ใต้ฟ้าเดียวกัน.... ForGet mE nOt
Group Blog
 
All blogs
 

กายนครคำกลอน(หน้า 111-120 ค่ะ)



ถ้าจะคิดเปลื้ององค์จากสงสาร
ควรวิจารณ์ผันแปรเร่งแก้ไข
กรรมบถสิบทัศฝึกหัดไว้
ก็จะได้ถึงนิพพานสำราญรมณ์

อันนาวารูปจะพาข้ามสมุทร
เป็นที่ยุดเหนี่ยวรั้งตั้งปฐม
ให้ถึงโลกุตตะรังดังนิยม
ไม่ล่มจมกลางมหาสาครัง

นี่แหละเรียกว่ามหานาวาแก้ว
พาคลาดแคล้วพ้นภัยได้ถึงฝั่ง
ถึงปลาร้ายว่ายตื่นคลื่นประดัง
ไม่กระทั่งกระเทือนลำเรือสำเภา

อันเภตราพานิชคิดไปค้า
ต้องลมกล้าอับปางอย่างโฉดเขลา
เรียกนาวาโลกีย์ไม่มีเบา
มักเสียเค้าเชิญบพิตรพินิจดู ฯ

112
กรุงกระษัตริย์สดับอรรถมธุรส
น้อมประณตชมว่าเพราะเสนาะหู
แล้วอ้อนวอนเถราสี่พระครู
นิมนต์ผู้เป็นเจ้าด้วยได้ช่วยกัน

โปรดจัดแจงรีบแต่งนาวาแก้ว
อันผ่องแผ้วพรรณรายได้ผายผัน
พวกเสนาข้าเฝ้าคนเก่านั้น
จงเกณฑ์กันเป็นศิษย์องค์พระทรงญาณ

จะได้ใช้ในหน้าที่อย่าหนีหลบ
จัดให้ครบเร้วพลันตามบรรหาร
เครื่องใช้สอยขุนจาคะจงประมาณ
กะรายการจ่ายให้พอต่อนาวา ฯ

หมู่อำมาตย์บังคมด้วยสมหวัง
ต่างรับสั่งใส่เกล้าจะเอาหน้า
นายใหญ่นั้นชื่ออัญญะสมานา
เห็นราชาชนะไหนวิ่งไขว่ตาม

113
ทราบว่าองค์ทรงฤทธิ์จิตราช
จะแคล้วตลาดหลีกพิบัติตัดเสี้ยนหนาม
รีบไปทำกิจดังรับสั่งความ
พยายามพันพัวตัวเป็นเกลียว

ด้วยสี่องค์ทรงสิกขาปรีชาหาญ
เป็นนายงานสามารถฉลาดเฉลียว
ให้ทำเสร็จทุกสิ่งดีจริงเจียว
รูปงามเพรียวเร็วรี่ดังนิฤมิต

ขุนนางยี่สิบห้านั้นก็สันทัด
ต่างรีบรัดเกณฑ์พลคนสนิท
แล้วบรรทุกเสบียงกรังต่างชนิด
สำเร็จกิจทูลปิ่นนริทร์รัตน์ ฯ

พระจอมจิตฤทธิรงค์ทรงฟังสาร
ดังได้ผ่านเมืองอินทร์ปิ่นสมบัติ
สั่งจาคะคนขยันการสันทัด
ให้แต่งจัดเครื่องอำไพไตรจีวร

114
ทั้งอัฏฐะบริขารประมาณหลาย
น้อมถวายพระอาจารย์ชาญสมร
ครั้นสั้งเสร็จเสด็จมาสรงสาคร
หอมขจรสุคนธากลิ่นมาลี

ผลัดภูษาอ่าองค์แล้วทรงเครื่อง
อร่ามเรืองเพียงจะคู่พระสุริย์ศรี
ทรงเบญจกกุธภัณฑ์อันรูจี
จรลียังฆานะปราสาทชัย

ยุรยาตรอาจจองทรงพระแสง
แล้วสำแดงเดชาสุธาไหว
พระธรรมมุนีออกหน้านำคลาไคล
เสนาในแซ่ซ้องกลองประโคม

ทั้งแตร์สังข์กังสดาลสะท้านสะทึก
เสียงก้องกึกสรรเสริญเจริญโฉม
พื้นสุธาลั้นพิลึกเสียงคลึกโครม
ดังจะโสมนัสช่วยอำนวยชัย

115
อมเรศเทเวศร์บนสรวงสวรรค์
ก็โปรยพรรณบุปผามาลาไสว
ต่างองค์ซ้องสาธุการขนานไป
อวยพรชัยให้ชนะหมู่อรินทร์

เสด็จถึงซึ่งท่านนาวาประทับ
พระเถรรับจูงหัตถ์องค์พระทรงศิล
ชาวประโคมขับขานประสานพิณ
ธิบดินทร์สถิดท้ายสบายองค์

พร้อมสังฆราชาโหราราช
ล้อมรอบอาสน์ทรงนามงามระหง
ม้าล่อลั่นขันฉ้อชะลอตรง
พระพายส่งเหมือนจะเตือนให้เคลือนคลา

ยิงปืนเปรี้ยงเสียงทหารร้องขานโห่
ช่วยกันโล้เลื่อนกรากออกจากท่า
ท้องสินธูดังจะรู้โมทนา
ระลอกฉ่าฟูฟองไม่ต้องเรือ

116
มัจฉาโลดโดดประสานขนานหน้า
เหมือนชมบารมีเลิศประเสริฐเหลือ
แล้วแฝงกายว่ายวางออกห่างเรือ
กลัวหางเสือฟาดฟองมาต้องตน

เมื่อเสด็จยาตราเวลานั้น
อัศจรรย์ทั้งโลกาโกลาหล
ฝ่ายทั้งสองมเหสีนิฤมล
แจ้งยุบลภัสดาเสด็จจร ฯ

