bloggang.com mainmenu search


Title : Princess Ja-Myung Go
Episodes: 39
Director: Lee Myung-Woo
Writer: Jeong Seong-Hee
Broadcast : SBS March 9- July 21. 2009




Princess Ja Myung Go หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'จามอง ยอดหญิงผู้พิทักษ์แผ่นดิน' แม้เป็นละครพีเรียดที่เรตติ้งไม่สูงนัก แต่ก็ทำให้รู้สึกประทับใจในเรื่องราวความรัก-ความฝัน-อันขมขื่น ที่สุดท้ายก็จบแบบที่มันควรจะเป็นคือโนแฮปปี้เอนดิ้ง มีแต่เวรี่โซแซดเท่านั้น



องค์หญิงจามอง รับบทโดย จองรยอวอน (Jung Ryeo-Won) แต่บางสำนักก็เรียกเป็น "จางเรียววอน" ตัวผู้เขียนเองก็จดจำเธอในชื่อนี้ เธอเป็นอีกหนึ่งนางฟ้าเกาหลีในดวงใจตั้งแต่สมัยรับบทนางรองในซีรีย์คิมซัมซุน เธอทำให้ดูเรื่องนี้ไม่จบ เพราะถ้าชอบนางรองมากกว่านางเอกแล้วจะดูละครสนุกได้อย่างไร และเธอคือคนที่ทำให้ตั้งตารอคอย เมื่อช่อง ๓ เตรียมจะนำจามองมาออกอากาศตอนเย็นเสาร์อาทิตย์เริ่มต้นช่วงปลาย ธันวาคม ๒๕๕๒

แต่น่าเสียดายละครไม่น่าเปิดเรื่องจากตอนไคลแมกซ์สำคัญ ส่วนตัวคิดว่ามันขับไล่ความตื่นเต้น ความสนใจให้เหือดหายไปซะหมด ดูละครออกอากาศวันแรกก็พอจะเห็นแนว 'เศร้าแน่นอน' และเมื่อได้อ่านเรื่องย่อยิ่งตอกย้ำ คงเพราะสร้างจากตำนานเล่าขานแต่โบราณของเกาหลีที่คนเกาหลีคงรู้เรื่องกันดีอยู่แล้วจึงเปิดเรื่องออกมาแบบนั้น (แต่ฉันไม่อยากรู้ T_T) อาจเป็นเพราะมันคือตำนานนี่แหละ เรื่องย่อตามเน็ตที่พบเจอจึงบอกเล่าจุดจบอย่างชัดเจน เคลียร์กันหมดเปลือกว่าจบอย่างไร สรุปได้เลยว่าไม่เศร้าธรรมดา แต่เป็นระดับโศกาขั้นโศกนาฏกรรม



หลังจากเขียน Smile You เป็นมหากาพย์ความยาวมาก่อนหน้า ก็ชักเริ่มหวั่นใจกับการจะเขียนบล็อกซีรีย์เกาหลี เพราะอินเว่อร์ให้ได้ยาวและแตะประเด็นสปอยล์ตลอด! ถ้าใครเกลียดการสปอยล์ เข้าบล็อกชื่อ prysang เมื่อไหร่ ข้าน้อยขอเตือนไว้เลยนะคะ เพราะหากจะว่ากันถึงความดราม่าล่ะก็ ขอยกให้เกาหลีชนะเลิศเสมอ (แรงเงาก็แรงเงาเถอะ) แต่ถึงจามองจะเป็นซีรีย์เศร้าโศก ในเรื่องราวก็ยังเต็มไปด้วยความสนุกชวนติดตามและลุ้นมันส์ จึงตัดใจไม่ลง เขียนเถอะ เพราะท่าทางจะเขียนแล้วสนุกดี เลยจัดไป ตามนี้



กองทัพจากแคว้นโกคูรยอ ยกกองทัพใหญ่เตรียมบุกขยี้เพื่อเข้ายึดครองแคว้นนังนัง แต่ติดปัญหาอยู่ ณ ชายแดน คือเหล่าทหารของพระราชามูยุลต่างพากันไร้ขวัญกำลังใจจะสู้รบเพราะพากันหวาดกลัว 'กลองจามอง' กลองขนาดยักษ์ที่เล่าลือว่าเป็นกลองศักดิ์สิทธิ์ประจำแคว้นนังนัง เมื่อศัตรูเข้ามารุกรานกลองจะสามารถส่งเสียงดังเองได้ ดังก้องกังวานไปไกลกว่า ๘๐๐ ลี้ เพื่อเตือนภัยปวงประชา และบันดาลชักพาให้ศัตรูต้องพบกับความพินาศ



ทหารโกคูรยอพากันเชื่อว่าแคว้นนังนังเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เทพเจ้าทันกุนได้ประทานหนังวัววิเศษมาให้เพื่อสร้างกลองจามองไว้ปกปักรักษาดินแดน การดึงดันจะบุกเข้ายึดครองนังนังอาจทำให้โกคูรยอต้องประสบเภทภัยใหญ่หลวง ตรงข้ามกับทหารแคว้นนังนังที่ขวัญกำลังใจแข็งกล้าด้วยศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ของกลองจามอง



แต่แล้วสถานการณ์ก็พลิกผัน เมื่อลาฮี องค์หญิงรัชทายาทแห่งแคว้นนังนังได้ทรยศต่อบ้านเมืองด้วยการทำลายกลองจามอง เพื่อช่วยเหลือองค์ชายโฮดงแห่งแคว้นโกคูรยอได้เข้ายึดครองนังนังเป็นผลสำเร็จ ให้องค์ชายโฮดงได้ถวายแคว้นนังนังแด่พระราชาแทมูชิน-มูยุล เสด็จพ่อขององค์ชาย การยึดครองแคว้นนังนังถือเป็นเดิมพันสุดท้ายที่พระราชามูยุลจะใช้เป็นข้อต่อรองกับ ๕ ชนเผ่าในการรับรองให้องค์ชายโฮดงได้ขึ้นเป็นองค์ชายรัชทายาทสืบต่อบัลลังก์



เพราะองค์ชายโฮดงเกิดจากสนมยอน พระสนมจากเผ่าพูยอ เผ่าศัตรูที่ถูกกวาดล้างไปในอดีต องค์ชายจึงไร้ซึ่งอำนาจการเมืองใดจะช่วยเหลือสนับสนุนในการแย่งชิงอำนาจภายในราชวงศ์ ต่างจากพระอนุชา "องค์ชายแฮวู" ที่ถือกำเนิดจากพระมเหสีเอก"ซงแมซอลซู" ซึ่งเป็นธิดาจากชนเผ่าพีรู-เผ่าใหญ่ทรงอำนาจแข็งแกร่งที่สุดในบรรดา ๕ ชนเผ่าที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นโกคูรยอ "ซงอ๊กกู" หัวหน้าเผ่าพีรูและพระมเหสีเอกต่างกำลังเฝ้ารอวันฝังกลบองค์ชายโฮดงเพื่อให้องค์ชายแฮวูได้เป็นรัชทายาท หากองค์ชายโฮดงยึดครองแคว้นนังนังไม่ได้ นอกจากจะหมดหนทางเป็นรัชทายาทยังต้องมีชะตากรรมดังพระราชามูยุลเคยตรัสไว้

“เกิดเป็นองค์ชาย ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์ไม่ได้ เจ้าก็ต้องตาย”




การเป็นรัชทายาท คือทางเดียวเท่านั้นที่องค์ชายโฮดงต้องต่อสู้กับโชคชะตาตั้งแต่ยังเล็กจวบจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่ม โชคชะตาที่เกี่ยวพันกับองค์หญิงสององค์แห่งนังนัง

