ขำกันให้ได้ทุกที่ มีความสุขให้ได้ทุกวัน
 

<< ไปปักกิ่งกันมั้ยพวกเรา >> (6) จบแล้ว

• พุธที่ 18 เมษายน 2550

ทานข้าวเช้าเสร็จก็รอเช็ค

เอาท์ แต่กว่าจะเรียบร้อยใช้เวลานานมาก สืบไปสืบมาได้

ความว่า แขกกรุ๊ปเราบางห้องมีปัญหา ไกด์ต้องมาช่วย

เคลียร์


- พี่ผู้ชายคนนึงเค้านอนแล้ว

เลือดกำเดาไหลเปื้อนหมอน ทางโรงแรมคิดเงิน 35

หยวน ทั้งๆ ที่เปื้อนไม่มากเลย


- ส่วนพี่ผู้หญิงคนหนึ่งโดนเก็บ

ค่าหมึกเปื้อนผ้าในราคา 45 หยวน พี่คนนี้บอกว่าเค้าเห็น

แต่แรกแล้ว เป็นหมึกปากกาลูกลื่น เปื้อนที่ผ้าเช็ดตัวยาว

ไม่ถึงเซน เค้าก็ไม่ได้ใช้ผ้านั่นเช็ดตัว เอามาเช็ดมือแทน

ไม่คิดว่าจะต้องมาเสียเงินแบบนี้ พูดยังไงก็ไม่ยอม หาว่าพี่

คนนี้เป็นคนทำ



- อีกห้องนึงเป็นครอบครัว ทาง

โรงแรมบอกว่าทำฝาชักโครกเค้าเป็นรู บวกกับแกะซองที่

โกนหนวดออกมาใช้คิดเงิน 120 หยวน น้องที่อยู่ห้องนี้

บอกว่าเห็นแล้วยังเรียกให้พี่ชายมาดูเลย ส่วนที่โกน

หนวดเค้าเขียนเป็นภาษาอังกฤษไว้ว่าอันนี้ไม่ฟรี แต่ถ้าไม่

สังเกตก็ไม่เห็น คงนึกว่าฟรีเหมือนพวกหวี แปรงสีฟัน

สบู่ ต่อรองยังไงก็ไม่ยอมท่าเดียว สรุปเพื่อตัดความ

รำคาญก็เลยต้องจ่ายไป โหดมากๆ เลยโรงแรมนี้

(Tim bo Hotel)



พวกเราก็ตำหนิไกด์กับหัวหน้า

ทัวร์ไปว่าน่าจะบอกกันก่อนว่าโรงแรมนี้เข้มงวด จะได้

สำรวจของใช้ก่อนในคืนแรก ไกด์ก็ได้แต่ขอโทษ ส่วน

หัวหน้าทัวร์คนไทยที่มาด้วยบอกว่าไม่เคยมาพักโรงแรมนี้

มาก่อน นี่มาครั้งแรกเลยไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้




9.00 น. ไกด์พาเรามาที่ประตู

ชัย ไม่มีในโปรแกรมสงสัยจะขายอะไรอีก แล้วก็จริงๆ

ด้วย เขาขายผี่เซี๊ยะที่ทำจากหยกแท้ ที่เค้าขายเป็นพัน

เป็นหมื่น ฟังเค้าอธิบายประมาณนึง ก็เดินออกมาถ่ายรูป

แล้วก็เข้าห้องน้ำกัน






10.30 น. ออกเดินทางไปเก็บ

ตกสวนสัตว์ดูหมีแพนด้า ที่นี่มีแต่หมีแพนด้าหรือไงไม่

รู้ เห็นอยู่ 6 ตัวๆ ละกรง (ถ้านับไม่ผิด) หมีปักกิ่งสงสัยไม่

อาบน้ำขนที่ควรจะขาวกลับเป็นสีน้ำตาล แบบว่าไม่ได้อาบ

น้ำน่ะ วนดูหมีครบทุกกรงแล้วไกด์บอกว่าเดี๋ยวจะไปต่อ

หลายคนงงว่า เรามาดูแต่หมีแพนด้าอย่างเดียวจริงๆ

หรือ..








ระหว่างรอเข้าห้องน้ำ บุ๋มบอก

ให้ดูเด็กคนนึงนุ่งกางเกงผ่าก้นด้วย สังเกตหลายคนแล้ว

ว่าทำไมเด็กปักกิ่งกางเกงก้นขาดทุกคนเลย ที่แท้เค้าเอา

ไว้แหวกเวลาเด็กจะอึหรือฉี่นี่เอง ดูแล้วเท่ดี

(ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงสำหรับที่นี่ รวมฉี่ด้วยนะ)




เที่ยงกว่าๆ รถจอดที่ตลาดรัส

เซียใหม่ ที่เราเคยมา 2 ครั้งแล้ว นึกว่าจะให้มาเดินที่นี่

อีก ปรากฏว่าร้านอาหารที่จะไปกินไม่มีที่จอดรถ เลยมา

จอดที่นี่แล้วเดินลอดอุโมงค์ไปกินข้าว

1. ขาหมูซอส (อร่อยดี) 2. นกหรือเป็ดย่าง (ไม่อร่อย

เหม็นๆ) 3.ปลาซีอี๊ว (อร่อยดี) 4. ผัดผักกาดขาว 5. ผัด

ผักเขียว 6. ไข่เจียว 7. ผัดเห็ดเละๆ 8. น้ำแกง มื้อนี้หัว

หน้าทัวร์บอกว่าไม่มีน้ำปลาพริกให้แล้วนะ เพราะพริกเน่า

หมดแล้ว



มื้อนี้ถ้าใครกินอิ่มเร็วก็จะได้ไป

เดินเล่นแถวๆ นั้นต่อ บางคนก็กลับไปตลาดรัสเซียอีก

ครั้ง ส่วนกลุ่มเราไปเดินห้าง ตื่นตาตื่นใจกับมาม่าเมือง

จีน ห่อละ 1.5 หยวนบ้าง 1.9,2.6,3 หยวนบ้าง บุ๋มซื้อมา

10 กว่าห่อ หลายๆ แบบ แล้วก็ซื้อขนมกินเล่นอีกนิด

หน่อย



13.45 น. ออกจากจุดจอดรถ

ตลาดรัสเซียใหม่ มุ่งหน้าตลาดรัสเซียเก่าให้ช้อปปิ้งกัน

อีก บุ๋มได้เป้เล็กราคา 40 หยวน เดินไปอีกหน่อยเจอ

รองเท้าสวยดี เรากับบุ๋มได้รองเท้าของก๊อปมา ต่อได้ 2

คู่ 170 หยวน ทีแรกนึกว่าได้ถูก แต่คิดไปคิดมา เหมือน

ซื้อที่เมืองไทยเลย ส่วนจิ๋ม ได้เสื้อเชิ้ตไปฝากป๊า 2 ตัว

บุ๋มเดินมาดูเสื้อแจ๊คเก็ตยีนส์ ราคาเหมือนที่มาบุญครอง

เลยไม่ซื้อดีกว่า ดูแล้วไม่รู้จะซื้ออะไรของก็เหมือนๆ ที่

เมืองไทย แล้วเราต่อราคาไม่เก่งซะด้วย



15.45 ทุกคนพร้อมที่รถ ไกด์

บอกว่าวันนี้เรากินข้าวเย็นกันเร็วหน่อย ยังอิ่มจากมื้อกลาง

วันอยู่เลย แต่ก็ต้องกิน กินเสร็จ 16.45 น. แล้วก็ออก

เดินทางต่อ ระหว่างทางไกด์กับหัวหน้าทัวร์ก็พูดขอบคุณ

และขออภัยบรรยากาศซึ้งเล็กน้อย ฟังแล้วก็ใจหายนิดๆ

นี่เราเริงร่ามา 6 วันแล้วหรอเนี่ย




17.20 น. ถึงสนามบิน โบกมือ

ล่ำลาคุณไว ไกด์ประจำกรุ๊ปเรานิดหน่อย ต่างคนก็ต่างเร่ง

รีบขนของเข้าด้านในเพื่อรอเช็คอิน เสียเวลาเช็คอินนาน

มาก เพราะคนเยอะจัด ใครๆ ก็กลับกันวันนี้

บ้างก็นั่งจัดกลุ่มคุยกัน เด็กๆ จับกลุ่มเล่นไพ่ (ที่จีนเล่น

ไพ่กันได้อย่างเปิดเผย)



