ใต้ฟ้าเดียวกัน.... ForGet mE nOt
Group Blog
 
All blogs
 

ความแตกต่าง (ธรรมชาติแห่งพุทธะ)



คลื่นความคิดของคนต่างสรรหา
หวังได้มาความหวานผ่านความหมอง
ตระกรายหมายไขว่คว้าหามาครอง
ผิดทำนองครองธรรมต่างย่ำยี

โปรดเหลียวมองยั้งจิตสะกิดไว้
สิ่งคว้าได้ใครอื่นอาจหมองศรี
จงใคร่ครวญย้ำคิดพิศให้ดี
ยึดตั้งมั่นภักดีไมตรีปรอง

คลื่นความคิดจิตตรงคงตรองพิศ
มาสกิดชิดธรรมกำจัดหมอง
เดินสายกลางหวังวาดเปรมปรีดิ์จอง
เป็นสิ่งดีครอบครองมายึดใจ

คิดสิ่งดีทำดีเป็นศรีศักดิ์
มีคนรักโอบเอื้อให้ผ่องใส
ใช้ชีวิตงามล้ำพรมฤทัย
การณ์ก้าวไกลได้ดีพลีตัวเรา







จงคิดแล้วจะได้ไม่ต้องคิด
เพราะไม่คิด เรื่องคิดจึงมีมากมาย


จงคิดแล้วจะได้ไม่ต้องคิด ถ้าจะมองกันในระดับสติ
ปัญญา ของสามัญสัตว์ คล้ายๆกับจะมีการนำเสนอถึงวิถีทาง
แห่งการดำรงชีวิตที่ต้องผ่านขั้นตอนในการสะสาง ชำระล้าง
และลงมือกระทำรวมทั้งจัดการกับกิจกรรมต่างๆ
ที่รออยู่เบื้องหน้าของชีวิตทุกขณะจิตให้สำเร็จเสร็จสิ้น
และผ่านพ้นไปอย่างไร้เรื่องราว ร่องรอย และไร้ปัญหา
จนอาจลุถึง สภาวะแห่งความโล่งโปร่ง เบาสบายของการหมดภาระ
ต่อกิจกรรมต่างๆ คงอย่างนี้ละมังจึงควรเรียกว่า
จงคิด แล้ว จะได้ไม่ต้องคิด เพราะไม่คิดเรื่องคิดจึงมีมาก

ปฏิเสธสิ่งที่ชังก็ไม่ได้
ยอมรับสิ่งที่ชอบก็คงไม่ใช่
แต่ที่แน่ๆ
จะต้องคลุกคลีอยู่กับ ทั้งสิ่งที่ชอบและของที่ชัง
อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง ในเมื่อเป็นเช่นนี้
ทำไมไม่หาประโยชน์จากสองสิ่งนั้นเล่า

มีคำถามมากมายที่ค้นหาคำตอบ ทำไมมนุษย์ที่เกิดมาบนโลกใบนี้
ที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ถึงต้องมีการแกร่งแย่งชิงดีกันด้วย
ทำไมถึงไม่รู้จักพอกับสิ่งที่มีอยู่ ทำไมเห็นคนอื่นดีกว่า หรือ เหนือกว่า ทำสิ่งที่ดีกว่าต้องให้ร้าย ทำไมไม่คิดสร้างสิ่งนั้น
ขึ้นมาบ้าง ทั้งๆที่ก็เป็นคนเหนือนกัน สามารถแบ่งปันจุนเจือ
ช่วยเหลือกันได้ กับคำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ

นี่เป็นการชี้แนะสภาพความเป็นจริงของชีวิตและโลก
ที่มนุษย์ต้องดำรงอยู่ท่ามกลางสิ่งที่ตนเองเรียกขานว่าความดี
และ ความเลว ความรักใคร่ และความเกลียดชัง
ภารกิจของผู้ประเสริฐ จึงมิใช่อยู่ที่การเปลี่ยนดำให้เป็นขาวทั้งหมด
หรือเปลี่ยนขาวให้เป็นดำทั้งหมด แต่อยู่ที่การรู้จักเลือกจังหวะ
และโอกาสในการใช้ประโยชน์จากของสองสิ่งที่ตรงกันข้าม
ด้วยการดำรงตนเป็นอิสระเหนือของสองสิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้ว
จะถูกดึงดูดและผลักดันโดยของสองสิ่งนั้นเอง
การอยู่เหนือการยอมรับ และ ปฏิเสธ ย่อมบรรลุถึง
ความหลุดพ้นจะสามารถเลือกใช้สรรพสิ่งที่ถูกเรียก
ขานว่าเป็นสิ่ง ที่ดีและเลว ชอบและชัง ขาวและดำ
ได้อย่างเหมาะสมสอดคล้องตามจังหวะแห่งกาลเทศะที่ควรจะเป็น

ผู้โพสต์เองก็ฝึกอย่างหนักกับสภาพเช่นนี้
เพราะก็มีจิตใจรู้ร้อนรู้หนาวเช่นกัน











 

Create Date : 17 มิถุนายน 2550    
Last Update : 10 กันยายน 2550 19:40:22 น.
Counter : 2113 Pageviews.  

ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของพุทธะ




ทิพย์มาลาอีกอาหารอันเลอรส
พระตถาคตมิได้ตรัสว่ายิ่งใหญ่
การบูชาที่ยอดยิ่งกว่าสิ่งใด
ปฏิบัติได้ดังพระองค์ทรงแสดง

ปฏิบัติบูชาล้ำค่าเลิศ
แสนประเสริฐธรรมโอภาศประกาศแสง
ให้สาวกดับกิเลสเหตุร้อนแรง
ให้รู้แจ้งแสงปัญญารู้ค่าธรรม





จะมีสักกี่คนที่มีชีวิตอยู่ได้
อย่างไม่มีความหวัง
ใครรู้ช่วยบอกที เหตุใด ทำไม ต้นไม้จึงยืนตาย

ด้วยมิใช่สายลมที่เคลื่อนไหวชั่วนิรันดร
มิใช่คลื่นทะเลที่สาดซัด ไม่รู้จบ
หรือมิใช่ภูผาที่ตั้งตระหง่านเปี่ยมพลังอำนาจชีวิตตลอดกาล ต้นไม้จึงยืนต้นตาย เช่นนี้อาจเป็นเพราะขาดจิตวิญญาณแห่งการมีชีวิตอยู่อย่างรื่นเริง เบิกบาน
และอาจหาญ เฉกเช่นลมคลื่น และหินผา

อาจเป็นได้ไหมว่า ความหมายของคำว่าต้นไม้
ที่ยืนต้นตายจะสื่อให้เราทั้งหลายได้เข้าถึง
ความเหือดแห้งสนิทของอารมณ์แห่งกามความยอมรับ
และปฏิเสธ เปรียบประดุจน้ำหล่อเลี้ยงต้นไม้นั้น

จริงๆแล้วคงจะเหมือนกับคนเราถ้าละทิ้งซึ่งการสร้าง
กุศลกรรมเพิ่มเติมคงจะเหมือนกับต้นไม้ที่ขาดน้ำหล่อเลี้ยงปล่อยให้ดวงจิตขาดความชุ่มชื่นหล่อหลอมให้จิตวิญญาณซึ่งยังคงอยู่ขาดหายไปซึ่งความสุข ที่มิได้เติมน้ำไปหล่อเลี้ยงไว้ พยุงให้ได้รับความเย็นฉ่ำ

ในขณะที่โลกใบกลมๆเหมือนผลส้มกำลังได้รับความ
ร้อนรนรุกเล้าต่างๆนาๆทั้งจากบทลงโทษที่มนุษย์สร้างขึ้น
และจากมนุษย์ด้วยกันกำลังเป็นไป
เราซึ่งอาศัยบนโลกใบนี้คงต้องช่วยกันหล่อหลอม
ให้ดวงจิตของตัวเราเองพยุงไว้ซึ่งความเย็นฉ่ำของไอธรรม
ซึ่งเกิดจาก ดวงจิตของเราเองที่จะช่วยกันหล่อหลอมไว้
ซึ่งความสดชื่นฉ่ำใจให้กับตัวเราเองเพื่อช่วยลดความ
ร้อนจากโลกใบนี้

คุณลักษณะประจำตัวของเมฆหมอกที่กำลังเคลื่อนไหว
และสายน้ำที่กำลังไหลริน คือ ความฉ่ำเย็น ความเคลื่อนไหว และ การปรับเปลี่ยนรูป เทียบเคียงได้กับบุคคล
ที่กำลังดำรงชีวิตด้วยความเยือกเย็นอ่อนโยน และ ยืดหยุ่น สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่แปรเปลี่ยน
ได้อย่างเหมาะเจาะ และราบรื่นสอดคล้องกับบริบท
แห่งกาลเวลา และยุคสมัยที่ผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ในปัจจุบันนี้ได้ จึงจักถือว่าเขาใช้พลังชีวิต
ให้เกิดประโยชน์อย่างยิ่งใหญ่ต่อตนเองและโลก







อันความดีมีค่ากว่าความสวย
ดีอำนวยอวยสุขทุกสถาน
แต่ความสวยเสื่อมทรามไปตามวัย
ดีคงไว้ซึ่งความดีไม่มีแปร


อันตัวข้าพเจ้าเองก็กำลังสร้างสิ่งที่ดีเก็บไว้
จุนเจือต่อเพื่อนมนุษย์และโลกปัจจุบัน
เพื่อดับร้อนผ่อนผัน ให้สงบร่มเย็น
ยากสักหน่อยค่อยค่อยทำมิวางเว้น
คงจะเห็นผลได้ในสักวัน







 

Create Date : 08 มิถุนายน 2550    
Last Update : 11 มิถุนายน 2550 14:03:07 น.
Counter : 1003 Pageviews.  

น้อมบูชา




น้อมรำลึกบูชามาบรรจบ
อีกคำรบครบวันศาสนา
มหัศจรรย์ยิ่งใหญ่ในโลกหล้า
ปรากฏการณ์วิสาขปุรณมี

กับเหตุการณ์ตรงกันวันอุบัติ
ปรากฏชัดอัศจรรย์พิศุทธิ์ศรี
ตรงเดือนหกสิบหาค่ำพระธรรมมี
นำบ่งชี้หลุดพ้นกิเลสมาร

ทรงประสูติพุทธะธรรมะน้อม
ปฏิบัติพร้อมชัดแจ้งแสดงสาร
นำเวไนย์ละโลภพ้นภัยพาล
ในหมู่มารดับเภทตัดอาลัย

ตรัสรู้รู้แจ้งแห่งอริยสัจ
รู้ปรมัตถ์สูงต่ำธรรมวินัย
ดับกิเลสตัดกรรมนำทางไกล
พระองค์นำธรรมะเทศนา

ก้มกราบกรานบูชาเคารพน้อม
ธูปเทียนพร้อมมาลาเป่งวาจา
พุทธคุณธรรมคุณด้วยศรัทธา
กายวาจาใจพร้อมบูชาคุณ





เกิดความสุขศรัทธาแก่กล้านัก
น้อมสมัครปลงเพ่งพิศจิตสดใส
ปัคคาหะเพียรเพ่งเร่งฤทัย
สติชัดจัดอยู่ในอุปัฏฐาน







 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 21:04:43 น.
Counter : 703 Pageviews.  

