YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
กลับไปสู่กรีก - อะไรหรือคือพัฒนาการ

กลับไปสู่กรีก - อะไรหรือคือพัฒนาการ

เหมือนสมองตาย

ผ่านไปถึงสามวันสามคืน แต่กลับดูเหมือนจะไม่มีสัญญาณที่แสดงถึงการทำงานของสมองเลย ปราศจากซึ่งการขยับเขยื้อนทางความคิดใดๆ ซึ่งถ้าเป็นคนก็คงได้รับการวินิจฉัยว่าตายสนิทไปแล้ว

อำนาจมืดในที่สว่าง – คะแนนเสียงจากการลงคะแนนเปิดเผย – ย้ำชัดถึงภาวะสิ้นชีวิตของการเมืองไทย

เสียงข้างมากในรัฐสภาคอยกำหนดทิศทางของประเทศ
เสียงข้างมากคือความถูกต้อง


คือเสียงที่คอยยกมือโหวตให้พรรคพวกของตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความดีงามอะไรเลย ต่อให้ใครออกมาพูด ออกมาเรียกร้องชี้แจงอะไร สุดท้ายผลคือสูญเปล่าเกือบทั้งหมด เพราะในหัวมีอยู่เพียงคำเดียวคือพรรคพวก และห้ามแตกแถว ถามว่าพรรคพวกมีอะไรถึงต้องไปโหวตให้ - เงิน บริวาร บุญคุณ พวกพ้อง ผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกัน - ที่สามารถชักจูงให้เกิดการตัดสินใจตามที่อำเภอใจใครๆไม่ยาก ไม่ว่าเจ้าตัวจะอยากหรือไม่ก็ตาม

และคะแนนจากผลการเลือกตั้งที่พาเสียงเหล่านั้นเข้าไปนั่งในสภา ไม่ได้มาจาก - เงิน บริวาร บุญคุณ พวกพ้อง ผลประโยชน์เกี่ยวเนื่องกัน - เหล่านั้นหรอกหรือ

มันคือนิยามเดียวกับคำว่าอำนาจ "เสียงข้างมาก" จึงหมายถึงเครื่องมือแห่งอำนาจ และก็คืออำนาจนั่นเองที่คอยกำหนดว่า ความดีงาม (ในขณะนั้นๆ) คืออะไร

ประชาธิปไตย?
แน่แล้วหรือว่ามันคือสุดยอดของพัฒนาการทางความคิด เราถึงมุ่งมั่นพัฒนาแต่ประชาธิปไตย พัฒนากันมาจนถึงตอนนี้แล้วเราไปกันถึงไหนแล้ว ถ้าจะตอบ – หรือจริงๆแล้ว มันไม่ได้ไปไหนไกลเลย ถ้ามันไม่แย่ขนาดถอยหลัง เราต่างก็กำลังย่ำอยู่กับที่

คะแนนเสียงที่ "ไม่แตกแถว" มันเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ หรือว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติของอำนาจ

เพราะเหตุการณ์อย่างนี้ชวนให้นึกถึง "The Melian Dialogue" – บทสนทนาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ ใน Peloponnesian War ที่บันทึกไว้โดย Thucydides (นักประวัติศาสตร์กรีกโบราณ; 460-395 BC) อันบอกเล่าเรื่องราวที่เอเธนส์ต้องการจะเข้ายึดเกาะเล็กๆที่มีชื่อว่าเกาะมีลอส

และสิ่งที่เอเธนส์บอกกับมีลอสก็คือ ป่วยการที่มีลอสเรียกร้องหาความยุติธรรม มันไม่ใช่การดีเลยที่ชาวมีลอสจะขัดขืน เพราะรังแต่จะนำไปสู่ความพินาศ ด้วยสำหรับเอเธนส์แล้ว ความยุติธรรมไม่ใช่สิ่งมีมาตามธรรมชาติ เพราะในทางปฏิบัติ อำนาจเท่านั้นคือของจริง และเพียงผู้แข็งแรงเท่านั้นที่อยู่รอด ส่วนความยุติธรรมนั้นเป็นสิ่งที่ดิ้นไปได้ตามที่ผู้มีอำนาจจะนิยามไว้ตามความพอใจ กลายเป็นวาทะอธิบายความเป็นสัจจนิยมมาทุกยุคทุกสมัยว่า ความยุติธรรมคือผลประโยชน์ของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าที่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ ซึ่งผู้ที่ด้อยกว่าก็ต้องยอมรับผลใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น

The strong do what they can, the weak suffers what they must. (Thucydides)

นี่คือกฎธรรมดาของโลก
นี่คือธรรมชาติ

คล้ายคลึงกันกับใน “อุตมรัฐ” งานเขียนของเพลโต (428-348 BC) ที่อยู่ในยุคสมัยใกล้ๆกัน ในบทสนทนาตอนหนึ่งนั้น มีการถกเถียงกันว่า ความเที่ยงธรรมนั้น แท้จริงแล้วคืออะไร