หนึ่งคือรักลวงที่หลอกใช้ อีกหนึ่งคือรักแท้นิรันดร

เพื่อองค์ชายโฮดง องค์หญิงลาฮีต้องทำลายกลองจามอง

เพื่อแผ่นดินนังนัง องค์หญิงจามองต้องสังหารองค์ชายโฮดง

องค์หญิงจามองเข้าต่อสู้กับองค์หญิงลาฮีเพื่อขัดขวางการทำลายกลองจามอง
แต่ก็ไม่อาจปกป้องกลองเอาไว้ได้ทั้งยังถูกอาวุธอาบยาพิษตกอยู่ในอาการเป็นตายเท่ากัน

องค์หญิงจามอง ที่ประชาชนไม่เคยรับรู้การมีตัวตนอยู่ พยายามจะปกป้องบ้านเมืองด้วยชีวิต

องค์หญิงลาฮี องค์หญิงรัชทายาทหนึ่งเดียวของนังนัง เป็นที่รักบูชาของประชาชน แต่กลับทรยศบ้านเมืองของตนเอง

แม้จะมีเหตุผล 'เพื่อนังนัง' เป็นข้อกล่าวอ้าง แต่ผลของมันก็ไม่ต่างอะไรกับการยอมยกแผ่นดินให้แคว้นอื่น พร้อมกับหัวพระบิดาที่ถูกประหารชีวิต



สมควรแล้ว ที่ถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์จนตายไปอย่างน่าอนาถ
สิ้นคนศรัทธากราบไหว้ ร่างถูกฝังกลบลงหลุมดินอย่างศพไร้ญาติ

"ก่อนที่เจ้าจะทำลายนางไป นางยังเป็นองค์หญิงของพวกข้า แต่วินาทีที่ลาฮียอมละทิ้งนังนังเพื่อเจ้า เราก็ละทิ้งนางเช่นกัน"

ท่านแม่ทัพใหญ่วังโฮของนังนังได้กล่าวต่อองค์ชายโฮดง ต่อหน้าหลุมศพอนาถาขององค์หญิงลาฮี

เปิดเรื่องมาตอนแรกก็ไม่แฮปปี้แล้ว

องค์หญิงที่ทรยศบ้านเมืองเพื่อผู้ชายจนถูกประชาชนรุมประชาทัณฑ์ ?

องค์ชายที่หลอกใช้ความรักขององค์หญิงเพื่อผลประโยชน์ของตน?

เอ่อม .. นี่มันสุดจะอัปยศน่าอดสู ไร้เกียรติ สิ้นศักดิ์ศรี เสื่อมที่สุด!




องค์หญิงอีกองค์ (จามอง) แม้หนทางเลือกแตกต่าง แต่เหตุใดองค์หญิงดีๆ ต้องไปรักองค์ชายเสื่อมๆ คนเดียวกันกับพี่สาวด้วยเล่า หรือจะเข้าข่ายรักสามเส้าเราสามองค์ ระหว่าง หนึ่งองค์ชายร้าย หนึ่งองค์หญิงเลว กับหนึ่งองค์หญิงแสนดี

ถ้ามันจะรันทดขนาดนั้น คำถามคือ จะทนดูซีรีย์ชวนอารมณ์ห่อเหี่ยวเรื่องนี้ไปตั้ง 39 ตอน เพื่อ ? งานนี้พลังของนางเอกในดวงใจอย่าง จางเรียววอนก็เอาไม่อยู่ เลิกเถอะ ไม่ไหวจะระทมทุกข์



แต่คราวนี้กลับมาดูอีกครั้ง เพราะ "จองคยองโฮ" ผู้รับบทองค์ชายโฮดง ติดอกติดใจมาจาก Smile You จนอยากกลับไปดูซ้ำแล้วซ้ำอีก "ปาร์คมินยอง" ผู้รับบทองค์หญิงลาฮี ก็สวยเหลือเกินกับการเป็นนางเอก Time Slip Dr.Jin ( จิน หมอทะลุศตวรรษเวอร์ชั่นเกาหลี) สาวเรียววอนเลยได้อีกสองแรงช่วยผลักดัน มี ๑ พระเอกหล่อ กับ ๒ นางเอกสวยถูกใจ ดูไปดูมาก็ดูติดหนึบ ดูในเน็ตเป็นพากษ์ไทยตามเสียงพากษ์ช่อง ๓ ไปประมาณ ๒๒ ตอน ถึงกับทนต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่เพราะช่อง ๓ พากษ์ไม่ดี แต่แค่อยากได้ยินเสียงทุ้มใหญ่ของคยองโฮ กับเสียงต้นฉบับของตัวละครทุกตัวที่จะให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติมากกว่าเสียงพากษ์ เนื่องจากมันเป็นละครที่เต็มไปด้วยอารมณ์จึงต้องการอินอย่างลงทุนด้วยการยอมเสียเงินซื้อแผ่น



ในอดีตกว่า ๒๐๐๐ ปี ที่แคว้นนังนังมีกลองศักดิ์สิทธิ์ชื่อกลองจามอง 'จามอง' แปลว่าเสียงร้องเพื่อให้ช่วยชีวิต ไม่ใช่เพียงแต่เป็นชื่อกลองศักดิ์สิทธ์เท่านั้น แต่ยังเป็นพระนามของ “องค์หญิงจามอง” พระธิดาในกษัตริย์ชอยรีกับพระมเหสีเอกโมฮาซูแห่งแคว้นนังนัง

แต่ด้วยชะตากรรมสุดอาภัพ นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกในวันแห่งคำพยากรณ์
วันที่สองพี่น้องต่างมารดาถือกำเนิดในวันเดียวกัน

หนึ่งจะเป็นผู้กอบกู้แคว้นนังนังให้คงอยู่
ส่วนอีกหนึ่งจะเป็นผู้ทำให้แคว้นนังนังล่มสลาย


ด้วยอำนาจเลว เล่ห์อุบายชั่ว บวกกับสถานการณ์บีบบังคับ ทารกน้อยแรกเกิดจึงถูกปิ่นปะการังปักอก ใส่เรือล่องลอยไปกลางลำน้ำสายใหญ่ พร้อมกับ "อิมพูล" เด็กชายวัยเยาว์ที่แม่ของเขาได้ตายเพื่อปกป้องทารกน้อยด้วยหัวใจของบ่าวผู้จงรักภักดี นางได้อุ้มลูกชายใส่เรือพร้อมคำสั่งเสียสุดท้าย ให้เจ้าอยู่เคียงข้างคอยดูแลนเด็กน้อยผู้นี้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย



องค์หญิงจามองถูกลอยเรือไปกับกระแสน้ำไหลเชี่ยว ท่ามกลางอากาศเย็นจัด ฝ่าลมพายุโหมพัด ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เป็นที่วางใจ เรือน้อยยังถูกติดตามให้แน่ใจว่ามันได้ล่มจมลงใต้ผืนน้ำ ไร้สิ้นโอกาสใดให้รอดชีวิต

แต่ก็รอด และถูกเลี้ยงดูขึ้นในคณะกายกรรม 'เฮเฮฮาฮา' กลายเป็นสามัญชนเดินดิน เป็นเด็กดื้อชื่อ "บุ๊กกู" ฝึกกายกรรมเป็นเครื่องมือหากินเลี้ยงปากท้อง เป็นเด็กกำพร้าเก็บมาเลี้ยงที่ไม่เคยรู้ว่าชาติกำเนิดแท้จริงของตนคือใคร



"บุ๊กกู" เป็นนักแสดงกายกรรมฝีมือดี เป็นศิษย์ของชายพเนจรลึกลับขาพิการที่สอนให้ร่ำเรียนวรยุทธ ช่ำชองการต่อสู้ และถูกเคี่ยวกรำวิชารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคนจากท่านน้า 'ซาซาซุง' และ 'น้ามีชู'-สามีภรรยาเจ้าของคณะกายกรรมที่เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่

