bloggang.com mainmenu search





สวัสดีค่าทุกท่าน



หลังจากที่ได้รีวิวอนันตราในส่วนของห้องพักของเราไปแล้วที่ ลิงค์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)





วันนี้จะพาไปชมห้องพักแบบอื่นๆ ในตึกโซนอื่น (ที่ไม่ใช่โอเชี่ยนฟรอนท์) รวมทั้งส่วนบริการต่างๆ ของที่นี่กันบ้างนะคะ ว่าเขามีอะไรให้เราได้ใช้บริการกันบ้างค่ะ

ส่วนอาหารเช้าของทั้งสองวัน ขอยกยอดไปอีกบล็อกหนึ่งนะคะ เพราะไม่เช่นั้น คงเกินจากที่บล็อกแกงค์กำหนดไว้แน่ๆ ค่ะ แหะๆ




ซึ่งที่มีโอกาสได้ไปดูห้องแบบอื่นๆ ด้วย ก็อย่างที่บอกนะคะว่า เพื่อนคนที่ไปเขาขอเซอร์เวย์ด้วย ก็เลยได้โอกาสมาทำรีวิวให้ดูกันค่ะ







เริ่มต้นด้วยระหว่างรอเจ้าหน้าที่ที่จะพาไปเซอร์เวย์มา ก็ถ่ายเรทการแลกเงินของโรงแรมค่ะ (แพงเป็นปกติของรร.แหละนะคะ)













หันหน้าเข้าเคาน์เตอร์มองไปทางขวามือจะเป็น ตรงโซนนี้นะคะ ที่บอกว่าเป็นโซนที่ถ้ามีกรุ๊ปมา เค้าจะให้ไปรับเวลคัมดริ๊งค์ (คงจะได้ไม่วุ่นวายกับแขก FIT ด้วยแหละค่ะ)



บริเวณที่รับเวลคัมดริ๊งค์นี่เรียกว่า Lounge Cafe นะคะ















จากโซนเมื่อกี๊ (หันหน้าเข้า) เจ้าหน้าที่ก็เริ่มพาเดินไปทางซ้ายค่ะ จะผ่านร้านซูวีเนียร์ของทางโรงแรม



















จากนั้นก็พาไปดูห้องในตึก Seaview ค่ะ (ซึ่งขอบอกว่า..วิวสวยสู้ Ocean Front ไม่ได้นะคะ) ก็ถ่ายมาบางส่วนนะคะ เพราะส่วนมากแล้ว ห้องไม่ได้ต่างกับโอเชี่ยนฟรอนท์ (ยกเว้นวิว)

ห้องที่ไปมีคอนเนคติ้งภายในห้องเลยค่ะ (โอเชี่ยนฟรอนท์ที่เราพัก จะคอนเนคติ้งที่ระเบียง..ยังจำกันได้มั้ยคะ?)

























ห้องที่เราดูนี่เป็น Deluxe Seaview นะคะ ตัวคอนเนคนี่ไม่ได้มีทุกห้องค่ะ มีแค่บางห้อง ถ้าต้องการต้องแจ้งนะคะ

จะเห็นว่าตัวกระเป๋าจ่ายตลาด (อิอิ) ไม่เหมือนกับทางฝั่งโอเชี่ยนฟรอนท์นะคะ รวมทั้งผ้าบนที่นอนก็พับเป็นรูปน้องกระต่าย หาใช้น้องช้างเหมือนฝั่งนั้นไม่ (ไม่รู้ว่าทำตายตัวอย่างนี้ทุกครั้งหรือเปล่านะคะ)























ส่วนลายที่หัวเตียงออกน้ำตาล-ทอง ซึ่งจะเหมือนกับห้องของเพื่อนเราค่ะ (แต่ห้องเราเป็นสีเขียว)




















ชั้นที่เราไปเซอร์เวย์นี่เป็นชั้นสองนะคะ จะมีการประดับอย่างนี้อยู่ตรงทางเดินด้วย (โอเชี่ยนฟรอนท์ไม่มี)
















จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างค่ะ เดินเลาะไปตามทางเดิน ตามเจ้าหน้าที่ไปกันเล้ย





















จะเห็นว่า ฝั่งซีวิวนี่ จะไม่ได้เห็น Sea ชัดๆ นะคะ จะมีสวนคั่นหน่อยๆ ด้วยง่ะ ซึ่งเราว่า..โอเชี่ยนฟรอนท์ได้เปรียบเรื่องวิวกว่าค่ะ (แต่ก็แพงกว่าด้วย เง่อ..)



















