ใต้ฟ้าเดียวกัน.... ForGet mE nOt
Group Blog
 
All blogs
 

กายนครคำกลอน (หน้า 46-50 ค่ะ)



ข้าศึกสี่นี่แหละหนาฝ่าพระบาท
มันร้ายกาจพาวางเดินทางอ้อม
รวมทั้งที่ขุนสติทูลประนอม
นับเข้าพร้อมแปดข้อคิดต่อกัน


ขอปิ่นปักจักรพงศ์จงให้หา
ขุนศรัทธาต้นหนคนขยัน
ทั้งขุนปัญญาด้วยได้ช่วยกัน
เร่งจัดสรรสำเภาทรงอลงการ

บรรทุกเครื่องอุปากาโรฬารึก
ได้หนีศึกข้ามวัฏฏสงสาร
ขอพระองค์ฟังข้าโหราจารย์
อย่านิ่งนานไว้พระทัยแก่ไพรี ฯ

จิตราชภูวไนยเจ้าไตรจักร
ฟังโหรชักใจให้สงบรีบหลบหนี
ทรงลังเลพระทัยใช่พอดี
พระภูมีอัดอั้นตันพระทรวง ฯ

47
เอกอำมาตย์มนตรีสิบห้า
ล้วนปรีชาเห็นภัยอย่างใหญ่หลวง
ทูลพระปิ่นนครังขึ้นทั้งปวง
ว่าโหรล่วงรู้จริงสิ่งสัจจัง

ขอพระองค์ทรงทำตามคำเถิด
จะประเสริฐสมในพระทัยหวัง
จงทรงยึดรัตนะปนสรณัง
โดยพลังเดชาห้าประการ

คือศรัทธาวิริยะและสติ
สมาธิปัญญาล้วนกล้าหาญ
พร้อมทั้งบุญญ์กิริยาเมตตาณาน
ข้ามกันดารหลีกลับทัพชรา

ผลทานท่านอุปมาเสบียงมาก
แก้ลำบากเปลื้องทุกข์ให้สุขา
ผลศีลเป็นเสาใบในเภตรา
ภาวนาเป็นอาวุธยุทธยง

48
เกล้ากระหม่อมพร้อมยี่สิบห้านั้น
จะผายผันตามเสด็จดังประสงค์
ไม่หวาดหวั่นย่นย่อต่อณรงค์
ขอเชิญองค์ภูบาลเตรียมการจร ฯ

ลำดับนั้นทรงธรรมจิตราช
ฟังอำมาตย์พรั่นอุราสะท้อนถอน
ทรงคล้อยตามถ้อยแถลงแห่งนิกร
พระภูธรจึงบัณฑูรแก่ขุนคลัง

ให้เบิกจ่ายราชทรัพย์ออกนับขน
เตรียมกุศลปาไถยเหมือนใจหวัง
ฝ่ายขุนมัจฉริยะกรมพระคลัง
ฟังคำสั่งอาวรณ์ให้ร้อนใจ

จึงทูลอวิชชาพระยาหญิง
ให้ประวิงการรับสั่งเบิกคลังใหญ่
โดยอ้างว่าถ้ามิห้ามตามพระทัย
ทรัพย์ที่ในคลังเราคงเบาบาง ฯ

49
ฝ่ายโฉมศรีอวิชชาตัณหานุช
ได้ทราบสุดเคืองจิตคิดหมองหมาง
ต่างรีบรัดไคลคลามาจากปรางค์
เสด็จทางม่านทองท้องพระโรง

ประสานเสียงทูลสนองต้องทำเนียบ
ภิปรายเปรียบเลียบเคียงส่งเสียงโผง
โหรมนตรีดีนักช่างชักโยง
คลังจะโล่งแล้วทีนี้ไม่มีเกลือ

อันธรรมดาสินทรัพย์สำหรับใช้
ยิ่งเก็บไว้เต็มที่ยิ่งดีเหลือ
คราวขัดสนสิ่งไรได้หาเจือ
หากหลงเชื่อเขาหลอกออกอุบาย

ลงถึงความย่อยยับอัปยศ
ทรัพย์เสื่อมหมดเมืองล่มจมฉิบหาย
ต้องยากจนทนทรมานกาย
ซ้ำได้อายขายหน้าประชาชน

50
อนึ่งเงินทองในท้องพระคลัง
สิ่งทั้งปวงสารพัดไม่ขัดสน
เพราะหม่อมฉันทั้งสองต้องดิ้นรน
สู้อดทนแส่หาชั่วตาปี