แต่อันตรายยังคงตามติดเป็นเงามืดของชีวิตที่ตัวบุ๊กกูเองไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด
ตนจึงตกเป็นเป้าหมายของการพยายามฆ่าแต่เล็กจนโต ครั้งแล้วครั้งเล่า

เด็กหญิงบุ๊กกูจากคณะกายกรรม ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสไปเยือนแผ่นดินนังนัง ณ วังหลวง บุ๊กกูได้พบกับพระมเหสีเอก พระมเหสีรองและองค์หญิงนังนัง (ลาฮี) ภาพที่บุ๊กกูเห็น องค์หญิงนังนังเพียบพร้อมด้วยความรักและความสุขจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ มีข้าราชบริพารห้อมล้อม พร้อมสรรพเสื้อผ้า เครื่องประดับ อาหารการกินที่ไพร่ชั้นต่ำหาเช้ากินค่ำอย่างเด็กกำพร้าถูกทิ้งในคณะกายกรรมไม่มีแม้แต่โอกาสจะฝันถึง และยังได้พบกับองค์ชายโฮดงแห่งแคว้นโกคูรยอที่เดินทางมาเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับแคว้นนังนัง

องค์ชายผู้แรกพบประสบพักตร์กับเด็กหญิงบุ๊กกูจอมพลังแล้วรู้สึกถูกชะตา ใบหน้าที่เคยบึ้งตึงกับหน้ากากแย้มยิ้มที่เคยเสแสร้ง กลับกลายเป็นรอยยิ้มแท้จริงพร้อมด้วยเสียงหัวเราะเป็นสุข

“เจ้าอยากมาเป็นองครักษ์ของข้าไหม”

องค์ชายรับสั่งเช่นนั้นแม้รู้อยู่แก่ใจ ผู้หญิงไม่เหมาะจะเป็นองครักษ์ได้ แต่ก็อยากจะมองข้ามจุดนั้นไป เพราะถูกใจบุ๊กกูอย่างมาก




จากเด็กหญิง สู่เด็กสาว บุ๊กกู ได้พบองค์ชายโฮดงอีกครั้ง ณ เมืองแห่งหนึ่งที่เป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ องค์หญิงลาฮีเป็นราชทูตจากแคว้นนังนัง องค์ชายโฮดงเป็นราชทูตจากแคว้นโกคูรยอ บุ๊กกูจากคณะกายกรรมที่ถูกว่าจ้างมาแสดงต้องตกอยู่ใสถานการณ์บีบบังคับให้ลอบสังหารองค์หญิงนังนังผู้เป็นว่าที่พระคู่หมั้นขององค์ชายโฮดง

พระราชาชอยรีแคว้นนังนังยังคงไม่ตอบรับการสู่ขอของพระราชามูยุล เพราะต้องใคร่ครวญผลได้ผลเสียอย่างระมัดระวัง รั้งรอ ..เพราะยังคงมีความคลางแคลงในวัตถุประสงค์ของการอภิเษกที่แตกต่าง

แคว้นนังนังคาดหวังจะให้เป็นการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้น
แต่แคว้นโกคูรยอมุ่งหวังจะครอบครองแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ของนังนัง




แคว้นโกคูรยอ เป็นอณาจักรที่ตั้งอยู่บนผืนแผ่นดินแห้งแล้ง สร้างอณาจักรเป็นปึกแผ่นขึ้นมาจากการทำสงครามรวมรวมดินแดนและปกครอง ๕ ชนเผ่าให้อยู่ภายใต้อำนาจ (เดาจากซีรีย์ย้อนยุคเกาหลี เดาว่าคงเรียงลำดับดังนี้ กวางแกโตhtmlentities(' >') จูมงhtmlentities(' >')มูยุล รึเปล่านะ? ) แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีการคานอำนาจกันและกันอยู่ภายในแคว้น โดยเฉพาะความทะเยอทะยานของ 'เผ่าพีรู' ที่ถือเป็นหอกข้างแคร่ให้พระราชามูยุลต้องคอยจับตาดูอย่างระมัดระวังเป็นพิเศษ

เพื่อจะถ่วงดุลอำนาจของ ๕ ชนเผ่าทำให้พระราชามูยุลต้องอภิเษกกับธิดาหัวหน้าเผ่าพีรู-ซงแมซอลซู แต่นอกจากนางกำนัลคนสนิทไม่มีใครรู้ว่าซงแมซอลซูได้รับการอภิเษกแต่เพียงในนาม เป็นเพียงพระมเหสี และเป็นพระมารดาขององค์ชายโฮดง พระราชามูยุลไม่เคยร่วมหลับนอนกับพระมเหสีเพราะไม่ต้องการให้เกิดมีโอรสขึ้นมาเป็นอาวุธของเผ่าพีรูที่หวังจะแย่งชิงบัลลังก์ไปจากองค์ชายโฮดง



หลายปีอันยาวนานที่พระมเหสีซงแมซอลซูยังคงเป็นสาว(แก่)พรหมจรรย์
ความเจ็บปวด ความคั่งแค้นของสตรีที่ต้องเป็นพระมารดาให้กับโอรสของหญิงอื่นที่แม้กระทั่งตายไปแล้วก็ยังได้ชื่อว่าเป็นยอดดวงใจ แต่คนที่มีชีวิตอยู่กลับไม่มีโอกาสจะร่วมห้องกับพระสวามี ไม่มีโอกาสจะเป็นพระชนนีของกษัตริย์ครองบัลลังก์ในอนาคต ไม่อาจจะเติมเต็มความหวังของพ่อและของเผ่าพีรูด้วยการให้กำเนิดพระโอรส ก่อเกิดเป็นความเกลียดชังที่พุ่งเป้าไปยังองค์ชายโฮดง

หน้ากากของพระมารดาจึงหลุดออก

องค์ชายน้อยหัวใจแตกสลายเพราะความเหี้ยมเกรียมไร้ปราณีที่ได้รับจากพระมารดาจนเกือบถึงขั้นหมดลมหายใจ มันคือสงครามเย็นระหว่างสองแม่ลูกที่พระราชามูยุลแม้จะเข้าใจสถานการณ์ดี แต่ก็ไม่อาจหยั่งถึงความลึกล้ำของมัน เพราะไม่เคยได้รับรู้ความบาดหมางที่เป็นจุดแตกหักแท้จริง

ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว ความโหดเหี้ยม และเย็นชา ความรัก ความแค้น ความอาฆาต ความเกลียดชังที่ติดแน่นฝังลึกรอวันชำระสะสางระหว่างองค์ชายโฮดงและพระมเหสีซงแมซอลซู มันเป็นเรื่อง 'สัญญาความแค้น' ที่รู้กันอยู่เพียงเราสองคน




มันคือเกมแย่งชิงบัลลังก์ ที่จะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว

พระมเหสีซงแมซอลซู - กับความเพียรพยายาม ความอดทนแทบเลือดตากระเด็น ต้องงัดทุกเล่ห์เหลี่ยมอุบายมาไขว่คว้าหาโอกาส ที่จะทำให้พระนางสามารถให้ประสูติพระโอรสกับพระราชามูยุลได้ในที่สุด

