bloggang.com mainmenu search



สวัสดีค่ะ




วันนี้จะมารีวิวที่พักเล็กๆ อีกที่จ.จันทบุรีนะคะ ซึ่งการไปครั้งนี้เป็นการไปงานบวชน้องที่ทำงานค่ะ ซึ่งตอนแรกก็หาโรงแรมว่าจะพักที่ไหนดี ก็เล็งๆ ไว้สองที่คือ มณีจันทร์กับที่นี่ แต่เนื่องด้วยการดีลงานกับมณีจันทร์ไม่ค่อยประทับใจ สุดท้ายก็เลยมาลงตัวที่นี่แทนค่ะ





website โรงแรมนะคะ คือ

//www.kasemsarnhotel.net


แต่ไม่สามารถใ้ช้ได้ค่ะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร ยังงงอยู่

ถ้าัยังไงก็ติดต่อทางโทรศัพท์เบอร์ 039-311100, 039-312340 แทนแล้วกันค่ะ









สำหรับเส้นทางการวิ่งจากกรุงเทพฯ ก็วิ่งไปทางที่จะไปจ.จันทบุรีหละค่ะ


จนเจอแยกแมคโคร (แยกเดียวกับที่ไปร้านจันทรโภชนา เพราะร้านจันทรฯ นี่ติดกับโรงแรมนี้เลยหละค่ะ หุๆ) ก็เลี้ยวขวาเข้าไป ก็วิ่งทางหลักๆ ไปจนกระทั่งข้ามสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี เจอสามแยกก็เลี้ยวซ้ายไปค่ะ ประมาณสัก 500 เมตรก็จะเจอโรงแรมเกษมศานต์ ซึ่งอยู่ติดกับร้านจันทรฯ แล้วค่ะ




















เลี้ยวซ้ายเข้าซอยไประหว่างร้านจันทรฯ กับโรงแรมเกษมศานต์ ก็จะเจอที่จอดรถอยู่ทางขวามือนะคะ




















จากลานจอดรถก็เดินไปทางตึกที่อยู่ติดกับถนนค่ะ นั่นคือส่วนของล็อบบี้ของที่นี่นะคะ




















เข้าจากประตูหลัง ทางขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเช็คอินค่ะ




















ค่าห้องของที่นี่ก็ตามนี้เลยนะคะ


ข้อแตกต่างระหว่างสแตนดาร์ดเอ (800 บาท) กับสแตนดาร์ดบี (880 บาท) ก็คือ สแตนดาร์ดบีจะมีระเบียงค่ะ ที่จริงเราจะจองเดอลักซ์ แต่ปรากฏว่าวันนั้นเต็มค่ะ เซ็งจิต เลยต้องเลือกสแตนดาร์ดบี ซึ่งกลายเป็นเตียงทวินง่ะ อดหนุนแขนที่รักเลย (น่าหมั่นไส้เนาะ สร้างภาพสุดๆ )


อ้อๆราคานี้ สำหรับสแตนดาร์ดเอและบีไม่รวมอาหารเช้านะคะ ถ้าจะทานอาหารเช้า (เซ็ตเมนู) เพิ่มอีกคนละ 120 บาทค่ะ




















ถ้าหันหน้าเข้าเคาน์เตอร์ ฝั่งขวาืมือก็จะมีที่นั่งนิดหน่อยนะคะ ไม่มาก ด้านในนั่นถ้าจำไม่ผิดเป็นล็อบบี้เล้าจน์ค่ะ





















ส่วนฝั่งซ้ายมือจะมีที่นั่งเยอะกว่าค่ะ แล้วก็เป็นทางเข้าห้องอาหารของโรงแรมด้วย

ชื่อร้านท่าหลวงนะคะ






















การเช็คอินที่นี่ต้องกรอกแบบฟอร์มนะคะ แล้วก็ชำระค่าห้องด้วยบัตรเครดิตได้ค่ะ























จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้น 3 ค่ะ เจ้าหน้าที่ก็ยกกระเป๋าขึ้นไปให้ (ที่นี่ไม่มีลิฟท์นะคะ)

