ขำกันให้ได้ทุกที่ มีความสุขให้ได้ทุกวัน
 
หลวงพระบาง..เรื่องเล่าเต่าล้านปี ตอน 3 (เหมือนได้เกิดใหม่)

อาทิตย์ 29 มกราคม 2549

เช้าที่อากาศสดใส แต่สภาพที่

พักซอมซ่อ ยังไงฉันก็ต้องอาบน้ำ ไม่ไหวแล้ว ส่วนบุ๋ม

เป็นคนที่ตื่นมาต้องปลดทุกข์เห็นห้องส้วมแล้วแทบอ้วก

เหมือนกัน แต่ก็หลับหูหลับตาเข้าไป จำไม่ได้ว่าปลด

ทุกข์ได้สำเร็จหรือเปล่า จากนั้นรีบออกหาที่พักใหม่ทันที


เช้านี้เราไปได้ เรือนพัก

“หัวเซียง” เป็นเรือน 2 ชั้น อยู่ในซอยหลังไปรษณีย์ ใกล้

แม่น้ำโขง ใกล้ตลาด จากถนนสายหลัก (หน้าไปรษณีย์)

มีร้าน คาเฟ่ ชื่อ โจมา (Joma) เดินเข้าซอยไปอยู่ด้าน ขวา

มือ (เกือบสุดซอย - ซอยนี้ทะลุแม่น้ำโขง) ราคา 10-

12 $ มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่น มีแอร์ พัดลม สบู่อาบน้ำ ผ้า