องค์ชายโฮดง - รู้สถานะตนดีว่า เป็นเพียงองค์ชายจากพระสนมสายเลือดศัตรู ถือกำเนิดจากความรักที่พระบิดามีต่อพระมารดาจากใจจริงแท้ หญิงเดียวที่พระราชามูยุลมีความรักมอบให้และลาจากโลกไปหลังให้กำเนิดองค์ชายโฮดง แต่ถึงจะเป็นลูกรัก พระราชามูยุลผู้เข้มแข็งและโหดเหี้ยมก็ต้องการเลี้ยงลูกให้เป็นพระราชาเฉกเช่นเดียวกับตน จึงไม่อาจจะวางตนเป็นพ่อแต่เป็นพระราชาที่สามารถฆ่าได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง-หากจำเป็น



องค์ชายรู้ดีมาตลอดตั้งแต่เล็กว่าเผ่าพีรูคาดหวังพระโอรสจากพระมเหสีซงแมซอลซูและจะไม่มีวันสนับสนุนพระองค์ขึ้นเป็นพระราชา หนทางเดียวที่จะต่อต้านอำนาจของเผ่าพีรูคือองค์ชายต้องครอบครองแคว้นนังนัง ความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินนั้นจะทำให้องค์ชายเป็นที่ยอมรับของประชาชน และได้รับการยอมรับจากอีก ๔ ชนเผ่า จะต้องครอบครองนังนัง ไม่ว่าจะต้องใช้กำลังบังคับด้วยสงคราม หรือด้วยการอภิเษกเป็นใบเบิกทาง

แม้องค์ชายโฮดงจะไม่ชอบองค์หญิงลาฮีที่หยิ่งยโสมาตั้งแต่เล็ก แต่องค์ชายผู้เฉลียวฉลาดก็เข้าใจสถานการณ์ดีจึงตั้งใจหว่านเสน่ห์กับองค์หญิงลาฮีเอาไว้ตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงลาฮีก็ช่างกะไร จะหยิ่งยโสปานใดก็เป็นเพียงการแสดงออกต่อหน้าเพื่อต่อต้านหัวใจตัวเอง ทั้งที่ความจริงนั้นติดบ่วงเสน่ห์หาขององค์ชายโฮดงเสียแล้วตั้งแต่แรกพบ

องค์หญิงลาฮีคือเป้าหมายสำคัญในชีวิตขององค์ชายโฮดง

แต่องค์ชายโฮดงกลับยอมให้ที่หลบซ่อนกับบุ๊กกู ที่หลบหนีมาจากการลอบสังหารองค์หญิงลาฮีไม่สำเร็จ ด้วยความจำเป็นที่ต้องการความช่วยเหลือบุ๊กกูจึงขอร้ององค์ชายโฮดงให้รับนางเป็นองครักษ์




จากองค์รักษ์ บุ๊กกูกลายเป็นเพื่อน จากเพื่อน บุ๊กกูเป็นคนรัก และเป็น 'ผู้หญิงของโฮดง' ที่ได้แต่งงานกันตามลำพังอย่างสามัญชน การผูกพัน การลาจาก การทรยศหักหลัง คือเส้นทางแห่งชะตากรรมที่ถูกขีดไว้ให้ต้องเดิน องค์หญิงจามองจำต้องหวนคืนสู่แผ่นดินเกิด ต้องตกอยู่ท่ามกลางความเกลียดชัง ความขัดแย้งของการชิงอำนาจ และสุดท้ายต้องมุ่งหมายเอาชีวิตองค์ชายโฮดงเพื่อความสงบสุขของนังนัง



องค์ชายโฮดงต้องการจะปกครองบ้านเมืองโดยสันติวิธี จึงพยายามจะหลีกเลี่ยงการทำสงครามมาตลอด แต่ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ เป้าหมายนั้นยิ่งห่างไกลออกไปทุกที ขวากหนามที่คอยทิ่มแทงยิ่งแหลมคมมากขึ้นเรื่อยๆ ความเจ็บปวด ความคับแค้นใจเริ่มรุมกัดกร่อนคุณธรรมในจิตใจให้ค่อยๆ ทลายลง สุดท้ายจึงต้องการจะเหยียบนังนังให้ราบคาบ ไม่ใช่แค่เพื่อตำแหน่งรัชทายาทเท่านั้น แต่เพื่อสิ่งเดียวที่เป็นความสุขของชีวิตและจะช่วยเยียวยาบาดแผลในจิตใจให้บรรเทาได้

จะต้องครอบครองนังนัง เพื่อครอบครององค์หญิงแห่งนังนัง

หนึ่งเดียวที่ต้องการไม่ใช่องค์หญิงลาฮีผู้ที่ประชาชนเรียกขาน "องค์หญิงนังนัง" ผู้งามเลิศล้ำในแผ่นดิน แต่เป็นองค์หญิงไร้ตัวตนไร้การรับรู้จากชาวนังนัง คือ "องค์หญิงจามอง" คือ บุ๊กกูที่เป็นผู้หญิงของโฮดง



ใจความของเรื่องมันก็มีสั้นๆ แค่ว่า

หนึ่งนั้นยอมสละบ้านเมืองเพื่อความรัก ส่วนอีกหนึ่งยอมสละความรักเพื่อบ้านเมือง

แต่ก่อนจะมาถึงแก่นแท้ใจความ-ความปวดร้าวของเรื่อง ณ จุดนี้ มันมีรายละเอียดอารมณ์ความรู้สึกสะสมพอกพูนมา มันเป็นอะไรที่ .. น่าหลั่งน้ำตาให้ ถ้าให้นิยามความรักอย่างสั้นๆ ขององค์ชายโฮดงกับองค์หญิงจามอง ขอบอกอย่างนี้ว่า มันคือ

ความรักขื่นขมของคนขมขื่นสองคนมาพบกัน

ความรันทดขององค์ชายไร้อำนาจ กับความอาภัพขององค์หญิงไร้ศักดินา



เคยร่วมสุขร่วมทุกข์ เคยร่วมผ่านความเป็นตายมาด้วยกัน มีความรักความผูกพันลึกซึ้ง ที่แม้แต่การมุ่งหมายเอาชีวิตตามภาระหน้าที่ ก็ไม่อาจทำลายความรักที่มีให้กันลงได้

องค์หญิงลาฮี เป็นองค์หญิงที่น่าชิงชัง แต่ขณะเดียวกันก็น่าสงสาร ถูกความรักลวงตาน่าสมเพช ทุกถ้อยคำที่องค์ชายโฮดงใช้ลวงหลอกองค์หญิงลาฮี เป็นทุกถ้อยคำเดียวกันกับที่ได้เอื้อนเอ่ยต่อองค์หญิงจามองด้วยหัวใจจริงแท้ จุดนี้มันทำให้รู้สึกเศร้าเหลือเกินกับทั้ง ๓ องค์

องค์ชายโฮดงที่ต้องข่มความรู้สึก สิ้นศักดิ์ศรี ต้องข่มใจมองข้ามผิดชอบชั่วดี

องค์หญิงลาฮีที่ตาบอดเพราะความรัก หลงรัก จนหลงลืมการเป็นองค์หญิงแห่งนังนัง

องค์หญิงจามอง เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่ทั้งรักและเข้าใจองค์ชายโฮดงอย่างเข้าถึงก้นบึ้งของจิตใจ แต่ก็ไม่อาจจะอยู่เคียงข้าง



