Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
กรณีเขาพระวิหาร เมื่อคนไทยแพ้ แต่ฮุนเซนชนะ

โดย วันชัย ตัน


*ในรอบสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา คนไทยจำนวนมาก คงสำลักข้อมูลข่าวสารเรื่องเขาพระวิหารกันโดยถ้วนหน้า

     เปิดข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ หรือทางวิทยุ โทรทัศน์ นอกจากรายงานชนิดกัดไม่ปล่อยของนักข่าว ที่พยายามเสนอทุกแง่ทุกมุมอย่างละเอียด ยังเห็นท่านผู้รู้และไม่รู้ ออกมาแสดงทรรศนะกันมากหน้าหลายตา

ผมเองได้ติดตามอ่านข่าวนี้ด้วยใจระทึก ยิ่งกว่าดูละครโทรทัศน์เรื่อง อเวจีสีชมพู เพราะไม่รู้จะเชื่อความเห็นของใครดี และผลจะออกมาเป็นอย่างไร

ใครเป็นผู้แพ้ ใครเป็นผู้ชนะ ปราสาทพระวิหารเป็นของใคร ไทยจะเสียดินแดนหรือไม่

ผมพยายามใช้สติปัญญาอันน้อยนิดประมวลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาสรุปเอาเองว่า

     ตัวปราสาทพระวิหาร ที่เคยเป็นกรณีเขมรยื่นฟ้องร้องในศาลโลกตั้งแต่ปี 2505 นั้นเป็นของเขมรไปเรียบร้อยแล้ว ตามคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2505 ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 ที่เห็นว่า ปราสาทพระวิหาร ตั้งอยู่บนดินแดนที่อยู่ภายใต้อธิปไตยของประเทศกัมพูชา

และตามธรรมนูญศาลโลก ข้อ 61 ไทยสามารถจะยื่นคำร้องประท้วงขอให้ทบทวนได้ภายในระยะเวลาสิบปี นับจากศาลโลกมีคำพิพากษา แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยอาจจะมัวยุ่งกับเรื่องอื่นจนไม่ได้ดำเนินการใดๆ ปล่อยให้หมดอายุความไปเอง

     ส่วนในแง่ประวัติศาสตร์ในอดีตว่า ประสาทพระวิหารเป็นของใครนั้น มันคงเถียงกันไม่จบ อยู่ที่ว่าจะเอาช่วงเวลาไหนมาตัดสิน เพราะบางช่วงก็เป็นของเขมร บางเวลาก็อยู่กับสยาม คงจะถกเถียงกันไม่จบเหมือนกับที่ หากวันดีคืนดี คนไทยจะบอกคนมาเลย์ว่า ปีนังเคยเป็นของไทยมาก่อน หรือพม่าก็อ้างว่า เชียงใหม่ เป็นของพม่ามาก่อน

     แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ ปัญหาเขตแดนของทั้งสองประเทศยังไม่ชัดเจน ขณะนี้ทั้งประเทศไทยและกัมพูชา กำลังทำการสำรวจร่วมกันของคณะกรรมการร่วมปักปันเขตแดนไทยกัมพูชา ตลอดระยะทาง 800 กิโลเมตร ซึ่งทำกันมาหลายปีแล้ว ยังไม่เสร็จ รวมถึงดินแดนบริเวณเขาพระวิหาร ก็ยังอยู่ในระหว่างการสำรวจ

ต่างฝ่ายต่างถือแผนที่กันคนละฉบับ แม้ดินแดนของไทยตามประกาศของมติ ครม.ปี 2505 ที่ทางไทยกำหนดขึ้นเอง ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากกัมพูชา

     และต้องยอมรับว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลกัมพูชาเตรียมตัวดีกว่ารัฐบาลไทยมาก เพื่อที่จะผลักดันให้ประสาทพระวิหารได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกของคณะกรรมการมรดกโลก

หากเป็นมวยชิงแชมป์ ก็ถือว่าฝ่ายเขมรฟิตซ้อมมาดี เต้นฟุตเวิร์คมาตลอด โค้ชดี ชกทุกครั้งเข้าเป้าตลอด ขณะที่ฝ่ายไทยก่อนขึ้นชกเตรียมตัวไม่ค่อยดี อุ้ยอ้าย ไม่ค่อยเต้นฟุตเวิร์ค คลำเป้าไม่เจอ

     ในเวทีนานาชาติ ไม่มีคำว่าถูก หรือผิด แต่เป็นเรื่องของการต่อรองผลประโยชน์ของแต่ละชาติ และเวทีเหล่านี้ล้วนแต่มีขาใหญ่ หรือผู้มีบารมีตัวจริงที่มองเห็นได้ คอยควบคุมให้เป็นไปตามความต้องการของตนและพวกพ้อง อาทิ เวทีสหประชาชาติ ขาใหญ่ก็คือ สหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย

ส่วนเวทีคณะกรรมการมรดกโลก ที่มียูเนสโกเป็นพี่เลี้ยงนั้น ขาใหญ่ประจำยูเนสโก ก็คือ ประเทศฝรั่งเศส ที่สามารถชี้เป็นชี้ตายในหลายเรื่องได้ และเขมรเคยตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสมาก่อน จึงไม่แปลกใจที่นักสังเกตการณ์จะวิเคราะห์ว่า งานนี้เขมรได้เปรียบอยู่หลายช่วงตัว ตั้งแต่ออกสตาร์ต เพราะกรรมการบางท่านถือหางอยู่แล้ว