ต่างงันงกตกประหม่าวิ่งตาขาว
เจ็บทรวงร้าวถึงกระดูกเหมือนถูกศร
เรียกสาวสรรค์เสนาพลากร
เร่งรีบร้อนตามองค์พระทรงธรรม์

ครั้นถึงท่าเห็นนาวาอันผ่อนศรี
พระภูมีสถิตท้ายพอผายผัน
พร้อมพระสงฆ์จตุรงค์แน่นอนันต์
จิตอัดอั้นลงมิได้ในนาวา

117
ชุลีกรวอนร่ำด้วยคำหวาน
โอ้ภูบาลไยจึงร้างเสน่หา
ไม่ผินพักตร์สั้งน้องทั้งสองรา
อนิจจาตัดพระทัยได้จริง ๆ

ออกเอ๋ยอยู่ดีดีก็มีโทษ
ไม่ออกโอษฐ์ให้ประจักษ์เลยสักสิ่ง
ไม่สงสารสุนทรวอนประวิง
จะทอดทิ้งให้น้องอยู่กับผู้ใด

สิ้นโปรดน้องแล้วหรือหนาในครานี้
จึงคิดหนีตัดพระทัยไปเสียได้
ไม่เสียดายเวียงวังพระคลังใน
หมดอาลัยถิ่นฐานหรือผ่านฟ้า ฯ

จักรพงศ์ทรงฟังนางทั้งสอง
มาร่ำร้องเกลียดเหลือเบื่อนักหนา
พระเสแสร้งสรวลสรรจำนรรจา
เย้ยตัณหาอวิชชาสองนารี

118
ว่าแน่เจ้าเยาวยอดราโฉด
งามประโลมล่อชายไม่หน่ายหนี
เป็นผู้เหนี่ยวสัตว์ไว้ในโลกีย์
เรายินดีร่วมห้องสองนงคราญ

ตั้งแต่อเนกชาติไม่คลาดข้าง
เกิดก่อสร้างบ้านเมืองเรื่องสังขาร
ร่วมสุขทุกข์เวทนากันมานาน
ทนกันดารนครกายหลายแสนคราว

เจ้าพาเราเวียนวงในสงสาร
ทรมานทุกข์ระทมตรมโศกเศร้า
อย่ามาหน่วงทวงทักชักยืดยาว
เจ้ายังสาวอยู่เป็นสุขทุกข์อะไร

เชิญทั้งสองครองธานีบุรีเอก
แล้วอภิเษกสมสู่หาคู่ใหม่
อันตัวเราแสวงสุขหนีทุกข์ภัย
สิ้นเยื่อใยกันแล้วเจ้าอย่าเฝ้ากวน

119
ตัดเมียรักหักกิเลสเศษพันห้า
อย่าตามมาสำออยละห้อยหวน
แม้นมิฟังยังร่ำเฝ้าคร่ำครวญ
เขาจะชวนกันสังหารผลาญชีวิต ฯ

ทั้งสองนางฟังองค์พระทรงศร
ทั้งตัดรอนแนมเหน็บให้เจ็บจิต
ต่างตีทรวงทรงกันแสงสุดแรงฤทธิ์
จนโลหิตเนตรไหลนองนัยนา

คิดเคืองขุ่นหมุนไปว่าพระสังฆราช
ศีลมิขาดเสียเปล่าหรือเจ้าขา
แกล้งทำให้ได้ทุกข์ทั้งพารา
ช่างอวดกล้าไม่กลัวผิดในกิจกรม

คงไม่แคล้วนรกตกลำบาก
เพราะบาปมากพรากคู่เคยสู่สม
อย่าให้พบสบผู้หญิงสิ่งนิยม
ให้ขาดชมเชยสวาททุกชาติไป

120
แม้นมิส่งภัสดาข้ามาก่อน
จะขอดค่อนแช่งด่าไม่ปราศรัย
จะพรากสามีข้าพาไปไกล
ไม่อายใจหรือคะท่านพระชี

ฝ่ายพระสังฆราชาฟังว่าขาน
ดูดื้อด้านพาลเกเรมเหสี
น้อยหรือช่างถางถากฝีปากดี
เฝ้าเซ้าซี้ทั้งสองคนบ่นวุ่นวาย

มิตอบบ้างนางจะเคยเกินเลยหนัก
จึงผินพักตร์ว่าไปดังใจหมาย
อะไรนี่สีกาหน้าไม่อาย
วิ่งตามชายมาทำเป็นสำออย

พระสามีมิได้อาลัยเหลียว
กลับโกรธเกรี้ยวแช่งด่าไม่ล่าถอย
ซึ่งสาปซ้ำร่ำเร้าเฝ้าตะบอย
ให้เราพลอยไร้ผู้หญิงสิ่งโลกีย์







 

Create Date : 13 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 11:53:55 น.
Counter : 844 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 101-110 ค่ะ)




โหรประณตบทศรียินดีนัก
แสนสมัคปรีดิ์เปรมเกษมสานต์
หมั่นเข้าเฝ้าทรงฤทธิ์เป็นนิจกาล
ทุกวันวารเช้าเย็นไม่เว้นวาย

คอยทูลเตือนให้พระองค์ทรงสิกขา
สร้างวัดวาพร้อมพรั่งทั่วทั้งหลาย
แล้วหลั่งทักษิโณทกยกภิปราย
แจกจำหน่ายบุญญาทั่วธาตรี ฯ

ฝ่ายเทวัญอันรักษาเศวตฉัตร
ทราบรหัสสรรเสริญเจริญศรี
ชวนกันช่วยโมทนาบารมี
ด้วยปรานีปิ่นกระษัตริย์ขัตติย์วงศ์

เข้าดลจิตหลวงชราพยาธิ
ให้ดำริเห็นผลกุศลส่ง
รอทัพไว้ยังไม่รณรงค์
เมตตาองค์ขัตติยาเจ้าธานี ฯ