ป๊าบอกว่าเดี๋ยวจะให้ทิปหัวหน้า

ทัวร์ซักหน่อยเพราะดูแลดี ประกอบกับสมาชิกทัวร์คน

อื่นๆ ก็เห็นเหมือนกัน เลยลงขันกันคนละ 100 บาท รวม

ได้ 3000 บาทมอบให้คุณปลา หัวหน้าทัวร์ในครั้งนี้เป็นค่า

ขนมเล็กๆ น้อยๆ จากพวกเรา (ส่วนของไกด์และคนขับรถ

จีนเราจ่ายกันไปแล้วคนละ 100 หยวน)



เครื่องออก 19.30 น. (เวลา

ท้องถิ่น ณ กรุงปักกิ่ง) มีอาหารแจกเหมือนตอนขา

มา ... ประมาณ 23.50 น. (เวลาในประเทศไทย)

เครื่องถึงสุวรรณภูมิ จอทีวีในเครื่องบอกอุณหภูมิ 31

องศา กลับสู่ความเป็นจริงเสียที



การไปเที่ยวปักกิ่งคราวนี้ดี

กว่าที่คิดไว้มาก เราได้เที่ยวครบ (แถมเกินอีกต่างหาก)

ได้เจอลูกทัวร์ที่ดี ทำให้การพักผ่อนในช่วงสงกรานต์ปีนี้

น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียว


--- > เก็บตก

















 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2550 1:06:00 น.
Counter : 1200 Pageviews.  

<< ไปปักกิ่งกันมั้ยพวกเรา >> (5)

• อังคารที่ 17 เมษายน 2550

ไม่ต้องพูดถึงโปรแกรมที่ทัวร์

จัดมาแต่แรกแล้ว เพราะคิวเริ่มรวน 8.30 น. รถพาเรา

มาถึงหอฟ้าเทียนถาน (ที่จริงอยู่วันสุดท้ายนะเนี่ย) เรา

เดินจากปากทางเข้าไปอีกหลายชั้นกว่าจะถึงหอฟ้าฯ ที่

ปักกิ่งคงใช้สโลแกน “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ” ค่าเข้าดู

เหมือนจะ 35 หยวน




ระหว่างรอไกด์ไปซื้อตั๋วเห็นว่า

ด้านนอกมีจักรยานจอดเยอะมาก แสดงว่านอกจากนัก

ท่องเที่ยวแล้วประชาชนชาวปักกิ่งด้านในก็คงจะมีมากด้วย

เช่นกัน








เดินเข้ามาด้านในเห็นพื้นที่กว้าง

ใหญ่ไพศาลเหลือเกิน เดินเท่าไหร่ไม่ถึงหอฟ้าซักที ถ่าย

รูปกันจนเมื่อย




เดินเข้ามาถึงจุดหนึ่ง เป็นจุดให้

นักท่องเที่ยวยืนขอพรจากสวรรค์ ต้องทำท่าชูสองแขน

มองขึ้นไปบนฟ้าแล้วอธิษฐานขอพร เห็นกรุ๊ป

ทัวร์ที่มาถึงก่อนหน้าเขาทำกัน กรุ๊ปเราเลยเอาบ้าง




เดินตรงเข้าไปอีกจะเห็นเป็น

โดมใหญ่ๆ มีนักท่องเที่ยวขึ้นไปสักการะกัน










ได้ชื่นชมและสักการะกันเป็นที่

เรียบร้อยถึงเวลาที่ต้องออกจากที่นี่แล้ว ระหว่างทางเดิน

ร่มรื่นดี มีผู้คนมาออกกำลังกายกันเยอะเลย มีหลาย

กิจกรรมไม่รู้ที่นี่เรียกว่าอะไร แต่เราเรียกเอง ไม่ว่าจะ

เป็น เลี้ยงลูกบอลบนไม้แบต, โบกผ้าหลายสี (คล้ายๆ

ยิมนาสติกลีลา), เตะตะกร้อ (ใช้คล้ายๆ ลูกขนไก่แทน

ตะกร้อ), เต้นรำ, รำกระบอง หลากหลายมากเลย






10.30 น. ออกรถไปชม

ไข่มุก .. (อีกแล้ว) 5 นาทีก็ถึง คิดแล้วก็แอบเบื่อ ที่

ภูเก็ตก็มี ต้องใจแข็งเข้าไว้ ด่านแรกเขาให้ดูหอยมุข

เป็นๆ แล้วสุ่มหยิบมาแงะ ให้ทายว่ามีมุขกี่เม็ด แล้วก็

อธิบายๆๆๆๆ จากนั้นเดินเข้าไปด้านในพบกลุ่มนก

กระจอก เอ๊ยไม่ใช่! พนักงานขายร้องเรียก “พี่คนสวยๆ”

เขินเหมือนกันนะเนี่ย


แอบหันไปมอง เขาขายพวกครีมประเภทต่างๆ ที่ทำจาก

ไข่มุก (แท้ๆ) อีกด้านก็เป็นพวกเครื่องประดับที่ทำจาก

มุก สถานที่ไม่กว้างขวางเหมือนโรงงานหยก เลยไม่รู้จะ

เดินไปไหนได้อีก


นอกจากไปมุงดูที่เขาขายครีม ดูไปดูมาชักสนใจ เพราะ

มันเกี่ยวกับความสวยความงาม คนขายควักครีม

จากกระปุกออกมาให้ทา เออ..ทาแล้วมันนุ่มมือดีแฮะ

เขาบอกว่าใช้แล้วหน้าขาว แก้สิวฝ้าอีกต่างหาก ตรงคอน

เซปต์สาววัยเราเลยทีเดียว อย่างนี้ต้องโดน...



เปิดราคามาแพงใช้ได้อยู่ เขามีเทคนิคอยู่ที่ถ้าซื้อ

หลายกระปุกจะถูก น้องคนนึงในกรุ๊ปทัวร์เริ่มหาแนวร่วม

เพื่อต่อรองราคา สรุปที่กระปุกละ 90 หยวน นอกจาก

น้องคนนั้นกับแม่เขาแล้ว กลุ่มเรามี เรา บุ๋ม หม่าม้า อา

อี๊ ซื้อกันคนละ 2 กระปุก คนขายบอกว่ามีทากลางวันกับ

กลางคืน เรื่องอื่นเสียไม่ได้มาเสียเรื่องความสวยความงาม

นี่แหละ



ส่วนป๊า เดินเลือกซื้อจี้มุกพร้อมสร้อย ให้ป๋ออี่ลูกสาวคน

เล็ก (ไม่ได้มาด้วยเพราะไปหาประสบการณ์ที่ออสเตรเลีย

6 เดือน) ระหว่างดูของเพลินๆ บุ๋มก็ส่งเสียงเรียกเราซะ

เสียงดังเชียว ปรากฎว่าเจอไอ้ร๊าฟ เพื่อนที่เรียน

มหาวิทยาลัยเดียวกัน ร๊าฟมากับแฟนและแม่แฟน โลก

กลมจริงๆ ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก 1 ใบ แต่บุ๋มดันหลับตาซะนี่




11.30 น. บ๊ายบายหอยมุกไป

กินข้าวกันดีกว่า มื้อนี้น่าจะอร่อย มี 1.ไก่ซีอิ๊ว 2.เป็ด

ทอด 3. ซี่โครงหมูเต้าซี่ 4. ปลานึ่งน้ำแดง 5. ผัดหมู+

พริกหวาน 6. ผัดผักกาดขาว 7. ผัดแตงกวาซีอิ๊ว

8.ชุปเห็ดเข็มทอง 9. ซุปซี่โครงหมู+หัวไชเท้า

(เจอร๊าฟมากินข้าวที่นี่ด้วย แต่ไม่ได้ทักกันอีก เพราะตั้ง

หน้าตั้งตากิน)