และทรัพย์ซึ่งเก็บไว้ไม่วิบัติ
ก็เพราะมัจฉริยะเขาตระหนี่
มิใช่เพราะโหรเฒ่าเจ้าวาที
ซึ่งอวดดีคอยประจบเฝ้ารบกวน

ยุให้แต่ทำบุญอุดหนุนพระ
ไม่เห็นจะมีจิตคิดสงวน
คราวสิ้นทรัพย์อัปภาคย์หากแจจวน
ก็จะชวนกันหลีกคิดปลีกตัว

อันภรรยาข้าเก่าสองเหล่านั้น
ถึงชั่วดีแม้นวิบัติลงขัดสน
ไม่ทอดทิ้งคงอยู่ยอมสู้จน
ไม่เหมือนคนภายนอกดอกเพคะ





การเปิดประตู้หน้าต่างให้กว้างก็คือ
การยอมที่จะดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง
พิจารณาสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในตัวเองให้มาก
และยอมที่จะรับฟังของจริง เรื่องจริง สิ่งที่เป็นจริง
และทำตามให้ได้จริงๆ




 

Create Date : 02 เมษายน 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:03:16 น.
Counter : 729 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 41-45 ค่ะ)





คิดผันแปรแก้เคืองทูลเยื้องยัก
กำแพงหักลงระทมเพราะลมต้อง
ให้เกณฑ์พลคนนั่งประจะซอง
ก็ปิดป้องไม่หยุดสุดกำลัง ฯ

ภูวไนยได้สดับขุนปฐพี
ยิ่งทวีกริ้วกราดประภาษสั่ง
มึงเร่งแต่งนครกายให้หายพัง
มิระวังจะประหารผลาญชีวี

ขุนสุธากราบก้มบังคมบาท
รีบคลานลาดออกมาตรวจหน้าที่
เห็นยับเยินคับใจใช่พอดี
ปฐพีเคืองระคายนายชรา

จะเรียกตัวซักไซ้ก็ไม่พบ
ด้วยรู้หลบมีมนต์ดลคาถา
ไม่ประสพพบพานดาลวิญญาณ์
ขุนสุธาคิดอ่านการซ่อมแซม

42
กำแพงตะโจนั้นต้องควันคล้ำ
หายาน้ำตบแต่งปูนแป้งแต้ม
ป้อมเกศาหักพังต่อตั้งแซม
กระเหม่าแนมน้ำมันเชื้อทาเจือกัน

หญ้าไม่ดำซ้ำขาวออกพราวพร้อย
ยิ่งยับย่อยทั่วทั้งแดนแคว้นมหันต์
หลวงชรายิ่งชะล่าระเริงครัน
เข้าดึงดันในเสมานะหารู

สายโซ่ใหญ่เหนี่ยวรั้งเสียทั้งหมด
ดึงขอดขดย่อย่นไม่ทนสู้
ป้อมทันตาโยกพังหลุดพรั่งพรู
นายประตูทูลสารพระผ่านภพ

ทั้งขุนปฐพีร่ำซ้ำสนอง
ว่าเหลือตรองแก้จริงทุกสิ่งจบ
ไม่คงคืนมีแต่ทรุดสุดรับรบ
ขอทรงภพทราบบาทฝ่าธุลี ฯ

43
จักพงศ์ทรงฤทธิ์จิตราช
ฟังอำมาตย์ทูลสนองยิ่งหมองศรี
คิดถึงคำโหรทายไว้เดิมที
ว่าจะมีภัยประชิดติดนคร

ก็ประจักษ์เหมือนคำทำนายไว้
แต่เราไม่จินตนาอนุสรณ์
หลงเชื่อคำนางตัณหาสารวอน
ทูลยอกย้อนยุให้ไล่โหรา

ทรงเสียดายใช้นายวิริยะ
เป็นธุระสืบแสวงทุกแห่งหา
ได้ทั้งสองโหรเฒ่านั้นเข้ามา
เฝ้าบาทาปิ้นเกล้าเจ้าธานี

พระยาจิตฤทธิรงค์ผู้ทรงเดช
ทอดพระเนตรโหรทั้งสองยิ่งหมองศรี
พลางเอื้อนโอษฐ์พจนาโปรดปรานี
ตรัสถามที่ลักษณะชะตาเมือง