สิ่งที่ชอบมากในซีรีย์เรื่องนี้คือความสัมพันธ์อันซับซ้อนของตัวละคร

พระมเหสีซงแมซอลซู - องค์ชายโฮดง

ว่ากันว่าความแค้นทำให้เกิดรักได้ ในความเคียดแค้นชิงชังของสองพระองค์ ในเกมหมายเอาชีวิตเพื่อแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท มันดูเหมือนมีความรักแฝงอยู่ลึกๆ นะ เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นตีนไก่ และเข้าใจหัวอกกันและกันเป็นอย่างดี ผู้เขียนชอบฉากสองแม่ลูกดื่มเหล้าด้วยกันมาก เหมือนศัตรูที่ต่างเหนื่อยล้าเราสองคนจึงมาดื่มด้วยกันเถอะ การต่อสู้ในจิตใจเมื่อโอกาสมาถึงตรงหน้า 'ฆ่า' หรือ 'ปล่อยไป' มันคือบุญคุณ การทดแทนที่จำต้องยอมละเว้น หรือแท้จริงคือ ความรัก ที่ไม่อาจตัดใจลงมือได้ทันทีเมื่อมีโอกาสแต่ต้องรอจังหวะ 'วัดใจ'



แม่ทัพใหญ่วังโฮแคว้นนังนัง - ภรรยาโมยังเฮ - พี่สาววังจาชิว

โมยังเฮ เป็นภรรยาของวังเก็ง-แม่ทัพฝ่ายขวาแคว้นนังนัง วังโฮเป็นน้องชายคนเล็กของสามีที่นางเลี้ยงดูมาเหมือนลูก หลังจากสามีของนางถูกฆ่าตายเพราะพ่ายแพ้ต่อการแย่งชิงตำแหน่งพระราชาแห่งนังนัง โมยังเฮต้องโทษกบฏตามสามีที่ต้องถูกประหารชีวิต เด็กหนุ่มวังโฮจึงแต่งงานกับพี่สะใภ้เพื่อใช้ข้อกฏหมายในสิทธิขุนนางเพื่อช่วยเหลือชีวิตโมยังเฮ สถานะที่มีร่วมกันจึงไม่อาจระบุชัด เพราะเป็นเหมือนแม่ เป็นทั้งพี่สะใภ้ และอยู่ในตำแหน่งภรรยา วังโฮเติบโตเป็นหนุ่มและกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ของนังนัง นายหญิงโมยังเฮมีความแค้นต่อพระมเหสีรองวังจาชิวผู้วางยาพิษท่านแม่ทัพวังเก็งที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพื่อส่งให้ท่านแม่ทัพฝ่ายซ้ายชอยรีได้ขึ้นครองราชย์ หลังจากสองแม่ทัพได้ร่วมมือกันปฏิวัติเพื่อแยกตัวเป็นอิสระจากอณาจักรฮั่นจนสำเร็จ โมยังเฮปลูกฝังความแค้นใส่หัววังโฮ แต่วังโฮนั้นยากจะเลือกฝ่ายไหน แค้นแทนพี่ชายที่ถูกฆ่าตาย แต่คนลงมือที่ควรถูกแก้แค้นก็เป็นพี่สาวที่วังโฮรัก และตัววังจาชิวเองก็รักน้องชายวังโฮของนางมากถึงขนาดหมายมั่นจะให้อภิเษกกับลาฮีขึ้นเป็นราชบุตรเขย (ซับซ้อนดีไหมล่ะ)



ท่านแม่ทัพใหญ่วังโฮ-องค์หญิงรัชทายาทลาฮี-องค์หญิงจามอง

วังโฮเป็นขุนนาง เป็นข้าบาท เป็นพระอาจารย์ขององค์หญิงลาฮีที่จะต้องขึ้นครองราชย์ เพื่อไม่ให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ บ้านเมืองต้องไร้ซึ่งองค์หญิงจามองมาเป็นชนวนความแตกแยก หน้าที่ของแม่ทัพคือต้องกำจัดขวากหนาม แต่เมื่อนึกถึงชะตาอาภัพขององค์หญิงนอกทำเนียบผู้นั้นทีไร หัวใจท่านแม่ทัพวังโฮก็แทบจะขาดรอนๆ ด้วยความสงสาร และความสงสารเป็นบ่อเกิดของความรัก

กษัตริย์มูยุล - องค์ชายโฮดง

แม้เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าพระราชามูยุลรักองค์ชายโฮดงซึ่งเกิดจากพระสนมยอนที่รักยิ่งมากแค่ไหน ถึงขนาดไม่ยอมร่วมหลับนอนกับพระมเหสีเพราะเกรงจะให้กำเนิดโอรสมาเพิ่มปัญหาการขึ้นเป็นรัชทายาท แต่เพื่อความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของโกคูรยอ เพื่อจะต่อสู้กับอำนาจของเผ่าพีรูและป้องกันการกระด้างกระเดื่องของอีก ๔ ชนเผ่า การจะเลี้ยงองค์ชายให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์ที่แข็งแกร่งในอนาคต พระราชามูยุลจึงไม่อาจจะเป็นพ่อที่ให้ความรักความเมตตา แต่ต้องเป็นพระราชาที่เข้มแข็งเด็ดขาด

เพราะความรักทำให้คนใจอ่อน ความเมตตาทำให้คนอ่อนแอ ไม่ว่ากษัตริย์หรือองค์ชายไม่อาจอ่อนแอได้ เหตุและผล ความมั่นคงแข็งแกร่งของบ้านเมืองสำคัญกว่าความรักลูก หากจำเป็นต้องทิ้ง ก็ต้องตัดขาด หากจำเป็นต้องตาย ก็ต้องให้ตาย นี่คือเรื่องจำเป็นสำหรับคนเป็นพ่อที่เป็นเจ้าผู้ครองแผ่นดิน

"สำหรับกษัตริย์องค์หนึ่ง โอรสที่มีความขัดแย้งกับเขา
ก็ไม่ต่างจากศัตรู ศัตรูที่ต้องกำจัดให้สิ้นซาก"


การไขว่คว้าหาความรักจากพ่อขององค์ชายโฮดง จึงได้มาเพียงความห่างเหิน พยายามจะทำให้เสด็จพ่อพึงพอใจ แต่หัวใจใฝ่คุณธรรมก็ต่อต้าน ขัดขืน ดื้อดึงและนำไปสู่การขัดแย้ง การทอดทิ้งที่องค์ชายโฮดงได้ลิ้มรสความเจ็บช้ำ ทำให้ต้องดิ้นรนกลับมาเป็นที่ยอมรับด้วยการเอาใจออกห่างจากมโนธรรมสำนึกที่เคยมี



ชมการเขียนบทนะเรื่องนี้ คิดว่าพลอตมันคลาสสิกดี พอเขียนบทออกมาดี ได้นักแสดงดีๆ โปรยทุกอย่างที่ทำให้เชื่อได้หมดใจว่า ทำไมองค์ชายโฮดงถึงจะต้องเป็นกษัตริย์ให้ได้ ไม่ว่าจะต้องเสียอะไร ไม่ว่าจะสูญสิ้นความดีงาม เป็นคนเลวไร้เกียรติ หรือต่อให้โลกจะถล่มทลาย องค์ชายโฮดงก็ไม่เลิกล้มเป้าหมายที่จะเป็นรัชทายาทเพื่อสืบต่อการเป็นกษัตริย์โกคูรยอ

"ในโลกใบนี้มีคนเยอะแยะไปที่ไม่ได้เป็นพระราชา
แต่ก็มีความสุขได้ ทำไมต้องเป็นพระราชาให้ได้ด้วยล่ะ
ทำไมถึงอยากเป็นมากขนาดนี้"


"เป็นอย่างอื่นซะก็หมดเรื่อง เป็นคนธรรมดาที่วันๆ กินข้าวสามมื้อ"

"เจ้าอยากมีชีวิตเพื่อจะรู้ว่าเป็นใคร ข้าก็มีชีวิตอยู่เพื่อจะเป็นพระราชา"



