bloggang.com mainmenu search


อ่านบทแรก...

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 1

เพื่อข้อตกลงที่ให้ไว้แก่กัน ตงฉินจำต้องทนลำบากเป็นนายชินคนงานในไร่กล้วยของลายไท คอยหาโอกาสใกล้ชิดเจ้านายหนุ่มและพูดจาชื่นชมช่อม่วงให้ดูดีในสายตาของลายไทอยู่เสมอ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ตงฉินก็ลากช่อม่วงมาทำตามแผนของตนบ้าง เมื่อไม่มีที่ไหนที่จะไปจึงพาช่อมาที่บ้านของตัวเอง โดยให้จั๊บสร้างเรื่องหลอกอาม่าและเตี่ยโจวให้ออกไปจากบ้าน สองคนอยู่ด้วยกันตามลำพังในห้องนอนตงฉิน เถียงกันไป ด่ากันไป บางจังหวะที่เออออห่อหมกเห็นตรงกันก็พากันหัวเราะสนุกสนานเสียงดังลั่น จั๊บที่ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของ 'นายน้อย' ประสานเสียงหัวเราะร่วนกับ 'คุณช่อ' ถึงกับออกปาก

"ไม่เคยได้ยินนายน้อยหัวเราะแบบนี้มาก่อน ท่าทางมีความสุข"

ตงฉินซื้อเสื้อผ้ามามากมายเพื่อให้ช่อม่วงลองแต่งตัวในสไตล์ต่างๆ ไหนๆ เขาก็น้ำเน่าปลอมตัวไปเป็นนายชินแล้ว ยัยช่อก็ต้องหัดน้ำเน่าด้วยเหมือนกัน หลังจากได้ช่อม่วงในลุคส์ที่ตงฉินพอใจคือเป็นสาวเปรี้ยวจัดแต่งหน้าจัด จับสวมวิกผมตรงหน้าม้าจนดูเป็นสาวร็อคสาวพังค์ไปแล้ว ตงฉินก็พาช่อม่วงไปที่บ้านคุณหม่อมแจ่มใสแนะนำว่าเธอเป็นน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเขาเองชื่อว่า "มะม่วง" และจัดแจงเรื่องขอสมัครกับคุณหม่อมแจ่มใสให้ช่อม่วงได้มาร่ำเรียนรำไทย เรื่องนี้ไม่ได้ปรึกษากันมาก่อนช่อม่วงถึงกับเหวอรับประทานและทำท่าจะไม่ยอมจนตงฉินต้องขอเวลานอกกับหม่อมแจ่มใส่ ลากช่อม่วงออกมา (ด้วยกิริยาโอบดึงแบบละมุนละม่อมเพราะอยู่ต่อหน้าคุณหม่อม) เพื่อทำการเจรจาตกลงกัน

"ไอ้ตง! แกจำไม่ได้เหรอ ตอนที่เราเรียนรำคู่กันมันเป็นยังไง"
"ก็แข็งเป็นไม้อย่างเธอมันก็ได้ศูนย์น่ะสิ"
"เออสิวะ แล้วแกจะส่งฉันมาเรียนรำไทยทำเผือกอะไร!"

การพูดคุยของตงฉินกับช่อม่วงมักจะมีคำพูดนึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งเขาและเธอยังเป็นเด็กและมีอดีตความทรงจำร่วมกันมาในลักษณะนี้อยู่เสมอ นั่นแสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์ที่พันผูกอย่างใกล้ชิดของคนทั้งคู่แม้จะเป็นไปในลักษณะของศัตรูคู่อริ แต่ก็น่ารักดี

สุดท้ายตงฉินก็จัดแจงให้ช่อม่วงได้เรียนรำไทยกับหม่อมได้สำเร็จ พร้อม กับโดนหม่อมเอาความเค็มมาขูดรีดค่าเล่าเรียนจากตงฉินสูงกว่าราคาปกติไปสองสามเท่าโดยอ้างว่าเห็นท่าทางแข็งๆ ของช่อม่วงแล้วคงจะเป็นงานหนักที่ต้องสอนกันอย่างยากเย็นแน่นอน ก่อนจะทิ้งช่อม่วงไว้เรียนรำไทกับหม่อมแจ่มใสและคุณฟองดาว ตงฉินมองช่อม่วงด้วยสีหน้าห่วงกังวล "

"จะไหวมั้ยน้า ยัยบะช่อ" ( ความห่วงใยเป็นบ่อเกิดของความรัก)



ที่สะพานไม้ริมคลองสถานที่นัดพบประจำระหว่างตงฉินและช่อม่วง สองคนมาเจอกัน ช่อม่วงโอดครวญที่ถูกดัดเนื้อดัดตัวจนระบมไปทั้งร่าง นั่งทายาแก้ฟกช้ำส่งเสียงบ่นอุบ ด่าตงฉินที่ทำให้ต้องลำบากไปเรียนรำไทยกับหม่อมสุดเคี่ยว ตงฉินรำคาญ (บวกความเห็นใจนิดๆ) จึงคว้ายามาทาให้ช่อม่วงเสียเอง ช่อม่วงบ่นไม่อยากไปเรียนรำไทยอีกแล้ว ตงฉินใจเสียจึงพยายามเกลี้ยกล่อมและบอกว่าเขาเองก็ลำบากเหมือนกันที่ต้องทำงานหนักในไร่ขุดดินแบกกล้วยทุกวัน ช่อม่วงไม่มีทางเลือกเพราะไหนๆ ก็ลงเรือลำเดียวกันมาแล้ว เพื่อลายไทและฟองดาว ทั้งคู่ต้องอดทนเพื่อเอาชนะใจคนทั้งคู่ให้ได้

รื่นรมย์แม่ของช่อม่วงไม่เห็นด้วยนักที่ช่อม่วงจะจับมือเป็นพันธมิตรกับตงฉิน เพราะไม่คิดว่าแผนมันจะสำเร็จได้โดยง่าย แต่ช่อม่วงกลับยืนยันมั่นใจ

” มันต้องสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็นี่ไงแม่ ถ้าเกิดช่อเป็นแฟนพี่ลายไท ส่วนไอ้ตงมันก็จีบหญิงของมันติดก็เท่ากับว่าทั้งช่อและมัน ต่างคนต่างมีแฟน อาม่ากิมท้อกับยายที่เป็นมือที่สามก็ต้องหลีกทาง ยอมยกเลิกงานแต่งงานน้ำเน่านี้ซะ”

“แล้วแกคิดเหรอว่ายายแกจะยอมง่ายๆ รู้จักยายแช่มน้อยไปแล้วมั้ง ยายแกลื่นยิ่งกว่าปลาไหลใส่สเก็ต”นั่นเป็น

นั่นเป็นเหตุผลที่รื่นรมย์ต้องพยายามช่วยลูกสาวอีกแรงหนึ่งด้วยการคอยสกัดกั้นแผนการณ์ต่างๆ ของคุณยายแช่มชื่น

“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่ ช่อเชื่ออยู่แล้วว่าเราถ้าเราสองแม่ลูกร่วมมือกัน เราต้องผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้แน่นอน”

แต่มันมีวิกฤติยิ่งกว่านั้นรออยู่ ตงฉินกับช่อม่วงต่างไม่รู้เลยว่าท่ามกลางเมฆหมอกจากแผนการณ์เจ้าเล่ห์ของทั้งคู่นั้น ความสัมพันธ์อันสดใสของลายไทและฟองดาวก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นทีละเล็กละน้อย ลายไทเคยพบหน้าฟองดาวในงานวันเกิดเสี่ยอู๊ดที่ฟองดาวรับมาแสดงดนตรีไทยนั่งตีขิมอยู่ตรงทางเข้าหน้างานด้วยชุดไทยห่มสไบสีหวาน และหม่อมแจ่มใสมาตามฟองดาวกลับหม่อมโกรธที่ฟองดาวรับงานลักษณะนี้เพราะหม่อมมองว่าไม่มีเกียรติไม่มีศักดิ์ศรีของผู้ดีเก่าเพราะดนตรีไทยควรจะได้บรรเลงให้กับคนที่เห็นคุณค่าได้ฟัง ไม่ใช่มานั่งบรรเลงแค่เป็นเสียงประดับอยู่บริเวณหน้างานโดยที่คนผ่านไปผ่านมาไม่ได้ให้ความใส่ใจฟัง ฟองดาวถูกหม่อมแจ่มใสพาตัวกลับบ้าน ลายไทได้ยินว่าเจ้าหน้าที่จัดงานจะไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้ เขาจึงนำเงินไปมอบให้เจ้าหน้าที่คนนั้นแทนเพื่อนำไปใช้เป็นค่าจ้างของฟองดาว ทั้งยังฝากโน๊ตแสดงความชื่นชมการตีขิมของเธอไปให้โดยลงชื่อของเขาไว้ ฟองดาวมีความสุขกับกำลังใจจากโน๊ตเล็กๆ ที่ลงชื่อเจ้าของไว้ "ลายไท"



ลายไทผ่านมาเห็นหม่อมแจ่มใสอีกครั้งที่ตลาด หม่อมกำลังทะเลาะกับแม่ค้าเรื่องราคากับปริมาณของผักที่เธอคิดเอาเองว่ามันน้อยไปไม่สมราคากัน (คิดด้วยความเค็มระดับทะเลทะเลเรียกทวด) เห็นยาย นึกถึงหน้าหลานสาว นับจากนั้นมา ลายไทจึงแอบเอาเงินไปให้แม่ค้าร้านผักอยู่เสมอเพื่อที่ว่าทุกครั้งเมื่อหม่อมแจ่มใสมาซื้อผัก จะได้ให้ผักกับหม่อมไปเยอะๆ ตามที่หม่อมต้องการ แม้แม่ค้าจะมองหน้างงๆ ไอ้หนุ่มคนนี้ชอบพอหม่อมรุ่นยายหรือเปล่าวหว่า ? (555) แต่ลายไทไม่ได้สนใจในท่าทีประหลาดใจนั้น