102
จอมนรินทร์ปิ่นประชาเฉลิมโลภ
ระงับโศกสร่างทุกข์เป็นสุขี
ทรงสั่งสมบุญญาบารมี
เพิ่มทวีบริจาคมากอนันต์

ให้ตบแต่งบิณฑบาตอังศาสสงฆ์
ผู้ดำรงสิกขาให้มาฉัน
ใหพระโรงภัตตัคค์ตำหนักจันทน์
เป็นนิรันดร์ผลัดเปลี่ยนเวียนกันไป

วันหนึ่งเป็นวันพระเข้าพรรษา
พระเถราราชครูผู้เป็นใหญ่
รับนิมนต์ขององค์พระทรงไชย
เข้าฉันในท้องพระโรงตามโองการ

ท้าวเธอทรงต้อนรับอภิวาท
แล้วอังคาสด้วยโภชนาหาร
อันมีรสโอชะล้วนตระการ
นฤบาลคอยประดับรับวาที

103
ในวันนั้นพระสงฆ์ทรงสิกขา
ซึ่งเข้ามาฉันในวันนรังสี
ที่เยี่ยมยอดแกล้วกล้าปัญญาดี
มีถึงสี่ทรงฐานะเป็นพระครู

องค์หนึ่งนามสมถกัมมัฏฐาน
แสนเชี่ยวชาญเรืองไชยใครไม่สู้
องค์หนึ่งนามวิปัสสนาเหมือนตราชู
ตรัสรู้ธรรมะสารพัด

องค์หนึ่งนามขันตีมีอดกลั้น
ไม่หวาดหวั่นพรั่นในภัยพิบัติ
องค์หนึ่งนามตะปะเดชชะมัด
คอยนำสัตว์สู่สถานอันบวร

ทั้งสี่องค์ปรีชาล้วนสามารถ
ศิลปศาสตร์เรืองไชยดังไกรสร
แม้นใครฝากกายาก็พาจร
ให้หลุดถอนพ้นได้จากภัยพาล

104
ล้วนคุ้นเคยกับพระสังฆราช
ผู้จอมปราชญ์ปรีชามหาศาล
จึงเคารพนบนิ้วนมัสการ
โดยฐานท่านเป็นใหญ่ในทางธรรม ฯ

พระสังฆราชแลพบประสพพักตร์
ยินดีนักดังได้ไปสวรรค์
กล่าวสุนทรธรรมสากัจฉากัน
แล้วผินผันถวายพรสอนภูมินทร์

ให้นิมนต์สี่องค์ทรงสิกขา
ต่อนาวาพาข้ามกระแสสินธุ์
ออกจากห้วงล่วงพ้นซึ่งมลทิน
หมู่อรินทร์เข็ดขยาดไม่อาจตาม

ซึ่งสองทัพที่มาติดประชิดอยู่
พอจะสู้รบไปมิได้ขาม
แต่กองทัพมรณากล้าสงคราม
เป็นทัพสามราวกับเสืออันเหลือร้าย

105
ถึงใครมีฤทธีสักเพียงไหน
สู้ไม่ได้ทั้งนั้นอย่ามั่นหมาย
แม้นหนีสู่เมืองแก้วอันแพรวพราย
อันตรายสงครามตามไม่ทัน

หากมหาบพิตรคิดหลีกหนี
เป็นความดีถูกทางอย่างมหันต์
รูปจะไปเป็นเพื่อนองค์พระทรงธรรม์
ไม่ทิ้งกันเลยบพิตรอย่าคิดแคลง ฯ

จักรพงศ์ทรงฟังพระสังฆราช
อภิวาทรับคำร่ำแถลง
ขอพระคุณสี่องค์จงจัดแจง
นิมนต์แต่งนาวาข้ามสาคร ฯ

ทั้งสี่องค์พระอาจารย์ชาญสันทัด
ฟังกระษัตริย์สุดแสนสโมสร
จึงเอื้อนโอษฐ์อธิบายถวายพร
เชิญภูธรสดับธรรมคำวินัย





106
พลางจัดวาลวิชชนีอันวิเศษ
ถวายเทศน์ทางแปลกแก้สงสัย
ซึ่งนาวาที่จะพาให้พ้นภัย
ใช่อื่นไกลคือทสบารมี

เอาวิริยะปรารภเริ่มกุศล
เป็นกองพลห้อมล้อมให้พร้อมที่
สรณะศีลทานการยินดี
เป็นท้องที่อับเฉาข้าวเสบียง

อนึ่งในชลธารกันดารสุด
จัดบุรุษที่ชำนาญการหลีกเลี่ยง
สติเป็นนายท้ายไม่เอนเอียง
รู้บ่ายเบี่ยงเลี้ยวลัดตัดทางเรือ

อันเมตตาสามารถคอยวาดคัด
ท่านชี้ชัดเปรียบอย่างเหมือนหางเสือ
กรุณาว่าสายสมอเรือ
ในยามเมื่อลมหนักค่อยพักยั้ง

107
มุทิตาอุเบกขามาตั้งต่อ
เป็นกว้านฉ้อสายใบดังใจหวัง
เอาพระไตรลักษณ์ล้ำทรงกำลัง
ขึ้นต่อตั้งกลางสำเภาเป็นเสากระโดง

เอาปัญญาหยั่งเห็นเป็นเข็มกล้อง
ได้ดูส่องทะเลกว้างเห็นทางโล่ง
กายคตาเป็นฝ่ายสายระโยง
ที่ห้องโถงสมาธิดำริการณ์

เอาขุนนางยี่สิบห้าผู้สามารถ
ไว้เคียงอาสน์เป็นฝ่ายนายทหาร
เอาดวงจิตคิดชอบประกอบการ
เป็นนายงานได้บังคับกำกับพล

