอะไรก็จะมีแต่ปัญหา เหมือนกับการร่อนแป้ง
ถ้าปล่อยให้สมองห่าง ปัญหาห่าง สติห่าง สมาธิห่าง
พอมีทรายตกลงไปในแป้ง เรามาบอกว่ากินทรายเข้าไปแล้วเป็นปัญหา
ถ้าเครื่องร่อนตามันถี่ มีหรือทรายจะมาปนในแป้งได้

ปัญหาที่แท้จริงนั้น ย่อมไม่เกิดต่อ บุคคลผู้แสนสุขสำราญ
ความเบื่อหน่าย นิพพิทาญาณ เพื่อคลายกำหนัด
ย่อมไปเกิดแก่ชนผู้จมปลัก




 

Create Date : 12 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:01:32 น.
Counter : 1346 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 56-60 ค่ะ)



ฝ่ายขุนวัณณะวิการชาญฉกาจ
อภิวาทคำนับแล้วรับสั่ง
พร้อมทั้งขุนโรคาประดาประดัง
เรียกพลพรั่งพรูตามมาหลามทาง

เที่ยวเลียบรอบขอบเขตสังเกตทั่ว
เห็นคนมัวหลับใหลไม่ขัดขวาง
ทวารหนึ่งปิดอยู่หยุดดูพลาง
แสงสว่างคนยามนั่งตามไฟ

จึงหยุดดูฝูงชนคนทั้งหลาย
จะทักทายพูดจาว่าไฉน
เห็นพวกเลขเข้าเดือนเกลื่อนเวียงชัย
ทำถามไถ่ว่าท่านไปแห่งใดมา ฯ

ฝ่ายพวกนายกิมิชาติพยาธิร้าย
ฟังภิปรายหยุดอยู่แลดูหน้า
นึกหมายมั่นสำคัญว่าโจรา
ลอบเข้ามาปล้นบุรินทร์ก็ยินดี

57
อยากประจบคบค้าคนกล้าหาญ
เหลือเดนทานจะได้กินทุกถิ่นที่
จะพูดจาปราศรัยเป็นไมตรี
ว่าเรานี้พวกตำรวจเดินตรวจยาม

ก็ท่านนี้มีธุระจะไปไหน
จึงซักไซ้พวกเราเฝ้าไต่ถาม
หรือหากินในราตรีมีเนื้อความ
จงบอกตามจริงไปอย่าได้กลัว ฯ

ขุนโรคาฟังนึกกระหยิ่มยิ้มในหน้า
อ้ายชาติข้าทะนงใจมิใช่ชั่ว
จำจะทอดสนิทมันให้พันพัว
คงได้ตัวรู้แยบคายว่าร้ายดี

แสร้งพูดจาว่านี่แน่เพื่อนรัก
เราจนนักยากแค้นแสนบัดสี
ล้วนบ้านนอกคอกนาที่มานี้
ไม่มีที่จะหากินทางถิ่นใด

58
จึงเที่ยวมาหาผู้ที่มีความคิด
หวังเป็นมิตรเที่ยงแท้ช่วยแก้ไข
ท่านเห็นคนปัญญามีอยู่ที่ใด
ช่วยบอกให้ข้าพเจ้าเถิดเอาบุญ

กิมิชาติดีใจเหมือนได้ช่อง
กระซิบพร้องสอนว่าเจ้าอย่าวุ่น
แม้นใครเป็นโจราคนทารุณ
ก็สมบูรณ์ผาสุกรวยทุกวัน

เจ้านครของเรานี้ตระหนี่ทรัพย์
เหลือจะนับในคลังตั้งมหันต์
จะนำไปให้ดูรู้ไว้พลัน
ของสำคัญต้องการคิดอ่านเอา

ถ้าเศษเลยเหลือหลอขอเว้นไว้
ได้เลี้ยงไพร่ถ้วนหน้าของข้าเจ้า
ขอสัตย์มิตรอย่าให้ผิดตกถึงเรา
จะพาเข้าเวียงชัยดังใจจง