ฟองดาวสงสัยเรื่องผักจำนวนมากที่คุณยายหม่อมได้มาในราคาถูกๆ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรจนวันหนึ่งฟองดาวมาตลาดกับคุณยาย และเมื่อแยกจากหม่อมย้อนกลับมาซื้อของตามลำพังจึงพบลายไทกำลังจ่ายเงินให้แม่ค้ารายนั้น ฟองดาวเกือบจะเข้าใจผิดคิดว่าลายไทเอาเงินมาดูถูกศักดิ์ศรีของคนอื่น รวมถึงสงสัย

"ที่คุณทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่าเพราะคุณคิดจะจีบคุณยายฉันใช่มั้ยคะ" (คิดได้นะคะคุณ)

แต่ด้วยเหตุผลอธิบายและความจริงใจของลายไท ฟองดาวก็เข้าใจและยังมีอารมณ์ขันเย้าลายไทเล่น

“ถ้างั้นก็แล้วไปค่ะ ฉันนึกว่าคุณคิดเกินเลยกับคุณยายฉันซะอีก” (5555)

หนุ่มหล่อลายไท และสาวสวยฟองดาว พบกันบ่อยขึ้นและมิตรภาพของทั้งคู่ก็งอกงาม โดยที่ "นายชิน" และ "มะม่วง" ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่เลยสักนิด


นายชินตีสนิทกับลูกพี่ลายไท ช่อม่วงก็ใกล้ชิดกับคุณครูฟองดาว สองคนจึงพอรู้นิสัยใจคอของคนทั้งคู่รวมถึงเสป็คหญิงชายที่ฟองดาวกับลายไทมีอยู่ในใจด้วย ตงฉินกับช่อม่วงจึงพากันมานั่งคอตกอยู่ที่สะพานไม้ข้ามคลอง เพราะจากที่ตงฉินมอมเหล้าลายไทจนได้รู้ ผู้หญิงที่ลายไทชอบไม่มีอะไรเลยที่เหมือนช่อม่วง ตรงข้ามกันทุกอย่าง

” ใช่ เขายังบอกอีกนะว่า ผู้หญิงในสเป็คของเขาจะต้องเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ ใจเย็นสุภาพ ที่สำคัญต้องมีความเป็นกุลสตรีสูงมากๆ ด้วย”

และสิ่งที่ช่อม่วงได้มาก็ไม่ได้ต่างกันนักหรอก

“ของฉันว่าเลวร้ายแล้ว ของนายหายนะกว่าอีก”
“ทำไม อย่าบอกนะว่าคุณฟองดาวเขาไม่ชอบผู้ชาย”
” ไม่ใช่อย่างนั้น แต่สเป็คผู้ชายอย่างที่คุณดาวชอบน่ะ ห่างไกลนายยิ่งกว่าโลกกับดาวพลูโตซะอีกน่ะสิ ทั้งชอบผู้ชายใจเย็น รักธรรมชาติ รักเสียงดนตรีไทย แล้วก็อะไรอีกเยอะแยะ แต่ทุกอย่างไม่ใช่นายเลยแม้แต่นิดเดียว”

พากันห่อเหี่ยวอยู่ตรงนั้น จะทำยังไงก็ดี เฮ้อ.. นึกขึ้นมาได้ว่าลักษณะผู้หญิงที่ลายไทชอบเหมือนคุณฟองดาวเด๊ะ แล้วลักษณะผู้ชายที่คุณฟองดาวชอบก็เหมือนพี่ลายไทไม่มีผิด

"เฮ้ย สองคนนั้นเค้าคงไม่รู้จักกันใช่ไหม" ตงฉินช่อม่วงมองหน้าสบตากันด้วยความหวาดระแวง
"เป็นไปไม่ได้ พวกเค้าจะรู้จักกันได้ไง" ( 5555 สิ่งที่กลัวได้เกิดขึ้นแล้ว) ทั้งตงฉินและช่อม่วงต่างก็ตระหนักกันดีว่า ลายไทกับฟองดาวไม่ควรจะพบเจอและรู้จักกันเด็ดขาดเพราะว่าทั้งคู่ต่างเป็นสเป็คของกันและกันและอาจตกหลุมรักกันได้อย่างแน่นอน

แค่เรื่องพื้นฐานการชอบพอก็ดูจะยากเย็นกว่าที่คิดหลายเท่า จะทำยังไงกันดี ตงฉินกับช่อม่วงกลุ้มใจอยู่สักพักก็นึกขึ้นมาได้

” ฉันนึกออกแล้ว ฉันว่าผู้ชายอย่างที่คุณฟองดาวชอบดูเหมือนกับพี่ลายไทยังไงไม่รู้สิ จริงๆ ถ้านายอยากเป็นผู้ชายแบบที่คุณฟองดาวชอบ นายก็ลองศึกษาจากพี่ลายไทดูสิ”

เป็นความคิดที่น่าสนใจ

“จริงด้วยสิ จะว่าไป ผู้หญิงอย่างที่นายลายไทชอบก็เหมือนคุณฟองดาวเหมือนกันนะ ในเมื่อเธออยู่ใกล้คุณฟองดาวแล้ว เธอก็ลองเลียนแบบคุณฟองดาวดูสิ บางทีนายลายไทอาจจะหันมาชอบเธอจริงๆ ก็ได้นะ”

ตงและช่อต่างยิ้มฝันหวานด้วยความหวังอันชื่นบาน

“จริงด้วยสิ แหม โชคดีนะที่สองคนนี้ไม่รู้จักกัน ไม่งั้นเราสองคนแย่แน่ๆ เลยว่ามั้ย”

พากันหัวเราะคิกคักมีความสุขกับไอเดียบรรเจิดที่เพิ่งคิดได้ .... หารู้ไม่ ลายไท กับฟองดาว เขาพัฒนาความสัมพันธ์จากคนรู้จักไปเป็นคนรักชอบพอถึงไหนกันแล้ว



ลูกศิษย์-มะม่วง สนิทสนมกับครูสอนรำไทย-ฟองดาว มากขึ้น และตกลงใจจะเป็นมากกว่าครูกับลูกศิษย์คือเป็นเพื่อนกัน ฟองดาวนั้นจริงใจส่วนยัยช่อของเรานั้นยิ่งกว่าไก่กา ทางด้านนายชินก็ตีซี้จนเป็นลูกน้องที่สนิทคุ้นเคยกับลายไท ทำให้ทั้งมะม่วงและนายชินกระหยิ่มยิ้มย่องกับแผนการณ์ที่ดำเนินไปด้วยดี หรือนี่จะเป็นแค่คลื่นลมสงบก่อนพายุใหญ่

อุปสรรคขวากหนามนั้นมีอยู่ อย่างยัยแช่มที่ร้องไม่เชื่อพันไม่เชื่อว่าคนอย่างลายไทจะมาชอบหลานสาวจอมแก่นของตนได้ จึงทำทีมาเยี่ยมลายไทเพื่อดูลาดเลา และคอยเป่าหูลายไทไปด้วยในตัว ด้วยการตำหนิบ่นว่าพฤติกรรมที่ไม่ดีต่างๆ ของช่อม่วง ทั้งตื่นสาย ขี้เกียจตัวเป็นขน ไม่ช่วยทำงาน เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีความเป็นกุลสตรี หาดีสักนิดก็ไม่ได้ หากผู้ชายคนไหนได้มันไปเป็นเมีย บรา บรา บรา (เอ่อ .. ยายแช่มคะ นั่นหลานยายนะคะ พูดถึงยังกับมันเป็นเห็บที่น่ารังเกียจ 555) ตงฉินได้ยินยายแช่มอย่างนั้นแทนที่จะหัวเราะเอิ๊กๆ นึกซ้ำเติมอย่างที่ควรเป็นกลับมีสีหน้าหม่นลงด้วยความเห็นอกเห็นใจ ก็ยายแช่มเล่นงานขัดขวางหนักขนาดนี้ แล้ว ...

"จะไหวมั้ยเนี่ยยัยช่อ"

"จะรอดไม้ยเนี่ยยัยช่อเอ๊ย"

"แล้วจะเป็นห่วงไปทำไมวะ" ตงฉินเริ่มตั้งคำถามกับตัวเอง

น้องช่อของพี่คล้าว

พี่คล้าว (เขาทราย กาแล็คซี่) แอบหลงรักช่อม่วงมานาน คอยเทียวไล้เทียวขื่ออยางไม่แคร์สายตายายแช่ม รื่นรมย์ หรือตัวช่อม่วงเองจะจิกด่าเปิดเปิงยังไงพี่คล้าวไม่เคยสน เพราะพี่คล้าวรักน้องช่อสุดหัวใจ เมื่อรู้ข่าวช่อม่วงกับลายไทเป็นแฟนกันพี่คล้าวไม่พอใจอย่างมาก

"ข้าไม่ยอม ข้าอุตส่าห์เที่ยวไปเทียวมา เพียรสู่ขอน้องช่อมาตั้งหลายปี แต่ยายแช่มกัยแม่รื่นไม่เคยยกให้ แล้วไอ้หน้าเหี่ยวที่ไหนวะ จะมาแย่งน้องช่อของข้าไป ข้าไม่ยอม!"