สระว่ายน้ำของรร.ค่ะ และบาร์ริมสระว่ายน้ำ





















จากสระว่ายน้ำ มองย้อนไปทางขวา ก็จะเห็น Lounge Cafe ที่อยู่ชั้นบน ส่วนชั้นล่างเป็นห้องอาหารเช้า - ห้องลีลาวดีค่ะ



















เตียงริมสระว่ายน้ำ(ปรับระดับการเอนได้ด้วยนะคะ)


















อ้อๆ ลืมบอกอีกแล้ว สระว่ายน้ำลึกสุดอยู่ที่ 160 ซม. นะคะ (เราจมได้แหละ แหะๆ คนมันเตี้ยอะนะ)


ส่วนนี้คือภายนอกของตัวตึก Seaview ค่ะ (รร.นี้จะเป็นตึก 3 ชั้นนะคะ)



















สระเด็กและที่ล้างเท้า (จำไม่ได้แล้วว่ามีชาวเวอร์ให้ล้างตัวด้วยมั้ยนะคะ) ก่อนลงสระ หรือสำหรับเวลาเพิ่งขึ้นจากหาดมาด้วยกระมังนะ




















เดินต่อไปค่ะ เราจะไปดูห้องประชุมกัน

มีคบไฟ (ปลอม) ประดับที่ทางเข้าก่อนเดินไปสู่บริเวณห้องประชุมด้วย






















เค้าจัดเป็นห้องประชุมที่มีสวนเล็กๆ อยู่ระหว่างกลางด้วยค่ะ เอาไว้ให้พักผ่อนสายตาเวลาประชุมกันเครียดๆ มั้งนะ

















ห้องประชุมที่เจอก่อนทางซ้ายมือ เป็นห้องสำหรับ break out นะคะ ได้ห้องละประมาณ 24 คนค่ะ



















จากนั้นก็เดินเข้าไปสู่ห้องมรกต ซึ่งเป็นห้องประชุมขนาดใหญ่สุดที่มีของที่นี่ค่่ะ

ถ้าจัดเป็นคลาสรูมจะได้ 90 ที่ค่ะ แต่ถ้าเป็น banquet จะได้ประมาณ 10 โต๊ะๆ ละ 12 ที่นั่ง ceiling สูง 4.5 เมตรนะคะ (ได้ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ล้วนๆ ค่ะ เรื่อง cieling นี่บางกรุ๊ปซีเรียสมากๆ นะคะ เหอๆ)






















เวทีจะจัดได้เล็กๆ แค่นี้ค่ะ





















ส่วนด้านหน้าห้อง ก็จะเป็นไลน์สำหรับวางพวกเบรคน่ะแหละค่ะ





















จากนั้นก็จรลีจากห้องประชุมมาดูส่วนอื่นๆ กันค่ะ

ลานตรงริมทะเลนี่ เจ้าหน้าที่บอกว่า เคยมีกรุ๊ปที่สัมมนาสไตล์สบายๆ หน่อย ก็เคยจัดตรงนี้กันมาแล้ว





















ตัว Lounge Cafe ชั้นบนค่ะ ส่วนชั้นล่างห้องอาหารเช้านี่ชื่อลีลาวดีค่ะ

ที่ห้องอาหารนี่ทุกวันเสาร์จะมี Thai Night นะคะ จะมีพ่อค้า แม่ค้ามาขายของ แต่เรากลับก่อนเลยไม่ได้เห็น แหะๆ

















จากนั้นก็ไปที่ Beach House Bar ค่ะ ตรงบริเวณนี้จะมีชิงช้าสีขาวๆ เอาไว้นั่งชิลได้ด้วย

แถวนี้เวลาประมาณ 17.30 น.จะมี sunset cocktail ด้วยนะคะ (ช่วง Happy Hour นี่ 17.30-18.30 น.ค่ะ)




















ตรงบริเวณนี้ ถ้าขึ้นไปชั้นบนจะเป็นห้องอาหาร Aqua ค่ะ เดี๋ยวค่อยพาไปดูเนาะ





















หาดของทางรร.ค่ะ




















ห้องระหว่าง Beach House Bar กับห้องอาหารลีลาวดี ก็จะเป็นส่วนของ Diversion Center ค่ะ เป็นห้องสำหรับติดต่อกิจกรรมและยืม DVD ได้ (เดี๋ยวพาไปดูละเอียดๆ นะคะ)


