เช็ดตัว พักได้ 2-3 คน อยู่ที่ต่อรองและสามารถขอดูห้อง

ก่อนได้ น้องเจ้าหน้าที่พูดไทย – อังกฤษได้ ชื่อ มีมี่

โทร. (856-71) 212 703, 020 5 570 703 ฉันและบุ๋ม

หน่วยกล้าตาย เข้าไปขอดูห้อง เห็นแล้วก็ถูกใจนะราคาก็

ไม่แพง ห้องละ 10 เหรียญ พักสองห้อง 800 บาท นี่คือ

สวรรค์สำหรับเราเลยทีเดียว จากนั้นก็นั่งรถกลับไปรับ

หม่าม้า ป๋ออี่ และเปา ที่จริงไม่ไกลจากที่พักเมื่อคืนเลย

นะ แต่ยังงงกับเส้นทางอยู่เลยต้องเสียเงินค่ารถ (อีก

แล้ว) พอมาถึงเปาบอกว่าเหมือนได้เกิดใหม่ คิดดูว่า ห้อง

น้ำรวมของที่หัวเซียง ยังสะอาดกว่าห้องนอนที่เรานอนเมื่อ

คืนนี้อีก


หลังจากเอาของเข้าที่พักแล้ว

ก็ไปเดินเล่นที่ตลาดเช้ากัน ระหว่างทางก็ตื่นเต้นกับการ

ที่พูดแล้วมีควันออกจากปาก






ว่ากันว่ามาที่นี่ต้องแวะร้าน

ประซานิยม เดินไปเดินมา คิดว่าร้านนี้แหละใช่เลย




อยู่แถวตลาด ใกล้ที่พักเลย

ออกจากที่พักเลี้ยวขวา เดินไปเจอ 3 แยก เลี้ยวขวาอีกที

(แม่น้ำโขงจะอยู่ซ้ายมือ) ร้านจะอยู่หัวโค้งขวามือ




สั่งกาแฟกันมาคนละแก้ว

ปาท่องโก๋ตัวโตๆ อีกคนละ 2 ตัว แถมบาเก็ตอีก 1 อัน ไส้

หมูหยองหมูยอแล้วก็ทาครีมอะไรไม่รู้ เหมือนจะอร่อย แต่

กินแล้วไม่ปลื้มเท่าไหร่ อันละ 20 บาท




เสร็จจากอาหารเช้าแล้ว เรา

เดินกลับมาที่พัก เพื่อขึ้นรถตู้ที่เราเช่าไปเที่ยวถ้ำติ่ง เช่ารถ

ประมาณพันห้า นั่งรถไปประมาณ 30 นาที แล้วนั่งเรือข้าม

แม่น้ำโขงไปถ้ำติ่ง ค่าเรือคนละ 8,000 กีบ ระหว่างข้าม

แม่น้ำ มองไปบนยอดเขา หมอกยังคงลงหนาอยู่เลย

อากาศดีจริงๆ




ที่นี่เราเสียค่าเข้าชมคนละ

10,000 กีบ หลังจากไหว้พระแล้วเปาก็เสี่ยงเซียมซี บุ๋ม

บอกว่าเป็นภาษาลาว จะแปลออกมั้ยเนี่ย ก็เลยต้องพึ่ง

ชาวลาวแถวๆ นั้นอ่านให้ฟัง สรุปใจความว่าไงก็จำไม่ได้

ซะแล้วสิ




มาที่นี่ ไหว้พระแล้วก็เดินขึ้น

บันไดไปไหว้พระในถ้ำอีก เสียค่าเช่าไฟฉาย 1 กระบอก

20 บาท ผ่านบันไดทั้งหมด 252 ขั้น เหนื่อยเหมือนกันนะ

เนี่ย บุ๋มอุตส่าห์นับเพื่อให้ได้ตัวเลขให้หม่าม้าไปเล่นหวย

เอ๊ย..ซื้อล็อตเตอรี่ ทริปนี้อะไรที่เป็นตัวเลขขอให้บอก ไม่

ว่าจะเป็นไฟล์ที่บิน เลขที่นั่ง ขั้นบันได ฯลฯ หม่าม้าจำได้

แม่น


ผ่านไปครึ่งวันแล้ว จวนได้

เวลาอาหารกลางวัน ให้น้องอ้ายคนขับรถพาไปทาน

ร้านอร่อยๆ แล้วก็อร่อยจริงๆ ด้วย ชื่อร้านอาหาร “ปาก

ห้วยมีไช” ที่จริงเดินทะลุจากที่พักบ้านหัวเซียงไปยัง

ได้ น้องอ้ายบอกว่าเป็นร้านอาหารที่ขึ้นชื่อ ราคาไม่แพง

ด้วย ไส้อั่วอร่อยมาก สั่งอาหารไป 5 อย่าง +ข้าว+น้ำ

แค่ 163,000 กีบเอง ร้านนี้เค้าเอา 260 หาร จ่ายไป 630

บาท ทานกัน 6 คน บอกเบอร์โทรไว้หน่อย เผื่อจะไปอีก

จะได้ไม่ลืม (071) 212260 , (020) 5511496


ท้องอิ่มแล้วก็ไปเที่ยวต่อที่น้ำ

ตกกวงสี เสียค่าเช้าชมอีกคนละ 15,000 กีบเดินขึ้นไป

เรื่อยๆ ทางไม่ลำบากเท่าไหร่ แวะถ่ายรูปตามทางไป

เรื่อยๆ น้ำตกที่นี่เค้าใสจริงๆ สีสวยด้วย เคี้ยวเขียว ขึ้นไป

เรื่อยๆ ก็เห็นน้ำตกเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้หรอกว่า มันยังไม่ถึง

ยอดที่เค้าเรียกว่าน้ำตกกวงสีเลย คิดเอาว่ามันถึงแล้ว ก็

ขนาดยังไม่ถึงของแท้ยังสวยเลย ว่าจะกลับกันแล้ว พอดี

เจอน้องคนไทย ชื่อน้องยา เราเจอกันที่สนามบิน

เวียงจันทน์ เค้าไปรอบบ่ายโมง น้องยาบอกว่าพวกเรายัง

ไปไม่ถึงนะ ต้องขึ้นไปอีก เอาวะ อีกอึดใจเดียว


(ตรงนี้) นึกว่าใช่ แต่ไม่ใช่



ระหว่างทางจะมีฝรั่งลงเล่นน้ำกันน่าสนุก (ทั้งๆ ที่อากาศเย็นมากๆ)
เมื่อมีคนลงเล่นน้ำ ที่นี่เค้าก็ได้จัดห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเอาไว้ให้ด้วย


.
.
.
.



อีกอึดใจเดียวเท่านั้น


ถึงแล้ว อันนี้สิใช่


เห็นแล้วก็หายเหนื่อย แถม

อากาศดีอีกต่างหาก ที่จริงยังขึ้นไปได้อีกนะ แต่พวกเรา

ชื่นชมน้ำตกกันแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว ถ่ายรูปกันพอหอม