สำหรับองค์ชายโฮดง ความรักคือความสุข แต่ไม่อาจจะเติมเต็มความอ้างว้างที่หยั่งรากฝังลึกมาแต่ครั้งเยาว์วัย เช่นเดียวกับองค์หญิงจามอง รักองค์ชายโฮดงมากแค่ไหนก็ไม่อาจตัดใจหันหลังให้บ้านเมือง แม้บ้านเมืองนั้นจะเคยทอดทิ้งองค์หญิงไปแล้วนับแต่แรกเกิด

องค์ชายโฮดงต้องเป็นพระราชา องค์หญิงจามองต้องปกป้องนังนัง

จากหัวใจที่เด็ดเดี่ยวขององค์หญิงจามองถึงองค์ชายโฮดง

"ถ้าหากข้า เอาท่านมาชั่งในหัวใจ ท่านหนักยิ่งกว่าภูเขา เอาท่านพ่อท่านแม่
และนังนัง รวมถึงประชาชนนังนังทั้งหมดมารวมกัน ยังไม่หนักเท่าท่านเลย
แต่ข้ากลับไม่อาจเลือกท่านที่สำคัญกว่าได้ นั่นคือชะตา"


จากหัวใจอันปวดร้าวขององค์หญิงลาฮีถึงองค์หญิงจามอง

"ข้าเองก็เหมือนเจ้าที่เคยชั่งหัวใจตัวเองดู ตั้งแต่ที่โกคูรยอจนถึงตอนนี้
ข้าชั่งเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง ถ้าเอาเสด็จพ่อ เสด็จแม่ ประชาชนชาวนังนัง
มาชั่งรวมกัน ยังหนักกว่าองค์ชายโฮดงอย่างเทียบกันไม่ได้ แต่มันต่างกันที่
ข้า ..กลับเลือกโฮดงที่เบาแสนเบา นี่เป็นคำจากใจที่ปราศจากการเสแสร้ง"


เป็นความแตกต่างระหว่างทางเลือกของสองหัวใจที่แสนเศร้า (T_T)



จึงชอบซีรีย์เรื่องนี้มาก ชอบทุกอย่าง ยกเว้นอยู่อย่างเดียวที่ไม่พอใจ

ซีรีย์เรตติ้งต่ำ จึงโดนตัดลง ๑๑ ตอน ทำให้ตอนปลายรวดรัดตัดตอน ใจความสำคัญส่วนหนึ่งของเรื่องขาดหายไปอย่างไม่น่าให้อภัย นั่นก็คือการเป็น 'วีรสตรี' ขององค์หญิงจามอง หลังจากเปิดเรื่องมาด้วยไคลแมกซ์ค้างไว้ ก็ดำเนินเรื่องย้อนกลับไป ณ แรกกำเนิด วัยเยาว์ เติบโตเป็นหนุ่มสาว ผ่านพบชะตากรรมรันทดหลายสิ่งอย่าง ต่อสู้ดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากความตาย หลายครั้งหลายหน จนดำเนินเรื่องมาถึงตอนกลองจามองถูกทำลายที่ถูกใช้เป็นจุดเปิดเรื่องเอาไว้ในตอนแรก

ถัดมาอีกตอน จบซะงั้น!




คาดว่าเนื้อเรื่อง ๑๑ ตอนหลัง คือเนื้อหาการเป็นผู้นำกบฏเพื่อต่อสู้ทวงคืนบ้านเมืองขององค์หญิงจามอง ดูจากตอนแรกเปิดเรื่องที่คณะเฮเฮฮาฮา ออกแสดงละครหุ่นเชิดในเนื้อหาเล่าถึงการมีตัวตนอยู่ขององค์หญิงจามอง แท้จริงแล้วกลองจามองมิใช่เป็นเพียงชื่อกลอง แต่เป็นชื่อขององค์หญิงแห่งนังนังอีกพระองค์ เป็นกลอุบายเผยแพร่ให้ชาวนังนังเริ่มมีศรัทธา ตราบที่ยังมีองค์หญิงนังนังของพวกเขาอยู่ ชาวนังนังก็ต้องมีความหวัง ยังมีฉากที่พระราชามูยุลได้รับการถวายตัวละครหุ่นเชิดชื่อจามอง ผู้หญิงลึกลับที่อาจเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อกบฏของชาวนังนังที่เกิดขึ้นทั่วดินแดนจนไม่อาจปราบปรามได้ราบคาบ ฉากแม่ทัพวังโฮซุ่มฝึกซ้อมกองกำลังทหาร ฉากองค์ชายโฮดงตามหาหลุมศพองค์หญิงลาฮีจนได้พบหลุมดินโปะกองหินเก่าๆ และถูกแม่ทัพวังโฮนำกำลังทหารเข้ารุมล้อม ฉากที่องค์ชายหนีลงเรือแล้วร้องถามแม่ทัพวังโฮ

"วังโฮองค์หญิงของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน องค์หญิงจามองอยู่ที่ไหน"

"คนอย่างเจ้า คู่ควรถามคำถามนี้อย่างนั้นหรือ"




องค์ชายโฮดงเพียงอยากรู้ องค์หญิงจามองที่หายไปยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้ว ขอเพียงได้รู้แค่นั้นก็ยังดี (ฮือ เศร้า T-T) แล้วไหนจะฉากที่พระเจ้ามูยุลโยนหุ่นเชิดถามองค์ชายโฮดงเรื่องผู้หญิงชื่อจามอง และได้คำตอบตามความจริง ตรงดั่งเสนาบดีกราบทูลไว้ องค์หญิงองค์นั้นพระธิดาของพระราชาชอยรี คือศูนย์รวมความหวังของชาวนังนังว่าจะเป็นผู้นำในการกอบกู้แคว้นนังนังขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง

พระเจ้ามูยุลจึงมีราชโองการต่อองค์ชายโฮดง

"เมื่อไหร่ที่เจ้าตัดหัวผู้หญิงชื่อจามองมา
จะเป็นวันที่เจ้าได้ขึ้นเป็นรัชทายาท"


ฉากเหล่านี้ทั้งหมดตัดไปตัดมาอยู่ใน ep. แรก แต่ไม่มีย้อนกลับไปปะติดปะต่อหรือพาดพิงขยายความถึงเหตุการณ์เหล่านี้อีกเลย พอกลองจามองถูกทำลายองค์หญิงลาฮีถูกประชาทัณฑ์ ก็รวบรัดตัดเรื่องดิ่งไปยังฉากจบสุดท้ายเอาดื้อๆ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ ถ้าอีกสิบตอนหลังเป็นช่วงที่องค์หญิงจามองกับองค์ชายโฮดงต้องล่าหัวกันและกันเพื่อบ้านเมืองของตน ทั้งที่ความรักยังคงฝังลึก ฉากสุดท้ายคงได้อารมณ์สะเทือนใจที่เกรงว่าจะโศกเสียยิ่งกว่าที่มันโศกสุดๆ อยู่แล้ว



ขอตั้งรางวัล รันทดที่สุดแห่งปีให้เลยนะซีรีย์เรื่องนี้

แม้จะชื่อเรื่ององค์หญิงจามองแต่ขอยกบทบาทที่ดีที่สุดของเรื่องให้องค์ชายโฮดง ดี ร้าย โหดเหี้ยม เมตตา กดดัน โกรธแค้น ระทมขมขื่น กล้ำกลืนฝืนทน องค์ชายมีหลายอารมณ์จัดเต็มมาก มากจนเชื่อสนิทใจ บัลลังก์มันสำคัญจริงๆนะเอ ไม่อาจจะยอม ไม่อาจจะถอย ไม่อาจจะเลือกทางอื่นใด ไม่เลือกแม้แต่ 'ความรัก' เกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์และจะต้องเป็นกษัตริย์เท่านั้น เป็นผู้เขียนล่ะก็หลีกทางให้น้องชายแล้วไปแต่งงานกับองค์หญิงจามองโลด คนหนึ่งไม่ได้เป็นองค์ชายรัชทายาทคนหนึ่งไม่ได้รับการสถาปนาเป็นองค์หญิง อยู่กินมีความสุขกันสองคน มีลูกหญิงชายสามสี่ห้าคนคงสุขจะตาย จะดิ้นรนเป็นพระราชาให้เหนื่อยทำไม

ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อแคว้นโกคูรยอในปณิธานขององค์ชายที่จะปกครองบ้านเมืองด้วยความรักความเมตตา ทำให้บ้านเมืองรอดพ้นความแร้นแค้น มีอาหารอุดมสมบูรณ์จากการแบ่งปันร่วมกันกับแคว้นนังนัง อยู่กันอย่างบ้านพี่เมืองน้อง มีเส้นทางออกทะเลทำมาค้าขายให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข




หรือถ้าจะตัดเหตุผลฟังดูดีไป เหลือแต่เหตุผลส่วนตนล้วนๆ การเลือกทางเดินขององค์ชายโฮดงก็ยังฟังขึ้นอยู่ดี เหตุใดจึงต้องเป็นกษัตริย์ให้ได้ เพราะมันคือ 'ศักดิ์ศรีขององค์ชาย' อันสำคัญยิ่งกว่า 'ศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย' ที่องค์ชายโฮดงยอมละทิ้งไปเพื่อจะบรรลุเป้าหมาย

บางทีการ 'น้อมรับราชโองการ' อาจเป็นหนทางสุดท้ายที่องค์ชายจะต้องกระทำ เพื่อเป็นรัชทายาทเพื่อสืบต่อการเป็นกษัตริย์และเปลี่ยนแปลงวิถีการปกครองให้เป็นดั่งปณิธานของตน ชดเชยความปรารถนาขององค์หญิงจามองที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในรัชสมัยของพระราชามูยุล อย่างที่องค์ชายเคยพยายามร้องขอแต่ไม่เคยมีผล "ฝ่าบาทโปรดดูแลประชาชนนังนังบ้าง"

ทว่าความใฝ่ฝันขององค์ชายโฮดงแต่ไหนแต่ไรมา มันช่างยากเย็นจะไขว่คว้า ยิ่งพยายามเข้าใกล้บัลลังก์มากเท่าใด ยิ่งสร้างตราบาปในใจมากขึ้นเท่านั้น

ฉากองค์ชายโฮดงหันคมดาบใส่พระอาจารย์ อึนดูกี
ขอบอกว่าสะเทือนใจยิ่งกว่าฉากจบอีก น้ำตางี้ร่วงเป็นสาย

ฉากที่พระเจ้าชอยรีประณามว่า องค์ชายโฮดงเป็นผู้ชายขายตัว
มันสะเทือนต่อมน้ำตาได้มากมาย

ฉากองค์ชายโฮดงประหารพระเจ้าชอยรี
โอ้วววว ความสะเทือนใจใหญ่หลวงนัก

เงื้อมมือที่ฟาดฟัน ราวกับเป็นการตัดขาด จบสิ้นกันแล้ววาสนาของข้าและเจ้า ไหนจะฉากที่หน้าหอกลองจามองอีกล่ะ ตอนองค์ชายหยิบผ้าผูกผมเปื้อนเลือดขององค์หญิงจามองขึ้นมาจากพื้น อารมณ์ร้าวร้านของฉากนั้น มันช่าง ..ยากจะหาซีรีย์เศร้าเรื่องใดในใจมาเปรียบได้

ครั้งหนึ่ง องค์หญิงจามองเคยอ้อนวอน

"ถ้ารักถึงขนาดฆ่าข้าได้ ช่วยทำเพื่อข้าด้วยการไม่รุกรานนังนัง
ให้โกคูรยอมเป็นมิตรกันได้หรือเปล่า ท่านทำได้ไหม"

"ก็เหมือนที่โกคูรยอสำคัญกับท่าน นังนังก็สำคัญกับข้าเหมือนกัน"

มันเป็นฉากหัวใจสลาย ที่กว่าจะจบ ๓๙ ตอน ต้องสลายไปไม่รู้กี่ครั้ง ยิ่งดูก็ยิ่งอิน



ชอบตัวละครประกอบมากหน้าหลายตา ซึ่งโดยปกติก็คิดว่ามันเป็นเสน่ห์ของซีรีย์ย้อนยุคอยู่แล้วนะ

พระราชามูยุลเล่นได้เกลียดจริงๆ หน้าขมวดเครียดอยู่ตลอดให้ความรู้สึกอันตราย ดูเป็นคนโหดร้ายเย็นชา น่ากดดันดี พระราชาชอยรี ต่างกันลิบ เท่ตั้งแต่ตอนยังเป็นท่านแม่ทัพยันเป็นกษัตริย์ ดูเข้มแข็งเด็ดขาด แต่ยามเป็น 'เสด็จพ่อ' ก็แลดูอบอุ่น




พระมเหสีเอกแคว้นโกคูรยอ-ซงแมซอลซู คนนี้จะลืมท่านไปไม่ได้เลย บทพระมเหสีแต่ละเรื่องไม่ว่าจะร้ายหรือดี ถ้าฝีมือไม่ถึง บารมีไม่เกิดเป็นแน่ Sung Hyun-Ah ผู้รับบทนี้เล่นได้กร้าวแกร่งดี แต่ถ้าไปเจอเธอเรื่องไหนที่ถอดองค์ทรงเครื่องเป็นคนธรรมดา คาดว่าคงจะจำไม่ได้ พระมเหสีเอกโมฮาซู และพระมเหสีรองวังจาชิวแห่งนังนัง ถือเป็นสุดขั้วแสนดีกับแสนร้ายมาเจอกัน การแต่งองค์ทรงเครื่องบอกได้คำเดียวว่า 'งาม' ความมากฝีมือในบทบาทที่ได้รับก็ดีอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ป้าลีมีซุกที่ติดจำฝังใจกันมาตั้งแต่ East of Eden



ท่านน้าซาซาซุง กับท่านน้ามีชู สองสามีภรรยาเจ้าของคณะกายกรรมถือเป็นผู้ช่วยนางเอกที่มีสีสัน น้ามีชูจู้จี้ขี่บ่น ส่วนซาซาซุงลุงคนนี้เขาออกแนวฮาอยู่เกือบทุกเรื่อง ล่าสุดก็เล่นขำๆ อยู่ใน Wild Romance และ Time Slip Dr. Jin

ท่านแม่ทัพใหญ่แห่งนังนัง - วังโฮ ตอนแรกก็เฉยๆ นะ ดูไปดูมายิ่งมาดแมนและแสนดี รูปสมบัติ คุณสมบัติ คู่ควรอภิเษกสมรสกับองค์หญิงลาฮีที่สุด แต่ติดอยู่ทีวังโฮแต่งงานกับพี่สะใภ้โมยังเฮเป็นภรรยา ตัวปัญหาที่วังจาชิวสุดคับแค้นใจและต้องหาทางกำจัด วังโฮเป็นคนซื่อสัตย์จงรักภักดีและนึกถึงผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นใหญ่ ตอนแรกคิดว่าบทของอิมพูล เด็กชายที่ถูกลอยเรือมาเพื่อคุ้มครององค์หญิงน้อยจะเป็นบทพระรองที่น่าสนใจ เพราะเติบโตขึ้นมาในฐานะพี่ชายของนางเอก แต่ไปๆ มาๆ กลายเป็นบทที่ไม่มีความโดดเด่นอะไรนัก วังโฮมายศสูง ราศีพระรองจึงเรืองรองกว่ามากโข