บทสุดท้าย กายนครคำกลอน




ไม่มีภัยพ้องพานสำราญรื่น
สงัดคลื่นเรียบรอบถึงขอบฝั่ง
เสด็จขึ้นจากเภตรารตนัง
เขาสู่ยังเมืองแก้วอันแพรวพราย

กล่าวคือถึงสถานนิพพานสุข
บำราศทุกข์เสร็จสมอารมณ์หมาย
ดับพ้นชาติชรากันดารกาย
ไม่เจ็บตายเกิดก่ออีกต่อไป

เป็นที่สุดแห่งทุกข์สุขวิเศษ
สิ้นกิเลสพร้อมอาสวักขัย
ขันธวัฏฎ์ก็ตัดขาดพินาศไกล
ล่วงครรไลถึงวิโมกข์โลกอุดร

เป็นสถานสุขเกษมเปรมประณีต
ยากจะขีดขั้นหาอุทาหรณ์
เปรียบได้แต่พอเป็นเค้าเข้ากับกลอน
ตามปกรณ์ที่มาโดยอาคม

132
จะขอคัดข้อคำมาทำเนียบ
เพื่อเปรียบเทียบชี้เช่นพอเห็นสม
แสดงไขให้ทราบสุขอุดม
โดยนิยมอุปมาตามบาลี

พระนิพพานท่านว่าประเสริฐสวรรค์
ดุจดวงจันทร์แจ่มฟ้ารุ่งราศี
ส่องสว่างเข็ญเย็นฤดี
เป็นถิ่นที่ของพระอริยชน

และเปรียบดวงทิวากรถาวรเดช
เผากิเลสอาสวะอกุศล
อนึ่งในอรรถเปรียบปัถพีดล
เพราะมณฑลกว้างล้นพ้นประมาณ

นัยหนึ่งพึงอุปมาละม้ายแม้น
เหมือนดังแผ่นศิลาใหญ่อันไพศาล
ไม่ไหวตามโลกธรรมแปดประการ
แจ้งวิตถารคือลาภะอะลาโภ

133
ท่านผู้สำเร็จตัดเสร็จสิ้น
ไม่ถวิลในยะสะอะยะโส
ทั้งสุโขทุกโขอันโอฬาร์

นัยหนึ่งเปรียบด้วยท่าสาคเรศ
คือประเทศเกิดมณีอันมีค่า
เป็นที่อยู่ท่านผู้มีปรีชา
อนึ่งอุปมาโรงธรรมอันจำรูญ

คือสภาสโมสรสันนิบาต
ของผู้ขาดกิเลสสำเร็จสูญ
สุขรุ่งเรื่องพ้นเครื่องปฏิกูล
พ้นเค้ามูลดินน้ำซ้ำไฟลม

ปราศจากร้อนเย็นของเหม็นหอม
ประเสริฐพร้อมยอดยิ่งทุกสิ่งสม
จึงเรียกว่าเอกันตบรม
เป็นอุดมเหลือจะพรรณนา

134
มีปุจฉาว่าพระนครนี้
สิ่งใดที่เป็นกำแพงกั้นแหล่งหล้า
ฝ่ายท่านผู้รู้อรรถวิสัชนา
กล่าวแก้ว่าศีลคุณหนุนประทัง

เป็นปราการกำแพงอันแข็งขัน
คอยป้องกันแน่นหนาทั้งหน้าหลัง
สมาชิกเป็นบริวารในบานบัง
ปัญญาตั้งติดต่อดังหอรบ

ส่วนสังวรอินทรีย์มีต้นเค้า
เป็นผู้เฝ้าทวารวังหวังสงบ
มัชฌิมาทางตรงแปดองค์ครบ
เลิศลบเปรียบที่วิถีทาง

พระโพธิปักขิยธรรมสามสิบเอ็ด
ท่านเปรียบเสร็จเรือนคลังทั้งยุ้งฉาง
ภาวนาแก่นธรรมอันสำอาง
เปรียบเสาปรางค์ปราสาทราชวัง

135
มีพระสูตรพระวินัยปรมัตถ์
เป็นสันถัตราชอาสน์ลาดแต่งตั้ง
พระทุกขังอนัตตาอนิจจัง
เป็นบัลลังก์ห้องสถิตที่นิทรา

ใช้พระวิมุตติญาณทัศนะ
เป็นดวงประทีปงามอร่ามจ้า
มโนปลงในองค์พระเมตตา
อุปมาสระสรงองค์เทวินทร์

ชื่อสระโบกขรณีมีบุปผา
พระกรุณาเปรียบปานธารกระสินธุ์
มุทิตาอุเบกขาเป็นอาจิณ
เปรียบพื้นดินเนินทรายอันพรายงาม

พระอมตบุรีที่กล่าวแล้ว
เป็นเมืองแก้วเลิศลบภพทั้งสาม
เป็นที่สิงสถิตอยู่ผู้มีนาม
ว่าผู้ข้ามโอฆาสิ้นอาลัย

136
พระพุทธะและพระปัจเจกโพธิ
หมายปราโมทย์เมืองนี้เป็นนิสัย
ทั้งพระพุทธสาวกดิลกไกร
ล้วนพอใจต่อบุรีนิฤพาน

ซึ่งเป็นที่แท้เที่ยงเลี่ยงจากโอฆ
ดับเศร้าโศกข้ามห้วงบ่วงสงสาร
ท่านผู้รู้ผู้ฟังทั้งผู้อ่าน
จะเตรียมการยามนาวาอันถาวร

ตามที่ใช้ชี้แจงแสดงไว้
ก็จะได้สมหวังดังอนุสรณ์
มิต้องวกเวียนว่ายในสาคร
หมดทุกข์ร้อนเกิดแก่แลเจ็บตาย ฯ

จะกล่าวถึงหลวงชราแลพยาธิ
ครั้นจิตราชพ้นชลสาย
สิ้นสามารถสุดรู้สิ้นอุบาย
ไม่สมหมายยกทัพวกกลับมา

137
เข้าเฝ้าองค์พงศ์กระษัตริย์มัจจุราช
บังคมบาทพร้อมมูลทูลปฤกษา
ว่าบัดนี้จิตราชกระษัตรา
พ้นอาญาพวกเกล้าเหล่านิกร