เหล่าพยุหยาตราโยธานั้น
ทรงเลือกสรรแต่ประเสริฐเลิศพหล
อันทมิฬหินชาติทรชน
อย่าระคนคบไปในนาวา

108
แม้นใครหวังความเจริญจะเดินสาร
ควรภูบาลปรารภจงคบหา
ลงนาเวศข้ามเขตทางคงคา
ได้ปรึกษาหารือตามซื่อตรง

เอาทหารชาญสงครามสามสิบเจ็ด
ตามเสด็จพร้อมพรั่งดั่งประสงค์
คือโพธิปักขิยธรรมโดยจำนง
คอยแวดวงรักษาพระทรงฤทธิ์

จัดนาวาสำเร็จเสร็จประสงค์
แล้วอ่าองค์สรงสนามสำราญจิต
ทรงภูษางามไลคล้ายนฤมิต
รักษากิจกรรมบถให้งดงาม

เอาเวสารัชชญาณอันหาญกล้า
สวมกายาเป็นเครื่องเรืองอร่าม
แทนเครื่องราชกกุธภัณฑ์อันเรืองนาม
ออกสนามครั้งนี้หมายมีชัย

109
ให้พระสงฆ์ทั้งห้าโหราพร้อม
แห่ห้อมล้อมจากปรางค์ทองอันผ่องใส
ขึ้นทรงราชรถแก้วแล้วครรไล
พลไกรล้นหลามตามจรัล

เสด็จลงยังนาวาพระที่นั่ง
ขึ้นบัลลังก์แล้วพระองค์ทรงพระขรรค์
ชื่อว่าปัญญาวุธสุดฉกรรจ์
ค่อยฟาดฟันสัตว์บาปที่หยาบคาย

ด้วยพระหัตถ์ซ้ายขวาอันกล้าหาญ
ให้พวกพาลพ่ายพินาศขาดเชื้อสาย
อวิชชาตัณหาตัวพาตาย
แม้นตะกายตามมาเร่งฆ่าฟัน

ส่วนวงศาอวิชชาสิบสี่นี้
หากตามตีขับไล่ให้เหหัน
ทั้งอุปกิเลสวงศ์ตัณหานั้น
คอยเกียดกันอย่าให้เข้าใกล้องค์

110
อภิชฌาโกโธโทโสร้าย
อีกตัวนายปมาทะพาให้หลง
อุปนาหะแสนชั่วเป็นตัวยง
คอยยุส่งกับมายาสาเถยยัง

สารัมโภอิสสาปลาโส
ทั้งมักโขมาโนคนโอหัง
มัจฉริยะและอติมานัง
รวมเข้าทั้งถัมภะมทะนี้

สิบหกคนมิใช่ชั่วล้วนตัวกล้า
แม้นเข้ามาแล้วจงบั่นฟันเกศี
อีกพันห้าบริวารนั้นยังมี
เจ้าพวกนี้เหนี่ยวไว้มิให้จร

แม้นพระองค์ยังหลงใหลในกิเลส
จะข้ามเขตไม่สมหวังดังอนุสรณ์
คงไม่พ้นเงื้อมหัตถ์ดัสกร
ไม่หยุดหย่อนเวียนว่ายเกิดตายไป




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 16:40:54 น.
Counter : 534 Pageviews.  

กลายนครคำกลอน (หน้า 91-100 ค่ะ )



ช่วยระวังระไวไว้ให้มั่น
สองนางนั้นอย่าให้มาถึงหน้าฉาน
ทั้งตัณหาอวิชชาคนสาธารณ์
ไล่รุกรานไปให้พ้นมณฑลเรา

ขุนนางพวกอีกาลีสิบสี่นั้น
อย่าให้มันมาได้ในที่เฝ้า
ทั้งร้อยแปดพันห้าคอยฆ่าเรา
อย่าให้เข้าอาศัยในนคร

เจ้าเป็นพวกรักษาองค์จงอุตส่าห์
คอยตรวจตราอย่าพลั้งดังพระสอน
อย่าคบค้าจงขจัดรีบตัดทอน
เหมือนช่วยถอนหนามรกที่อกเรา

ฝ่ายมนตรียี่สิบห้าอุรารื่น
ต่างชุ่มชื่นอารมณ์กราบก้มเกล้า
รีบออกมาเกณฑ์ทำตามสำเนา
ระวังเฝ้าล้อมวงมั่นคงดี

92
ส่วนพระองค์ทรงฤทธิ์จิตราช
พักตร์ผุดผาดหายหมองจิตผ่องศรี
ปรารภทานการสร้างพระบารมี
สั่งเสนีจาคะเจ้ากระทรวง

ว่าเรามอบอาญาสิทธิ์ดังจิตหวัง
ไปไล่มัจฉริยังขุนคลังหลวง
แล้วขนเอาเงินทองของทั้งปวง
แม้นใครล่วงว่าขานผลาญให้ยับ

เราจะพาท่านไปให้ทั่วทิศ
อย่าได้คิดเสียดายให้กลายกลับ
เดชะบุญหนุนส่งคงไม่ลับ
เครื่องสินทรัพย์จะให้ผลตามตนไป

ขุนจาคะสดับอภิวาท
รีบคลานคลาดตรงมาหาช้าไม่
ไล่ขุนมัจฉริยังจากคลังใน
พลางเข้าไขกุญแจพลันมิทันนาน

93
ฝ่ายขุนมัจฉริยังคั่งแค้นนัก
โกรธฮึกฮักตอบโต้ด้วยโวหาร
ไฉนเองอาจอุกไล่รุกราน
พนักงานคือเราเคยเฝ้ามา

พระเทวีมเหสีสิ้นทั้งคู่
นับถือกูเป็นพระญาติวงศา
วางพระทัยให้ระวังคลังนานา
ไยเองมาบุกรุกไล่คุกคาม