ส่วนหนังสือในโซน Beach House Bar นี้ก็เอาไปอ่านที่ห้องพักเราได้นะคะ แม่บ้านจะเก็บมาให้เองค่ะ หรือจะนั่งอ่านที่นี่ก็ได้























จากนั้นก็ขึ้นบันไดมาชั้นบนที่ห้องอาหาร Aqua ค่ะ เป็นห้องอาหารมีแอร์นะคะ จะเน้นอาหารอิตาเลียนค่ะ

เชฟที่นี่ได้รางวัลอะไรซักอย่างด้วย (เราถ่ายรูปมานะ แต่หาไม่เจอซะงั้น เง่อ)





















ภายในห้องอาหาร Aqua ค่ะ บรรยากาศดีสุดๆ


























นั่งจิบไวน์ รับประทานอะไรอร่อยๆ กับคนรู้ใจ





















นอกจากนั้นก็มีโซนนอกห้องแอร์ด้วยค่ะ แต่ฤดูนี้คงไม่เปิด แหะๆ




















จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปที่ตึกโอเชี่ยนฟรอนท์ค่ะ ไปดห้อง Suite กัน ห้อง 311 ค่ะ (ห้อง suite ที่นี่มี 4 ห้องนะคะ ฝั่งละ 2 ห้องค่ะ แล้วก็มีห้องสวีทแบบ pool ด้วยค่ะ)
























เปิดเข้าห้องปุ๊บ ทางขวาจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำค่ะ ส่วนทางซ้ายมือก็จะเป็นอุปกรณ์ชากาแฟ ต่างๆ นานา























เดินเข้าไปสำรวจในห้องน้ำก่อนแล้วกันค่ะ

เดินเข้าไปจะเป็นลักษณะ walk-in closet เลย (เค้าเรียกกันอย่างนี้ใช่ปะคะ?)

ซ้ายมือจะเป็นที่นั่ง พร้อมกับกระเป๋าจ่ายตลาดเช่นเคย ทางขวามือก็อุปกรณ์ครบครันค่ะ เสื้อคลุม เสื่อโยคะ ร่ม ฯลฯ






















เดินเข้าไปอีก ทางซ้ายมือก็จะเป็นส่วนของอ่างล้างหน้า (มีสองอ่าง) มีเครื่องชั่งน้ำหนัก จะเห็นส่วนของห้องนอนแว้บๆ แล้วนะคะ




















แต่ถ้าหันไปทางขวามือก็จะเป็น bath tub แล้วก็ตู้ shower นะคะ




















ส่วนอีกฝั่งก็จะเป็นตู้กระจกอีกค่ะ เป็นโถสุขภัณฑ์นะคะ (ติดกับอ่างอาบน้ำไปหน่อยเนาะ)




















ไปดูส่วนของห้องนอนกันดีกว่า สวยดีค่ะ
























ผ้าเช็ดตัวห้องนี้จะพับเป็นรูปเต่าค่ะ



















โต๊ะทำงานและทีวีแบบจอแบ๊น แบนของโซนี่ค่ะ






















ออกมาดูส่วนของ Living room กันบ้างนะคะ ก็มีทีวีอีกเครื่องค่ะ จอแบนเช่นกัน

มีโต๊ะสำหรับนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย























หันไปอีกฝั่งจะเห็น Day Bed เอิ่ม..ค่ะ

มีกล้องส่องทางไกลให้ด้วยนะ























นั่งเล่นชิลๆ ดูวิวไปด้วย




















ให้ดูประตูเชื่อมระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นอีกที จะเห็นว่าเดินออกมาจากห้องนอน ซ้ายก็จะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ขวาก็เดย์เบดนะคะ




















ระเบียงห้องนอนกับห้องนั่งเล่นจะเป็นระเบียงยาวเลย






















ด้านล่างของห้องนี้จะเป็น Pool Suite ค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่า ส่วนใหญ่พอได้ดูทั้งสองห้องก็จะเลือกตัว Pool มากกว่า เพราะราคาต่างกันนิดหน่อยเองค่ะ ห้อง Suite จะอยู่ที่ราวๆ 12500 บาท แต่ถ้าตัว Pool Suite จะอยู่ที่ 14800 บาทต่อคืนค่ะ (ราคานี้ราคาคนไทยนะคะ) แถมมีโปรพัก 2 แถม 1 ด้วย คุ้มนะนี่