44
ป้อมกำแพงนอกในร้ายนักหนา
จะเยียวยาไม่ฟังสิ้นทั้งเรื่อง
ทั่วธานีวิบัติน่าขัดเคือง
ทั้งชาวเมืองไม่มีสุขทุกข์ระทม ฯ

ฝ่ายโหราชื่อว่าสติล้ำ
กับทั้งสัมปชัญญะคู่ประสม
ฟังโองการพระผู้ผ่านบุรีรมย์
กราบบังคมดูคัมภีร์ชุลีทูล

ขอเดชะฝ่าละอองธุลีบาท
ภัยในราชบุรินทร์ไม่สิ้นสูญ
หนึ่งแรกตั้งนครเล่าเป็นเค้ามูล
ย่อมอาดูรมิได้สุขทุกคืนวัน

ทัพที่สองชราปัจจามิตร
มาตั้งติดนครเรศหักเขตขัณฑ์
ไม่มีใครเห็นตัวทั่วทั้งนั้น
เข้าบุกบั่นแย่งยื้อรื้อกำแพง

45
ทัพที่สามสงครามในเดือนหน้า
คือพยาธิประจญพลขันธ์แข็ง
ที่สี่ทัพมรณายิ่งกล้าแรง
ขอเชิญแต่งอาวุธไว้ยุทธนา

กระหม่อมฉันตรองตริดำริทราบ
จึงได้กราบทูลระบิลปิ่นเกศา
ทั้งสี่ข้อความขำร่ำพรรณนา
จงทราบฝ่าบาทบงส์พระทรงฤทธิ์ ฯ

ฝ่ายขุนสัมปชัญญะแจ้งระบอบ
จึงประกอบกราบทูลมูลกิจ
ว่าจตุอปายาปัจจามิตร
คอยประชิดชาติหน้าเมื่อล่าไป

คือนิรยะติรัจฉานะโยนิ
และปิตติวิสยะแดนอาศัย
กับทั้งอสุรกายร้ายเหลือใจ
ล้วนเป็นภัยผลาญสุขให้ทุกข์ตรอม




 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:04:38 น.
Counter : 1137 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า 36-40 ค่ะ)



หลวงชราได้ช่องพร้องแถลง
ว่ากำแพงเก่าชำรุดทรุดหนักหนา
ทั้งป้อมคูดูวิบัติขัดในตา
ขอตรวจตราทำใหม่ให้มั่นคง


ขุนปฐพีฟังดูไม่รู้เท่า
ว่าตัวเราเห็นงามตามประสงค์
ตามแต่เจ้าเห็นชอบประกอบลง
เห็นที่ตรงไหนขัดจัดให้ดี


หลวงชราหน้าเป็นเห็นสมจิต
ด้วยจะคิดทำลายเมืองอันเรืองศรี
ลาออกเดินเที่ยวดูรอบบูรี
แล้วตรึกตรีจะจุดไฟให้เผาลน


แต่เกรงขุนเตโชวาโยอยู่
เป็นคนรู้เร็วรวดตรวจถนน
เข้าประจบด้วยอุบายฝากกายตน
จะช่วยขนมูลขยะหาเชื้อเพลิง

37
ขุนเตโชเห็นชอบตอบอนุญาต
สมหมายมาดหลวงชราระเริงเหลิง
ขนมูลฝอยใส่ไฟใจบันเทิง
กองริมเชิงกำแพงนอกล้นออกร้าว


กำแพงตะโจนั้นต้องควันร้อน
กะเทาะล่อนถึงตะจะเสมหะขาว
หลวงชราอ่านมนต์เรียกฝนพราว
ทั้งลมว่าวพัดกรรโชกให้โยกคลอน


ชาวเวียงไชยไม่สังเกตซึ่งเหตุผล
สาละวนยะโสสโมสร
ต่างคะนองทะนงตัวทั่วนคร
ไม่อาทรคำนึงถึงไพรี ฯ


หลวงชราหรรษาด้วยสมหวัง
ไม่หยุดยั้งจะประจญให้ป่นปี้
เรียกพวกพลที่มาบรรดามี
เข้าคลุกคลีพังป้อมล้อมปราการ

38
รื้อกำแพงมังสังนั้นชั้นที่สอง
หักเป็นช่องลอดตัวทั่วทหาร
ป้อมเกศีด้านต้นเหลือทนทาน
แต่ก่อนกาลดำระยับกลับขาวพลัน