กูก็ดีมีฝีมือเขาลือร่ำ
รู้เก็บงำขวายขวนออกล้นหลาม
เองอย่าเสือกสู่รู้ท่าวู่วาม
จะเกิดความฉิบหายตายด้วยนา ฯ

ขุนจาคะโต้ตอบประกอบแก้
เองถือแต่รับสั่งนางตัณหา
กูรับสั่งจิตราชกระษัตรา
มิดีกว่ามึงหรืออย่าถือตัว

94
ที่กูถือคือพระแสงอาญาสิทธิ์
ใครถือผิดแข็งขัดให้ตัดหัว
จนไสคอก็ไม่ไปหรือไม่กลัว
ไม่รักตัวรักคอก็ว่ามา

ตวาดพลางง้างกุญแจแร่เก็บของ
ทั้งเงินทองแก้วแหวนแสนมีค่า
เอาออกกองเกลื่อนกลาดดาษดา
เที่ยวค้นคว้าหาทั่วไม่กลัวใคร

มัจฉริยังแค้นอุราหน้ากระหมวด
แสนเจ็บปวดแทบว่าเลือดตาไหล
จะดึงดื้อถือเคร่งก็เกรงภัย
แสนอาลัยใจละเหี่ยสุดเสียดาย

เห็นทรัพย์สินเครื่องสุวรรณหิรัญรัตน์
สารพัดจะไกลน่าใจหาย
เสียแรงเก็บแต่ปู่ย่าชั่วตายาย
ต้องแจกจ่ายจากคลังเสียครั้งนี้

95
จะหวังไว้ใช้ของตัวก็กลัวผิด
เป็นจนจิตด้วยอาญาจำล่าหนี
มานะเถียงเสียงเกนพอเป็นที
ได้ดูดีซีวะอย่าทะนง

จะทูลสองนงลักษณ์อรรคเรศร์
ให้ทราบเหตุเรื่องคลังดังประสงค์
เองรักษาศีรษะไว้ให้มั่นคง
คลังหมดลงแล้วจะต้องร้องขอทาน ฯ

ขุนโลโภนายรองเห็นของเกลื่อน
วิ่งหน้าเฝื่อนมาช่วยเถียงเสียงฉาดฉาน
ชะ ! เจ้าขุนบริจาคอยากให้ทาน
ไม่กลัวกาลเมื่อจะอดยามหมดม้วย

อันในคราวจะหายของมาไว้
ไม่มีใครผูกจิตคิดจะช่วย
หากเราขนเข้ามาใส่จึงได้รวย
จะมาฉวยเอาไปข้าไม่ยอม





96
ทั้งขุนมัจฉริยังเขาตั้งเก็บ
สู้เหนียวเหน็บยากแค้นแสนถนอม
บัดนี้เจ้าจะเอาไปเสียให้พร้อม
ใครจะยอมให้นั่นขันสิ้นดี ฯ

ขุนจาคะได้ฟังพลางตรองตริ
ว่ามัจฉริย์ชาติชั่วตัวตระหนี่
ทั้งโลโภอยากได้ใช่คนดี
จะพาทีตอบวาจาก็ช้าการ

นึกพลางง้เงื้อดาบวะวาบแสง
ทำทีแผลงฤทธิไกรไล่ประหาร
เจ้าขุนคลังสองคนวิ่งลนลาน
ไม่ต่อต้านร้องด่าหนีคลาไคล

มาทูลองค์อวิชชาตัณหาสมร
ตามเรื่องร้อนย่อยยับต้องขับไล่
ขุนจาคะทำคุมเหงไม่เกรงใจ
เข้าปฺดไขคลังทำตามจำนง

97
ทั้งกล่าวอ้างแอบรับสั่งตั้งกระทู้
ตะคอกขู่ทุ่มเถียงจนเสียงหลง
ว่าไม่เกรงนวลละอองทั้งสององค์
ซ้ำไล่ส่งข้านี้ต้องหนีมา ฯ

สองอนงค์ทรงฟังขุนคลังบอก
ดังหนามยอกแทงกายทั้งซ้ายขวา
วิ่งทะลึ่งตึงตังประดังมา
ถึงชาลาปราสาทชัยดังใจปอง

เห็นพวกรักษาองค์ล้อมมวงไว้
จะขึ้นไปไม่ถนัดเขาขัดข้อง
นางชี้นิ้วกริ้วโกรธพิโรธร้อง
อย่าจองหองเกเรอ้ายเสนี

มากางกั้นปั้นล่ำทำสู่รู้
บังคับกูผู้เป็นมเหสี
มึงเป็นไพร่ตัวต่ำทำถือดี
จะข่มขี่ฉันใดกูไม่เกรง

98
พลางร้องทูลภัสดานราราช
ว่าอำมาตย์มันรุมกันคุมเหง
ตั้งกระทู้ขู่ตะคอกออกครื้นเครง
มิได้เกรงอาญาฝ่าละออง

บ้างทะลึ่งอึงอื้อถือรับสั่ง
ไล่ขันคลังคนดีหนีทั้งสอง
ขอเอาสิ้นทรัพย์สินและเงินทอง
รื้อเข้าของเกลื่อนกลาดทำอาจอง

ทูลเท่าไรท้าวไทจิตราช
ไม่ประภาษซ้ำให้ขับไล่ส่ง
ปิดทวารดาลลั่นเสียมั่นคง
ไม่พะวงคำสนองของนงคราญ ฯ

ฝ่ายพวกเหล่ายี่สิบห้าเสนามาตย์
ได้โอกาสจากท้าวเจ้าสถาน
ต่างสองอรทัยไล่รุกราน
สองเยาวมาลย์หยาบช้าด่าว่าพลาง

99
พวกเสนาว่าอุเหม่มเหสี
มาเซ้าซี้อุทัจจ์คอยขัดขวาง
ขืนเข้ามาจะทุบถองทั้งสองนาง
จะต้องครางออดออดไม่รอดตน