พี่คล้าวพาลูกน้องประจำตัว 'ห้อย' และ 'โหน' บุกมาหาลายไทถึงบ้านเพื่อข่มขู่ให้เลิกกับช่อม่วง แต่ลายไทก็ไม่สนใจคำขู่ตลอดจนท่าทีสุดกร่างของพี่คล้าว ปฏิเสธที่จะทำตามความต้องการที่พี่คล้าวร้องขอ

"ก็ได้ ในเมื่อเอ็งไม่ยอมทำตามคำสั่งข้า งั้นข้าจะขอประกาศเป็นศัตรูกับเอ็ง”

พี่คล้าวก้มลงกำก้อนดินขึ้นมาขยี้โปรย (มันเป็นซีนที่ฮาโค-ต-ร)

” ธรณีนี่นี้เป็นพยาน ข้าไอ้คล้าว ขอสาบานว่า ตราบใดที่ไอ้ลายไทไม่เลิกกับน้องช่อ ยอดรักในดวงใจของข้า ข้าจะขอจองล้างจองผลาญมันทุกชาติไป”

เพราะพี่คล้าวไม่แน่จริงจึงได้แต่แหงนหน้าขู่ลายไทที่ตัวสูงโย่งกว่าเยอะ พี่คล้าวพยายามขู่ขวัญด้วยการกระทืบเท้าลงดินก่อนจะแจ้นจากไป นายชินที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหลกับลูกพี่ลายไทตรงนั้นด้วย งงเป็นไก่ตาแตกกับเหตุการณ์ตรงหน้าและไอ้บ้าที่มากร่างแล้ววิ่งหนีหางจุกตูดไปนั่น หันไปถามเอากับมวลว่าพี่คล้าวคนนี้เป็นใคร



"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า" ที่สะพานไม้ข้ามคลอง ตงฉินหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง จนตัวงอ น้ำหูน้ำตาไหล

” ไม่เห็นเธอเล่าให้ฉันฟังเลยว่ามีหนุ่มหล่อกล้ามใหญ่มาหลงรัก แต่จะว่าไป ทำไมเธอไม่เป็นแฟนกับพี่คล้าวล่ะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยวางแผนหลอกนายลายไทมาเป็นแฟนให้เมื่อย”

ช่อม่วงเหล่มองตงฉิน หึ ไอ้ตง ทำมาปากดี ใช่ว่าจะช่อม่วงจะไม่รู้ ยัยหมวยย้งยี้ที่เพิ่งตามมาราวีถึงบ้านแต่บังเอิญช่อม่วงไม่อยู่และย้งยี้ก็ระรานหาเรื่องเอากับรื่นรมย์แม่ของเธอ

“แล้วทีแกล่ะ ทำไมไม่เลือกยัยหมวยย้งยี้มาเป็นแฟนบ้างล่ะ”

ตงฉินสะอึก 'ย้งยี้' แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาสะดุ้ง

"อย่าพูดแบบนั้นสิ แค่นึกก็ขนลุกแล้ว"
"นั่นไงล่ะ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ"




ต่งต๊งของย้งยี้

ย้งยี้ (มณัสนันท์ กรณ์ปารณีย์ ) เป็นลูกสาวเถ้าแก่มีฐานะร่ำรวย เป็นทั้งเจ้าแม่เงินกู้ เจ้าแม่ตลาด และเป็นเจ้าของแผงเช่าอีกด้วย มีนักเลงหัวไม้เป็นลูกน้องมากมาย

"ย้งยี้ปักใจรักต่งต๊งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ ยังไงซะย้งยี้ไม่ยอมให้ต่งต๊งเป็นของคนอื่นเด็ดขาด"

ย้งยี้ได้รับการสนับสนุนในการเข้าชิงตำแหน่งหลานสะใภ้ของอาม่าเป็นอย่างดีจากอาโจวเตี่ยของตงฉินที่อยากได้ย้งยี้มาเป็นลูกสะใภ้เพราะมีฐานะมั่นคงร่ำรวยที่สุดในละแวก แต่งงานกับย้งยี้เงินต่อเงินไอ้ตงจะมั่งคั่งสุขสบายไปชั่วลูกชั่วหลาน

ตั้งแต่อาม่าเริ่มแผนการณ์คลุมถุงชน ใจจริงอาโจวไม่เคยคิดสนับสนุนอยู่แล้ว ถึงช่อม่วงจะเป็นเด็กน่ารักน่าเอ็นดู เป็นหลานสาวคนเดียวของยายแช่มเจ้าของกิจการเข้าต้มมัด มีการศึกษาดี ฐานะความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ด้อยกว่าใคร ไม่มีอะไรให้น่ารังเกียจ แต่การที่ "หนูช่อ" เป็นลูกสาวของรื่นรมย์ (ที่อาโจวเคยก่อเรื่องไว้และกลายเป็นคู่อริกันมาตลอด) หากต้องเกี่ยวดองกันความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวคงจะไม่ราบรื่นนัก สรุปง่ายๆ คือ อาโจวเอ็นดูช่อม่วงอยู่ก็จริง แต่ถึงยังไงอาโจวก็ไม่อยากดองกับคู่อริอย่างรื่นรมย์ จึงผูกสมัครรักใคร่ยกตำแหน่งว่าที่ลูกสะใภ้ให้กับย้งยี้เพียงคนเดียว และพยายามเสนอย้งยี้ให้เป็นทางออกของตงฉินอยู่เสมอ แต่ว่า .. ถ้าพูดเรื่องย้งยี้ตงฉินจะปรี๊ดแตกทุกครั้ง

” หน้าตาก็พอไหวนะเตี่ย แต่นิสัยนี่ไม่ไหวเลย ทั้งเอาแต่ใจตัวเอง กิริยามารยาทก็ไม่เรียบร้อย ไม่เป็นกุลสตรี ผู้หญิงอย่างนี้ผมไม่เอาด้วยหรอก”

หากจะเทียบกันกับศัตรูคู่อาฆาตที่พักนี้หันมาจับมือเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวอย่างช่อม่วง ปากบอกว่าเกลียดแต่ตงฉินไม่เคยหนีห่างไปไหน ตรงกันข้ามคือหาเรื่องตอแยถกเถียงกลั่นแกล้งกันอย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย แต่กับย้งยี้ที่ไม่ชอบเหมือนกันแต่ตงฉินจะทำทุกทางเพื่อหลบเลี่ยงและหลีกหนีไปให้ไกล

เรื่องจะรักกับพี่คล้าว หรือตกลงปลงใจกับอาหมวยย้งยี้ จึงเป็นเรื่องยี้ๆ ที่สองคนพากันส่ายหน้า "ยอมตายดีกว่า"



อาม่ากิมท้อกับยายแช่มวางแผนให้ช่อม่วงกับตงฉินได้พบหน้ากัน โดยไม่รู้ว่าเด็กสองคนก็พบกันอยู่แล้วที่สะพานไม้ข้ามคลองเพื่อวางแผนการล้มการแต่งงานด้วยกัน อาม่ากับยายเชื่อว่าถ้าเจอกันบ่อยๆ เดี๋ยวเด็กมันก็รักกันเอง ยายแช่มให้ช่อม่วงเอาข้าวต้มมัดไปส่งที่ศาลเจ้า ส่วนอาม่าก็ให้ตงฉินไปไหว้เจ้าด้วยเช่นกัน วางแผนให้สองคนไปเจอกันแล้วติดตามไปดู ผลที่ได้ดูก็ไม่ต่างจากทุกครั้ง ตงฉินกับช่อม่วงกรุ่นๆ อยู่ในอารมณ์ที่ทะเลาะถกเถียงกันครั้งล่าสุดเนื่องจากการทำตามแผนโดยฝืนตัวผิดธรรมชาติให้เป็นเหมือนลายไทและฟองดาวนั้นมันชวนหงุดหงิดใจนัก

เห็นหน้ากันที่ศาลเจ้ารู้ว่าถูกอาม่ากับยายหลอกอีกแล้วยิ่งขัดใจ เถียงกันไปเถียงกันมากลายเป็นทะเลาะกันวุ่นวาย ตงฉินป้องกันตัวเองจากมือช่อม่วงที่หยิกข่วนไม่ยั้งเผลอผลักจนช่อม่วงล้มลงไปกองกับพื้น ช่อม่วงส่งเสียงร้องไห้ ตงฉินตกใจเป็นห่วงรีบเข้าไปพยุง

"เฮ้ย ช่อ ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ เจ็บมากมั้ย"

แต่น้ำใจเนื้อแท้ที่เผลอผุดออกมาไม่มีค่าอะไรในยามที่ช่อม่วงกำลังโกรธจัด เมื่อลุกขึ้นได้จึงใช้ฝ่าเท้าอัดเข้าไปเต็มๆ ที่จุดยุทธศาสตร์ ตงฉินถึงกับตาเหลือกหน้าเขียวหน้าเหลืองนอนกองอยู่ที่พื้น ความโกรธเกินควบคุมทำให้ช่อม่วงกระโดดขึ้นคร่อมหักแขนหักขาบีบคอทุบตีตงฉินอย่างไม่มียั้ง ไม่ต่างอะไรกับเด็กห้าขวบทะเลาะกันแล้วใช้กำลังหักหาญเอาชนะคู่ต่อสู้ อาม่ากับยายแช่มที่ตามมาพบจึงทั้งหัวเสียและเสียกำลังใจไปไม่น้อยกับสภาพความสัมพันธ์ของหลานทั้งสอง

"ผมผลักมันนิดเดียวเองเตี่ย มันเล่นผมเกือบตาย"
ตงฉินทายาไป บ่นไป เห็นสภาพฟกช้ำดำเขียวของลูกชายแล้ว อาโจวก็อนาถใจ และไม่วายแนะนำเหมือนเช่นทุกครั้ง "แต่งกับหนูย้งยี้เถอะ"



***

สองคนยังดิ้นรนกันต่อไป ตงฉินบอกให้ช่อม่วงหัดมีมารยาหญิง มีจริตจก้านนิ่มนวลอ่อนหวาน แม้มันจะขัดธรรมชาติของช่อม่วงอย่างแรง แต่เพื่อมัดใจลายไทให้อยู่หมัดช่อม่วงต้องทำให้ด้ายยยย เพราะขืนยังเป็นอยู่แบบนี้

"ผู้หญิงอย่างเธอ อย่าว่าแต่ไอ้ลายไทเลย ฉันก็ไม่ชอบ ผู้ชายทั้งโลกก็ไม่ชอบ! "
"ก็ไอ้กริยาแบบนี้แหละ เมื่อไหร่จะจะเปลี่ยนนิสัยสักทีเนี่ย"