ต้องฝนแดดแผดเผาทั้งเร่าร้อน
ลมพัดคลอนโยกเคลื่อนสะเทือนลั่น
ฝ่ายพวกพลชราก็พากัน
เข้าบุกบั่นขึ้นกำแพงจัดแจงรื้น


ประชาชนทั้งนั้นไม่ทันเห็น
ศึกเขม้นแย่งทึ้งไม่อึงอื้อ
ต่างคนหมายว่าพระพายพัดกระพือ
เป็นเหลือมือจะระวังทั้งพารา


เสียงครั่นครื้นคนตื่นตกใจวุ่น
ชุลมุนคึกคักเป็นหนักหนา
วิ่งล้มลุกคลุกคลานเซซานมา
พื้นสุธาพ่างเพียงจะเอียงทรุด

39
กำนัลนางชาววังสิ้นทั้งหลาย
ต่างวุ่นวายหวาดหวั่นพรั่นที่สุด
นางสัททาทูลองค์พระทรงพุทธ
นครทรุดโทรมลั่นด้วยอันใด


พงศ์กระษัตริย์ตอบอัตถ์นางสาวน้อย
ไม่แจ้งถ้อยว่านิเวศน์เหตุไฉน
พลางลีลามาจักษุปราสาทชัย
ภูวไนยทอดทัศนาการ


ฤทธิ์ชราพาจักษุปราสาทนั้น
เป็นหมอกควันมืดมัวทั่วสถาน
ดวงมณีศรีจรัสชัชวาล
ก็พิการวิบัติน่าอัศจรรย์


เรียกพระกล้องส่องยลทุกหนแห่ง
เห็นกำแพงหักพังทั้งเขตขัณฑ์
หวนละเหี่ยสุดเสียพระทัยครัน
ไฉนนั่นวิปริตหลากจิตนัก

40
ฤทัยหายแสนเสียดายราชฐาน
พระยิ่งดาลแดดวงเพียงทรวงหัก
เสโทไหลโทรมซาบลงอาบพักตร์
พระทรงศักดิ์แสนพิโรธโกรธขุนนาง


ให้หาขุนปฐพีมาที่เฝ้า
ว่าเออเราไว้ใจให้ทุกอย่าง
เหตุไรพังทั้งพาราผิดท่าทาง
เสียแรงวางจิตจำนงปลงวิญญาณ์


ใจทมิฬนอนกินแต่เบี้ยหวัด
สารพัดไม่เอาใจใส่รักษา
ไฉนทิ้งให้ย่อยยับอัปรา
ให้การมาตามจริงยิ่งนิ่งความ ฯ


ขุนปฐพีวันทาประหม่าจิต
จะทูลกิจตามจริงยิ่งเกรงขาม
ด้วยตนคบหลวงชราพาลวนลาม
จึงครั่นคร้ามกลัวอาญาฝ่าละออง





 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:06:57 น.
Counter : 887 Pageviews.  

กายนครคำกลอน ( หน้า 31-35 ค่ะ)




จะประหารผลาญชีพริบให้หมด
ไม่ละลดเด็กผู้ใหญ่ไม่เลือกหน้า
แล้วจับจิตราชท้าวเจ้าพารา
เข้ามาหาภูวไนยดังใจปอง ฯ

มัจจุราชองค์ท้าวเจ้าชีวิต
ฟังความคิดแม่ทัพรับสนอง
ถูกพระทัยตามที่ทรงตริตรอง
จึงสั่งสอนนายพลคนสำคัญ

คือชราพยาธิเสนีใหญ่
เคยมีไชยการศึกไม่นึกพรั่น
ให้รีบเร่งระดมพลคนฉกรรจ์
ไปโรมรันราญรอนนครกาย ฯ

หลวงชราพยาธิฤทธีหาญ
รับโองการอภิวันทรน์แล้วผันผาย
ออกมาเกณฑ์พลไกรทั้งไพร่นาย
มีกองหมายคอยสำรวจตรวจบัญชี

32
เรียกกองหนุนมาระดมเข้าสมทบ
ล้วนพลรบเคยศึกไม่นึกหนี
มาถ้วนทั่วหัวเมืองเอกโทตรี
รวมโยธีสองทัพพลนับพัน

ให้ขุนตานขโมยโดยวิสัย
ถือธงชัยนำหน้ากล้าขยัน
มีนายรองท้องมานชาญฉกรรจ์
พลขันธ์แต่งกายาสง่างาม

ในกระบวนล้วนใส่เสื้อหนังสัตว์
ถือขวานกวัดแกว่งคะนองก้องสนาม
มิใช่ชั่วตัวการชาญสงคราม
ขนานนามโยธีริดสีดวง