59
ขุนโรคาว่าจริงหรือเพื่อนเอ๋ย
อย่าแคลงเลยถึงสาหัสไม่ซัดส่ง
ต่างให้สัตย์สำคัญเป็นมั่นคง
แล้วมาตรงเข้าวังหลวงล่วงครรไล

ขุนโรคามาถึงทวาเรศ
จึงอ่านเวทย์เดาะบานทวารไข
เดินตะบึงเข้าถึงปราสาทชัย
เห็นนางในนอนกลาดดาษดา

ต่างเข้าเปลื้องเครื่องแต่งกายทั้งหลายนั้น
แล้วมายังแท่นสุวรรณอันเลขา
เห็นพระองค์ทรงฤทธิ์มัวนิทรา
กัลยาสองนางอยู่ข้างองค์

สองนายเมียงเข้าเคียงพระทรงศร
เปลื้องอาภรณ์พร้อมพรั่งดังประสงค์
แล้วทุบตีโบยรันปั่นพระองค์
เก็บเครื่องทรงเครื่องใช้ได้พอการ

60
สิ่งใดเหลือก็เป็นเหยื่อกิมิชาติ
ด้วยหมายมาดเก็บเอามาแลกอาหาร
ต่างลงจากไพชยนต์หนีลนลาน
สองทหารลัดแลงเที่ยวแฝงกาย

ขุนโรคาชาญฉกาจฉลาดหลอก
กระซิบบอกกิมิชาติเหมือนมาดหมาย
เราขอขุดกำแพงวังฝังของร้าย
ด้วยเหลือกายจะเอาไปเห็นไม่พ้น

ครั้นกิมิชาติตอบความว่าตามจิต
ตามแต่คิดข้าไซร้ไม่ขัดสน
ต่างเข้าขุดปราการไม่ทานทน
ทั้งรื้อร่นเรื่อยไปจนไหวคลอน ฯ

ฝ่ายองค์ท้าวจิตราชหวาดผวา
เจ็บกายาวิปริตดังพิษศร
พระองค์ช้ำเจ็บแสบแทบม้วยมรณ์
ยกกายกรไม่ถนัดโออัศจรรย์




 

Create Date : 09 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:02:10 น.
Counter : 635 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 51-55 ค่ะ)




ขอพระองค์ทรงเชื่อหม่อมฉันเถิด
อย่าเพ่อเปิดสิ่งของกองฉันสละ
อย่าเชื่นคนจะจนพระทัยนะ
จงทรงพระจินตนาโดยการุณ ฯ

ทรงสดับคำสนองทั้งสองนาฏ
พระทัยหวาดระทดท้อเพราะคำหนุน
ซึ่งดำริตริหมายข้างฝ่ายบุญ
กลับหมกมุ่นสัยในอารมณ์

ฝ่ายเสนาวงศานางโฉมฉาย
สิบสี่นายได้ท่าทูลประสม
ฝ่ายละอองครองเมืองเรืองบรม
จะเตรียมตรมพระทัยไปไยนัก

ถึงธานีจะมีอรินทร์ราช
พวกข้าบาทจะขอต้านออกหาญหัก
อันมนตรีที่ว่าสามิภักดิ์
จะชวนชักเสื่อมพระยศทั้งหมดทรัพย์

52
ซึ่งโหรว่าข้าศึกจะมานคเรศ
พิเคราะห์เหตุเป็นโวหารการสับปลับ
ไม่เห็นตัวเห็นตนคนนายทัพ
นครยับเพราะหมู่ฤดูกาล

แม้นไพรีดีกล้ามาให้เห็น
ไม่ขอเว้นงดชีวังคงสังหาร
อย่าทรงพระวิตกใต้บทมาลย์
ราชฐานคงไม่ถอยในร้อยปี ฯ