12.30 น. ออกจากร้านอาหาร

มาเจอคนขายหมวกมีทั้งหมวกแก๊ปและหมวกขอทาน

สกรีนว่า Beijing 2008 แล้วมีสัญลักษณ์โอลิมปิกด้วย

ตอนแรกบอก 6 ใบ 20 หยวน ต่อไปต่อมาได้ 10 ใบ 20

หยวน คำนวนแล้วตกใบละประมาณ 10 บาท ส่วนหมวก

แก๊ปจะแพงกว่านิดนึง เพราะตัวหนังสือกับโลโก้ใช้ปัก ไม่

ได้สกรีน ราคา 6 ใบ 20 หยวน อืม..น่าสนๆ ซื้อเป็นของ

ฝากดีกว่า



กินข้าวเสร็จโปรแกรมต่อไปคือนั่งสามล้อชมเมืองเก่า ที่

เค้าเรียกกันว่า “หูถ้ง” รถพาเรามาถึงจุดที่ส่งนักท่อง

เที่ยว เห็นรถสามล้อเรียงรายอยู่เยอะมากๆ พอลงจาก

รถปุ๊บก็ถูกต้อนให้ขึ้นรถสามล้อ คันละ 2 คนทันที




ทัวร์หลายๆ เจ้าก็พามาที่นี่ เลย

ดูเหมือนเป็นอุตสาหกรรม เหมือนจะดูดีนะที่เค้าบอกว่าจะ

พามานั่งสามล้อชมเมืองเก่า “ใครไม่เข้าหูถ้งเหมือนไม่ได้

มาปักกิ่ง” แต่เราว่า ไม่เข้าหูถ้งก็ไม่เป็นไร เพราะ

บรรยากาศมันไม่ค่อยน่ารื่นรมย์ซักเท่าไหร่ มีกลิ่นเหม็น

ตลอดทางที่เป็นตรอกซอกซอย ทั้งกลิ่นขยะ กลิ่นส้วม

(แตก) คือถ้าจะให้ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวของ

ปักกิ่งน่าจะจัดระเบียบหรือรักษาความสะอาดให้มากกว่า

นี้ เอ.. หรือว่าแบบนี้แหละโบราณของแท้


เรานั่งสามล้อกันไม่นาน (ความ

เหม็นติดจมูกยาวนานกว่า) รถก็พาเราไปวัดลามะ ถึงวัด

ลามะประมาณบ่ายสองโมง บัตรเข้าชมราคา 25 หยวน

ทำซะกิ๊บเก๋เชียว ดูเหมือนแผ่นซีดีจิ๋วๆ (กลับเมืองไทย

ลองเอามาเปิด ดูได้จริงๆ ด้วย เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับวัด

ลามะความยาว 5 นาที)




ที่วัดลามะนอกจากสักการะสิ่ง

ศักดิ์สิทธิ์แล้ว เราได้ทำบุญด้วย ตั้ง 5 หยวนแน่ะ ภายใน

วัดมีพระแกะสลักจากไม้จันทร์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่

ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะเขาห้ามถ่าย






อยู่ที่วัดได้ไม่นาน ได้บุญไป

คนละเล็กละน้อย จากนั้นมุ่งหน้าตลาดรัสเซียใหม่ที่มาวัน

ก่อน เราคิดว่าพามาทำไมเนี่ย มาแล้วมาอีก อยากไป

ตลาดรัสเซียเก่ามากกว่า แต่ก็เอาเถอะมากับทัวร์นี่นาเขา

พาไปไหนก็ต้องไป ถึงตลาด 15.10 น. นัดเจอกันที่รถ

16.30 น. เดินวนไปวนมาไม่รู้จะซื้ออะไรดี บุ๋มสนใจเสื้อ

กันหนาวสีแดงตัวนึงสวยดี เปิดมาที่ราคา 650 หยวน ต่อ

ไปต่อมา ต่างคนต่างชักแม่น้ำทั้งห้าพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้

เรื่องบ้าง เล่นเอาเหนื่อย ได้มา 50 หยวน


ถุงมือก็น่าสน ไปดูที่แพลทติ

นั่ม คู่ละ 200-350 บาท เจอที่นี่ 80 หยวน ต่อได้ 10

หยวน อีกคู่นึงมีตำหนิเลยได้ 5 หยวน


เวลาเหลือเดินหาซื้อของที่

ระลึกฝากเพื่อนอีกดีกว่า เห็นผี่เซี๊ยะน่ารักดี มีความหมาย

ดีด้วย ซื้อมา 13 ตัว 26 หยวน



นัดที่รถ 16.30 น. แต่กว่าจะมา

กันครบก็โน่น 5 โมงเย็น ได้เวลากินข้าวเย็นพอดี วันนี้ได้

กิน 1. ขาหมู 2.เกี๊ยวปักกิ่ง 3 ซุป 4. ปลานึ่ง 5. ผัด

ผักต่างๆ (6 จาน 6 อย่าง)

มื้อนี้กิ๊บเก๋ตรงที่ขาหมูจานเด็ด เค้ามีถุงมือพลาสติกให้ทุก

คนแล้วก็มีหลอดให้ด้วย เราก็สงสัยกันใหญ่ว่าให้หลอดมา

ทำไม ตอนแรกนึกว่าให้มาดูดน้ำในซาลาเปา แบบเสี่ยว

หลงเปา ที่ไหนได้ พี่คนนึงเคยกินเค้าบอกว่าให้มาดูน้ำที่

อยู่ในโพรงกระดูกต่างหาก เราลองดูดแล้วพาลหน้ามืด

เปล่าๆ เพราะดูดเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น




วันนี้คิวแน่นเหลือเกิน ออก

จากร้านอาหารประมาณ 18.15 น. มุ่งหน้าดูกายกรรมที่

จองตั๋วรอบ 19.20 ไว้แล้ว เราถึงที่นั่นตอน 1 ทุ่มพอดี

กรุ๊ปเราได้ที่นั่งหลังๆ เลยเซ็งนิดๆ แต่ก็โอเคเพราะโรง

ละครเค้าไม่ใหญ่เท่าไหร่ การแสดงเจ๋งดี ชอบๆ โชว์จบ

ตอน 20.40 น. ถือว่าคุ้มที่ได้มาดู



ถึงที่พักประมาณ 3 ทุ่ม ไกด์

บอกว่าคืนนี้จะเอาของที่สั่งไว้มาส่งให้ที่ห้อง (ลืมบอกไป

ว่าเราสั่งของกินที่ไกด์บอกว่าช่วยเพื่อนขายไว้ตั้งแต่ตอน

เช้า กลุ่มเราสั่ง บ๊วย กับเม็ดบัวอย่างละ 1 ลัง)



พอของมาถึงก็จัดการแบ่ง

ของ จัดกระเป๋า เพราะพรุ่งนี้ต้องเช็คเอาท์แต่เช้า กว่าจะ

ได้นอนปาเข้าไปเที่ยงคืนโน่น

ป.ล. เสื้อสีแดงที่บุ๋มซื้อที่ตลาดรัสเซีย เอามาลองใส่อีกที

แล้วรู้สึกยังไม่ถูกใจเท่าไหร่ เสื้อตัวนั้นจึงตกเป็นของเรา

ทันที (ซื้อต่อ)


(ทนอ่านต่ออีกตอนนึงนะ)




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2550 0:25:21 น.
Counter : 510 Pageviews.  