พันระไนไส้เลื่อนกลากเกลื้อนหิด
นายต่อมพิษเข้ากำกับกองทัพหลวง
แม้นนครชำรุดทรุดเซซวน
ท่านจงด่วนเข้าประชิดติดธานี

33
แล้วตีป้อมกำแพงแย่งหอรบ
จุดเพลิงคบต้นพลปล้นกรุงศรี
ส่วนเราจะพาวาตาตัวกล้าดี
บังอินทรีย์ล่วงหน้าเข้านคร ฯ

หลวงพยาธิฟังสั่งนุสนธิ์
เห็นชอบกลเป็นต่อในข้อขอน
จึงว่าข้าตั้งค่ายอยู่ชายคอน
ท่านไปก่อนรีบรัดเร่งจัดแจง ฯ

หลวงชรารับวาจาแล้วผันผาย
มาแต่งกายงามสง่าดูกล้าแข้ง
เรียกทหารคนสนิทฤทธิแรง
แล้วสำแดงเดชารีบมาพลัน

ด้วยชำนายอ่านมนต์ล่องหนได้
มิให้ใครเห็นสกนธ์พลขันธ์
หมู่สิงห์สัตว์ในพนัสพนาวัน
ก็ไม่ทันแจ้งใจว่าภัยพาล

34
อำนาจเดชเวทย์จังงังบังกายลับ
เดินกองทัพพักหนึ่งถึงสถาน
จึงหยุดยั้งโยธาริมปราการ
พวกชาวด่านมิได้นึกรู้สึกตัว

หลวงชราพักโยธาอยู่ริมด่าน
ดูเชิงชานนคเรศสังเกตทั่ว
เห็นฝูงคนโฉดเขลาล้วนเมามัว
ไม่เกรงกลัวปัจจามิตรติดพารา

แล้วแฝงกายกำบังเที่ยวฟังข่าว
ว่าไทท้าวเป็นสุขหรือทุกขา
ทราบว่าหลงตัณหาอวิชชา
สมจินดารื่นเริงบันเทิงใจ

จึงจำแลงแปลงเป็นบุรุษหนึ่ง
รูปนั้นพึ่งกลางคนเดินวนไขว่
ทั้งสองมือถือถาดใส่ลูกไม้
เข้าบ้านใหญ่ถามข่าวเขาเหล่านั้น

35
ว่าท่านขุนปฐพีอยู่ที่ไหน
โปรดบอกให้มาประสพพบกับฉัน
พอมีคนเข้าไปบอกออกมาพลัน
ชรานั้นนอบนบประจบประแจง

ยกถาดวางพลางรำพันว่าฉันนี้
ไม่มีที่พึ่งพักเป็นหลักแหล่ง
จะขออยู่อาศัยให้ใช้แรง
ช่วยจัดแจงแต่งธานีให้ดีงาม

แต่พอเลี้ยงกายาข้าพเจ้า
ทุกเย็นเช้าตามจะใช้มิได้ห้าม
ฉันคนซื่อถือสัจจาพยายาม
ไม่ทำความวายวุ่นให้ขุ่นเคือง ฯ

ขุนปฐพีดีใจเขาให้ของ
สบทำนองโลภมุ่งพูดฟุ้งเฟื่อง
รับให้อยู่ดูงานทำบ้านเมือง
หวังให้เรืองรุ่งอร่ามงดงามตา







 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:05:56 น.
Counter : 994 Pageviews.  

กายนครคำกลอน ( หน้า 26-30 ค่ะ)




เห็นเมืองไหนย่อยยับจับประหาร
ไม่ว่าขานซักไซ้หรือไต่ถาม
ใช้ทหารรานรุกเข้าคุกคาม
อย่าห้ามปราบผันผ่อนไม่หย่อนใคร

ถึงมีบุญวาสนาอาณาจักร
ก็ไม่รักไม่ชอบอัชฌาสัย
ถึงถวายเงินทองกองเท่าใด
หรือกราบไหว้วอนว่าไม่ปรานี

จะหานายประกันให้ก็ไม่เชื่อ
คนกลัวเหลือหลบหลีกปลีกตัวหนี
ถึงมีเวทย์เดชกล้าวิชชาดี
จะต่อตีรบรานประการใด