ทิ้งเมืองไว้หนีไปเสียไกลลิบ
สมควรริบสมบัติจัดเลิกถอน
ขอเชิญองค์ภูมิมินทร์นรินทร
เข้านครครอบงำตามพระทัย ฯ

มัจจุราชจอมทัพสดับอรรถ
โสมนัสปรีดาจะหาไหน
ตรัสสั่งให้เคลื่อนพหลพลไกร
เข้าพักในพาราพร้อมหน้ากัน

โปรดให้ขุนมรณังเข้ารั้งอยู่
จัดแจงดูนครเรศทั่วเขตขัณฑ์
อันเมืองกายนครครังทั่วทั้งนั้น
สารพันเราจะมอบให้ครอบครอง

138
เปลือกเมืองเก่าเจ้าจำแนกเร่งแจกจ่าย
เหล่าไพร่นายหน้าหลังทั่วทั้งผอง
รื้อเมืองทำป่าช้าดังข้าปอง
เก็บเข้าของแจกโยธีพวกรี้พล ฯ

มรณังบังคมก้มเกศา
มาป่าวร้องโยธาโกลาหล
ให้เปิดคลังพัสดุคู่มณฑล
แล้วรื้อขนเข้าของตามต้องการ

พลจำแลงแปลงกายกลายเป็นสัตว์
แย่งกินกัดของนานาเป็นอาหาร
บ้างเป็นแร้งกาตะกรุมกลุ้มลนลาน
วิ่งเพ่นพ่านจิกทึ้งอื้ออึงไป

ทัพปีกซ้ายปีกขวาถลาเบียด
เข้าแทรกเสียดมิใคร่ถึงต่างดึงไขว่
บ้างแปลงเป็นแมลงวันอันว่องไว
บัดเดี๋ยวใจนครกายทำลายโครม

139
กำแพงอัฏฐิคลาดหลุดกลาดเกลื่อน
ลงป่นเปื้อนเป็นดินดูสิ้นโฉม
นครเซเป็นกเฬวะรากโทรม
ข้าศึกโหมกันกลุ้มรุมราวี

อันพวกเหล่ากิมิชาติฝูงราษฏร์นั้น
คนอาธรรม์ทรชนม้วยป่นปี้
ฝ่ายองค์มัจจุราชาธิบดี
ทรงเปรมปรีดิ์บันเทิงเริงพระทัย

ได้เวียงวังสมดังปรารถนา
สั่งชราผู้กำกับกองทัพใหญ่
ให้ตลบรบรุกบุกเวียงชัย
นครไหนขวางหน้าอย่าละลด ฯ

หลวงชราน้อมคำนับรับสั่งสาร
จัดทหารร่วมใจได้พร้อมหมด
ได้ฤกษ์ยกโยธีมีพยศ
โดยกำหนดทำสงครามไปตามเคย ฯ

140
ฝ่ายพระองค์พงศ์กระษัตริย์มัจจุราช
เสร็จสมมาดมีชัยไม่เชือนเลย
จึงเสด็จคืนวังเหมือนอย่างเคย
พร้อมเชลยแน่นอนันต์ยกครรไล

ได้เมืองขึ้นมากมายหลายแสนเศษ
ทุกประเทศไม่รอต้านต่อได้
เที่ยวต่อแย้งแผลงเดชารบราไป
เข้าตีไหนชนะนั่นขยันนัก

ทั้งพยาธิชรายอดทหาร
ล้วนเชี่ยวชาญจู่โจมใส่โหมหัก
ยิ่งโปรดปรานยิ่งทะยานสามิภักดิ์
ทำคึกคักเข่นฆ่าเที่ยวราวี

ทุกประเทศเขตขัณฑ์สรรพสัตว์
ไม่จำกัดเข้าประจัญริบป่นปี้
ใครเคิ้มเขลามัวเมาในโลกีย์
ยิ่งได้ทีรบซ้ำกระหน่ำไป

141
ได้มากมายมาถวายมัจจุราช
จอมชีวาตม์ยิ่งกำเริบเติบโตใหญ่
ทรงตั้งจิตคิดแต่จะชิงชัย
ถึงแม้ใครจะพะนอจนพอการ

โดยผูกมิตรไมตรีอารีรัก
หรือสมัครหวังสนิทคิดสมาน
จะอ่อนน้อมยอมตัวลงกลัวลาน
หรือดื้อด้านถือดีมีเดชา

ก็ไม่เว้นใครไว้ในสงสาร
เที่ยวระรานร่ำไปไม่เลือกหน้า
เพียงได้ยินออกนามขามระอา
ทั่วโลกาเกลียดกลัวไปทั่วกัน

ในยามว่างการรบสงบศึก
ให้เกณฑ์ฝึกหมู่พหลพลขันธ์
มีกองร้อยคอยเหตุทุกเขตคัน
คิดโรมรันล้างชีวิตเป็รนิจกาล

ท่านผู้อ่านผู้ฟังหวังทราบชัด
ในเชิงอรรถตามเรื่องเมืองสังขาร
อย่าอ่านเล่นเป็นแต่แก้รำคาญ
จงวิจารณ์ให้เห็นตามเป็นจริง

ด้วยวิสัยสามัญสรรพสัตว์
ซึ่งอุบัติมาเป็นกายทั้งชายหญิง
ไม่ล่วงพ้นมรณะอย่าประวิง
เพราะเป็นสิ่งเกิดดับสำหรับกาย

แม้จะคิดหลีกหนีมิให้ม้วย
จำต้องช่วยตนเองเร่งขวยขวาย
หาสิ่งกันเกิดแก่และเจ็บตาย
โดยอุบายทางะธรรม์ที่รำพัน

คิดกำจัดตัดรากถากตัณหา
อวิชชาชั่วโฉดโทษมหันต์
อันเป็นกิเลสมารชาญฉกรรจ์
ให้สูญพันธุ์สิ้นเชื้อไม่เหลือเลย