ทะเลาะกันไปมาช่อม่วงก็ฟิวส์ขาด

"ไอ้ปากเสีย พูดจาดีนักนะแก ฉันว่านะ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ร่วมมือกับแกแล้ว เชิญแกไปจีบคุณฟองดาวคนเดียวเลยไป"
ปกติตงฉินคงไม่ยอมง้อช่อม่วงแต่เรื่องนี้มันจำเป็น พอช่อพูดแบบนั้นตงก็ลนลานรีบบอก

"เฮ้ยๆๆๆ ช่อ ขอโทษ "

สำนวนคำและน้ำเสียงที่ตงกับช่อพูดกันในละครเรื่องนี้เป็นเสน่ห์มัดใจอย่างหนึ่ง ยามทะเลาะก็น่ารัก ยามดีกัน ง้อกันเล็กๆ พูดคุยกันปกติก็น่าเอ็นดูไม่เหมือนการแสดง แต่ดูเป็นธรรมชาติเหมือนเพื่อนทั่วไปที่คุยกันในยามปกติ

ฝืนเรียนรำไทยอยู่ได้ไม่นาน ช่อม่วงก็เกิดเปลี่ยนใจเพราะตงฉินมาเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่าพี่ลายไทของเธอ ไม่เคยเห็นพูดถึงเธอเลยสักนิด วันๆ เอาแต่ฟังดนตรีไทย ช่อม่วงจึงอยากจะเรียนตีขิมเพื่อไว้ใช้เล่นให้ลายไทฟังอย่างที่เขาชอบ

"อะไรนะ หน้าอย่างเธอนี่นะ จะเรียนตีขิม"
"ทำไมวะ หน้าอย่างฉันจะเรียนตีขิมมันจะผิดอะไรนักหนา"
"มันก็ไม่ผิดหรอก แต่ที่ฉันจำได้นะ ตอนเด็กๆ ขนาดเธอเขย่าอังกะลุงยังผิดเสียงเลย แล้วจะไปเรียนตีขิมได้ยังไง"
"นี่ไอ้ตง แกจะมองในทางชื่นชม สรรเสริญฉันบ้างได้ไหมฮะ"

อาโจวที่รู้เรื่องตงฉินไปชอบพอฟองดาวหลานสาวของหม่อมแจ่มใส กลัวจะได้เกี่ยวดองกับบ้านนั้นที่เป็นผู้ดีแต่ศักดิ์ส่วนฐานะนั้นเข้าขั้นยากจนอย่างมาก อาโจวจึงมาหารื่นรมย์เพื่อขอความร่วมมือให้สนับสนุนการแต่งงานของลูกทั้งสองคน เพราะในสายตาของอาโจวยังไงอาหนูช่อก็มีภาษีเหนือกว่ายัยเด็กฟองดาวที่มีฐานะสิ้นไร้คนนั้นแน่ แต่รื่นรมย์ไม่ยอมร่วมมือเพราะรู้ว่าช่อม่วงรักลายไทและไม่ต้องการจะแต่งงานกับตงฉิน อาโจวต้องผิดหวังกลับไป เมื่อรื่นรมย์ไม่เอาด้วยอาโจวจะหวังพึ่งใครได้อีกนอกจากย้งยี้ที่มีใจอยากยกตำแหน่งลูกสะใภ้ให้ไปแต่แรก



อาโจวเตี่ยของตงฉินก็มีแผนการณ์ของตนเช่นกัน สั่งให้ตงฉินไปดูเรือที่อาโจวจะซื้อมาใช้กับอาเจ็กเล้ง ให้ตงฉินรออยู่ที่ท่าเรือ เมื่อลงเรือที่มารับไปแล้ว ย้งยี้กับสาวใช้ประจำตัวที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่ขึ้นมาเซอร์ไพรส์ ตงฉินตกใจมาก คิดจะหนีก็หนีไม่ทันหนีซะแล้วเพราะเรือออกจากท่ามาเรียบร้อย ความที่ตงฉินรังเกียจและหวาดกลัวความบ้าคลั่งของย้งยี้จับจิตจึงแอบส่งข้อความโทรศัพท์ไปหาช่อม่วงให้มาช่วย ช่อม่วงกำลังตีขิมอยู่ด้วยอารมณ์เบื่อหน่ายโดยมีหม่อมแจ่มใสนั่งหลับๆ ตื่นๆ ฟังอยู่ เห็นข้อความจากตงฉินแล้วช่อม่วงออกปากบ่นเบาๆ "ก่อเรื่องอีกแล้วนะแก" ช่อม่วงเปิดเสียงขิมจากเครื่องเล่นซีดีเพื่อกล่อมหม่อมแจ่มใสแทนเสียงตีขิมของเธอเอง แล้วรีบตามไปช่วย



ตงฉินรับสายที่ช่อม่วงโทรมาแกล้งบอกย้งยี้ว่าเป็นสายของเตี่ยและพยายามอธิบายว่าเขาอยู่ตรงไหนของเกาะเกร็ด ย้งยี้ต้อนหน้าต้อนหลังตงฉินเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งอ้างว่ามารออาเจ็กเล้ง ตงฉินกลัวย้งยี้และไม่สบายใจมาก อากาศร้อนอบอ้าวแต่ไม่ยอมดื่มน้ำส้มคั้นที่ย้งยี้พยายามคะยั้นคะยอ แต่สุดท้ายย้งยี้กับสาวใช้ก็ใช้กำลังจับตงฉินตอนเผลอตัวกรอกน้ำส้มใส่ปาก น็อคดาวอยู่ตรงนั้น แต่ช่อม่วงก็เป็นวีรสตรีขี่เรือตามมาอัดย้งยี้และพาตงฉินที่ถูกมอมยากลับบ้านมาได้อย่างทุลักทุเล (ปกติเขามีแต่พระเอกไปช่วยนางเอก เรื่องนี้นางเอกไปช่วยพระเอกแทน เป็นอีกหนึ่งตอนที่ฮามากๆ โดยเฉพาะตอนช่ออัดย้งยี้และถีบสาวใช้ของย้งยี้ตกน้ำถึงสองรอบ) และงานนี้คนที่ต้องชดใช้ด้วยการคุกเข่าขออภัยต่อหน้าบรรพบุรุษ พร้อมกับตบหน้าตัวเองแรงๆ ร้อยครั้งตามคำสั่งของอาม่ากิมท้อก็คืออาโจว ที่นอกจากจะโดน 'มี้' ลงโทษแล้วยังรู้สึกผิดต่อลูกชายที่เกือบจะถูกขืนใจด้วย แต่ก็นั่นแหละถึงยังไงมันก็ดีไม่หยอกถ้าย้งยี้จะได้กลายมาเป็นสะใภ้



ในอาการสะลึมสะลือ ตงฉินจำได้ลางเลือนที่ช่อม่วงพยายามปลุกเขาขึ้นจากเตียงและพยุงลงเรือขึ้นท่ากลับบ้านอย่างทุลักทุเลด้วยความซึ้งใจ วันรุ่งขึ้นตงฉินคิดเอาดอกกุหลาบไปให้ฟองดาว แต่ไม่กล้าให้ด้วยตัวเอง ฝากช่อม่วงไปให้ จึงถือโอกาสเอ่ยปากขอบคุณเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในคอ เพราะไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมีคำพูดต่อกันในลักษณะนี้มาก่อน

"แกไม่ต้องมาขอบคุณอะไรฉันหรอก เพราะไม่ว่ายังไง...ฉันก็ถือเป็นบุญคุณอยู่แล้ว" (5555 มุขนี้โดนใจมาก โดยเฉพาะการเน้นเสียงหนักในตอนท้าย 'อยู่แล้ว' )

แป่ว ... ตงฉินกำลังจะซึ้งก็อารมณ์ค้างทันทีเลยเชียว

"เออ ฉันรู้อยู่แล้ว คนอย่างเธอมันไม่เคยช่วยอะไรใครฟรีๆ หรอก"

ช่อม่วงเอากุหลาบแดงดอกสวยให้ฟองดาวบอกว่าตงฉินฝากให้มา ฟองดาวรับไปและวางมันไว้กับพื้น จนที่สุดก็ไปเผลอเหยียบมันซะกลีบเละ ช่อม่วงเอาซากกุหลาบของตรงฉินกลับมาที่สะพานไม้แล้วหัวเราะเยาะเย้ยมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันเมื่อตัวเองไปหาลายไทที่บ้านก็ไม่ได้รับความสนใจเลยเหมือนกัน โทรมาเล่าให้ตงฉินฟัง ตงฉินก็หัวเราะเยาะกลับเสียงดังลั่น

"ว๊าก ฮะๆๆ สมน้ำหน้า มาว่าฉันดีนักว่าคุณฟองดาวเค้าไม่แล แล้วทีเธอล่ะ พี่ลายไทเค้าก็ไม่แลเหมือนกัน"

"หุบปากไปเลยนะไอ้ตง ที่ฉันเล่าให้แกฟัง เพื่อที่จะให้แกหทางทางช่วยฉันว่าจะทำยังไงให้พี่ลายไทเค้าสนใจ ไม่ใช่ให้แกมาหัวเราะเยาะกันแบบนี้ "

"ก็บอกแล้วไง ว่าอย่างเธอ ผู้ชายที่ไหนเค้าจะมาชอบ ยัยเมือก ฮ่าฮ่าฮ่า เพราะเธอน่ะ มันไม่มีเสน่ห์เกินเยียวยาแล้ว"

แต่ตงฉินก็พาช่อม่วงออกมาเที่ยวเล่นในห้างสรรพสินค้าวันรุ่งขึ้น เพื่อช้อปปิ้งเสื้อผ้าและแปลงโฉม แต่ทำไปทำมาสองคนก็ทะเลาะกันเช่นเดิม ตงฉินโมโหกรุ่น

" ฉันนะ ทำบุญบูชาโทษแท้ๆ ต่อไปนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับเธอ เธอก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน ต่อไปนี้นะ ทางใคร ทางมัน" ตงฉินเดินหนี