ถึงชั้น 3 ก็เดินลิ่วๆ ไปที่หัวมุมตึกค่ะ





















แต่ตรงโถงที่อยู่ตรงทางขึ้น-ลงบันได ก็จะมีที่นั่งเล่นนะคะ

สำหรับห้องที่เปิดอยู่ ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นห้อง Suite นะคะ




















เลขที่ออก 315 ค่ะ เปิดเข้าไปปุ๊บ ก็เอากุญแจเสียบใส่คีย์บ็อกซ์เพื่อให้ระบบไฟทำงานนะคะ




















ส่วนที่อยู่ติดกับผนังด้านประตู ก็จะเป็นชั้นให้วางของ พวกกระเป๋า รองเท้า ฯลฯ นะคะ




















ห้องนี้เป็นเตียง twin นะคะ ค่อนข้างเล็ก ถ้าคนตัวใหญ่ๆ นอนหละก็..คงเกร็งน่าดูค่ะ แหะๆ





















ส่วนฝั่งริมกระจกที่จะเปิดไประเบียงได้ จะเป็นชุดนั่งเล่นกับโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ




















เปิดไปดูวิวกัน วิวไม่มีอะไรน่าสนใจค่ะ ถ้าอยากประหยัด จะเอาแบบไม่มีระเบียงก็ได้

แต่ก็มีที่ให้นั่งชมโน่นนี่น่ะนะคะ ส่วนทางขวามือนี่เป็นตึกของร้านจันทรโภชนาที่เราเคยรีวิวแล้วนะคะ




















สำหรับปลายเตียงก็จะเป็นทีวีกับตู้เย็นที่อยู่ในชั้นแบบบิวท์อินเจาะไปในผนัง

ประตูขวามือนี่คือห้องน้ำค่ะ

ส่วนแอร์ก็อยู่เหนือทีวีขึ้นไปนะคะ






















ในตู้เย็นมีแต่น้ำเปล่าฟรี 2 ขวดค่ะ ซึ่งถ้าอยากกินอะไรอย่างอื่น ก็สามารถไปซื้อได้ที่ด้านล่าง (ชั้นเดียวกับล็อบบี้) จะอยู่ติดกับเคาน์เตอร์ที่เช็คอินเลยหละค่ะ เดี๋ยวจะมีรูปให้ดูนะคะ





















ห้องน้ำนะคะ ค่อนข้างแคบและเล็กค่ะ ฝั่งซ้ายมือเป็นฝักบัว ตรงกลางเป็นโถสุขภัณฑ์ ส่วนขวามือก็อ่างล้างหน้าแล้ว ห้องแบบนี้ไม่มีอ่างอาบน้ำนะคะ





















ของใช้ที่มีให้ค่ะ เก๋ตรงมีบวบให้ขัดตัวด้วยนี่แหละ




















ตู้เสื้อผ้าแบบบิวท์อินอีกเช่นกันค่ะ ไม่มีอะไรนอกจากถุงลอนดรี้กับไม้แขวนเสื้อค่ะ




















ที่นี่สามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้ฟรีค่ะ




















คุณชายเช็คเมล์อยู่สักพัก (ทั้งที่ตอนแรกสัญญาว่าจะพาไปโบสถ์พระแม่ฯ แท้ๆ ไปๆ มาๆ เจ้าตัวขี้เกียจซะงั้น เลยอดไปเลยค่ะ) ก็ออกไปหาอาหารเย็นทานกันค่ะ โดยโทร.ปรึกษากับทางโรงแรมแล้วเค้าก็ให้ลิสต์มาหนึ่งร้านค่ะ

ก็ออกไปหาอะไรกินกัน พร้อมกับเก็บภาพเพิ่มอีกนิดหน่อย

เสน่ห์อย่างหนึ่งของที่ี่นี่ก็คือต้นไม้เลื้อยที่ปล่อยระย้าลงมาตามตึกนี่หละค่ะ ทำให้ตึกไม่ดูแข็งกระด้างมากเกินไปอะเนาะ






