จงรีบไปให้พ้นนางคนถ่อย
อย่าตะบอยด่าว่าเป็นบ้าบ่น
สองนางเถียงเสียงขรมเหมือนลมวน
หมู่ขุนพลไล่ขว้างวิ่งวางไป ฯ

ฝ่ายจาคะเห็นใครไม่มาห้าม
พยายามเก็บของล้วนผ่องใส
เลือกสรรที่ดีล้นให้ขนไป
ถวายไทธิบดินทร์รินทร ฯ

จักรพงศ์ได้ทรงทอดพระเนตร
ภูธเรศสุดแสนสโมสร
ให้ร้องป่าวชาวพาราประชากร
ราษฎรถ้วนหน้ามาทั้งนั้น

100
ทรงทำทานจะประมาณนับมิได้
คนยากไร้ได้ดีมีมหันต์
เลี้ยงพระสงฆ์ทรงอุทิศเป็นนิจรันดร์
สารพันถวายของเนืองนองครบ

แล้วแจกปันรางวัลหมู่อำมาตย์
ทั้งนักปราชญ์ผู้แสดงรู้แจ้งจบ
ที่เป็นจิตมิจฉาไม่ค้าคบ
ทรงปรารภแต่กำจัดพวกศัตรู ฯ

ฝ่ายขุนโหรสองศรีผู้วิเศษ
ได้ทราบเหตุทรงศักดิ์ประจักษ์หู
ยินดีด้วยภูวดลเป็นพ้นรู้
ต่างมาสู่ที่เฝ้าเจ้าพารา ฯ

กรุงกระษัตริย์ทอดทัศนาเห็น
ว่าเพื่อนเข็ญไม่ลับกลับมาหา
ทรงต้อนรับปราศรัยอยู่ไปมา
เรียกเสื้อผ้าเงินทองของประทาน ฯ




 

Create Date : 07 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 7:54:05 น.
Counter : 718 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 81-90 ค่ะ)



สองสัมมาสังกัปปะพระท่านสอน
ให้โอนอ่อนน้อมในไตรสิกขา
ตรึกในอันละกามตามธรรมา
วิหิงสาพยาบาทขาดเป็นจุณ

คิดแต่ที่จะเปลื้องตนให้พ้นทุกข์
เสวยสุขเนกขัมม์ตามเกื้อหนุน
มิได้อิงอามิสติดกามคุณ
จัดเป็นบุญญขันธ์อันโอฬาร

องค์สัมมาวาจานี้เป็นที่สาม
ไม่หยาบหยามกล่าวสุนทรล้วนอ่อนหวาน
ละพูดปดเป็นกลเช่นคนพาล
ไมาสามานย์ด่าทอต่อผู้ใด

เลิกส่อเสียดเกลียดชังคนทั้งสิ้น
คิดถวิลด้วยเมตตาอัชฌาสัย
ทิ้งตลกคะนองลำพองใจ
พูดแต่ในวจีสัจจ์บรรทัดตรง

82
องค์สัมมากัมมันโตโดยโวหาร
คือทำงานชอบไว้อย่าให้หลง
อย่าฆ่าสัตว์ทุกชนิดให้ปลิดปลง
ตั้งดำรงจิตไว้ในเมตตา

อทินนาอย่าลักซึ่งสิ่งของ
และเว้นคลองทุจริตในมิจฉา
เจริญพรตพรหมจรรย์จรัญญา
คิดตรึกตราสุจริตในกิจกาย

อนึ่งสัมมาอาชีวะท่านกะห้าม
จะต้องความเลี้ยงชีวาคิดค้าขาย
อย่าโกงคตปดเล่ห์เพทุบาย
อนึ่งอย่าขายสัตว์ที่มีชีวิต

อันยาเบื่อและสุราทั้งอาวุธ
ตัดให้หยุดอย่าปองขายของผิด
ประพฤติชอบประกอบไว้ให้เป็นนิตย์
เลี้ยงชีวิตให้สวัสดิ์สัจจ์ธรรม์

83
องค์สัมมาวายาโมอันโสภาค
คือเพียรมากเพิ่มผลกุศลขันธ์
เร่งละบาปบำเพ็ญบุญให้หนุนกัน
ตัวบาปนั้นคือเสนีสิบสี่นาย

คือโมหะคอยรุมให้ลุ่มหลง
ยุให้งงไม่รู้จริงสิ่งทั้งหลาย
และโทโสกริ้วโกรธพิโรธร้าย
ทั้งตัวนายตระหนี่มัจฉริยัง

มันยุยงให้พระองค์หลงห่วงทรัพย์
มิให้จับจ่ายได้เหมือนใจหวัง
ทั้งสองนายถีนัจและมิทธัง
มักให้นั่งเคลิ้มเขลาง่วงหาวนอน

อหิริกังตัวร้ายไม่อายบาป
ยุให้หยาบวายวุ่นขุ่นกระฉ่อน
ทั้งอโนตตัปปะเล่าคอยเฝ้าวอน
ให้ยอกย้อนทำบาปที่หยาบคาย

84
อุทธัจจังกุกกุจจังสิ้นทั้งสอง
มันคอยมองอกุศลวนใจหาย
ให้ฟุ้งซ่านรำคาญใจไม่สบาย
อีกตัวนายอิจฉานี้อาธรรม์

เจ้าโลภะคือโลภละโมบมาก
ทะยานอยากได้จริงทุกสิ่งสรรพ์
ทิฏฐิชักให้เห็นผิดคิดดึงดัน
มาโนนั้นมิใช่ชั่วถือตัวตน

เจ้าวิจิกิจฉาพาสงสัย
ให้หลงใหลวุ่นวายฝ่ายอกุศล
บาปธรรมสิบสี่นี่ทรชน
อย่าปะปนคบค้าสมาคม