143
ทำตามอย่างพระจิตฤทธิรุด
ซึ่งสมมุติเรื่องราวกล่าวเฉลย
ก็จะพ้นทุกข์ภันใยเสบย
ได้เสวยสุขชื่นทุกคืนวัน

แม้นจะยังไม่ถึงซึ่งเมืองแก้ว
คงไม่แคล้วคลาดสถานพิมานสวรรค์
ถ้าบารมีเต็มรอบประกอบกัน
ก็จะพลันถึงท่าพระนิพพาน

ซึ่งเป็นแดนเอกอุดมบรมสุข
ชราทุกข์พยาธิมิจองผลาญ
ทั้งมัจจุราชาพระยามาร
เลิกรอนราญเข็ดขยาดไม่อาจตาม ฯ

ท่านผู้หวังรู้ชัดตัดกังขา
มีปุจฉาแทรกซ้ำเป็นคำถาม
ว่าผู้ที่มีอุตส่าห์พยายาม
หวังจะข้ามกันดารสถานไกล

144
จะจรด้วยนาวาช้างม้ารถ
หรือจะบทจรเท้ากล่าวไฉน
หรือไปด้วยยวดยานประการใด
จะแก้ไขให้หายคลายสงกา

ฝ่ายอาจารย์ผู้ชาญปรมัตถ์
ทราบในอรรถที่รำพันเป็นปัญหา
จึงกล่าวแก้แปลชัดวิสัชนา
ว่าธรรมดาผู้จะใคร่ไปนิพพาน

จะจรด้วยนาวายานุมาศ
หรือลิลาศด้วยม้ารถคชสาร
หรือจะไปทางอากาศยาน
ทุกประการพาหนะในปฐพี

จะพาจรห่อนได้เหมืองหมายมาด
แต่ล้วนคลาดแคล้วทางห่างวิถี
พระนิพพานอยู่ต่างหากจากโลกีย์
มิได้มีการคมนาคม

145
และไม่มีที่ตั้งทั้งนิมิต
ซึ่งจะพิศเพียงเห็นเท่าเส้นผม
เป็นธรรมว่างอย่างยิ่งสิ่งอุดม
จะนิยมบัญญัติขัดทั้งนั้น

อนึ่งจะชี้ว่าสถิตอยู่ทิศไหน
เป็นวิสัยของพระอรหันต์
การชี้บอกของชนคนสามัญ
เหมือนนอนฝันแล้วมาเล่าให้เขาฟัง

เหตุฉะนี้พาหนะที่ว่าไว้
จึงไปไม่ได้สมอารมณ์หวัง
นอกจากผู้ปฏิบัติปัจจัตตัง
โดยเกลียดชังและระอาโกกามิส

กลับพอใจในนิรามิสสุข
ซึ่งมวลทุกข์โสกาลัยไม่นิสิต
ให้ปรีชาเพียรเพ่งเล็งพินิจ
จนแจ้งจิตทางตรงคือองค์มรรค

146
เรียกมัชฌืมมรรคอดิเรก
เป็นทางเอกแปดระยะจงตระหนัก
ถ้าจะเดินอย่างงามเพียงสามพัก
หยุดตามหลักศีลสมาธิปัญญา

ถ้ารีบร้อนจรด้วยยานวิเศษ
กำหนดเขตสองผลัดจัดรถา
เรียกว่ายานสมถะวิปัสสนา
ใช้ปรีชาขี่ขับกำชับไป

หรือไปด้วยรถด่วนถ้วนเจ็ดผลัด
โดยเร่งรัดรีบถ่ายไม่ไถล
ตามลำดับรับช่วงล่วงครรไล
ย่นทางไกลให้ใกล้ได้เหมือนกัน

รถเจ็ดผลัดจัดนามตามสมมุติ
คือวิสุทธิเจ็ดวิเศษสรรพ์
เป็นของกลางวางไว้ใช้ทั่วกัน
ไม่มีชั้นอัตราค่าระวาง

147
เมื่อใครมีปรีชาจะขับขี่
ก็เร็วรี่นำไปไม่ขัดขวาง
แต่เฉพาะวิ่งได้ทางสายกลาง
คืออัษฎางศิกะมรรคหลักมรรคา

และต้องไปคนเดียวเปลี่ยวสันโดษ
จะอุโฆษกันไปไม่ได้หนา
ไม่เหมือนอย่างทางครรไลในโลกา
จึงเรียกว่าทางเอกวิเวกใจ

รถเหล่านี้ใช้สรีรยนต์โยก
วิ่งข้ามโอฆแอ่งกันดารผ่านโสล
มีตนเป็นสารถีขับขี่ไป
บังคับใจตนเองให้เคร่งครัด

ไม่แวะเวียนวนออกนอกวิถี
รีบเร็วรี่ลัดล่วงปวงพิบัติ
เดินตรงแนวทางกลางอย่างบรรทัด
ที่กล่าวชัดอ้างแต่หลังมา

148
ก็จะถึงเมืองแก้วอันแพรวเพริศ
ไม่ต้องเกิดแก่ตายในภายหน้า
เพราะดับเหตุคือกิเลสอาสวา
จึงเรียกว่าอมตมหานิพพาน ฯ

ท่านผู้รู้ผู้หวังตั้งสงบ
เชิญปรารภตั้งจิตอธิษฐาน
เตรียมกุศลปาไถยให้พอการ
แล้วขึ้นยานพาหนะอย่านอนใจ

คือบำเพ็ญธรรมะปฏิบัติ
ตามพระตรัสชี้แจงแสดงไข
ไม่ถอยหลังตั้งจิตติดต่อไป
ก็จะได้่สมหวังดังวิจารณ์ ฯ

อันเรื่องราวกายนครสุนทรแถลง
ซึ่งแสดงแต่ต้นจนอวสาน
เทียบบุคคลขนานนามตามอาการ
เป็นโวหารสมมติจดตามนึก

149
อาจมีข้อสับสนจนผิดแผก
เพราะเริ่มแรกแต่งกลอนพึ่งสอนฝึก
ทั้งไม่รู้อรรถธรรมอันล้ำลึก
แต่รู้สึกชอบข้างทางประพันธ์