"ฮื่อ ไอ้ตง ผู้ชายอะไรวะเนี่ย ขี้งอนชะมัด ตงงงง" ช่อม่วงร้องเรียกและจำเป็นต้องเป็นฝ่ายง้อบ้างล่ะทีนี้ (เป็นคู่ที่น่ารักและแสดงได้น่ารักมากๆค่ะ)

ทางฝ่ายลายไทกับฟองดาวก็นัดพบกัน เล่าเรื่องราวส่วนตัวสู่กันฟัง ความรักของลายไทที่มีต่อช่อม่วงเป็นความจริงใจที่ลายไทมีแก่ใจอยากจะเล่าสู่ผู้หญิงที่เขาชอบให้เธอฟัง

"ตอนเด็กๆ ผมไม่ค่อยติดของเล่นหรอกครับ ติดเพื่อนเล่นมากกว่า ผมมีน้องสาวอยู่คนหนึง อยู่บ้านติดกัน เค้าเป็นเด็กน่ารัก แล้วก็ซนมาก ผมรักเค้าเหมือนน้องสาวแท้ๆ ถึงทุกวันนี้เราก็ยังดูแลกัน ไปมาหาสู่กันอยู่ตลอด" อา.. พี่ลายไท ไม่รู้ซะแล้ว น้องเรากำลังสุมไฟจ้องเผาเรือน(รัก)ของพี่อยู่

อาม่ากิมท้อกับคุณยายแช่มชื่นหาได้ยอมวางมือไม่ เห็นหลานสาวหลานชายไม่อยู่ติดบ้านทุกวันก็นึกสงสัย ไปทำอะไรที่ไหนกัน สองผู้ใหญ่แอบสะกดรอยช่อม่วงจนไปพบรถจอดอยู่หน้าบ้านหม่อมแจ่มใส บุกเข้าไปจะค้นหาตัวช่อม่วงให้ได้ จนกลายเป็นทะเลาะวิวาทกับหม่อม ผู้ดีที่รังเกียจความหยาบคาย ไม่มีมารยาท กิริยาไม่เรียบร้อยดั่งคนไม่เคยได้รับการอบรม (เยอะได้อีกค่ะหม่อมขา) เพราะมีหม่อมแจ่มใสคอยขวาง ช่อม่วงในคราบของ "มะม่วง" จึงรอดพ้นสถานการณ์วิกฤตไปได้หวุดหวิด (อย่างฮา) หม่อมแจ่มใสเรียกร้องค่าเสียหายจากอาม่าถ้าไม่งั้นจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก จำนวนเงินที่หม่อมเรียกทำให้อาม่ากิมท้อแค้นใจมากถึงกับสาปส่งบ้านหลังนี้ที่เค็มชนิดไร้ขีดจำกัด

ยายแช่มขอร้องให้ช่อม่วงไปส่งข้าวต้มให้กำนันสันทัดที่สั่งข้าวต้มมัดมาหลายเข่งและอยู่ไกลถึงนครนายก (แถวนั้นมันไม่มีข้าวต้มมัดหรือไงกัน) อาม่าขอให้ตงฉินไปเป็นเพื่อนเพราะช่อม่วงเป็นผู้หญิงไม่อยากให้ขับรถไกลๆ คนเดียว ตงฉินทำตัวเหมือนหงุดหงิดไม่เต็มใจ แต่ปากก็ไม่ได้ปฏิเสธสักคำ สองคนต่างไม่รู้ตัวเองว่ามีความแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือทะเลาะกันทุกวี่ทุกวันแต่ก็อยู่ด้วยกันทุกวันทั้งที่ทะเลาะกันนั่นแหละ ถ้าไม่ชอบทำไมไม่เกลียดแล้วก็อยู่ให้ห่างๆ กันซะล่ะ

ขึ้นรถมาด้วยกันได้ก็ถกเถียงกันอีก ว่าเป็นเพราะอีกฝ่ายที่ทำให้ต้องโดนจับคู่มาด้วยกัน

" นี่เธอนึกว่าฉันอยากมานักหรือฮะ ฉันปฏิเสธอาม่าไม่ได้ต่างหาก"
"ฉันก็ปฏิเสธยายไม่ได้เหมือนกันโว้ย"

ช่อม่วงทำหน้าที่ขับรถ ส่วนตงฉินก็เอาแต่หลับหัวพิงกระจกประตู ช่อม่วงจึงจอดรถแล้วเลื่อนกระจกลง ตกฉินหัวทิ่มและตื่นขึ้นมางัวเงีย
" นี่กะจะนอนให้ตายเลยหรือไงฮะ" แต่ด่าไม่กี่คำเมื่อตงฉินถามว่าเราอยู่ที่ไหนกีย ช่อม่วงอ้อมแอ้มบอกเรื่องที่เธอจำทางไม่ได้จนขับรถหลงทาง เป็นเรื่องให้ทะเลาะกันอีก

"นี่เธอมีสมองไว้คั่นหูแค่นั้นเองหรือ"
"นี่แกว่าฉันโง่หรือไอ้ตง"
"ไม่ได้โง่อย่างเดียว งั่งด้วย นี่ตอนเด็กๆ เธอก็ชอบลอกการบ้านฉันอยู่ตลอด โตมานึกว่าจะฉลาดขึ้นบ้าง ไม่มีเลย" ตงฉินใส่อารมณ์เต็มที่

(พวกเขาพูดถึงตอนเด็กๆ อีกแล้ว มีเรื่องให้พูดถึงตอนเด็กๆ อยู่เสมอ เมื่อเริ่มต้นทะเลาะกัน)

ช่อม่วงไม่พอใจที่ตงฉินด่าว่าโง่ แต่สู้ทนเก็บอาการเอาไว้

"เออนี่ตง ช่วยลงไปดูล้อหลังให้หน่อยดิ คืองี้ ฉันขับๆ แล้วรู้สึกล้อหลังมันจะแบนนะ มันกุ๊บกิ๊บๆ ยังไงไม่รู้ ไหนๆ แกก็ฉลาดปราดเปรื่อง ร่ำเรียนก็สูงจบวิศวะมา ดูมีความรู้น่ะนะ ช่วยลงไปดูให้หน่อยสิ"

ตงฉินได้ยินคำเยินยอก็ยิ้มปริ่มยืดอกภูมิใจตัวเองเล็กน้อย พอลงจากรถไปสีหน้าช่อม่วงก็เปลี่ยนเป็นนางมารร้ายจอมเจ้าเล่ห์ทันที

"หนอย..มาหาว่าฉันโง่ ไอ้งั่งเอ๊ย"

ช่อม่วงออกรถหนีทันที ตงฉินเพิ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกให้ลงจากรถและกำลังจะถูกทิ้ง วิ่งตามรถที่ช่อม่วงขับหนีไปสุดชีวิต ช่อม่วงเดี๋ยวชลอรถ เดี๋ยวเร่งความเร็วแกล้งตงฉิน แถมยังยื่นมือออกมาโบกเป็นเชิงบอกให้ตงฉินไล่ตามมาให้ทันด้วย ตงฉินวิ่งตามรถจนหมดเรี่ยวหมดแรง อยู่ๆ รถก็หยุดแล่น ตงฉินรวบรวมกำลังเฮือกที่เหลืออยู่ วิ่งตามมาทันและกระโดดเกาะท้ายรถไว้แน่นเพราะกลัวช่อม่วงจะทิ้งไว้ในถนนสายเปลี่ยวกลางท้องทุ่งที่ยากจะมีรถสองแถวผ่านไปมาให้หาทางกลับ (555 เป็นตอนที่ตลกและชอบซะจริงๆ) ตงฉินท้าให้ช่อม่วงขับรถไป "เอาดิ๊ ขับไปดิ๊" เพราะเขาจะไม่มีวันปล่อยมือจากรถแน่ ช่อม่วงหันมายิ้มแหยๆ ส่งเสียงบอกกล่าวอ้อมแอ้มเพราะรู้ว่าตงฉินต้องด่าเปิงแน่

"แฮ่ .. น้ำมัน...หมด"
"อย่ามาอำ ยังไงๆ ฉันก็ไม่ปล่อยมือแน่ เธอหลอกฉันอีกไม่สำเร็จหรอก"
"แฮ่ ...ไม่ได้อำ น้ำมัน หมด..จริงๆ สตาร์ทให้ดูไหม" ช่อม่วงสตาร์ทเครื่องให้ดู แล้วตงฉินก็ทรุดฮวบนั่งกองพิงรถหมดแรงอยู่ตรงนั้น

สองคนจอดรถทิ้งไว้แล้วเดินไปตามถนนกลางทุ่งที่ไม่มีรถผ่านไปมาสักคัน แล้วก็ทะเลาะกันในยามคับขันขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายต่างโทษกัน

"นอกยัยโง่แล้ว เธอยังเขลาอีก แล้วก็ยังไม่รอบคอบอีกด้วย รู้ก็รู้ว่ามาต่างจังหวัดทำไมถึงไม่รู้จักเช็คน้ำมันให้ดีฮะ " ยามโกรธช่อม่วงชอบเห็นตงฉินเป็นกระสอบทราย "ยัยโง่ ยัยงั่ง ปากปลาร้า ผิวอีกา"
ฟังแต่ละคำสิใครจะทนไหว ช่อม่วงรัวมือขณะที่ตงฉินเป็นผู้ชายก็ทำได้แค่ยื้อยุดฉุดมือไว้ไม่ให้ทุบตีตัวเองและพยายามสลัดยัยตุ๊กแกนี่ให้หลุดไปจากตัวเท่านั้น แต่บางทีเป็นผู้ชายมันก็มีน้ำโหเหมือนกันใครจะยอมเป็นผู้ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว อารมณ์ขุ่นมัวของตงฉินทำให้ผลักตอบช่อม่วงไปบ้าง แต่แรงของตงฉินก็ไม่ใช่น้อยๆ คราวนี้ผลก็คือช่อม่วงถลาตกถนนลงไปข้างทาง จนข้อเท้าเคล็ด