<< ไปปักกิ่งกันมั้ยพวกเรา >> (4)

•จันทร์ที่ 16 เมษายน 2550

ที่เมืองไทยวันจันทร์คนส่วน

ใหญ่ใส่เสื้อสีเหลืองกัน ถึงมาเที่ยวปักกิ่งแต่เราก็ยังคงเป็น

คนไทยอยู่ ฉะนั้นวันนี้เราจึงเลือกใส่เสื้อสีเหลืองที่เตรียม

มาด้วย



(ตามโปรแกรมที่ทัวร์ให้มาวันนี้ต้องไปสัตว์โลกใต้น้ำ- วัดลามะ – ตลาดรัสเซียใหม่ แต่สรุปแล้วไม่ใช่เลย)



เช้านี้เรานั่งรถค่อนข้างนาน

ฟังไกด์เล่าโน่นเล่านี่ไปเรื่อยๆ จำได้เลาๆ ว่า คนปักกิ่งที่มี

จักรยานก็ต้องจ่ายภาษี ที่นี่ไม่นิยมขี่มอเตอร์ไซค์ เพราะ

ทำให้อากาศเป็นพิษ (แล้วสูบบุหรี่จัดๆ ทั่วทุกหนทุกแห่งนี่

อากาศบริสุทธิ์มากเลยนะ) แล้วก็คุยกันเรื่องซื้อของให้

ระวังแบงค์ปลอม วิธีดูก็คล้ายๆกับแบงค์ ของไทยนี่

แหละ 1.ส่องดูลายน้ำรูปประธานเหมา ในช่องโล่งด้าน

ซ้าย 2. มีเส้นฟอยล์สีเงินแนวตั้ง 3. เลขมูลค่าบน

แบงค์ (มุมขวา)รวมถึงตัวหนังสือตรงกลาง ลูบแล้วต้องเป็น

ตัวนูน ประมาณนี้ ที่นิยมปลอมกันจะเป็นใบละห้าสิบ

หยวน ระหว่างที่ไกด์บอกแต่ละคนก็หยิบแบงค์ของตัวเอง

มาดูกันใหญ่ น้องจิ๋ม (ลูกอาอี๊) บอกว่าตัวเองได้แบงค์

แปลกๆ มา 1 ใบ รูปคนที่ปรากฏในแบงค์ไม่ใช่ประธาน

เหมา สรุปว่านั่นเป็นแบงค์เหมา (10 เหมา = 1 หยวน /

10 เฟิน = 1 เหมา) รูปที่เห็นเป็นรูปของชนกลุ่มน้อยใน

ประเทศจีน ถ้าแบงค์รุ่นเก่าจะเป็นแบบนี้ เฮ้อ .. ค่อย

สบายใจหน่อย


(แบงค์50 หยวนเอามาจากกระทู้ในพันทิพ)


แบงค์เหมาน้องจิ๋มได้มา




9.20 น. ถึงวัด ...



นั่งรถมานาน อากาศก็เย็นปวด

ฉี่มากๆ แต่พอต่อคิวเข้าห้องน้ำเท่านั้นแหละเป็นอันหมด

อารมณ์ มองปราดเข้าไปในส้วมเจออึอย่างน้อย 2 ห้อง

หันหน้ากลับแทบไม่ทัน ถ้าซื้อล็อตเตอรี่คงถูกแจ๊คพ็อท

แน่ๆ



เดินเข้ามาภายในวัดดูร่มรื่นดี แต่ต้องเดินขึ้นบันไดไปอีกหลายขั้นเลยนะเนี่ย








มีจุดให้ไหว้พระหลายจุด เราจุดธูปไหว้กันประมาณ 3 จุด รู้สึกอิ่มเอมใจดีจริงๆ










10.30 ไหว้พระเสร็จแล้วพี่คน

ขับรถพาเราไปร้านชิมชา ... สรุปว่ายังไงก็ต้องชิม ไกด์

บอกว่าให้ช่วยเค้าหน่อย เพราะเป็นกฎของรัฐบาลว่าไกด์

ต้องพานักท่องเที่ยวไปตามจุดที่เขากำหนด แล้วก็

ต้องมาลงชื่อทุกครั้ง ถ้าไกด์ไม่พาลูกทัวร์มาถือว่ามีความ

ผิด พูดถึงก็เป็นแนวคิดที่ดีในการสนับสนุนการท่องเที่ยว

ของเขานะ แต่บางทีเราก็ว่ามันมากไป



เจ้าหน้าที่สาวจีนที่พูดไทยได้

อธิบายเรื่องชา และสาธิตการชงชา จากนั้นให้พวกเราลอง

ชิมชา ประมาณ 3 ชนิด จากนั้นก็เข้าสู่สเต็ปการขาย ชา

ตัวนั้นดีอย่างนั้นอย่างนี้ แก้โรคอะไรต่อมิอะไร ฟังดูก็น่า

สน แต่หลายคนเริ่มเงินหมด หาวิธีปลีกตัวออกจากห้องเล

คเชอร์มาอย่างเนียนๆ เพราะยังไงซะ ใน 1 กรุ๊ป ต้องมีตัว

แทนซื้อเข้าซักรายสิน่า ...



ออกจากห้องเชือดมาแล้วเราก็

มารอกันอยู่ที่หน้าร้าน บ้างก็เข้าห้องน้ำ บ้างก็ถ่ายรูป

มิวายแม่สาวจีนคนเดิมยังตามออกมาขายข้างนอกอีก

คราวนี้ลดราคาพิเศษ ซื้อ1 กระปุกใหญ่ แถม 3 กระปุก

เล็ก แล้วยังแถมตุ๊กตาชินจังอีก 3 ตัว บลา บลา บลา ...