ด้วยเห็นว่าอ่านง่ายได้ประโยชน์
สนานโสตให้เปรมเกษมสันต์
และจะได่ง่ายกว่าคำสามัญ
ทั้งจะกันลืมหลงตรงนิพนธ์

จึงลองแต่งแปลงคำตามที่ชอบ
ปรุงประกอบตามหลักชักเหตุผล
ใช่จะแกล้งแต่งเล่นให้เป็นกล
เอาโลกปนธรรมะไม่ละอาย

อนึ่งเนื้อความที่ประพันธ์เลือกสรรถ้อย
แต่พอร้อยเรื่องไว้มิให้หาย
ไม่ไพเราะเชิงกวีอธิบาย
แต่งขยายย่นพอสมควร

150
เป็นอันสิ้นสมมุติขอยุติ
ครั้นจะริว่าไปให้ถี่ถ้วน
ก็เป็นข้อซ้ำซากมากสำนวน
กลับจะชวนเบื่อหูท่านผู้ฟัง

เพียงเท่าที่มีอยู่ก็ดูเลอะ
อ่านคงเจอะข้อสับปลับกลับหน้าหลัง
ซึ่งเป็นเครื่องเร้าใจให้ชิงชัง
ทำเป็นดังนี้ใช่จะไม่รู้

แต่ก็สุดสามารถขาดวิสัย
จะแก้ไขให้เพราะเสนาะหู
ทั้งกลัวถูกครหาว่านอกครู
แกล้งลบหลู่นักประพันธ์ชั้นโบราณ

โดยเหตุนี้ขอกวีปรีชาชาติ
ผูฉลาดทางกลอนอักษรสาร
จงยกโทษโปรดข้าอย่าระราน
แล้ววิวารณ์ใคร่ครวญสำนวนกลอน

151
เห็นข้อไหนพลาดผิดคิดประกอบ
แก้ให้ชอบตามกระทู้อนุสรณ์
แม้เยิ่นเย้อจงกำจัดคิดตัดทอน
ที่ขาดตอนเชิญต่อให้พอดี

จะขอบใจใหญ่ยิ่งเท่าสิงขร
ขออ้อนวอนเทวาทุกราศี
ให้ช่วยอ่วยชัยวัฒน์สวัสดี
แก่ท่านที่ช่วยทำตามรำพัน

อนึ่งผู่อ่านฟังสิ้นทั้งหมด
จงปรากฏสุขทุกสิ่งสรรพ์
ให้แคล้วคลาดศัตรูหมู่ภยันต์
แม้นหมายมั่นมุ่งจิตคิดสิ่งใด

ขอให้สมปรารถนาอย่าผิดคาด
ด้วยอำนาจไตรรัตน์จรัสใส
อนึ่งข้าขอแผ่กุศลไป
แก่สัตว์ในพิภพจบสากล

152
ทั้งแสนโกฏิจักรวาลสถานถิ่น
สัตว์ทั้งสิ้นน้อยใหญ่จะได้ผล
ทั่วไตรยางค์ชั้นล่างและชั้นบน
ขอกุศลตามส่งดังจงใจ

อนึ่งข้าผู้แต่งแสดงพจน์
ตามแบบบททางธรรม์รำพันไข
ขอประสพสุขล้ำในอำไพ
เกิดชาติใดขอให้ปะพระพุทธองค์

ขอให้มีปรีชาสารพัด
ทราบในอรรถธรรมะที่ประสงค์
ให้เลื่อมใสในธรรมและจำทรง
ยึดทางตรงฝ่ายผิดคิดละวาง

ขึ้นชื่อว่าความชัาวตัวทุจริต
ทั้งอมิตรภัยพิบัติซึ่งขัดขวาง
จงหลีกลี้หนีหน้าอย่ากั้นกาง
ให้เหินห่างหายนะอย่าปะปน

ขอให้มีปรีชาปรากฏยิ่ง
สบแต่สิ่งมีประโยชน์โสตถิผล
อย่าถึงทับสิ่งอัปปะมงคล
จนลุผลถึงนิพพานสำราญเอย ฯ





ข้าพเจ้าในนาม วนารี กราบขอบพระคุณทุกท่าน
ที่ผ่านมาอ่าน กายนครคำกลอน ไว้นะที่นี้เจ้าค่ะ

และอานิสงส์ทั้งหลายทั้งปวงข้าพเจ้า
ขอให้ท่านผู้แต่งบทกลอนนี้ได้รับอนิสงค์ทั้งสิ้น

ในความตั้งใจของข้าพเจ้าแค่ตั้งใจจะเผยแพร่
พระพุทธศาสนาเท่านั้น
และหวังใจไว้ว่า กายนครคำกลอนบทนี้
จะอยู่คู่กับพระบวรพุทธศาสนาและชาติไทย
ตราบนานแสนนาน
ให้สมกับความตั้งใจของนักปราชญ์นิรนาม
ที่ท่านเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้

หนังสือต้นฉบับกายนครคำกลอนที่
ท่านผู้หญิงสุธรรมมนตรี พิมพ์แจกในงาน
บำเพ็ญกุศลตรงกับวันเกิดของท่าน
เมื่อ ปี พ.ศ. 2472

สำนักพิมพ์ ดวงแก้ว





มนุษย์ทุกผู้ทุกนามที่เวียนว่ายตายเกิด
เพราะมีกรรมเป็นตัวกำหนด เป็นไปตามวิถีของกรรม

บางคนคร่ำเคร่ง หมกมุนอยู่ในโลกของมายา
จนติดอยู่ในโลกของมายา เมื่อมีอะไรจะมาเป็นปฏิปักษ์ต่อโลกมายา โลกสมมุติ โลกหลอกลวง ก็ไปต่อต้าน
ถ้าจะเปิดใจให้กว้างสักหน่อย จะรู้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่ทั้งหมดนั้น
เป็นความหลอกลวง
แต่คนที่มาอยู่ในโลกของความเป็นจริงไม่ต้องทน ไม่มีอะไรจะต้องทน
เพราะรู้แล้วว่าทุกสิ่งที่เป็นอยู่ที่เกิดขึ้นแปรปรวน ตั้งอยู่
แตกสลาย ไม่มีอะไรเป็นตัวตน แล้วจะไปทนทำอะไร

การสิ้นสุดของความทุกข์ คือใจเราเอง

เป็นคำสอนจากหลวงปู่ พุทธะอิสระ









 

Create Date : 26 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 26 มกราคม 2551 17:19:13 น.
Counter : 1234 Pageviews.  