ทราไซมาคัส หนึ่งในผู้ร่วมสนทนาได้เสนอทัศนะออกมาด้วยท่าทีของนักเลงโตว่า อำนาจจะตัดสินว่าอะไรคือความเที่ยงธรรม กลุ่มที่มีอำนาจปกครองก็จะกำหนดสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเองเป็น nomos (กฎเกณฑ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นกฎหมาย กฎเกณฑ์ วัฒนธรรม และอาจรวมไปถึงศีลธรรมจรรยาด้วย) อยู่แล้ว ดังนั้น ความเที่ยงธรรมก็คือผลประโยชน์ของผู้แข็งแรงอีกเช่นเดียวกัน

จะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนยอมรับว่าป่วยการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม เพราะว่ามันเป็นสิ่งไม่มีจริง และถ้าธรรมชาติของความยุติธรรมเป็นไปตามผู้ที่แข็งแรงกว่าเช่นนี้แล้ว เราจะรับได้หรือ บางคนบอกว่า รับไม่ได้ เราจะต้องสร้างมันขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ต้องถามต่อว่า ใครจะเป็นคนสร้าง แล้วถ้าไม่มีพละกำลัง ไม่มีอำนาจ สร้างไปแล้วจะมีใครจะมายึดถือ ก็ย้อนกลับมาสู่จุดเดิมอีกว่า

อำนาจคือความถูกต้อง – Might is right.

ยิ่งเดี๋ยวนี้ แม้จะมีนักวิชาการบางท่านบอกว่าระบอบประชาธิปไตยนี่แหละที่มาช่วยกำหนดกรอบกติกาของการต่อสู้นั้น แต่มันก็ยังคงวนกลับไปสู่คำถามคล้ายๆเดิมอีกว่า แล้วกติกานั้นใครเล่าเป็นคนที่อำนาจกำหนด อย่างไรก็หนีไม่พ้นเรื่องอำนาจ และความถูกต้องของผู้ที่แข็งแรงกว่า

แล้วมันก็วนไปวนมาอยู่ตรงนี้

ตลอดมา นักปรัชญาการเมืองทุกยุคทุกสมัยล้วนพยายามหาคำตอบและแสวงหาความเข้าในธรรมชาติของมนุษย์ เพื่อหวังจะได้เข้าใจว่าอะไรคือสิ่งที่ดีต่อมนุษย์ และวิถีการอยู่ร่วมกันแบบใดที่จะทำให้มนุษย์อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขที่สุด

คำถามคือ ประชาธิปไตยที่วนกลับไปสู่ Might is right นี้ เป็นสุดยอดของพัฒนาการทางความคิดแล้ว
...จริงๆหรือ?

หรือมีอำนาจอื่นใดอีกที่แช่แข็งความคิดทางปรัชญาการเมืองของคนส่วนใหญ่ ในการที่จะหาวิถีใหม่ที่จะอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เมื่ออยู่รวมกันแล้ว คุณภาพชีวิตของทุกคนจะต้องดีขึ้น ไม่ใช่ฝ่ายหนึ่งดีขึ้นบนความสูญเสียของอีกฝ่ายหนึ่ง ดังเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

บางทีอำนาจนั้นอาจชื่อว่า
"ทุนนิยม"



Create Date : 27 มิถุนายน 2551
Last Update : 27 มิถุนายน 2551 22:29:13 น. 5 comments
Counter : 1905 Pageviews.

 
ประชาธิปไตย เป็นการใช้อำนาจของเสียงข้างมาก จริงด้วยแฮะ
ตกลงมันไม่ได้พัฒนาไปไหนเลยใช่มั้ยเนี่ย
แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมีอะไรที่มันจะดีกว่านี้
แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาสู้กับทุนนิยมได้ ไม่รู้จริงๆอ่ะ

ออกจากทางโลก หันไปหาทางธรรมกันดีกว่า


โดย: เราเอง IP: 125.24.194.112 วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:21:45:11 น.  

 
แวะมาเยี่ยมจากคำว่า "กลับไปสู่กรีก" เพคะ
อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เรื่องที่คิดว่าไม่มีวันเกิด ไม่มีวันเป็น ล้วนเกิดได้ เป็นได้

อย่าลืมเรื่องเขมรแทบจะสิ้นชาติมาแล้ว...ฮ่าๆ


โดย: หินทิเบตก้อนสุดท้าย (last_tibetstone ) วันที่: 27 มิถุนายน 2551 เวลา:21:54:37 น.  