องค์หญิงยอรัมเสด็จอาขององค์ชายโฮดง (น่ารักมาก) กับท่านแม่ทัพใหญ่อูนาลู ก็เป็นบทบาทที่ช่วยผ่อนคลายบรรยากาศตึงเครียดได้พอสมควร

สำคัญมากที่สุดอีกคนคือนางเอก-คนนี้



องค์หญิงลาฮี เกลียดขี้หน้าตั้งแต่เด็ก เกลียดมากกก แต่ก็สงสารมากก ยิ่งตอนพูดกับองค์หญิงจามอง "เจ้ายังเป็นผู้หญิงของโฮดงอยู่สินะ เจ้าไม่ช่วยเขา เจ้ากลับได้เป็นผู้หญิงของเขา" โอ๊ย บาดหัวใจอย่างแรง (เจ็บแทน) ยามองค์หญิงจามองเป่าขลุ่ยนกฮูกที่องค์ชายโฮดงเคยมอบให้ แค่อารมณ์โหยหานั่นก็ทำเอาปวดใจแทนองค์หญิงจามองแย่แล้วนะ ยังต้องมาเศร้าแทนองค์หญิงลาฮีอีก เทหมดหน้าตักรักหมดหัวใจ แต่ไม่เคยได้อะไรตอบแทน อย่างน้อยองค์หญิงจามองก็ได้รับความรัก ทุกความทรงจำเป็นของจริง แต่องค์หญิงลาฮีทุกการกระทำที่คิดว่าจริง แท้จริงกลับตรงกันข้าม เพราะความหยิ่งยโสที่น่าชัง องค์หญิงลาฮีจึงต้องคอยฝืนตัวเองให้แสดงออกท่าทีที่สวนทางกับความรู้สึก ยิ่งพยายามวางท่ารังเกียจเหยียดหยามองค์ชายโฮดงมากเท่าใด ยิ่งลุ่มหลงรักใคร่เสน่ห์หา ดูแล้วก็ทั้งเกลียดทั้งน่าเวทนา อาการเดียวกับที่รู้สึกต่อบทบาทองค์ชายโฮดง เดี๋ยวชอบ เดี๋ยวเกลียด เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวสงสาร ตีกันมั่วไปหมด



องค์หญิงลาฮีมีพร้อมทุกอย่าง เป็นพระธิดาเพียงหนึ่งเดียว เป็นองค์หญิงรัชทายาท เป็นที่รักของเสด็จพ่อเสด็จแม่ทั้งสอง เป็นที่ชื่นชมของเหล่าขุนนางข้าราชบริพาร เป็นที่รักของประชาชน แต่ยอมละทิ้งบ้านเมืองง่ายๆ ส่วนองค์ชายโฮดงขาดแคลนทุกอย่างที่องค์หญิงลาฮีมี แต่ก็ดิ้นรนทุกวิถีที่จะยึดครองเอาแคว้นนังนังเพื่อความอยู่รอดของโกคูรยอ การก่อตั้งบ้านเมืองมาจากการห้ำหั่นทำสงคราม อยู่อาศัยในดินแดนอันอดอยาก ความหิวโหยทำให้ชาวโกคูรยอมีความทรหดอดทน ทหารของโกคูรอจึงทั้งแข็งแกร่งและช่ำชองในการรบ ต่างจากนังนังที่แม้จะมีพลเมืองมากกว่าแต่ประสบการณ์ต่อสู้มีน้อย ไม่เคยต้องลำบากอะไรนัก องค์หญิงจามองผู้อยู่ในหัวใจขององค์ชายโฮดงมีหรือจะไม่เข้าถึงความปรารถนาอันแรงกล้าที่องค์ชายโฮดงมีต่อแคว้นนังนัง

"สิ่งที่องค์ชายรักมากที่สุด คือเสด็จพ่อของเขาและโกคูรยอ
ความรักที่มีให้ข้า และความรู้สึกผิดที่มีต่อเจ้า มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย"


ต่อให้คนทั้งโลกเชื่อว่า องค์ชายโฮดงยอมละทิ้งโกคูรยอไปแล้ว องค์หญิงจามองก็รู้ดีว่า มันเป็นไปไม่ได้

องค์หญิงจามองกับองค์ชายโฮดงจึงเท่ทั้งสอง เพราะต่างมุ่งมั่นต่อหนทางที่ต้องเลือกเดิน แม้จะต้องเหยียบย่ำหัวใจของตัวเองเพื่อก้าวไป แต่องค์หญิงลาฮีน่ารังเกียจจริงๆ หยิ่งแต่โง่ (แรงไปมั้ย) แล้วยังมาทำให้สงสารจับใจ เกลียดหนักเข้าไปอีก เห็นปาร์คมินยองเล่นบทนี้แล้วพาลไม่อยากจะดู Time Slip Dr. Jin ต่อให้จบเอาสักเลย



เหล่าบรรดาท่านแม่ทัพ ราชทูต เสนาบดี ขุนนางตัวเบ้งๆ ทั้งหลาย ไม่ต้องพูดถึง เพราะบทบาทของท่านๆ เหล่านี้แหละ เป็นความสนุกสนาน ความมันส์ของซีรีย์ย้อนยุคอย่างแยกแยะไม่ออกว่าบกพร่องอะไรเล่นไม่ดีตรงไหน เพราะดูยังไงก็อิน ชอบเหล่านางกำนัลสนองพระโอษฐ์ของบรรดาตัวแม่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น นางกำนัลของพระเมหสีโกคูรยอ หรือของพระมเหสีเอก-รองแคว้นนังนัง ชอบทุกคนเลย



แม้จะเป็นซีรีย์แนวเศร้า แต่มันก็ดูสนุก ไม่ขัดหูขัดตาเหมือนซีรีย์บางเรื่องที่ทำให้รู้สึกถูกยัดเยียดความเศร้าในแบบที่มันไม่ค่อยสมเหตุสมผล แทนที่มันจะเศร้าซึ้ง บางเรื่องมันก็กลายเป็นเศร้าถนาถไปก็มี

แต่กับจามอง ประทับใจในความดราม่าของมันจริงๆ บทของพระราชามูยุลและพระมเหสีซงแมซอลซู ส่งถึงอย่างมากต่อบทบาทขององค์ชายโฮดง ที่ไม่มีหนทางอื่นใด นอกจากต้องบากบั่นไปสู่จุดหมาย น้ำหนักของเรื่องคิดว่าหนักอยู่ที่องค์ชายโฮดงมากกว่านิดหน่อยมาตลอดจนถึงจุดทะลุเพดานความกดดันแบบไม่มีข้อจำกัดใดมาฉุดรั้งอีกแล้วกับทุกทางที่ต้องทำเพื่อยึดครองนังนังให้สำเร็จ อีก ๑๑ ตอนที่เหลือน้ำหนักน่าจะถ่ายเทค่อนไปยังองค์หญิงจามองผู้สูญเสียทุกสิ่ง ต้องต่อสู้เพื่อหาทางปลดปล่อยทาสและทวงคืนบ้านเมืองของตน แต่ ..องค์หญิงยังไม่ทันจะได้สู้อะไรยังไงเลย รวบยอดทีเดียว จบละ ..? @@ อา....เจ็บ



เอาฉากหัวใจสลายทั้งเรื่องมารวมกัน ยังเศร้าไม่ได้ครึ่งของการตัด ๑๑ ตอน ที่สะเทือนใจสุดๆ T - T โหดร้ายกับผู้เขียนเหลือเกิน แค้นใจจนอยากจะร้องตะโกนบอกฟ้า เอา ๑๑ ตอนของช้านคืนมาาาา




















Create Date :29 ตุลาคม 2555 Last Update :31 ตุลาคม 2555 23:10:01 น. Counter : 21864 Pageviews. Comments :11