กายนครคำกลอน (หน้า121-130 ค่ะ)



ชะรอยเจ้าเห็นความตามโฉดเขลา
ว่าตัวเราบวชอยู่ทนจนถึงนี่
ก็เพราะคิดผิดหมายไร้นารี
โดยไม่มีหญิงสมัครรักกระมัง

ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็คิดผิดถนัด
ที่มาตัดพ้อคิดว่าผิดหวัง
ความจริงเราจะบอกให้ไม่ปิดบัง
ผู้หญิงยังมากนักที่รักเรา

แต่เราไม่ใยดีมีจิตรัก
เพราะประจักษ์เห็นโทษไม่โฉดเขลา
ตัดสวาทขาดห่างลงบางเบา
ไม่มัวเมาต่อให้เชิดมาเลิศลอย

เพราะรู้เท่าเรื่องนี้ดีเสียแล้ว
ถึงมาแผ้วพานพบต้องหลบถอย
หญิงเช่นเจ้าถึงจะเฝ้าร่ำสำออย
สักพันร้อยอาตมาไม่ค้าคบ

122
เจ้าคิดชั่วมัวแต่การอกุศล
ล่อฝูงชนให้งงหลงประจบ
ท้าวเธอเห็นโทษาทรงปรารภ
จึงคิดหลบหลีกแล้วไม่แผ้วพาน

สองสีกาอย่าละเมอเพ้อพูดผิด
องค์บพิตรเธอไม่หลงในสงสาร
มาข่มขู่ผู้ทรงศีลาจาร
ไม่เข้าการเลยจะซ้ำเป็นกรรมไป

จงฟังธรรมรำงับดับโมโห
ทั้งโทโส่ให้เสื่อมเกิดเลื่อมใส
แม้นเชื่อจริงจะได้สุขเปลื้องทุกข์ภัย
จะสอนให้ได้สว่างในทางธรรม์

อันสังขารสัตว์นี้ไม่มีสุข
เพราะมีทุกข์เต็มเข็ญในเบญจขันธ์
ไม่เที่ยงแท้แก่ชราทั่วหน้ากัน
หมดทั้งนั้นล้วนวิบัติอนัตตา

123
ถึงใครจะเยียวยารักษาไว้
ก็คงไม่สมมาดปรารถนา
รูปเสียงกลิ่นรสสัมผัสอุบัติมา
ล้วนชักพาให้ทะยานการโลกีย์

จงเห็นโทษถอยหลังบ้างเถิดเจ้า
อย่ามัวเมานักเลยนะมเหสี
รู้ประเสริฐก็จะเกิดเภตราดี
ตามสามีไปสมอารมณ์คิด ฯ

สองทรามวัยได้ฟังพระสังฆราช
ยิ่งเกรี้ยวกราดร้อนรุ่มให้กลุ้มจิต
จึงว่าท่านขรัวครูผู้เรืองฤทธิ์
สำแดงกิจเทศนายกกบาลี

เมืองนรกตกหลุมใหญ่อยู่ไหนนั่น
ช่วยพาฉันไปดูให้รู้ที่
เมืองสวรรค์อยู่ไหนนะคุณพระชี
อย่าพาทีหลอกเปล่าเปล่ารู้เท่าแล้ว

124
นี่หรือภัสดาข้ามิน่าหลง
เชื่อยุยงจึงได้ไปคล่องแคล่ว
พลางกระโดดโลดร้องเนตรนองแนว
เสียงแจ้วแจ้วสั่งทหารให้ราญรอน ฯ

หลวงโลโภโทสะโทหะนั้น
โก่งเกาทัณฑ์พุ่งหอกออกสลอน
เร่งระดมยิงโยธาพระภูธร
กลับกระท้อนมากองเป็นกองต้องพวกนาง

โยธาองค์ทรงฤทธิ์พระจิตนั้น
ยิงปืนลั่นตูมตึงเสียงผึงผาง
ต้องทหารมเหสีชีวีวาง
ทั้งสองนางพิโรธร้องเสียงก้องดัง ฯ

ฝ่ายภูเบศร์ทอดพระเนตรนางทั้งสอง
มาดิ้นร้องร่ำไรอยู่ใกล้ฝั่ง
จะห้ามปรามโดยดีเห็นมิฟัง
เหลือกำลังจำต้องล้างให้วางวาย

125
ดำริพรางทางขยับจับพระแสง
ขึ้นสู่แล่งพรพรหมมาสแล้วพาดสาย
คือปัญญาฤทธิรอนขจรจาย
ทรงมุ่งหมายแผลไปต้องทั้งสองนาง

ปักอนงค์ตรงอุระร้อยตลอด
ทั้งสองทอดกายควํ่าคะมำผาง
พลัดตกลงในนทีชีวีวาง
ทั้งสองนางจมลงในคงคา

ลูกศรชัยเลยไปผลาญชีวิต
ขาดเด็ดปลิดชีพกิเลสเศษตัณหา
มิได้เหลือเชื้อชาติญาติกา
มรณาหมดเตียนเสี้ยนศัตรู ฯ

จะกล่าวฝ่ายหลวงพยาธิผู้อาจหาญ
เห็นภูบาลทิ้งพาราไม่กล้าสู้
ชวนชรายกออกนอกประตู
มาทูลผู้ปิ่นกระษัตริย์มัจจุราช