สำเร็จแฮะ พี่คนนึงตอนแรกทำท่าจะไม่เอาตั้งแต่ในห้อง

แล้ว มาติดกับเอานอกห้องตอนจะกลับนี่เอง สงสารก็แต่

คนที่สนใจซื้อในห้อง ได้ราคาเต็มไป






เที่ยงแล้วเราไปกินข้าวกัน

เถอะ อาหารวันนี้มี 1.ปลานึ่งซีอิ๊ว 2. ซี่โครงหมูผัดเต้าซี่

3. ไข่เจียว 4. ผัดผัก 5. ซุปน้ำนมข้าว 6.ผัดผักรวมมี

เห็ด 7. มะเขือยาวผัดหรืออะไรไม่รู้ 8. ไก่ชุปแป้ง

ซอสหวาน ปิดท้ายด้วยแตงโม


บ่ายโมงกว่าเราก็ออกเดินทาง

ต่อเพื่อไปเยี่ยมชมโรงงานผ้าไหม ไฟลท์บังคับอีกแล้ว

หรือนี่ ที่จริงให้เยี่ยมชมเฉยๆ ก็ได้ความรู้ดีหรอกนะ แต่

พอเค้าเชิญชวนให้ซื้อแล้วไม่ซื้อเนี่ย มันรู้สึกไม่ค่อยดี

เลย แบบว่าปล่อยให้เค้าพูดอยู่ตั้งนาน อธิบายตั้งแต่เลี้ยง

ไหมยันทอไหมเป็นผืน มีการสาธิตให้ดูด้วย สุดท้ายก็จาก

ไปอย่างนั้นหรือ ที่จริงสินค้าเค้าก็ดีนะ แต่ละอย่างก็

แพงๆ (ในสายตาเรา) ทั้งนั้น ปล่อยให้ขาช้อป

ประจำกรุ๊ปซื้อไปดีกว่า ฮ่าฮ่าฮ่า จริงๆ นะ มีคุณป้าอยู่คน

นึง ซื้อทุกเจ้าเลย ดีเหมือนกันมีคุณป้าคนนี้ไว้อุ่นใจ

เป็นหน้าเป็นตาของกรุ๊ปเราด้วยสิ




ระหว่างรอกลุ่มผู้สูงอายุชื่นชม

ผ้าไหม เราออกมารอที่รถดีกว่า โชคดีมีแผงขายผลไม้

อยู่ใกล้ๆ หลายคนซื้อสตรอเบอรี่กินกันให้หนุบหนับ จาก

คนแรกที่ซื้อแพ็คละ 10 หยวน คนหลังๆ ไปซื้อ ตอไปต่อ

มาจนจบที่ 7.5 หยวน สงสารพี่คนที่ซื้อคนแรกอีกแล้ว






บ่ายสองแล้ว ไปดูสัตว์โลกใต้น้ำกันดีกว่า โปรแกรมเยอะนะวันนี่

แต่ถ้าเคยไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ

ที่บางแสนหรือระยองมาแล้ว ไม่ต้องเสียเงินเข้าไปที่นี่ก็

ได้ เพราะดูธรรมดาไปหน่อย มีพี่คนนึงในกรุ๊ปที่มาด้วย

กัน เค้าบอกว่าที่ออสเตรเลียดีกว่าหลายเท่า อืมมม กระตุ้น

ต่อมอยากเที่ยวต่ออีกแล้ว







ประมาณบ่ายสาม ก็เดินออกมา

ขึ้นรถมุ่งหน้าตลาดรัสเซียใหม่ เย้.. จะได้ช้อปปิ้งแล้ว

ระหว่างทางที่เดินออกมามีคนขายมันเผาให้เกลื่อนอีก

แล้ว กำลังอยากกินอยู่พอดีเลย ป๊าเลยไปซื้อมาให้

ขึ้นรถมาหอมกลิ่นมันเผาฉุยเลย ใครๆ ก็กินมันเผา

ไกด์บอกว่า ที่จริงรัฐบาลไม่ค่อยสนับสนุนให้กินมันเผา

แบบนี้นะ เพราะมันไม่ค่อยสะอาด

อ้าว.. ทำไมเพิ่งมาบอก






แป๊บเดียวถึงตลาดรัสเซีย

แล้ว ทีแรกเราคิดว่าจะคล้ายๆ สวนลุมไนท์ซะอีก ที่ไหน

ได้เป็นตึก 4 ชั้น ขายพวก เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า

หมวก เครื่องประดับ ipot เกมส์ MP3 มีเวลาแค่ 1

ชั่วโมง โห.. จะทันมั้ยเนี่ย รีบเดินกันสุดฤทธิ์

สรุปว่าเราไม่ได้ของอะไรเลย เดินสำรวจอย่างเดียว



ที่นี่เค้าบอกว่าให้ต่อ 80% ถึง

เวลาแล้วต่อไม่ลงจริงๆ กลัวโดนไล่ออกจากร้าน ส่วนนัก

ช้อปประจำกลุ่มไม่ต้องห่วง ได้กันมาคนละถุงสองถุง มี

สามีภรรยาคู่นึง ช้อปจนต้องซื้อกระเป๋าเดินทางใบใหม่เอา

ไว้ใส่ของกลับกันเลยทีเดียว แถมกระเป๋าใบใหม่นี้ก็ซื้อมา

ในราคาไม่แพงอีกด้วย ได้ยินว่าจาก 900 หยวน ต่อ

เหลือ 100 หยวน คิดดูกระเป๋าเดินทาที่พี่เค้าซื้อมานี่ ที่

ประตูน้ำขายกันพันกว่าบาท ถ้าขึ้นห้างจะบวกไปอีกเท่า

ไหร่? เซียนจริงๆ



นัดเจอกันที่รถ 16.30

สรุปว่าต้องรอนักช้อปบางคนที่ยังติดพันอยู่กับการต่อ

ราคา จนเกือบ 5 โมงเย็นโน่นกว่ารถจะได้ออก พี่คนที่มา

ช้าก็ขอโทษขอโพยไปตามระเบียบ เขาบอกว่าจะออกมา

ตั้งนานแล้ว แต่คนขายยื้อไว้ เชื่อพี่เค้านะ เพราะคนขายที่

นี่เป็นอย่างนี้จริงๆ ไอ้เดินดูน่ะไม่กี่ร้านหรอก แต่พอต่อ

แล้วเนี่ยสิอย่าหวังจะได้ออกจากร้านง่ายๆ ถ้าคุณไม่ควัก

เงินซื้อ



แป๊บเดียวเราก็มาถึงร้าน
อาหาร มื้อนี้เราจะได้กินเป็ดปักกิ่งของแท้


แต่พอกินแล้วพูดกันเป็นเสียง

เดียวว่า สู้เป็ดไทยม่ายล่าย ที่นี่เค้าเฉือนเป็ดติดมันเยอะ

เลย กินแล้วเลี่ยนพิลึก แต่รวมๆ แล้วมื้อนี้อาหารโอเค

1. เป็ดปักกิ่ง 2. ปลานึ่งซีอิ๊ว 3.เต้าหู้+หมู3ชั้น 4.ไข่

เจียว 5. เห็ดหูหนู+แตงกวา 6. แกงจืดผักกาดขาว+เป็ด

(ที่เหลือจากแล่หนังแล้ว) 7. ผัดผักกาดขาว






18.35 ออกเดินทางมุ่งหน้า

ตลาด “ซีตาน” ส่วนใหญ่เป็นพวกซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วก็

มีของขายแบบเดินกิน คราวนี้มีเวลา 1.30 ชั่วโมง นัด

ว่า สองทุ่มครึ่งให้มาเจอกันที่รถ เราเดินเตร่ดเตร่กันไม่

นานนักเพราะเมื่อย กินปลาหมึก 1 ไม้ 6 หยวน กินพุทรา

เคลือบน้ำตาล 1 ไม้ 2 หยวน อย่างอื่นก็ไม่รู้จะซื้ออะไร

เดินดูเอาเพลินกว่า










วันนี้เหมือนว่าโปรแกรมจะแน่น

เอี้ยด แต่ 3 ทุ่มครึ่งก็ถึงที่พักแล้ว อาบน้ำสระผม นอน

ประมาณ 5 ทุ่ม ถือว่าทำเวลาได้ดี



(ยังมีต่ออีกแน่ะ)




 

Create Date : 11 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2550 23:08:31 น.
Counter : 1342 Pageviews.  

<< ไปปักกิ่งกันมั้ยพวกเรา >> (3)

• อาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2550


(กำหนดการวันนี้คือ กำแพง

เมืองจีน – หุ่นขี้ผึ้ง – ศูนย์การค้าหวังฟูจิ่ง - สุกี้

มองโกเลีย)

ตารางของทุกเช้าในการมาเที่ยวครั้งนี้คือ สูตร 6-7-8

หมายถึง ตื่น 6 โมง ทานอาหารเช้า 7 โมง ออกเที่ยว 8

โมง (เรื่องอาหารเช้าเราจะเลิกพูดถึงแล้วนะ เพราะมัน

ไม่น่าประทับใจเลยซักนิด)

วันนี้เราเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับไปลุยกำแพงเมือง

จีนอย่างเต็มที่ เค้าว่าหนาวและลมแรงกว่าที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

ในปักกิ่งซะด้วย เราเลยใส่เสื้อกันหนาวไป 1 ตัว แล้วมี

สำรองไว้อีก 1 ตัว



ขึ้นรถแล้วไกด์บอกว่าเช้านี้

เราจะไปชมโรงงานหยกกันก่อน อ้าว... เพราะไปกำแพง

เมืองจีนใช้เวลาเดินทางนาน เกรงว่าจะไปหิวข้าวกลางวัน

กันที่กำแพงเมืองจีน กลับมาทานกลางวันไม่ทัน เขาจึง

เปลี่ยนโปรแกรมนิดหน่อย ระหว่างทางไกด์ก็เล่าโน่น

เล่านี้ให้ฟัง จำได้บ้างไม่ได้บ้าง



มีเรื่องนึง ไกด์บอกว่า ให้

สังเกตดูทำไมไม่ค่อยเห็นหมาเหมือนที่เมืองไทย เพราะ

ว่าเลี้ยงหมา 1 ตัว ต้องจ่ายภาษีหมา 3000-5000 หยวน

บ้านไหนเลี้ยงหมาต้องพาหมาไปถ่ายรูปทำบัตรให้หมา

ด้วย ถ้าเจอตำรวจเรียกตรวจจะได้มีให้ดู ปักกิ่งจึงมีหมา

น้อยด้วยประการฉะนี้ .. ไปปักกิ่งคราวนี้เราเห็นหมาหลาย

ตัวเหมือนกัน ทุกตัวล้วนพันธุ์ปักกิ่งทั้งนั้น ไม่เห็นมีพันธุ์

อื่นเลย แล้วเขายังบอกอีกว่าคนจีนกินหมาด้วย สงสัยคง

จะกินหมาพันธุ์อื่น ไม่กินพันธุ์เดียวกัน 555



9 โมงเช้าเรามาถึงโรงงาน

หยก มันก็ตระการตาดีนะ ทัวร์ทุกคณะมาชุมนุมพร้อมกัน

ที่นี่ เราก็เดินดูไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้ซื้ออะไรกับเค้า

หรอก ไม่ใช่แนว






ออกจากโรงงานหยก 10 โมง

เช้า แล้วต่อด้วยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ในนี้ห้ามถ่ายรูป ถ้า

จะถ่ายต้องซื้อตั๋วเสียเงินค่าถ่ายรูปด้วย กรุ๊ปเราเลยไม่มี

ใครถ่ายซักคน ระหว่างเดินชมด้านใน ไกด์ก็จะเป็นคนเล่า

เรื่องเราวประวัติศาสตร์ในแต่ละฉากไป ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง

ตามสะดวก แต่เราว่าเนื้องานสู้หุ่นขี้ผึ้งบ้านเราไม่ได้ ของ

เราเหมือนกว่าเยอะ เดินอยู่ในนี้ประมาณ 1 ช.ม. จากนั้น

จะได้กินสุกี้มองโกลในมื้อกลางวัน




อาหารชุดแรกที่มาลงจะเป็น

ข้าวสวย ไข่เจียว ผัดผัก 2 อย่าง อีกอย่างคล้ายๆ กะเพรา

ไก่ ส่วนสุกี้มองโกล มีเป็นหม้อส่วนตัวให้เลย โล่งอกที่

ไม่ต้องไปใช้หม้อร่วมกับใคร มีเต้าหู้ ผักต่างๆ 2-3

อย่าง เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อแพะอันนี้อร่อยมาก ขอเติมนับ

ครั้งไม่ถ้วนเลยทีเดียว


ไกด์แนะนำว่าอาหารทุกอย่างอย่ากินหมด ให้เหลือไว้

จานละ 1 ชิ้น เอาไว้เป็นตัวอย่างเวลาจะบอกให้พนักงาน

เอามาเพิ่มจะได้เอามาถูก




สุกี้มองโกลมีน้ำซุปเป็นสีขาว

ขุ่น ส่วนน้ำจิ้มเค้ารสชาติแปลกๆ อธิบายไม่ถูก ดีใจจริงๆ

ที่หัวหน้าทัวร์ (คุณปลา) เอาน้ำจิ้มสุกี้มาจากเมืองไทย ไม่

งั้นสุกี้มื้อนี้คงไม่อร่อย เรียกได้ว่าถ้าน้ำจิ้มไม่หมดขวดไม่

เลิกกินกันแน่ๆ






เที่ยงครึ่งรถออกเดินทาง

จากร้านอาหาร มุ่งหน้ากำแพงเมืองจีนด่านปาต้าหลิง จุดนี้

เราจะนั่งกระเช้าขึ้นไป ค่อยยังชั่วหน่อย ระยะทางไกล

จริงๆ ด้วย ไกด์ก็เล่าโน่นเล่านี่อีกตามเคย ลูกทัวร์หลับ

กันเกือบหมด แกก็ยังมีความมานะในการเล่า เราก็หลับๆ

ตื่นๆ ได้เกร็ดความรู้มาหน่อยนึงว่า 2 ลี้ = 1 ก.ม. / 1 ชั่ง

= ครึ่งกิโล จำได้แค่นี้แหละ



ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมง

ครึ่ง ถึงด่านประมาณเกือบสองโมง ลงจากรถมาอากาศ

หนาวจริงๆ ด้วย ใส่เสื้อกันหนาวซ้อนกัน 2 ตัวแน่ะ เรา

นั่งกระเช้ากันไปที่กำแพง หวาดเสียวอยู่เหมือนกันแถม

แล่นเร็วซะด้วย




ดีใจจัง ได้เหยียบกำแพงเมืองจีนแล้ว ไกลสุดลูกหูลูกตาเลยจริงๆ





เราเดินไปที่จุดชมวิว กว่าจะถึง

เหนื่อยเอาการอยู่เหมือนกัน ระหว่างที่เดินบนกำแพงเมือง

จีน มันจะมีตามซอกตามหลืบที่เราต้องเดินผ่าน ไม่อยาก

จะเชื่อเลยว่ามีคนกล้าฉี่ที่กำแพงฯ ด้วย เหม็นมากๆ ยังกะ

ส้วมแตก




เราอยู่ที่นี่ถึงประมาณ 15.45 ก็

ขึ้นรถกลับ มุ่งหน้าร้านขายบัวหิมะ (นอกโปรแกรมอีกแล้ว)

ในระหว่างนี้ไกด์เอาของกินเล่นเช่น มันเผา บ๊วยสด

เม็ดบัว พุทราเชื่อม เกาลัด เป็นห่อๆ มาให้ลองชิม

สุดท้ายก็บอกว่า เพื่อนให้ช่วยขาย ถ้าอร่อยก็ให้ช่วยเค้า

ซื้อหน่อย เราก็ว่าน่าสนใจแต่เขาบอกว่าต้องสั่งเป็นลัง

เช่นมันเผาลังละ 300 หยวน มี 50 ห่อ บ๊วยลังละ 300

หยวน มี 30 ห่อ เป็นต้น อืม.. ขอคิดดูก่อนละกันนะ

เพราะต้องเอาทั้งลังเลย



ถึงร้านขายบัวหิมะแล้วพวกเราก็เข้าไปนั่งฟังอย่างนั้นเอง

เค้าก็มีการสาธิตเอามือไปลูบเหล็กร้อนแล้วทาด้วยบัวหิมะ

เหลือเชื่อมั้ยล่ะ คนก็สนใจสิ แต่แหมกระปุกละตั้งหลาย

ตังค์ ถ้าจำไม่ผิด 2000 หรือ 2500 นี่แหละ ไม่รู้มีใครใน

กรุ๊ปตกเป็นเหยื่อสินค้าชนิดนี้กันบ้าง แต่รับรองได้ว่าไม่ใช่

เราแน่ ว่าแต่ ... ทำไมเราดูงกๆ ขนาดนี้เนี่ย

ส่วนตัวแลกเงินมาเที่ยวคราวนี้ ก็แลกมาแค่ 650 หยวน

(ประมาณ 3000 ทอน 30 บาท) แต่บุ๋มแลกมาหมึ่นนึง

บอกว่าเผื่อไว้ก่อน แลกมากก็ซื้อมาก แลกน้อยเงินหมด

ก็เลิก ขนาดไม่ซื้ออะไร เงินที่แลกมายังหมดเลย




รอกันไปรอกันมานานมาก

เพราะไกด์ไม่ได้บอกว่าให้มาเจอกันที่รถกี่โมง กว่าจะ

พร้อมออกจากที่นี่ได้ก็เกือบหกโมงเย็น ไปถึงร้านอาหาร

ประมาณ 18.30 น. มื้อนี้อาหารไม่ค่อยถูกปากซักเท่าไหร่

แล้วก็มีน้อยอย่างด้วย

1. ผัดกะเพราหมู+พริกหวาน 2. กุ้งเสียบ 3. ขาหมู

หวาน 4. ปลาราดพริกแปลกๆ 5. ไข่เจียว 6. ไก่น้ำ

ปลา ประมาณนี้ พี่ๆ ผู้ชายบางคนในกรุ๊ปทัวร์บอกว่า

ไม่อิ่มเสียด้วยซ้ำ




กินข้าวเสร็จไกด์บอกว่าจะให้

ไปชิมชา หลายคนบ่นว่าไม่เอาไม่ชิม โวยวายเรื่องอาหาร

ไม่พอกิน ไม่มีอารมณ์มาชิมชาหรอก ไกด์ก็หน้าจ๋อย

ไปเหมือนกัน สุดท้ายเราก็ไม่ต้องชิมชา และรถออก

จากร้านอาหารประมาณ 19.20 น. มุ่งหน้าตลาดหวังฟู่จิง




เรามีจุดนัดพบที่สี่แยกไฟแดง

ไกด์แนะนำว่าถ้าจะช้อปปิ้งเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า

แบรนด์เนม ให้ข้ามถนนตรงไป ถ้าอยากกินอาหารปิ้ง

ย่าง ให้ไปทางขวา แล้วกลับมาเจอกันอีกใน 1.30 ชั่วโมง

กลุ่มเรายังไม่อิ่ม คิดว่าจะหาของกินเล่นซักหน่อย มอง

ไกลๆ ดูแล้วตระการตาดี แต่พอเดินไปดูใกล้ๆ มันแปลก

เกินกว่าที่เราจะกินจริงๆ






















ดูท่าทางบุ๋มอยากกิน

หลายอย่าง แต่ไม่มีใครรับปากกว่าจะช่วยกิน เธอเลยตัด

ใจกินเนื้อแพะย่าง 1 ไม้ ลองชิมดู แต่เราว่ามันเหม็นไป

หน่อย ไม่เหมือนเนื้อแพะในสุกี้มองโกล เดินไปสุดถนน

ท่าทางจะไม่ได้เรื่อง เราเลยเดินกันไปที่ถนนเส้นที่เค้า

ช้อปปิ้งกัน ดูซิว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง



วันนี้อากาศหนาวกว่าปกติ เรา

ใส่เสื้อกันหนาว 2 ตัว ในขณะที่มีป้ายบอกอุณภูมิที่ 13

องศาเซลเซียสเท่านั้นเอง ไม่อยากนึกถ้ามาตอนมีหิมะ

จะหนาวขนาดไหน เราเดินไปเรื่อยๆ แต่ไม่ซื้อ มันคือ

คติพจน์ในการมาเที่ยวของเราหรือนี่ เรากลับมาเสียเงิน

ให้กับค่าเฟรนซ์ฟรายด์ที่แมคโดนัลในกรุงปักกิ่งนี่เอง

ราคา 8 หยวน เท่าที่เมืองไทยเลยทำใจได้




ถึงโรงแรมกันสี่ทุ่มกว่าๆ

อาบน้ำ สระผม นอนเกือบเที่ยงคืน สำหรับคืนนี้ถือว่าหลับ

สบายดีจริงๆ



(ยังมีต่อ... อีกหรือ)