ลงมาที่ล็อบบี้ ปรากฏว่ามีคนมาเล่นเปียโนให้ฟังด้วยค่ะ

แถมเล่นเพลงลูกกรุงเก่าๆ ด้วย เพราะเชียวหละค่ะ





















ก็ไปติดต่อที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ก็ให้แผนที่พร้อมอธิบายทางไปค่ะ

แต่ร้านที่เราจะไปนี่ อยู่เลยแผนที่ไปอีกนะคะ แต่ก็พอจะไปถูกอยู่ค่ะ





















ตัดฉับมาหลังกินอาหารค่ำเสร็จ (อาหารค่ำจะรีวิวบล็อกหน้านะคะ)

ก็เลยมีโอกาสได้เก็บภาพตึกของที่พักมาให้ค่ะ (กระจกเป็นฝ้าเชียว หนาวซ้า...)





















เก็บรูปตู้เย็นส่วนกลางที่ขายของให้กับแขกที่มาพักค่ะ

ถ้าจำไม่ผิดขายถึงราวๆ 22.00 น. หรือ 23.00 น.นี่แหละค่ะ

ราคาชาร์จนิดหน่อย ไม่โหดนะคะ





















ปิดท้ายรีวิวที่นี่ด้วยรูปเบียร์ (ที่ซื้อมาจากข้างนอก) กับแก้วของที่นี่ซึ่งคงคอนเซปต์ย้อนยุค

ถามเพื่อจะขอซื้อด้วยนะคะ แต่เขาไม่มีขายอ้ะ เสียดายอย่างแรง




















สรุปสำหรับที่นี่นะคะ


ข้อดี


ราคาประหยัดค่ะ แล้วก็ตั้งอยู่ใกล้ร้านอาหารที่ขึ้นชื่อมากๆ ของจ.จันทบุรี ใกล้ขนาดที่เรียกว่า เดินไปได้นั่นแหละ (ข้ามซอยข้างๆ โรงแรมไปเอ๊งงงง) โรงแรมมีให้เลือกหลายราคาค่ะ ซึ่งก็ทำให้มีความหลากหลายในการที่เราจะเลือกได้ (แต่ไม่ได้ขอไปถ่ายรูปห้องอื่นเลยค่ะ เนื่องจากไม่มีเวลาเลยง่ะ แหะๆ อีกอย่าง ห้องเดอลักซ์ก็เต็มด้วยค่ะ ไปถ่ายไม่ได้อยู่แล้วง่ะนะ)

ทำเลก็เรียกได้ว่าอยู่ในตัวเมืองเลย ไปไหนมาไหนก็ค่อนข้างสะดวกใช้ได้อยู่นะคะ ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญหนึ่งของที่นี่ด้วยนั่นก็คือ โบสถ์พระแม่นิรมลน่ะค่ะ






ข้อด้อย



ห้องแบบที่เราพักจะค่อนข้างเล็กค่ะ เตียงก็เล็ก คนตัวใหญ่อาจจะนอนแล้วรู้สึกไม่สบายนัก วิวทิวทัศน์ก็ไม่มีจุดขายอะไรพอที่จะทำให้อยากจ่ายแพงขึ้นเพื่อให้มีระเบียงชมวิว (แ่ต่ตรูก็จ่าย )

สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ของโรงแรมไม่มีมากนัก แต่ก็เนื่องจากเป็นโรงแรมเก่าแก่ที่นำมาปรับปรุงใหม่ ก็พอจะเข้าใจได้อยู่น่ะนะคะ











ก็หวังว่า คงพอจะเป็นข้อมูลให้ท่านที่กำลังตัดสินใจหาที่พักที่จันทบุรีได้นะคะ














ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

754286/6022/512

Create Date :03 พฤศจิกายน 2553 Last Update :3 พฤศจิกายน 2553 9:00:52 น. Counter : Pageviews. Comments :32