126
ว่าหม่อมฉันกับชราศักดาเดช
ตีขอบเขตได้สมมาดปรารถนา
จิตราชหนีตรงลงนาวา
เชิญผ่านฟ้าเสด็จด่วนเห็นจวนทัน ฯ

มัจจุราชฟังอำมาตย์มาทูลถวาย
เห็นแยบคายสั่งพหลพลขันธ์
ให้รีบเร่งสงครามตามประจัญ
จอมอาธรรม์แต่งองค์อลงการ

เหน็บอาวุธทรงครุฑพระที่นั่ง
พร้อมสพพรั่งพลนิกายฝ่ายทหาร
ยกโยธาดังวายุพัดพาน
ครุฑทะยานโผผินรีบบินจร

ลัดนิ้วหนึ่งมาถึงที่ริมท่า
จะโถมถาจับองค์พระทรงศร
ทำลมคลื่นครื้นฉ่าฟูมสาคร
ให้กระท้อนล่มเภตราพระทรงชัย

127
ด้วยเดขชะบารมีอภิหาร
ดลบันดาลมัจจุราชไม่อาจใกล้
นาวาทองล่องตามสายสมุททัย
ไม่หวั่นไหวแล่นเรื่อยเฉื่อยสำราญ ฯ

มัจจุราชกราดกริ้วชี้นิ้วสั่ง
ให้มรณังพยายามตามสังหาร
ฝ่ายเจ้าขุนมรณังทั้งขุนกาฬ
เผ่นทะยานจะระดมล่มนาวา

แต่เอื้อมมือมิถึงดึงมิได้
ทำอย่างไรก็ไม่สมปรารถนา
โยธีองค์ทรงชัยในเภตรา
หัวเราะร่าอึงอื้อตบมือเย้ย ฯ

พระจอมจิตฤทธิไกรมีชัยแล้ว
ทรงผ่องแผ้วสรวลพลางทางเฉลย
พระดำรัสประเทียบแกล้งเปรียบเปรย
ว่าเหวยเหวยมัจจุราชกระษัตรา

128
จะจับเราคงไม่ได้อย่าหมายมั่น
เปลือกเมืองนั้นเชิญเอาเปล่าเถิดหนา
ทั้งศฤงคารบริวารมีนานา
เราสิ้นอาลัยไม่เยื่อใยแล้ว

แต่ชายาที่เคยรักยังหักจิต
ล้างชีวิตเสียด้วยพระแสงแก้ว
บุญบังเกิดเภตราพาคลาดแคล้ว
ข้ามพ้นแนวชาติชราพยาธิ

อย่าตามมาเลยพระยามัจจุราช
ไม่เหมือนมาดสมปองที่ตรองตริ
เก็บแต่เปลือกเมืองไว้ใช้เถิดซิ
อย่าร่ำริตามผลาญป่วยการพล

อันเรากับโยธาพร้อมสะพรั่ง
จะข้ามยังฝั่งแขวนแสวงผล
ไม่คืนกายธานีที่ทุกข์ทน
ได้ข้ามพ้นโอฆะแล้วอย่าแผ้วพาน

129
พระตรัสพลางวางพระทัยในวิเวก
เป็นอุเบกขามั่นโดยสัณฐาน
มโนหน่วงดวงวิปัสสนาญาณ
เห็นสังขารทั้งหลายโดยไตรลักษณ์

ไม่สะดุ้งย่นย่อต่อมัจจุราช
ซึ่งอาฆาตพยายามตามหาญหัก
ทรงนาวาแล่นรี่มิหยุดพัก
จนล่วงหลักเขตพิบัติมัจจุภัย ฯ

ฝ่ายพระยามัจจุราชขยาดยั้ง
สุดกำลังเข็ดขามตามไม่ไหว
ฟังเธอเทียบเปรียบปรายอายฤทัย
ภูวไนยจนจิตคิดระอา

ทอดอาลัยในกระษัตริย์พระองค์นี้
ด้วยเธอมีฤทธิรุดอาวุธกล้า
พระตริพลางทางดำรัสเรียกโยธา
มารอราหยุดยั้งริมฝั่งชล

130
แล้วบัญชาว่ากระษัตริย์องค์นี้ไซร้
เห็นทุกข์ภัยได้ประจักษ์ตามมรรคผล
สุดฤทธิ์ที่เราจะตามประจญ
อย่ากังวลห่วงใยปล่อยให้จร

ธานีอื่นดื่นไปในใต้หล้า
ทั่วขอบฟ้าจักรวาลด่านสิงขร
ล้วนมีอยู่ในสังสาระสาคร
ค่อยราญรอนต่อไปให้ทั่วกัน ฯ

หมู่ทหารรับโองการพระทรงภพ
ต่างสงบตามรับสั่งนรังสรรค์
ทั้งเกรงเดชจอมจิตสุดติดพัน
หยุดขยั้นเข็ดขยาดไม่อาจตาม ฯ

ฝ่ายจักรพงศ์องค์พระจิตอดิศร
ยกนิกรกับอาจารย์ชาญสนาม
ได้มีชัยในณรงค์เสร็จสงคราม
แล่นเรื่อยข้ามเขตมหาสาครัง









 

Create Date : 25 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2550 11:52:25 น.
Counter : 917 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

วนารี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




หัดเขียนเพื่อเรียนรู้ค่ะ
^^^^^^^^^^^^
ความรัก เสลาสลักสวยใส
งามใดเล่า งามใด
เทียบได้งดงาม ความรัก
จรดลึก ในความทรงจำ
ลึกล้ำ ย้ำรอยสลัก
นิรันดรนั้น นานหนัก
แต่รักเรา นานกว่านั้น
^^^^^^^^^^^^

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา
ในเมื่อเรา นั้นไม่เป็น เช่นเขาว่า
หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา
เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง
Friends' blogs
[Add วนารี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.