 

Create Date : 09 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2550 22:57:19 น.
Counter : 729 Pageviews.  

<< ไปปักกิ่งกันมั้ยพวกเรา >> (2)

•เสาร์ 14 เมษา 50

ที่จริงเราตั้งนาฬิกาปลุก 6 โมง

เช้า แต่หม่าม้าตื่นเต้นหรือไงไม่รู้ โทรมาปลุกเราที่ห้อง

ตอน 05.40 (เวลาไทยคือ 04.40 น.) เช้านี้อาบน้ำแบบ

ไม่ฟอกสบู่ แล้วก็แต่งตัวลงมาทานอาหาร 7 โมงตามนัด

มันช่างเป็นอาหารเช้าที่ไม่ค่อยน่ารื่นรมย์ซักเท่าไหร่ ดีนะ

ที่บุ๋มเอากุนเชียงมาด้วย ก็เลยกินกับข้าวต้ม ถ้าขืนเป็น

แบบนี้ทุกวันแย่แน่เลย




หัวหน้าทัวร์นัดกรุ๊ปให้พร้อมกัน

ที่รถ 8 โมงเช้า เราจะไปจตุรัสเทียนอันเหมินเป็นที่แรก

โดยมีไกด์ชาวจีนชื่อ คุณไว เป็นผู้นำทาง

(กำหนดการวันนี้คือ จตุรัสเทียนอันเหมิน – พระราชวังกู้

กง – พระราชวังฤดูร้อน – กายกรรมปักกิ่ง)




พูดถึงคุณไว เค้าเล่าให้ฟังว่า

เพิ่งมาใช้ชื่อ ไว หรือ ไวยกรณ์ เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมานี้

เอง (ใครตั้งให้ก็ไม่ทันได้ถาม) เพราะแต่ก่อนชื่อ “เสียว

เป่า” ลูกทัวร์คนไทยชอบล้อ เค้าก็เลยเปลี่ยน (สงสัยพอ

จะรู้ความหมายอยู่บ้าง) คุณไว เป็นไกด์มา 2 ปีแล้ว ที่เค้า

สนใจพูดภาษาไทยเพราะว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย มีให้

เลือกภาษา พม่า ลาว เขมร เวียดนาม ไทย เค้าบอกว่า

เมืองไทยเจริญที่สุด เค้าจึงเลือกเรียนภาษาไทย คุณไว

เป็นคนจีนที่พูดไทยได้เร็วมาก ด้วยความที่พูดเร็วและไม่

ค่อยชัด ทำให้เราต้องแปลไทยเป็นไทยในสมองอีกสเต็ป

นึงด้วย



ฝ่ารถติดไปพอสมควร พอ

9.00 น. พี่คนขับก็นำรถมาจอดส่งกรุ๊ปทัวร์ลง พวกเราลง

เดินมุ่งหน้าไปจัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยมีไกด์ถือธง

ประเทศไทยนำขบวน




เดินมาถึงสี่แยก มองไปฝั่งตรง

ข้ามก็รู้ได้ทันทีว่าบริเวณนี้คือ จตุรัสเทียนอันเหมิน เราเป็น

คนแรกในกรุ๊ปที่ถ่ายรูป (ด้วยความตื่นเต้น) พอเราเริ่ม

ถ่ายคืนอื่นๆ ก็ควักกล้องออกมาถ่ายกันบ้าง เดินไปถ่าย

ไป แตกฝูงไปบ้าง ก็มันตื่นตาตื่นใจนี่นา ขนาดเห็นทหาร

ยังตื่นเต้นเลย มีทั้งอนุสาวรีย์วีรชน ศาลาประชาคม แต่

คนเยอะน่าดู ยังกะสนามหลวงบ้านเราแน่ะ











เราเดินตรงไปเรื่อยๆ สุดทางคือ

กำแพงที่มีรูปประธานเหมาเจ๋อตุงติดอยู่ เรานัดเจอกันที่

นั่น ใครเดินมาถึงก่อนก็แวะเข้าห้องน้ำ อากาศเย็นทำ

ให้ปวดฉี่บ่อย ที่นี่จะเป็นห้องน้ำสาธารณะที่แรกที่เราจะ

เข้า ห้องน้ำคนเยอะมากและเหม็นมากด้วย เรายอมอั้นไว้

ไปเข้าที่ร้านอาหารจะดีกว่า ทำอารมณ์ไม่ได้จริงๆ แต่

พวกคนสูงอายุเค้าอั้นไม่ได้อย่างเราจึงจำเป็นต้องเข้า

ระหว่างรอหมู่มวล ก็ควักยาดมมาดมไปพลาง นี่ขนาดได้

กลิ่นอย่างเดียวนะ ...




10.30 น. ทุกคนพร้อมเราพา

กันเดินฝ่านซุ้มประตูใต้รูปประธานเหมา เดินทะลุเข้าไป

ใน “พระราชวังกู้กง” ได้ยินมาว่าค่าเข้าชมประมาณ 50

หยวน ด้านในดูแล้วก็เหมือนเคยเห็นในหนังจีนนั่นแหละ

ระหว่างทางไกด์ก็จะเล่าประวัติศาสตร์ของพระราชวังนี้ไป

ด้วย (แต่เราไม่ได้บันทึกรายละเอียดไว้หรอกนะ เพราะ

หาอ่านเอาในบล็อกของเพื่อนๆ คนอื่นได้)



ได้ยินมาว่าที่นี่กำลังซ่อมแซม

เพื่อต้อนรับกีฬาโอลิมปิค 2008 น่าเสียดายความงดงาม

บางส่วน (หลายส่วนเลยแหละ) เวลาถ่ายรูปก็ถ่ายได้สวย

ไม่เต็มที่ แถมคนเยอะอีกต่างหาก แต่ก็ได้บรรยากาศไป

อีกแบบ เราคิดปลอบใจตัวเองไปงั้นแหละ เราเดินภายใน

พระราชวังนี้ผ่านหลายตำหนักด้วยกัน แต่ละจุดก็มีเรื่อง

เล่า เราถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ตามทาง จนเดินออกมาทาง

สวนหินประมาณ เที่ยงตรงพอดี แวะเข้าห้องน้ำกันอีก

ครั้ง แต่เรายังยืนยันว่าไม่นะ เราจะเก็บฉี่อันมีค่าของเรา

เอาไว้ ยังจำกลิ่นเหม็นแรกได้อยู่เลย...













เที่ยวทัวร์ปักกิ่ง เดินหน้าแล้ว

ไม่ถอยหลัง ก็ไกลซะขนาดนั้น แค่นี้ก็เมื่อยจะแย่แล้ว

กรุ๊ปเราเดินออกมาจากประตูอีกด้านหนึ่ง เพื่อรอรถมารับ

วันนี้รถติดมาก ยืนชะเง้อเป็นกะเหรี่ยงคอยาวกันเลยที

เดียว จุดที่รอรถนี้มีลูกทัวร์ของหลายบริษัทมายืนรอเช่น

กัน ยังดีที่มินิมาร์ทให้เดินดูของบ้าง ตอนกลางวันแดด

ออกก็จริงแต่อากาศยังดีอยู่เลย แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มีกลิ่น

บุหรี่ คนจีนสูบบุหรี่กันจัดมาก สูบได้ทุกที่เสียด้วยสิ




12.54 น. และแล้วพวกเราก็ได้

ขึ้นรถซักที ประมาณ 20 นาทีเราก็มาถึงร้านอาหาร มี...