ส่วนมิตรแท้อย่าหลบควรคบหา
คือเสนาฝ่ายผลกุศลสม
ยี่สิบห้ามีคุณาวโรดม
สิ่งประถมยึดศรัธาให้กล้าใจ

85
และปัญญาดีเลิศประเสริฐสุด
จะวิมุตติ์ถึงสุขทุกข์กษัย
เจริญสัมมัปปธานเจือจานไป
บุญสิ่งใดไม่เคยสร้างจงเร่งทำ

กุศลใดเคยทำทำให้ยิ่ง
จะเป็นสิ่งตามทำนุอุปถัมภ์
บาปสิ่งใดที่สถิตติดประจำ
เร่งวิกขัมภ์ขับไล่ให้ไกลกาย

องค์สัมมาสติดำริชอบ
คิดประกอบธรรมขันธ์จิตมั่นหมาย
อนุสสติสิบนั้นท่านบรรยาย
จะถวายพระพรความตามบาลี

คือพุทธะธัมมะสังฆะนั้น
ยึดให้มั่นสามรัตน์จรัสศรี
ทั้งสีลาจาคะเพิ่มทวี
จะเป็นที่นำตนให้พ้นภัย











86
เทวตามรณานุสสติ
จงเร่งตริตรึกตรองให้ผ่องใส
ทั้งกายคตานั้นหมั่นปลงใจ
อนึ่งในอานาปาน์อุตส่าห์ทำ

อุปษมาสติตรึกให้ลึกซึ้ง
คือคิดถึงคุณนิพพานการเนกขัมม์
และสติปัฏฐานสี่นี้ยอดธรรม
จะชักนำถึงนิพพานสำราญใจ

องค์ที่แปดสัมมาสมาธิ
คือจิตตริตั้งมั่นไม่หวั่นไหว
ละนิวรณธรรมรำงับไป
แอบแนบในจตุรูปฌาน

อันดำรงองค์ห้าดังสาธก
คือวิตกวิจารสุขเกษมสานต์
ปีติเอกัคคตาห้าประการ
เครื่องประหารคู่ปรับกับนิวรณ์

87
ทุติยฌานที่สองรองลำดับ
องค์สามนับตามกระทู้อุทาหรณ์
ละวิตกวิจารได้ไม่อาวรณ์
เหลือแต่ตอนปีติสุขเอกัคคตา

ตติยฌานที่สามตามกำหนด
ปีติหมดดวงจิตติดสุขา
และเอกัคคตาจิตยังติดมา
สุขุมกว่าปฐมทุติยฌาน

องค์ที่สี่สุดจตุตถะ
ละสุขะผ่องใสอย่างไพศาล
กลับเป็นอุเบกขาปรีชาญาณ
นับสองประการทั้งเอกัคคตา

เป็นจิตดิ่งนิ่งแน่และประณีต
เกือบถึงขีดโลกุดรนอนสุขา
ในฌานสี่ที่ชี้แจงแสดงมา
ใครตั้งหน้าบำเพ็ญให้เป็นไป

88
จะบำบัดอุปัทวะร้าย
ให้เหือดหายลุสุขทุกข์กษัย
เป็นต้นทางถึงนิพพานสำราญใจ
จงจำไว้ตามคำรูปรำพัน ฯ

จิตราชจักรพงษ์องค์กระกษัริย์
สดับอรรถปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ทรงศรัทธาเลื่อมใสที่ในธรรม์
จึงจัดสรรเครื่องบูชาโอฬาฬาร

ถวายไตรแพรกาสาวพัสตร์
ของอื่นจัดเต็มที่บริขาร
ศิโรราบกราบก้มนมัสการ
สร่างรำคาญโศกเศร้าเบาพระทัย

แสนชื่นฉ่ำดังน้ำอมฤต
มาพรมจิตดับหมองให้ผ่องใส
ประชวรหายคลายมัวสิ้นกลัวภัย
ดุจได้ยาทิพย์หยิบชโลม

89
เกิดปีติเลื่อมใสพระทัยแผ้ว
ดังได้แก้วชุปองค์ให้ทรงโฉม
มีศรัทธาปราโมทย์มาโนชญ์โน้ม
จึงว่าโยมสิ้นระแวงแคลงวิญญาณ์

จะจดจำคำพระสละบาป
ไม่หยามหยาบเป็นญาติพระศาสนา
ทั้งศีลทานการกุศลผลเมตตา
จะรักษามิให้หน่ายคลายอารมณ์

คิดหลีกลี้หนีพวกอกุศล
ไม่ระคนปนปะให้สะสม
สละห่วงบ่วงรึงที่ตรึงตรม
จะนิยมสรณาดังวาที

อนุสรณ์คำนึงถึงพระพุทธ
ประเสริฐสุดทุกเวลาเป็นราศี
และพระธรรมล้ำเลิศในโลกีย์
ทั้งอรียสงฆ์ผู้ทรงญาณ

90
และตั้งจิตคิดในพระไตรลักษณ์
ให้ประจักษ์อนิจจังในสังขาร
ทั้งทุกขังอนัตตาเป็นสาธารณ์
ไม่ทะยานคิดเห็นเป็นตัวตน

เพื่อกำจัดตัดรักผลักตัณหา
ที่ชักพาวนไปให้เสียผล
ขอพระคุณกรุณาอย่าจรดล
โปรดนิมนต์อยู่ด้วยกันทุกวันวาร

หากลืมหลงได้เป็นเพื่อนเตือนสติ
ให้ดำริข้ามห้วงบ่วงสงสาร
เสร็จสุนทรอ่อนเกศนมัสการ
นฤบาลเอื้อนยุบลสั่งมนตรี

ว่าท่านทั้งยี่สิบห้าสามิภักดิ์
ช่วยนำชักเราให้หายทุกขี
จงตั้งใจในกตเวที
ให้เป็นศรีสุขสวัสดิ์กำจัดพาล