ปากหอมคอก็คิดว่าควรกลับไปดูพระอาทิตย์ตกที่พระธาตุ

พูสีได้แล้ว ระหว่างทางเดินลงเขา แวะซื้อมะพร้าวอ่อน

ลูกใหญ่มากราคา 3,000 กีบ น้ำจืดสนิท



รถมาส่งเราที่ที่พัก จ่ายค่าเช่า

ไป 1,500 แถมติ๊บให้น้องไปอีก 100 บาท แล้วเราก็เดิน

เท้าไปพระธาตุ ที่จริงมันก็ไม่ได้ไกลจากที่พักซักเท่าไหร่

แต่เราต้องเดินแข่งกับพระอาทิตย์ แถมน้องคนขับรถดัน

บอกว่าป่านนี้พระธาตุปิดแล้วซะอีก (รู้งี้ไม่น่าติ๊บ) ถามอีก

คนบอกว่ายังไม่ปิด ข้อมูลไม่ได้ตรงกันเล้ยย ก็ต้องเสี่ยง

เอา ไหนๆ มาแล้วนี่


พอถึงตีนพระธาตุแล้ว ป๋ออี่กับ

หม่าม้าซุปซิปกันแล้วหันมาบอกพวกเราว่าขึ้นไม่ไหว ขอ

รออยู่ข้างล่างก็แล้วกัน ก็น่าจะไม่ไหวหรอกนะ เงยหน้า

ขึ้นไปมีแต่ขั้นบันไดสุดลูกหูลูกตาก็ 300 กว่าขั้น เราเสีย

ค่าเข้าชมอีกคนละ 10,000 กีบ เดินไปพักไป กว่าจะถึง

จุดชมวิว เหนื่อยแทบขาดใจ สภาพโทรมสุดๆ อาบเหงื่อ

ต่างน้ำในขณะที่อากาศเย็น คิดดูก็แล้วกันว่า ขนาดยังไม่

แก่ยังเหนื่อยขนาดนี้ ถ้าหม่าม้าขึ้นมาสงสัยกว่าไม่ได้ดู

พระอาทิตย์ตกหรอก เดินมารอพระอาทิตย์ขึ้นซะ

มากกว่า (ทำทานไป 2000 กีบด้วยแหละ)


บนนี้มีช่างภาพเยอะแยะเลย พระอาทิตย์ก็ตกเร็วมากด้วย



ก่อนลงไปข้างล่าง แวะ

นมัสการพระธาตุ พร้อมกับตีระฆังกันซะหน่อย พอหาย

เหนื่อยก็ลงมาเจอป๋ออี่กับหม่าม้า แล้วเราก็เดินเล่นกันริม

ถนนหน้าพระธาตุ ซึ่งเป็นถนนคนเดิน มีของพื้นเมืองเยอะ

แยะเลย คล้ายๆ ถนนข้าวสาร แต่ที่นี่คงเป็นถนนข้าว

เหนียว บรรยากาศตระการตากว่า กทม.มากนัก




เดินไปเรื่อยๆ ก็มีร้านอาหาร

สไตล์เก๋ๆ อาร์ทๆ เยอะเลย แต่คงแพง อิอิ ตั้งใจว่าจะ

กิน “ร้านตำหนักลาว” แต่เขาหยุดตรุษจีน มองไปมองมา

เห็นร้านนึงอยู่ริมน้ำ เอาวะ ร้านนี้แหละ ชื่อร้าน “แคม

คาน” สั่งเบียร์ลาวมา 1 แก้ว กะจะลองชิมกันดู แต่เขา

เอามาให้ 1 ขวด ที่แท้ภาษาลาว “แก้ว” ก็คือ “ขวด” ใน

ภาษาไทยนั่นเอง เราสั่งอาหารที่คิดว่าน่าจะอร่อย แต่กลับ

ไม่ค่อยถูกปากซักเท่าไหร่


แต่ก็หมดไป 134,000 กีบ ขากลับว่าจะไปเธคคนลาว

ซะหน่อย ที่ถามเค้ามาบอกว่าชื่อ “เธค เหมืองซัว” ลือกัน

ว่า วัยรุ่นลาวเต้นกันน่ารัก แบบว่าเต้นท่าเดียวกันทั้งร้าน ก็

เลยเรียกรถให้เค้าไปส่งที่สถานบันเทิง แต่ปรากฏว่าร้าน

ยังไม่เปิด ไอ้ครั้นจะให้เตร่ดเตร่รอเวลาก็คงจะน่าเบื่อเกิน

ไป ไหนๆ วันนี้ก็เดินกันเมื่อยแล้ว ไปนวดฝ่าเท้ากันดีกว่า

เอ้ บุ๋ม หม่าม้า ไปนวด ส่วนป๋ออี่และเปา ไปเดินดูของกัน

อีกนิดหน่อย ขากลับได้รองเท้าแตะมาคนละ 1 คู่ ทุกคน

เสร็จภารกิจก็รีบอาบน้ำนอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า (ตื่นเต้นที่จะได้ตักบาตรข้าวเหนียวด้วยแหละ)



(อ่านต่อตอนที่ 4


Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2550 16:31:46 น. 0 comments
Counter : 342 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 
 

อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




fatginger group หรือกลุ่มขิงอ้วน มีสมาชิกเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาโดยเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ใช้(ไปซื้อโจ๊ก)ได้จำนวน 8 คนถ้วน คือ.. ขิงฝ่อ ขิงเหี่ยว ขิงเต่ง ขิงเป่ง ขิงนอ ขิงบาง ขิงบวม และขิงอ๊วนอ้วน
** อัพเดทข้อมูล ตอนนี้ ขิงเต่งกับขิงเป่ง มีฉายาเพิ่มมาอีกคือ หมั่นโถว กับ ซาลาเปา **

และที่สำคัญเรามีลูกขิง 3 คน มีข่า 3 แง่ง (ข่านอก 1 แง่ง) รวมตัวกันทีไรสนุกทุกที
[Add อ้วนล่ำดำสิวหิวตลอด's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com