     แต่ที่สำคัญคือ เรื่องปราสาทพระวิหารที่ทางเขมรต้องการจะให้เป็นมรดกโลกอย่างรีบด่วนนั้น เขามีเป้าหมายชัดเจน เพราะเหตุผลหลักเป็นเรื่องการเมืองในเขมร เมื่อรัฐบาลฮุน เซน ต้องการใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นหาเสียงเลือกตั้งที่จะถึงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ก็ต้องรีบทำทุกอย่างเพื่อให้ทันการเลือกตั้ง

     ทุกวันนี้คนเขมรก็ทราบดีว่า สมเด็จฮุน เซน และนายพลเตีย บันห์ รัฐมนตรีกลาโหม คือบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ เป็นเจ้าของกิจการและเจ้าของที่ดินมากที่สุดในเขมร และตั้งใจจะอยู่ในตำแหน่งไปชั่วฟ้าดินสลาย

และบังเอิญ ที่นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของเรา ที่มารับตำแหน่งไม่นาน ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างด่วนจี๋ มั่กๆ ตั้งแต่บินไปเจรจากับกัมพูชาที่เกาะกง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม และอาทิตย์ต่อมาก็ไปเซ็นสัญญาร่วมกับรองนายกรัฐมนตรีเขมรว่า ไทยสนับสนุนให้ทางเขมรขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม และนำส่งให้ ครม.มีมติรับรองเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา

     ทำตัวราวกับ รมต.ต่างประเทศของไทย เป็นเมสเซนเจอร์ให้นายฮุน เซ็น จนคนทั่วไปสงสัยว่า ทำไมต้องรีบเร่งอะไรปานกามนิตหนุ่ม หรือเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของนักการเมืองทั้งสองฝ่าย (ประมาณว่า ฝ่ายหนึ่งรีบร้อนมาก กลัวไม่ได้ ไม่ทันสมัยการประชุม อีกฝ่ายเฉยๆ แกล้งเตะถ่วง แล้วต่อรองกลับว่า ถ้าอยากให้ช่วยก็ต้องมีของแลกเปลี่ยน)

ผนวกกับที่ก่อนหน้านี้มีการสั่งปลดอธิบดีกรมสนธิสัญญา กระทรวงต่างประเทศคนก่อนที่เห็นไม่เหมือนกันอย่างกะทันหัน ทำให้ข่าวลือที่ว่าอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยอาจได้รับสิทธิพิเศษในการประกอบธุรกิจที่เกาะกงและสัมปทานแหล่งหลุมก๊าซในเขมร ได้รับความสนใจขึ้นมาทันที

     อันที่จริง หากไปอ่านในเอกสารของยูเนสโก ว่าด้วยการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศนิวซีแลนด์ ในเดือนกรกฎาคม 2550 ในสมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ ก็ได้ข้อสรุปชัดเจนว่า

"กัมพูชาและไทยตกลงกันว่า กัมพูชาจะเสนอขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างเป็นทางการ ในสมัยประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกในปี 2551"

     ตอนนั้นไม่มีใครออกมาโวยวาย เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยที่ผ่านมาทำตามขั้นตอน และหากมีการตั้งประเด็นในเรื่องแนวเขตชายแดน การจัดการพื้นที่รอบปราสาท ซึ่งเป็นพื้นที่ทับซ้อน ก็คงเป็นการถกเถียงโดยมีผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นตัวตั้ง

แต่พฤติกรรมของรัฐมนตรีคนปัจจุบันชวนให้สงสัยยิ่งนักว่า มีเบื้องหลังทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง หรือผลประโยชน์ของบางกลุ่มเป็นที่ตั้ง

     จริงไม่จริง ยังไม่มีหลักฐานชี้ชัด แต่พฤติกรรมในอดีตที่ต้นทุนทางสังคมติดลบอยู่แล้ว ล้วนทำให้ผู้คนสงสัยในเจตนาเป็นยิ่งนัก จึงมีผู้คนออกมาโวยวาย เป็นข่าวเกรียวกราวทุกวัน

กรณีปราสาทพระวิหาร ฮุน เซนมีแต่ได้กับได้ เป็นประเด็นหาเสียงได้ชัดเจน เลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไรก็นอนมาแน่นอน

     แต่ปราสาทพระวิหาร ไม่ว่าเขมรจะได้รับการเสนอให้เป็นมรดกโลกหรือไม่ แต่ได้ตอกลิ่มความขัดแย้งทางความคิดของผู้คนในสังคมไทยที่แย่อยู่แล้วให้ร้าวลึกลงไปอีก


ขอขอบคุณ
ที่มา :
มติชนออนไลน์ - วันที่ 06 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11075 หน้า 8


H O M E



Create Date : 08 กรกฎาคม 2551
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 0:14:25 น. 1 comments
Counter : 793 Pageviews.

 
สิ่งที่เห็นที่มันจะตำตา คนไทยก็ยังทำเป็นไม่เห็นได้

ไม่เบื่อความด้านของ สส บางพวกกันบ้างหรือไร


โดย: Escobar วันที่: 8 กรกฎาคม 2551 เวลา:17:07:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.