 
อำนาจก็ควรต้องตรวจสอบได้น่ะซีครับ มันถึงจะถูกต้อง สมน้ำสมเนื้อ
ถ้ามันตกอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งซึ่งกระเย้อกระเหย่งจะขึ้นมาเป็นผู้นำ นั่นก็รวบยอดอำนาจไว้เบ็ดเสร็จ ห้ามเถียง(ทั้งที่พวกนี้ไม่ใช่นายเราเสียหน่อย ใครอย่าเจ๋อสุภาษิตว่า กบเลือกนายให้ได้ยินเล่าเด้อ)

ยุคหนึ่งที่พวกนักเรียนนอกเฟื่องมากๆก็คิดกันแต่ว่าตัวเองฉลาดแล้ว จะกลับมานำประชาชนชาวบ้านที่ไม่รู้อะไรไม่เคยเห็นโลกเหมือนอย่างตัว นั่นก็คือการอยากครองอำนาจไว้กับตัวแต่ก็กลบเกลื่อนไปว่าคือการพัฒนา(รับเขามาทั้งดุ้นโดยไม่คิดศึกษาสภาพความเป็นไป เหมือนตัดหัวออกแล้วเปลี่ยนหัวใหม่)

จะทำอย่างไรเล่าครับไม่ให้อำนาจถูกผูกขาดและทุกคนสามารถเชื่องโยงกันได้ เพราะจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนที่ได้รับการศึกษาแบ่งแยกว่าใครโง่ใครฉลาดโดยไม่คิดจะเรียนรู้สภาพชีวิต ค่านิยม วัฒนธรรมที่มันเกิดขึ้นจริงๆเลย คนที่ถือว่าเสียงของเขาสำคัญกว่าใคร ดังกว่าใคร โดยหูหนวกต่อเสียงที่เขาคิดว่าไม่สลักสำคัญ ทั้งที่มันก็คือเสียง คือชีวิตเหมือนกันกับเขา

ส่วนกลุ่มทุนที่ขึ้นมามีอำนาจในโลกทุกวันนี้โดยไม่สนใจอะไรนั่นก็คือการเปลี่ยนไปของขั้วอำนาจหนึ่ง มันก็น่าสนใจว่าทำไมเขาถึงขึ้นมาและทุกคนยอมตาม นั่นก็คงเป็นคำถามถึงคุณค่าในชีวิตทุกวันนี้นั่นแหละครับ มีคนมากมายที่อาจไม่พอใจในการกระทำผูกขาดของกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่แต่จะรู้ได้อย่างไรละว่าคุณค่าที่เขายึดถือในชีวิตมันจะแตกต่างกับสิ่งที่กลุ่มทุนยึดถือ

งูๆปลาๆแค่นี้แหละครับ คิดว่าเจ้าของบ็อกคงมีอะไรให้เขียนต่อจากเรื่องบ็อกนี้อยู่แล้วอีกเยอะแยะ


โดย: 000 IP: 118.173.219.153 วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:0:56:16 น.  

 
พัฒนาการทางการเมืองไทย
ที่เดินคู่ขนานไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ทุนนิยมชายขอบ ทุนนิยมรอบนอกที่คือความเป็จริงของสังคมไทยที่ดำรงอยู่

ทุนนิยมโลกาภิวัตน์ที่กำหนดทิศทางโลกและประเทศที่อยู่ในศูนย์กลางอำนาจของมหาอำนาจทางเศรษฐกิจหรือบรรษัทลงทุนข้ามโลก ทุนการเงินคาสิโนที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับโลกใบนี้

การเมืองไทยภายใต้เสื้อคลุมทุนสามานย์ไทย ทาสที่อยู่ใต้อำนาจเงินของทุนใหญ่ก็ต้องโหวตให้นายเงินที่เกื้อหนุน

แล้วเราจะสร้างพัฒนาการทางการเมืองต่อไปอย่างไร?
ต้องเร่งสร้างประชาธิปไตยในระดับชุมชน หมู่บ้าน สร้างชุมชนเข้มแข็ง ค้นหาและแสวงหาประชาธิปไตยทางตรงที่ดีกว่า และสังคมต้องช่วยกันหาทางออกจากความมืดบอดทางปัญญา สร้างสื่อทางเลือก เปิดเวทีระดมความเห็นกันอย่างขนานใหญ่ ชี้ให้มวลชนส่วนใหญ่เห็นถึงพิษภัยของทุนนิยมสามานย์ที่กัดกินประเทศและไม่ทำการปฏิรูปการเมืองและแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างให้คนส่วนใหญ่ของประเทศนี้เข้าถึงปัจจัยทางปัญญาและปัจจัยทางการผลิตอย่างจริงจัง


โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 28 มิถุนายน 2551 เวลา:13:00:47 น.  

 
อย่าลืมคำว่า จำนนด้วยเหตุผล สิ

เสน่ห์ของมันอาจจะแห้งเหือดไปบ้าง

แต่ก็อย่าลืมว่าครั้งนึงคนเค้าเคยฝันกันไว้ยังไงกับประชาธิปไตยนะ

แต่นั่นมันคงก่อนที่ตรรกะแบบฉบับจะถูกเชือดโดยคำถามที่ว่า

แล้วตรรกะมันเกี่ยวอะไรกับโลกนี้

คงเพราะอย่างนี้รสชาติของการหาคำตอบใหญ่ๆที่ดูลอยๆเลยจืดๆไป


โดย: ปุ๊กกู่ IP: 58.8.199.23 วันที่: 2 กรกฎาคม 2551 เวลา:1:10:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
27 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.