ได้ทรงฟังดังว่าจะพาเหาะ
แสนเสนาะคำสนองยิ่งผ่องศรี
จึงว่าโหรที่ทำนายทายธานี
เหมือนทวีคำแช่งมาแกล้งกัน

แต่งยุบลจนทัยเราไหวหวาด
ทั้งอำมาตย์พลอยเพิ่มเติมขยัน
ถ้วนทั้งยี่สิบห้าคนบ่นรำพัน
ต้นเหตุนั้นเพราะโหราพาวุ่นวาย

53
สิบสี่เจ้าอย่าเอาอ้ายโหรไว้
จงขับไล่เสือกไสไปให้หาย
เลี้ยงสนิทมันคิดจะเพทุบาย
ให้วอดวายตนเพราะกลลวง ฯ

บาปธรรมสิบสี่เสนีใหญ่
ต่างเข้าไล่ฉุดคร่าตาโหรหลวง
แล้วผลักไสให้ออกนอกกระทรวง
โหรทั้งปวงเลยลี้หลบหนีตน ฯ

ฝ่ายภูมิมินทร์รินทร์จิตราช
ลุอำนาจอวิชชาพาฉงน
ทั้งขุนมัจฉริยะมาปะปน
ทูลให้วนห่วงของในท้องคลัง

เห็นสังขารเข้าประเดี๋ยวเสียวหวาดไหว
เกิดเลื่อมใสเข้าสักหน่อยแล้วถอยหลัง
ระเริงหลงปลงพระทัยอยู่ในวัง
ไม่อินังถิ่นฐานการนคร ฯ

54
จะกล่าวถึงพยาธิที่ทัพหลัง
ซึ่งหยุดยั้งตั้งค่ายชายสิงขร
เป็นทัพหนุนหลวงชราบทจร
ไม่นิ่งนอนคอยสดับรับข่าวคราว

มีจารบุรุษสุดฉลาด
เที่ยวสืบราชการลับสดับข่าว
ทราบประวัติข้อความตามเรื่องราว
ว่าปวงชาวพารานครกาย

ถูกชราครอบงำทำเสียป่น
ประชาชนบอบช้ำระส่ำระสาย
สมตามข้อที่ชราบรรยาย
จึงสั่งให้ถอนค่ายย้ายกองทัพ

ให้กองหน้าขุนโรคาตัวกล้ากลั่น
กับขุนสันนิบาตน้อยคอยกำกับ
ตีบ้านเมืองรายทางอย่างยุบยับ
แล้วเดินทัพเข้าประชิดติดบุรี

55
ให้ตั้งค่ายรายล้อมป้อมหอรบ
เตรียมเพลิงคบเพื่อเข้าเผากรุงศรี
ฝ่ายข้างขุนอหิวาต์จ่าโยธี
ตรวจวิถีทางคะเนรอเวลา ฯ

ท่านแม่ทัพพยาธิผู้มีเดช
เห็นขอบเขตนครกายทั้งซ้ายขวา
ป้อมกำแพงหักพังลงบางตา
เพราะชราตีประจัญสามชั้นแล้ว

จึงสั่งขุนโรคาเร็วหนาเจ้า
จงรีบเข้าเวียงชัยให้หลายแถว
เพราะช่องทางเข้าได้ง่ายทุกแนว
ไปถึงแล้วฟันฉะอย่าละเลย

ขุนวัณณะวิการทหารมาก
ให้ขุดรากกำแพงวังอย่านั่งเฉย
เมื่อเข้าไปไม่ต้องร้องภิเปรย
เดินให้เฉยใครห้ามปรามอย่าฟัง ฯ




 

Create Date : 04 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:02:49 น.
Counter : 688 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

วนารี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ
^^^^^^^^^^^^
ความรัก เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึก ในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น นานหนัก
แต่รักเรา นานกว่านั้น
^^^^^^^^^^^^

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
Friends' blogs
[Add วนารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.