ภาพที่ตงฉินแบกช่อม่วงใส่หลังเดินอยู่กันตามลำพังบนถนนกลางทุ่งจึงเป็นฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักไม่กี่ฉากในเรื่องนี้ เพราะส่วนใหญ่สองคนนี้ไม่เคยเลิกตั้งป้อมทะเลาะกัน และนั่นเป็นภาพที่น่ารักมากๆ กรอดูแล้วดูอีกตั้งแต่เริ่มทะเลาะกันจนช่อม่วงหลอกตงฉินลงจากรถ เพราะสองคนเล่นได้ฮามากๆ ทว่ากุ๊กกิ๊กได้แค่สั้นๆ ทั้งคู่ก็ทะเลาะกันอีกทั้งที่ขี่หลังกันอยู่นั่นแหละ ตงฉินแกล้งโยนช่อม่วงลงจากหลังลงไปกองกับพื้น "โอ๊ย ไอ้ตง ฉันเจ็บนะโว้ย" ช่อม่วงลุกขึ้นได้ก็ตรงเข้าบีบคอตงฉิน ตงฉินไม่ยอมสองมือจึงคว้าคอช่อม่วงตอบ บีบคอยื้อกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีสติได้ว่ามีคนขี่มอเตอร์ไซด์คันหนึ่งผ่านมา ตงฉินปล่อยมือจากช่อม่วงทิ้ง วิ่งตามร้องเรียกรถมอเตอร์ไซด์โดยไม่สนใจช่อม่วงที่เดินโขยกเขยกอยู่ข้างหลัง "หือ ไอ้ ไอ้ สุภาพบุรุษ!" ช่อม่วงร้องด่าตามหลัง



หาน้ำมันมาเติมรถจนได้ คราวนี้ไม่ไว้ใจอีกแล้ว ตงฉินแย่งกุญแจมาจากมือช่อม่วงขอเป็นคนขับรถเอง ช่อม่วงเดินอ้อมไปจะขึ้นรถอีกด้าน ตงฉินได้ทีเอาคืน ออกรถขยักขย่อนแกล้งให้ช่อม่วงขึ้นรถไม่ได้และคอยเดินตาม

เฮ้ออ น่ารักอะไรกันขนาดนี้ น่ารักแบบเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับซีรีย์เกาหลี และน่ารักแบบนี้ไม่มีเหมือนใครหรือเหมือนเรื่องไหนมาก่อน

ช่อม่วงเอาเรื่องที่ตงฉินผลักตกข้างทางจนเจ็บตัวกลับมาไปฟ้องแม่กับยาย งานนี้ตงฉินโดนอาม่าด่าสลดเพราะเขาทำยัยช่อตกจริงเจ็บจริงกลับมาบ้าน โดนข้อหาไม่เป็นสุภาพบุรุษรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ (แต่มือหนักยังกะเท้าช้าง) ไปเต็มๆ

แต่ผู้ใหญ่ทั้งสองก็ใช่จะละความพยายาม วางแผนให้ช่อม่วงไปเที่ยวต่างจังหวัดกับตั๋วและที่พักที่มีคนให้มาฟรี ถ้าไม่มีใครไปใช้สิทธิ์ก็เกรงใจคนให้ที่อุตส่าห์เอื้อเฟื้อให้มาและเชื้อเชิญอยู่หลายครั้ง ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างกำลังเก็บกระเป๋าก็พากันเอะใจในการคะยั้นคะยอของยายและอาม่า โทรหากัน จึงได้รู้ว่า โดนยายกับอาม่าเล่นอีกแล้ว สองคนจึงสุมหัวกันซ้อนแผนตลบหลังผู้ใหญ่ทั้งคู่ ออกจากบ้านไปตามคำสั่ง ไปเจอกันด้วยความดี๊ด๊ามีความสุข ตงฉินกลับไปเป็นนายชินหลอกพาลายไทออกจากบ้าน ช่อม่วงในคราบมะม่วง ชวนคุณครูฟองดาวออกมาเปิดหูเปิดตา แล้วแยกตัวออกมาสลัดคราบกลับไปเป็นช่อม่วงกับตงฉิน ระหว่างที่ลั่นล้านัดแนะกันมีความสุขที่จะทำทีไปพบฟองดาวกับลายไทโดยบังเอิญ อาม่ากับยายแช่มก็มาพบสองคนเข้า สองหลานตัวแสบไม่ได้ไปต่างจังหวัดอย่างที่คิดแต่กลับมาสุมหัวกันอยู่แถวนี้ จับมานั่งไต่สวนทวนความจนพอรู้เรื่องที่สองคนรวมหัวกันเพื่อวางแผนล่มการแต่งงาน ยายแช่มและอาม่าโกรธหลานมากที่โกหกพกลม ตีสองหน้ามาหลอกลวงผู้ใหญ่ ( อาม่ากับยายไม่ได้ดูตัวเองกันเลย ลูกไม้ตกใต้ต้นแท้ๆ)

"ผมไม่มีวันรักยัยบะช่อ ต่อให้ผมต้องตายผมก็ไม่มีวันรัก"
"ผมทำไม่ได้ครับอาม่าไปกับยัยบ่ะช่อ ผมตายดีกว่า ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับยัยช่อนี่หรอกครับ"

คำพูดของตงฉิน แรงส์! กระเทือนใจช่อม่วงให้หันขวับมา

"ทำไมฮะ ไปกับฉันแล้วมันทำไม มันต้องตายเลยหรือวะฮะ"

สองคนผุดลุกขึ้นต่อหน้าอาม่าและยาย แล้วก็ทะเลาะกันอีกก่อนจะหันมาสรุปว่า

"จะให้เราสองคนมารักกัน มันเป็นไปไม่ได้"

อุบายหนึ่งแว่บเข้ามาในหัวอาม่า ทำทียอมประนีประนอมประกาศจะตามใจทั้งคู่ ถ้าไม่อยากแต่งงานกัน เพราะอิดหนาระอาใจถึงขีดสุด แต่ว่าเพื่อความสุขของอาม่าสักครั้ง เพื่อเยียวยาความผิดหวังที่อาม่าจะไม่ได้อาหนูช่อมาเป็นหลานสะใภ้ ทั้งสองต้องควงกันไปงานแซยิดของอาม่าที่จะถึงเร็วๆ นี้

ตงกับช่อต่างดีใจจับไม้จับมือกันในที่สุดความร่วมมือและการลงทุนลงแรงที่ทำไปก็เป็นผล ทั้งสองคนพากันเดินหน้าจีบลายไทและฟองดาวอย่างสบายใจ

แต่ไม่ทันไรรื่นรมย์ก็แอบได้ยินยายแช่มเมาท์กับแป้นเรื่องที่วางแผนร่วมกับอาม่า (เพิ่งจะพากันด่าหลานไปหยกๆ) จะประกาศการแต่งงานของทั้งคู่กลางงานแซยิด และสองคนจะไม่กล้าหักหน้าทำลายงานแซยิดของอาม่าท่ามกลางแขกเหรื่อผู้ใหญ่มากมายที่มาร่วมงาน

อาม่ารู้จักฤทธิ์ของตงและช่อน้อยไปแล้ว สองคนนี้หรือจะไม่กล้าหักหน้า ไม่ใช่แค่หน้าหรอกที่จะหัก แต่จะหักหลังให้ด้วย ตงกับช่อวางแผนซ้อนแผน ช่อจะควงพี่ลายไปไปเปิดตัวในฐานะแฟน และตงฉินก็จะควงคุณฟองดาวมาในฐานะเดียวกัน ชิงตัดหน้าไม่ให้อาม่าและยายประกาศงานแต่งออกมาท่ามกลางผู้คนมากมาย



ช่อม่วงกับลายไทเป็นเหมือนพี่น้อง การพาลายไทไปทำหน้าที่แฟนกำมะลอจึงไม่ใช่ปัญหา แต่ความสัมพันธ์ของตงฉินกับฟองดาวนั้นช่างห่างไกลจากคำว่าเพื่อนหรือคนสนิท ตงฉินแทบไม่เคยได้พูดจาตรงๆ กับฟองดาวเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้ช่อม่วงต้องทำงานหนัก หลอกฟองดาวมากินข้าวนอกบ้านและให้บังเอิญพี่ชายตงผ่านมาพบ ช่อม่วงชวนตงฉินกินข้าวด้วยกัน และขอตัวไปห้องน้ำปล่อยให้สองคนคุยกัน ช่อเปลี่ยนตัวเองแต่งหน้า ใส่วิก ติดไฝ สวมชุดคลุมท้อง เมาแอ๋เข้ามาในร้าน มาพบตงฉินกับฟองดาวเข้าก็แสดงกิริยาหยาบคายด่าว่าฟองดาวต่างๆ นานา เมื่อตงฉินออกโรงสุภาพบุรุษปกป้องฟองดาวช่อม่วงก็หันมาเล่นงานทุบตีตงฉินไม่ยั้ง ตามแผนด้วยส่วนหนึ่ง ด้วยความสะใจส่วนตัวด้วยส่วนหนึ่ง (ที่เป็นส่วนใหญ่) ทุบตีไม่มียั้งไม่มีออมมือยังไม่พอ ยัยบะช่อยังนอกบทยกจานยำวุ้นเส้นขึ้นมา เท้าเหยียบขาตงฉินไว้ไม่ให้ดิ้นหนี