1.ปลานึ่งซีอิ๊ว 2.เห็ดหูหนูเผ็ดๆ 3.ซุปจืดๆ

4.ผัดผักจืดๆ 5.ผัดผักหลายสี 6.ผัดเผ็ดเต้าหู้

7.ไข่เจียว ประมาณนี้แหละ สรุปว่าอาหารมื้อนี้ไม่ค่อย

โดนเท่าไหร่

ในตารางที่บริษัททัวร์ส่งมาให้ก่อนเดินทาง บอกว่ามื้อนี้จะ

ได้กินเกี๊ยวปักกิ่ง หน้าตามันเป็นยังไงน้อ?ส่วนคุณไวก็โดน

บ่นไปตามระเบียบ


เกือบ 3 โมงเรามาถึงพระราชวัง

ฤดูร้อน อวี้เหอหยวน ไม่มีอะไรจำทำที่ดีไปกว่าถ่ายรูป

ทะเลสาบคุณหมิงสวยจริงๆ หลายคนที่มาตอนฤดูหนาว

ของที่นี่บอกว่าน้ำในทะเลเป็นน้ำแข็งเลยทีเดียว ใน

ทะเลสาบมีเรือถีบแบบเขาดินบ้านเราด้วย คิดว่าถ้าได้ดู

พระอาทิตย์ตกที่ทะเลสาบแห่งนี้คงดีไม่น้อย เราเดินที่นี่

แค่รอบๆ เท่านั้น ไม่ได้เจาะลึกซักเท่าไหร่ เพราะคนเยอะ

เหลือเกิน เรียกว่าไม่ได้มีเวลาดื่มดำความงดงามพร้อม

ถ่ายรูปมากมายนัก รูปที่ถ่ายมาในทริปนี้ก็ถ่ายแบบรีบๆ

ตลอดเลย หาสวยจริงๆ ยากเหลือเกิน
















ระหว่างที่เราเดินออกจาก

พระราชวังฤดูร้อนเพื่อมาขึ้นรถ มีจักรยานขายมันเผาเยอะ

มาก กลิ่นมันเผาหอมเตะจมูกสุดๆ ไม่กินไม่ได้แล้ว แต่

ละคนก็แย่งกันขาย เค้าตะโกน 5 หยวน แต่ป๊าต่อมาได้

ชิ้นละ 2 หยวน (บางคนบอกว่ายังแพงอยู่)






พอซื้อเสร็จเท่านั้นแหละ แก๊ง

จักรยานขายมันเผาก็แตกกระเจิง ก็ตำรวจมาไล่น่ะสิ ฮาดี

เหมือนกันนอกจากมันเผาแล้ว ริมถนนก็มีขายสับปะรด

เสียบไม้ โรตี-ไส้กรอก ด้วย








ขึ้นรถมาอีกทีตอน 16.45 น.

ไกด์บอกว่าเราไม่ได้ดูกายกรรมวันนี้ เปลี่ยนไปดูพรุ่งนี้

แทน เพราะจองตั๋วไม่ได้ แต่เห็นว่าเดินมาทั้งวันแล้วคงจะ

เมื่อย เดี๋ยวจะพาไป “สถาบันวิจัยสมุนไพรการแพทย์” ที่

นั่นมีนวดเท้าให้ฟรี ถ้าใครไม่ชอบนวดเอาเท้าแช่ไว้ในน้ำ

อุ่นเฉยๆ ก็ได้ คุณไวบอกว่านวดฟรี แต่ถ้าจะให้ทิปคนนวด

ซัก 5 หยวน 10 หยวนก็ตามใจ แปลว่าต้องให้อะดิเนี่ย


ก่อนจะนวดมีผู้มีความรู้มา

อธิบายเรื่องการค้นคว้าวิจัยสมุนไพร (เป็นภาษาไทย) มี

การแจกชีทไปพร้อมกับบรรยายว่ายาตัวไหนแก้อาการ

อะไร ถ้าของฟรีก็ดีทั้งนั้นสงสัยว่านี่เรากำลังเข้าสู่วงจร

ขายของตามคำเล่าลือซะแล้ว อธิบายจบเค้าจะให้เจ้า

หน้าที่เอาน้ำมาให้เราแช่เท้าแล้วทำการนวด พร้อมกับมี

หมอแมะ (หลายคน) มาจับชีพจรตรวจอาการทีละคน ไล่

จนมาถึงเรา หมอบอกว่าเรามีปัญหาเรื่องมดลูกแล้วก็อาจ

มีก้อนเนื้อเล็กๆ ที่หน้าอก ฮ่าฮ่า สงสัยหมอจะบอกเป็นนัย

ว่าเราอกเล็กดูเหมือนก้อนเนื้อเล็กๆ มาแปะไว้ที่หน้าอกรึ

เปล่า พูดไปพูดมาจนเกือบจะหลงคารมหมอ พอดีบุ๋ม

เตือนสติว่า ค่ายา 2500 บาท เอาเงินนี้ไปตรวจสุขภาพ

ประจำปีไม่ดีกว่าหรอ ถ้าเป็นอะไรก็รักษาที่บ้านเกิดของ

เรา ไม่งั้นต้องบินมารักษาที่นี่นะเฟ้ย สรุปว่ารอดตัวไป



พอหมอรู้ตัวว่าขายยาไม่ได้

มากไปกว่านี้แล้วเค้าก็ออกจากห้องไปทันที โดยทีมหมอ

นวดก็เลิกนวดทันใด ตอนนั้นขาข้างขวาของเรายังนวดไป

ได้แป๊บเดียวเอง เราเลยต้องรีบควักแบงค์ให้ไป 10

หยวน ตลาดวายในพริบตา เราเสียเวลาอยู่ที่นี่ถึง

ประมาณ 18.30 น. ก็มุ่งหน้าไปร้านอาหารในเวลาไม่ถึง

ครึ่งชั่วโมง



วันนี้อาหารมีหลายอย่างนับได้ดังนี้

1.กุ้งมังกร (แบ่งๆ กันกิน) 2.ผัดป๋วยเล๊ง 3.ปลาราดพริก

4.ไส้หมูน้ำแดง 5.ผัดไก่+พริกหยวก 6.ผักเห็ดหูหนู+

หมู+แครอท 7.ซุปหอยตลับ 8.ข้าวต้มปู

9.ข้าวผัดปู 10.ไข่เจียว และผลไม้รวม ผลไม้ที่นี่อย่า

ไปคาดหวังเลย มีแอ๊ปเปิ้ลฝานชิ้นบางๆ แตงโมจืดๆ

ประมาณนี้



ออกจากร้านกันประมาณ

สองทุ่ม ถึงที่พักภายในครึ่งชั่วโมง ดีจริงๆ เพราะเพลีย

เหลือเกิน แต่กว่าจะอาบน้ำนอนก็โน่น สี่ทุ่มครึ่งเข้าไป

แล้ว


(ยังมีต่อ)




 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2550    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2550 22:39:02 น.
Counter : 459 Pageviews.  

1  2  3  4  5  
 
 

อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




fatginger group หรือกลุ่มขิงอ้วน มีสมาชิกเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ใช้(ไปซื้อโจ๊ก)ได้จำนวน 8 คนถ้วน คือ.. ขิงฝ่อ ขิงเหี่ยว ขิงเต่ง ขิงเป่ง ขิงนอ ขิงบาง ขิงบวม และขิงอ๊วนอ้วน
** อัพเดทข้อมูล ตอนนี้ ขิงเต่งกับขิงเป่ง มีฉายาเพิ่มมาอีกคือ หมั่นโถว กับ ซาลาเปา **

และที่สำคัญเรามีลูกขิง 3 คน มีข่า 3 แง่ง (ข่านอก 1 แง่ง) รวมตัวกันทีไรสนุกทุกที
[Add อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com