 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 7:59:03 น.
Counter : 756 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 76-80 ค่ะ)




ทุกข์ที่สองรองมาชราร่าง
ไม่เว้นว่างเดือนวันที่มั่นหมาย
อายุเปลืองคร่ำคร่าชรากาย
เคยสบายครั้นแก่ก็แปรปรวน

ทั้งตามืดหูหนัฟันหักหมด
กายก็ขดกำลังน้อยถดถอยถ้วน
เทวทูตที่สองมาปองกวน
ว่าจะชวนถึงข้อมรณา

ทุกข์ที่สามนามมรณทุกข์
เข้าถึงยุคร่างกายวายสังขาร์
ย่อมขึ้นพองหนองในไหลออกมา
ทั้งแร้งกาหมู่หนอนเข้าฟอนกิน

สำหรับจมถมสุธาน่าอนาถ
เกิดเป็นอาตม์มาแล้วไม่แคล้วสิ้น
ถึงมนุษย์เทวัญชั้นพรหมินทร์
คงจะสิ้นชีพทั่วทุกตัวคน

77
ทุกข์ที่สี่นี้หรือคือโสกะ
ย่อมปะทะอั้นอัดคิดขัดสน
ปริเทวะเล่าซ้ำเข้าปน
คือพร่ำบ่นโศกซ้ำเฝ้าคร่ำครวญ

อันทุกข์เจ็บกายนี้เป็นที่หก
ดังใครชกตีโบยให้โหยหวน
เหลือที่สัตว์จะทนได้หลายกระบวน
เจ็ดจำนวนทุกขะโทมนัส

คอยเบียดเบียนจิตใจมิให้สุข
ต้องทนทุกข์เศร้าหมองคิดข้องขัด
อุปายาสคับแค้นแสนรึงรัด
ให้กลุ้มกลัดในอารมณ์ไม่สมคิด

อัปปิเยหิซ้ำประจำเก้า
ประจวบเข้าอารมณ์ใดไม่ชอบจิต
กระทบกระทั่งดังว่าปัจจามิตร
ให้แค้นจิตแค้นใจมิได้วาย

78
ปิเยหิวิปโยคะทุกขะ
สิเนหะแสนสวาทญาติสหาย
มานิราศแรมร้างไปห่างกาย
หรือล้มตายก็ตั้งหน้าโสกาลัย

ทุกข์สิบเอ็ดเสร็จกิจยัมปิจฉัง
ความทุข์ตั้งเติมต่อเป็นข้อใหญ่
ปรารถนาในอารมณ์ไใ่สมใจ
ก็คลั่งไคล้จนวิตกหัวอกตรม

ทุกข์สัจจ์เบ็ดเสร็จสิบเอ็ดนี้
ดังรูปชี้แจงจริงทุกสิ่งสม
ย่อมมีทุกรูปนามตามนิยม
ถึงอินทร์พรหมไม่เว้นตัวทั่วโลกา

ถวายความตามที่อริยสัจจ์
ที่สองถัดจะรำพันในตัณหา
มันผูกมัดรัดดรึงคอยตรึงตรา
ดลวิญญาณ์ให้ทะยานการโลกีย์

79
ท่านกล่าวตามนามว่าตัณหาสาม
หนึ่งคือกามตัณหามาเสียดสี
ในรูปเสียงกลิ่นรสปรากฏมี
หลงยินดีอภิรมย์เฝ้าชมเชย

พัสดุเงินทองของทั้งหลาย
ต่างมุ่งหมายถือมั่นเจียวท่านเอ๋ย
ทะยานอยากปรารถนาไมาว่าเลย
ร่ำภิเปรยไม่รู้สุดสมุททัย

ทั้งภวตัณหาเล่าก็เฝ้าต่อ
ให้เกิดก่อหนุนเนื่องสร้างเมืองใหม่
วิถวตัณหาคอยพาใจ
ให้อยากไม่มีเป็นเห็นทะยาน

อวิชชาพาใจให้ใหลหลง
ต้องเวียนวงเที่ยวไปในสงสาร
ไม่พ้นชาติชราพญามาร
ต้องทนทานเจ็บป่วยและม้วยมรณ์

80

ส่วนนิโรธสัจจ์นี้เป็นที่สาม
จะแจ้งความเชิญจำตามคำสอน
จงทิ้งขว้างวางตัณหาอย่าอาวรณ์
และตัดรอนอวิชชาอย่าคิดรัก

แม้ตัดตัวอวิชชาตัณหาแล้ว
จะผ่องแล้วล้ำเลิศประเสริฐศักดิ์
ได้ถึงที่พระนิพพานสำราญนัก
ด้วยองค์มัคคสัจจ์อัษฎางคิก์

ส่วนปริศนาว่าไว้สั้นให้ต่อ
ได้ในข้อแปดองค์จงสืบสาง
คือสัมมาทิฏฐิตริอย่าวาง
เห็นชอบทางสัจจะสี่ประการ

มีปรีชาแจ้งในพระไตรลักษณ์
ไม่พะวักพะวงหลงในสงสาร
เห็นเป็นอนิจจังสิ้นทั่วดินดาล
ซ้ำถึงกาลทุกข์พิบัติอนัตตา




ความตายมาเยี่ยมแท้ ทุกคน
หญิงชายในสกล โลกนี้
ใครเล่าจักล่องหน หลบหลีก ได้เอย
พระพุทธองค์ทรงชี้ หมั่นน้อมระลึกถึง

ทั้งคนมั่งมี ทั้งคนยากจน
ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 7:59:27 น.
Counter : 757 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

วนารี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ
^^^^^^^^^^^^
ความรัก เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึก ในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น นานหนัก
แต่รักเรา นานกว่านั้น
^^^^^^^^^^^^

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
Friends' blogs
[Add วนารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.