"เฮ้ยๆๆๆๆ" ตงส่งเสียงปราม แต่ช่อไม่มีติดเบรกอยู่แล้ว สีหน้าอำมหิตส่งเสียงคำรามลอดริมฝีปากออกมาเบาๆ "แกตายยยยยยยย" เทยำวุ้นเส้นราดหัวตงฉินทันที ยัยช่อนะยัยช่อ ทำกันได้ขนาดนี้ ตงฉินหมดความอดทน เมื่อช่อม่วงยกอาหารอีกจานขึ้นมา ตงฉินตะโกน "หยุด!" ผุดลุกขึ้นแย่งจานไปจากมือช่อม่วงแล้วตรงเข้าอุ้มช่อม่วงออกมาจากร้านทันที (เป็นอีกหนึ่งตอนที่ฮาท้องแข็ง แพทและฟิล์มเล่นได้ธรรมชาติและฮามากๆ) ที่นอกร้านตงฉินบ่นอุบ " ทำอะไร ทำไมไม่เตี๊ยมกันก่อน คิวบู๊น่ะฮะ นี่เล่นหยิบอะไรได้ก็ทุบมาเต็มๆ ทุบเป็นปลาดุกเลย" ช่อม่วงลอยหน้าลอยตาอ้างว่าทำไปเพื่อความสมบทบาท เพราะฟองดาวคอยอยู่ตงฉินไม่อยากทะเลาะด้วยให้เสียแผน รีบกลับเข้าไปหาฟองดาวในร้าน

ฟองดาวมัวแต่ตกใจ ไม่ทันเห็นหน้าค่าตาช่อม่วงให้ชัดๆ เมื่อตงฉินกลับมาเรียกร้องความสงสารที่อาม่าบังคับให้แต่งงานกับผู้หญิงขี้เมามากชู้อย่างช่อม่วง เช่นเดียวกับที่ "มะม่วง" กลับมาจากห้องน้ำ และทำทีรู้เรื่องที่ "คู่หมั้นของพี่ตง" มาอาละวาด มะม่วงยิ่งบีบน้ำตาสงสารพี่ชายสองคนเล่นละครกอดกันร้องไห้หดหู่ ฟองดาวสงสารและยอมตงลงจะช่วยด้วยการเป็นคู่ควงของตงฉินไปในงานแซยิดของอาม่า แผนการก็สำเร็จลงด้วยประการฉะนี้ หุหุ อาม่าและยายเตรียมหลักหักกระอักเลือดได้เลย


สองคนมาชนแก้วน้ำปั่นกันที่สะพานไม้ข้ามคลอง ตงฉินมีความสุขมากแม้ว่าแก้มที่โดนช่อม่วงชุกจะบวมตุ่ย

"ตั้งแต่รู้จักกับเธอมา วันนี้เธอน่ารักที่สุดเลย"
"แล้วปกติฉันไม่น่ารักหรือวะ"
"ก็ .... ไม่นะ" ช่อม่วงก็กำลังอารมณ์ดีที่แผนการณ์เป็นไปด้วยดี จึงไม่ถือสาคำพูดของตงฉินในครั้งนี้
"อะไรจะมีความสุขเท่าที่เราสองคนไม่ต้องแต่งงานกันนะ แค่นี้โลกมันก็สวยงามแล้วนะช่อ"

สองคนยิ้มอารมณ์ดีมีความสุขกัน ไม่มีโอกาสรู้ล่วงหน้าเลยว่า ในอนาคตที่จะไม่ต้องแต่งงานกันจริงๆ นั้น นอกจากมันจะไม่สุขแบบนี้ยังจะทุกข์ขนาดหนักอีกด้วย

แผนแตกโพละ กับคนหน้าแตกละเอียด

ในงานแซยิดของอาม่า แขกเหรื่อมาร่วมงานมากมาย ด้วยไม่อยากให้แผนพลิก อาม่ากิมท้อจึงรวบรัดตัดตอน ประกาศตัวว่าที่เจ้าสาวชิงตัดหน้าก่อนที่ตงฉินและช่อม่วงจะชิงลงมือ ที่วางแผนไว้ว่าเมื่ออาม่ากับยายเห็นคู่ควงแล้วจะไม่กล้าประกาศงานแต่งจึงผิดแผน ช่อม่วงจำใจลากลายไทติดแขนออกมา เช่นเดียวกับการประกาศตัวเจ้าบ่าวตงฉินที่ดึงฟองดาวออกมาข้างตัวด้วย ลายไทกับฟองดาวเห็นหน้ากันต่างฝ่ายต่างเข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายมีแฟนแล้วแต่ยังมาหลอกลวงเป็นชอบพอตน ฟองดาวไม่รู้ว่าช่อม่วงคือน้องสาวสุดที่รักที่ลายไทเคยพูดถึง เธอขอตัวออกจากงานทันทีเพราะเสียใจที่เห็นลายไทมีคนอื่นอยู่แล้ว ลายไทรีบตามไปทันที ทิ้งช่อม่วงกับตงฉินไว้กลางเวที ผู้ใหญ่ทุกคนมองตามฟองดาวและลายไทก่อนจะหันขวับมาจ้องทั้งสองแสบกันเป็นตาเดียว ยายแช่มกับอาม่ารู้สึกเสียหน้าและโกรธหลานทั้งสองมาก

"ช่อ ทั้งชีวิตของยาย ยายไม่เคยขออะไรช่อเลย ถ้าช่อกับตงไม่เหมาะสมกันจริงๆ ยายก็กล้าทำแบบนี้หรอก"

"ก็ถ้าเรื่องอื่นช่อก็ทำให้ยายได้ยกเว้นเรื่องนี้"
"ผมทำแบบนี้ไม่ใช่อกตัญญู แต่ผมรักคุณฟองดาวจริงๆ เห็นใจผมเถอะครับอาม่า ยายแช่ม"

"อาม่าคะ ช่อน่ะ เกลียดไอ้ตงมันจริงๆ นะจ๊ะ เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือน กิ้งกือ เหม็นหน้ามันยิ่งกว่าเหม็นจักกะแร้อีก" ตงฉินมองหน้าเคือง 'นี่ยัยช่อเธอต้องพูดมันขนาดนั้นเลยเหรอ'

"ผมก็เกลียดยัยช่อครับ เกลียดยิ่งกว่าไส้เดือน กิ้งกือ ปลาไหล โคกระบือ เกลียดยิ่งกว่าขี้หมาอีกนะครับ" ช่อม่วงจ้องตงฉินตอบราวจะกินเลือดกินเนื้อ 'ไอ้ตง นั่นมันเกินไปแล้วโว้ย'

ไม่ต้องถกเถียงกัน อธิบายกันให้มากความเพราะย้งยี้กับพี่คล้าวตามมาป่วนด้วยอีกคู่ ขณะที่ฟองดาวกับลายไทหลังจากปรับความเข้าใจกันได้ ก็จูงมือกันมาสารภาพ เพื่อความรักที่มีต่อฟองดาว ลายไทเลือกที่จะกตัญญูต่อยายแช่มแล้วหักหลังน้องสาวช่อม่วงด้วยการสภาพความจริง เขากับช่อม่วงไม่ได้รักและเป็นแฟนกัน สายตาของลายไทที่มองมายังช่อม่วงมีความรู้สึกผิดและเสียใจ

"น้องช่อจ๊ะ พี่ขอโทษ พี่คงร่วมมือกับน้องช่อโกหกคุณยายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว"

ทางฝ่ายฟองดาวก็สารภาพความจริงด้วยเช่นกัน เธอไม่ได้รัก และไม่ได้เป็นแฟนตงฉิน ฟองดาวเอ่ยปากขอโทษที่ไม่อาจช่วยเหลือตงฉินอีกต่อไปได้ แล้วสองคนก็โอบประคองกันหันหลังออกไปจากงาน ตงฉินกับช่อม่วง ก่อนที่จะถูกทุกคนรุมเล่นงาน จึงหงายหลังเป็นลมล้มพับอยู่ตรงนั้น

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า" อาม่ากิมท้อไม่เคยได้หัวเราะสมน้ำหน้าใครด้วยความสะใจแบบนี้มาก่อน ตัวแสบทั้งสองกล้าหักหน้าผู้ใหญ่กลางงานแล้วเป็นไงล่ะ หน้าแตกเสียเอง

"อาตง ลื้อขัดขืน แข็งข้อกับอาม่า อาม่าจะลงโทษลื้อ โดยการเร่งงานแต่งงานให้เร็วขึ้น""
อาม่าทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ"
"ทำไมไม่ได้ ทีพวกลื้อยังกล้าฉีกหน้าอั๊ว"

เอาเป็นว่าอาม่ารู้แล้ว ตงฉินหลงรักหลานสาวอาคุงนายหม่อมเกลือนั่น อาม่าไม่พอใจมากเพราะยังแค้นใจหม่อมแจ่มใสไม่หายและไม่คิดว่าเค็มอย่างนั้นจะยอมเกี่ยวดองรับหลานสาวมาร่วมวงศ์ตระกูลกันได้ ถึงอาม่าจะดีใจที่ลายไทกับฟองดาวรักกันไปซะได้ แต่จากประสบการณ์อาม่าไม่ไว้ใจหลานทั้งสอคนอีก สองคนกับยัยแช่มคิดว่าต้องวางแผนอย่างระมัดระวังรอบคอบมากขึ้น ไม่ได้ห่วงคนของเขา (ลายไทกับฟองดาว) แต่ห่วงคนของเรา เพราะช่อม่วงกับตงฉินคงไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจง่ายๆ และถ้าเกิดไปทำให้ลายไทกับฟองดาวแตกคอกันได้สำเร็จก็จะเป็นปัญหาขึ้นมาอีก ยายแช่มไม่กังวลนักกับการรับมือหลานทั้งสองแถมยังให้กำลังใจอาม่าหากลายไทกับฟองดาวมีอันต้องเลิกรากันจริง

"ฉันเชื่อสายตาตัวเองดี ลายไทคงไม่หันมามองยัยช่อหรอก"

สองคนตงกับช่อก็รู้แล้วเช่นกันระหว่างลายไทกับฟองดาวเป็นกิ๊กกันอยู่ ต่างรู้ตัวว่าระดับความยากเย็นในการคัดค้านงานแต่งงาน ได้เพิ่มมากขึ้นตามขนาดของอุปสรรค