มัจจุราชมิได้หวาดพระทัยหวั่น
เข้าบุกบั่นฉุดคร่าไม่ปราศสัย
ทั้งมนุษย์เดียรฉานประหารไป
ไม่ละใครในโลกยมณฑล
27
มีทหารชาญชัยในสนาม
ใครยินนามเศียรพองสยองขน
ชื่อชราพยาธิมีสองคน
ฤทธิรณดังเพลิงอันเริงแรง

ถึงเทวัญชั้นฟ้าอินทร์พรหมยมยักษ์
ไม่รอพักตร์ล้วนหมดสยดแสยง
ทั้งบรรพตปฐพีวารีแรง
ทุกตำแหน่งอยู่เงื้อมหัตถ์มัจจุราชา

พงศ์นรินทร์ปิ่นสถานผู้ผ่านภพ
เลิศลบฤาฤทธิ์ทุกทิศา
จะใคร่แผ่อาณาเขตเดชศักดา
เที่ยวต่อแย้งยุทธนาทุกเวียงชัย

เสด็จออกพระที่นั่งบัลลังก์อาสน์
พร้อมอำมาตย์หลายเหล่าเฝ้าไสว
หลวงพยาธิชราร่วมพระทัย
เสนาใหญ่ทั้งคู่เฝ้าอยู่เคียง
28
เป็นทัพหน้าของพระยามัจจุราช
สุดองอาจอาสาจนสิ้นเสียง
ทุกหน้าที่ล้วนถนัดตัดเสบียง
กักลำเลียงปิดทางในกลางคัน

พระภูมินทร์ปิ่นกระษัตริย์มัจจุราช
มีอำนาจฤทธิแรงทั้งแข็งขัน
ออกขุนนางพลางตรัสประภาษพลัน
จะโรมรันราญรอนนครกาย

ท่านจงเร่งจัดหลพลกำแหง
ที่เรี่ยวแรงแข็งขันให้ผันผาย
เข้าตีป้อมกำแพงแย่งทำลาย
ทั้งเขื่อนค่ายโยกคลอนให้ถอนไป

จับกระษัตริย์มัดแขนให้แน่นหนา
รุมฉุดคร่ายื้อชักเร่งผลักไส
นำออกนอกพระนครอย่านอนใจ
แล้วปล่อยไปตามคติที่เขามา
29
หรือกุศลผลกรรมที่ทำไว้
จะอย่างไรสุดแท้แต่วาสนา
ถ้าแม้นไปตั้งเมืองเลื่องฤาชา
จึงค่อยยกโยธาตามราวี ฯ

หลวงชรากล้าศึกไม่นึกพรั่น
บังคมคัลทูลท้าวเจ้ากรุงศรี
ว่าข้าบาทอาสาฝ่าธุลี
ไปเข้าตีสนิทเป็นมิตรกัน

กับขุนปฐพีผู้มีศักดิ์
ได้พิทักษ์กายประเทศทั่วเขตขัณฑ์
จะยุให้เล่นสนุกทุกคืนวัน
มิให้หมั่นตรวจตรานครกาย


ครั้นด่านป้อมล้อมรอบลงบอบช้ำ
จึงค่อยซ้ำตีริบให้ฉิบหาย
คงจะได้บุรีนี้ง่ายดาย
ดังอุบายข้าทูลมูลคดี ฯ
30
ฝ่ายข้าหลวงพยาธิดำริชอบ
แล้วนบนอบบังคมก้มเกศี
ว่าหม่อมฉันขออาสาฝ่าธุลี
ยกโยธีหนุนประชิดติดนคร

จะขอขุนระบายยาตราด้วย
พอได้ช่วยการศึกคิดฝึกสอน
พร้อมทั้งขุนโรคากล้าราญรอน
คุมนิกรร้อยแปดทั้งตัวนาย

ไปตั้งล้อมป้อมค่ายให้หลายชั้น
แล้วโลมรันให้แตกแหลกสลาย
คงจักได้พารานครกาย
มาถวายบาทาฝ่าธุลี ฯ

หลวงมรณังบังคมทูลสนอง
ว่าแม้นสองกองทัพกลับกรุงศรี
จะอาสาพาหลพลโยธี
ไปต่อตีให้ยับอัปรา






 

Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 7 พฤษภาคม 2550 8:06:29 น.
Counter : 1269 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

วนารี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ
^^^^^^^^^^^^
ความรัก เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึก ในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น นานหนัก
แต่รักเรา นานกว่านั้น
^^^^^^^^^^^^

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
Friends' blogs
[Add วนารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.