นอกจากนั้น (เอาตามที่จดมานะคะ) ก็มี Family Pool ซึ่งจะมีห้องนอนสองห้องคือ King bed 1 ห้อง แล้วก็ Twin 1 ห้องพร้อม Pool ด้วยค่ะ ตัวแฟมิลี่พูลนี่มีทั้งหมด 5 ห้องมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ


























หันกลับไปเก็บภาพห้องนอนอีกที ก่อนจะไปสำรวจที่บาร์ในห้องต่อค่ะ


















ที่แตกต่างจากห้อง Ocean Front ปกติ ก็มีมีดไว้ให้ฆ่าหั่นศพ (เหอๆ) มีคุ้กกี้ไว้ให้ในโถ แล้วก็มีเครื่องทำกาแฟที่ดีกว่านะคะ
























ขอถ่ายวิวห้อง Suite อีกทีค่ะ (ตอนนี้น้ำลด หาดเลยผุด)



















จากนั้นก็มีรูปยามค่ำของรร.มาฝากนะคะ
























ตามที่นั่งของบริเวณล็อบบี้ก็จะมีการจุดเทียนเิ่พิ่มเติมในเวลา่ค่ำนะคะ



















จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างของล็อบบี้ค่ะ ผ่านห้องอาหารลีลาวดี แล้วก็เลี้ยวขวานิดเดียว ฝั่งตรงข้ามนี่แหละค่ะ เป็นห้อง..ถ้าจำไม่ผิดนะคะ Diversion Center เป็นห้องที่ยืมดีวีดีได้ แล้วก็เป็นห้องกิจกรรมของเขาด้วยค่ะ
























ตัวหนังค่อนข้างเก่า (มาก) เลยค่ะ แล้วก็มีน้อยไปหน่อย อันนี้เราว่าควรปรับปรุงนะคะ

เราเลือกได้แล้วก็มาแจ้งเจ้าหน้าที่ตรงนี้ค่ะ จะเป็นเคาน์เตอร์ที่อยู่ในห้องเลย





















ส่วนกิจกรรมต่างๆ ของทางรร.ก็จะมีเขียนกระดานบอกเวลาไว้เลย

ที่นี่จะมีโยคะฟรีเวลา 07.30-08.30 น.นะคะ ทุกจันทร์-เสาร์ (แต่แน่นอนว่าพวกเราไม่เคยตื่นทัน แหะๆ) ถ้าวันอาทิตย์จะเป็นรำมวยจีนแทนค่ะ เวลา 08.00-09.00 น.

ส่วนมวยไทยค่าบริการ 500 บาท เรือใบ 400 บาท สลักผลไ้ม้นี่ฟรี ส่วนเที่ยวตลาดสิเกาอยู่ที่คนละ 250 บาทค่ะ























แล้วก็ในห้องนี้ก็จะมีโซนของ Kid's Club ด้วยค่ะ

























สำหรับที่นั่งบริเวณล็อบบี้ ค่อนข้างมืดนะคะ (ถ่ายมานี่ ใช้โฟโต้เฉาะช่วยกระจาย แล้วไอ้เราก็ไม่ถนัดนักซะด้วย แหะๆ) เรียกได้ว่า..เอ่อ..นั่งจู๋จี๋กันได้อยู่ (ถ้าคนไม่เยอะอะนะ แล้วแกจะมาจู๋จี๋กันที่ล็อบบี้ทำซากอะไรยะ? เออ..นั่นสิ แหะๆ )

















สำหรับบล็อกนี้คงรีวิวแค่นี้ค่ะ ตอนหน้าจะพาไปดูอาหารเช้าของที่นี่นะคะว่าเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ซึ่งมีให้ดูสองวัน (แต่วันที่สองจะให้ดูเฉพาะส่วนที่ต่างไปจากวันแรกนะคะ)

















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาที่บล็อกเรานะคะ

540004/4381/388


Create Date :09 พฤศจิกายน 2552 Last Update :9 พฤศจิกายน 2552 10:00:41 น. Counter : Pageviews. Comments :29