ถึงแม้เรื่องต่างๆ จะเป็นแผนการณ์ที่กุขึ้น แต่การถูกลายไทหักหลักกลางคันทำให้ช่อม่วงเสียใจไม่น้อย ลายไทก็รู้ตัวดีว่าผิดและมาขอโทษพร้อมทั้งสารภาพเหตุผลที่เขาทำแบบนั้นก็เพราะเขารักคุณฟองดาว ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ช่อม่วงเสียใจหนักขึ้น แม้ต่อหน้าจะไม่โวยวาย แต่หลังจากนั้นช่อก็ลงทุนประท้วงด้วยการแกล้งล้มป่วย (ตรอมใจขนาดนั้น) ลายไทพยายามจะมาเยี่ยมน้อง แต่ก็ถูกยายแช่มกีดกัน แถมอาม่ายังบังคับให้ตงฉินเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ามานอนค้างบ้านยายแช่มเพื่อดูแลช่อม่วงในฐานะคู่หมั้นคู่หมายที่กำลังจะแต่งงานกัน ลายไทที่เป็น 'คนอื่น' ต้องล่าถอยไป

ตงฉินกล่าวหาช่อม่วงเรื่องที่เธอสิ้นไร้ไม้ตอก ถึงขนาดต้องลดศักดิ์ศรีด้วยการแกล้งป่วยเพื่อยื้อลายไทไว้ แต่เมื่อถูกตอกหน้าว่าตงฉินเองก็ไม่ได้มีแผนอะไรที่ดีกว่านี้ เมื่อร่วมมือกันไม่สำเร็จเธอก็จะหาทางด้วยตัวของเธอเอง การที่เธอต้องล้มป่วยก็เพื่อไม่ให้ลายไทสะดวกนักที่จะไปหา ไปสานสัมพันธ์กับฟองดาวในขณะที่ยังรู้สึกผิดต่อช่อม่วงอยู่ ตงฉินเถียงไม่ออกก็เลยต้องตกกระไดพลอยโจน ตามน้ำ เลยตามเลยตามแผนป่วยของช่อม่วง ความใกล้ชิดของตงและช่อ ทำให้หลายๆ ครั้ง แม้จะทะเลาะกันอยู่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็กลับกลายเป็นเข้าใจผิดว่าเด็กๆ ทั้งสองคนกำลังรักกันหวานชื่น

เมื่อลายไทถูกกีดกันมาเยี่ยมช่อม่วงไม่ได้ เขาก็มีเวลาที่จะไปหาฟองดาว ตงกับช่อเห็นแผนการณ์ป่วยไม่ได้ผล ช่อม่วงหายดี ตงฉินกลับไปบ้านของตน และสนธิสัญญาความร่วมมือระหว่างช่อกับตงก็เริ่มขึ้นอีกครั้งโดยมีเป้าหมายปฏิบัติการคือ ทำลายล้างความรักของลายไทและฟองดาว

เช่นเดียวกับพี่คล้าวกับย้งยี้ที่คอยเทียวไล้เที่ยวขื่อก่อความรำคาญ (พี่คล้าว) และความหวาดกลัว (ย้งยี้) ให้กับช่อม่วงและตงฉิน พี่คล้าวนั้นถึงกับลงทุนวางแผนอุ้มช่อม่วงเพื่อรวบหัวรวบหางแต่ปรากฏว่าอุ้มผิดตัว ไปอุ้มเอายายแช่มไป ทำให้ไอ้พี่คล้าวงานนี้โดนด่าแทบเสียผู้เสียคน

ส่วนย้งยี้ ตอนที่ตงฉินไปค้างบ้านช่อม่วง เธอพาลูกน้องมาราวีเพื่อตามตงฉินกลับบ้าน ไม่ว่ายังไงหมวยทอร์นาโดอย่างย้งยี้ก็ไม่ยอมกลับถ้าไม่ได้ตงฉินไปด้วย ช่อม่วงออกอุบายให้ย้งยี้ล่าถอยกลับไปด้วยการรับปากจะให้ตงฉินไปเที่ยวด้วยหนึ่งวัน เมื่อสัญญาของช่อม่วงเป็นเพียงลมปากที่ไม่มีใครสนใจทำตามหลังจากนั้น ย้งยี้จึงพาลูกน้องนักเลงมาดักฉุดตรงฉินอีกครั้ง ที่สุดของความจวนตัวที่จะช่วยเหลือตัวเองได้ คนที่ตงฉินนึกถึงในยามเดือดร้อนก็คือช่อม่วง

"ยัยบะช่อ! ฉันกำลังตกอยู่ในอันตรายเธอรีบมาช่วยฉันด่วนเลย"

ช่อม่วง ที่ปากบอกปัด ปฏิเสธการให้ความช่วยเหลืออย่างไม่มีเยื่อใย แต่ทุกครั้งการกระทำก็ตรงกันข้าม ช่วยไป บ่นไป

"โว้ย ทำไมฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ เพื่อแกด้วยนะ"

มันเป็นปฏิบัติการหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างคู่ย่ายาย และคู่ลูกคู้หลานโดยแท้ ทั้งอาม่ากิมท้อ ยายแช่ม แม่รื่นรมย์ เตี่ยโจว ช่อม่วง และตงฉิน ต่างก็มีแผน และแผน และแผนของตัวเองที่จะทำให้ความต้องการบรรลุความสำเร็จ ตงฉินกับช่อม่วงแสร้งทำเป็นรักและสนิทสนมกันมากขึ้นเพื่อที่จะได้ควงคู่กันตะลอนๆ ออกไปทำตามแผนของตนได้ อาม่ากับยายพยายามจับให้มั่นคั้นให้ตายเพื่อตามดูว่าเด็กสองคนคบคิดทำอะไรกันอยู่ แต่ก็ไล่ไม่ทันเสียที ครั้งหนึ่งอาม่าเคยสะกดรอยหลานสองคนไปที่ร้านอาหาร ตงกับช่อเกือบจะจวนตัว ต้องหลบกันหัวซุกหัวซุน เพื่อที่จะหลบอาม่าให้พ้น ตงฉินถึงกับกอดช่อม่วงคนที่ตนออกปากว่าเกลียดนักเกลียดหนาเอาไว้ทั้งตัว และนั่นก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่ดูกุ๊กกิ๊กและน่ารักมากๆ

บ้านของฟองดาวกำลังจะถูกยึด ตงฉินรู้เข้าโดยบังเอิญจึงอยากจะหาทางช่วย ด้วยการลากตัวช่อม่วงออกมาจากบ้าน และขอให้ช่อม่วงไปคุยกับคุณน้าญาติของเธอที่เปิดโรงเรียนสอนแดนซ์ให้จ้างคุณหม่อมแจ่มใสไปสอนรำไทย ช่อม่วงเห็นแก่ผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับหากฟองดาวซาบซึ้งในน้ำใจตงฉิน สองคนจึงช่วยกันขอร้องโดยหลอกเจ้าของโรงเรียนว่าหม่อมแจ่มใสเป็นมะเร็งและอยากจะสอนรำไทยอย่างมีความสุขความภาคภูมิใจในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต (ตงและช่อใช้หมัดหนักในการแก้ปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ) ตงฉินถือโอกาสคอยไปรับไปส่งหม่อมแจ่มใส และพาไปกินอาหารซึ่งหม่อมก็ยินดีที่มีคนช่วยประหยัด( เค็มอยู่แล้ว) อาม่ากับเตี่ยโจวมาพบตงกับหม่อมเข้า เกิดเป็นเหตุให้ทะเลาะกันอาม่าอาโจวจิกด่าคุณหม่อมแจ่มใสที่โกรธและอับอายจนตัวสั่น แม้ตงฉินจะพยายามช่วยหม่อมสุดชีวิตแต่ก็ไม่อาจแก้ไขเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปในทางที่ดีขึ้นได้

ตงโทรเรียกช่อออกมาที่สะพานไม้ ช่อมาหาและพบว่าตงกำลังเศร้าสุดขีดกับสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นระหว่างผู้ใหญ่ของตนและฟองดาว

"โถๆ ไอ้ตง ฉันไม่เข้าใจเล้ยว่าทำไมแกถึงได้ซวยแบบนี้วะ""
นี่จะมาช่วยหรือมาซ้ำเติมกันแน่ยัยช่อ"

ช่อม่วงไม่มีแก่ใจจะเยาะเย้ย ตรงกันข้าม ช่อกลับเห็นอกเห็นใจตงฉินอย่างแท้จริง

"ก็แกน่ะ ทำไมไม่รู้จักระวังให้ดี ปล่อยให้อาม่ากับลุงโจวสะกดรอยตามแกได้ยังไง"
"ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าอาม่ากับเตี่ยจะทำถึงขนาดนี้"

อย่างที่อาม่าบอกไง หลังจากเหตุการณ์วัดแซยิด อาม่าไม่มีทางไว้ใจช่อม่วงกับตงฉินอีก

"เฮ้อ บะช่อเอ๊ย ฉันคงหมดเครดิตให้หม่อมเอ็นดูฉันอีกต่อไปแล้ว เธอต้องช่วยฉันนะยัยบะช่อ"

ช่อม่วงเอื้อมมือไปตบไหล่ตงฉินปลอบใจ

"เออ ค่อยๆ คิดนะ เดี๋ยวมันก็มีทางออกเองแหละ ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยให้แก เสียคะแนนไป แล้วก็ปล่อยให้พี่ลายไทยเค้าได้เรตติ้งอยู่คนเดียวหรอก ฉันนะ จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้แกได้คะแนนกลับมาให้ถึงที่สุดเลย"

เสียงเจื้อยๆ ปลอบใจของช่อม่วง มือที่คอยตบไหล่ให้กำลังใจ ทำให้ตงฉินรู้สึกดีขึ้น สายตาที่มองช่อม่วงบ่งบอกความเชื่อมั่น ไว้วางใจ และที่สำคัญมันมีความซาบซึ้งใจปะปนอยู่ในนั้นด้วย

ติดตามอ่าน

Smiley มนต์รักข้าวต้มมัด รัก สู้ ฟัด บนสังเวียนข้าวต้มมัด - ยกที่ 3
Create Date :05 พฤษภาคม 2554 Last Update :22 กุมภาพันธ์ 2558 8:57:04 น. Counter : Pageviews. Comments :0