bloggang.com mainmenu search





สวัสดีค่ะ



หลังจากที่ได้รีวิวห้องพัก Grand Deluxe ของเราไปแล้วที่ ลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)





วันนี้จะพาไปดูห้องแบบอื่นๆ และอาหารเช้ากันบ้างนะคะ

ซึ่งห้องพักที่นี่จะมี 4 ไทพ์นะคะ

1. Standard

2. Superior
*สองแบบแรกนี่จะเป็นห้องที่อยู่ที่เรือนไทยค่ะ และต้องใช้ห้องน้ำรวมนะคะ*

3. Deluxe จะอยู่ตึกเดียวกับ Suite ค่ะ

4. Grand Deluxe เป็นตึกแยกไปต่างหาก

5. Suite จะมี 2 ห้องค่ะ คือ Family Suite ซึ่งมี 2 ห้องนอน กับ Taraburi Suite ซึ่งมี 1 ห้องนอน






ซึ่งห้องพักแบบ Deluxe และ Suite ก็จะอยู่ที่ตึกหลังนี้นะคะ


















ซึ่งตึกนี้ก็จะอยู่ข้างๆ (ขนาน) กับตึกของแกรนด์เดอลักซ์เยี่ยงนี้นะคะ




















ทางเข้าตึกและทางเดินหน้าห้องของตึกที่มีห้องเดอลักซ์และห้องสวีทค่ะ





















ห้องแบบแรกที่จะไปดูคือ Family Suite ค่ะ เอารูปลักษณะห้องภายนอก (ที่ถ่ายจากตึกแกรนด์เดอลักซ์มาให้ดูก่อน) จะเห็นว่ามีชั้นใต้หลังคาโผล่ขึ้นมานะคะ



















Family Suite จะเป็นห้องเบอร์ 208 ค่ะ




















เปิดเข้าไปปุ๊บก็จะเจอแบบนี้นะคะ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นโต๊ะทำงาน+โต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
























เข้าไปดูห้องน้ำกันค่ะ ก็จะมีแบ่งส่วนโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และส่วนที่อาบน้ำค่ะ

ห้องแบบนี้มีแต่ชาวเวอร์นะคะ ไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ พื้นของชาวเวอร์ก็เป็นไม้ระแนงอย่างนี้ค่ะ

แล้วก็...อย่างที่เห็นตามภาพข้างล่างนะคะ เป็นโอเพ่นแอร์ด้วยค่ะ หุๆ




























ส่วนฝั่งตรงข้าม อย่างที่บอกว่าเป็นห้องทำงานนะคะ แต่ก็เป็นโต๊ะเครื่องแป้งด้วยหละค่ะ



















เดินเข้าไป ตู้วางทีวี จะอลังการกว่าแกรนด์เดอลักซ์นะคะ มีเครื่องเล่นดีวีดีเช่นกัน

และตู้เย็นก็อยู่ในตู้นี้ด้วยค่ะ





















ส่วนตรงมุมข้างๆ ตู้ทีวี ก็จะเป็นมุมชา-กาแฟและสแน็คค่ะ




















เตียงที่พักค่ะ ที่นี่ทำเป็นแบบสี่เสานะคะ แล้วก็มีเดย์เบดวางอยู่ข้างๆ ด้วย























วิวที่ระเบียงของห้องนี้ค่ะ





















อย่างที่บอกว่า ห้องแบบนี้มีสองห้องนอนนะคะ ซึ่งห้องนอนอีกห้อง ต้องเดินขึ้นบันไดด้านหลังตู้ทีวีไปอย่างนี้ค่า





















ระหว่างขึ้นบันไดไป เลยเก็บภาพมุมสูงของส่วนห้องนอนข้างล่างมาฝากค่ะ






















ห้องนอนข้างบนจะเป็นห้องใต้หลังคานะคะ

ถ้าเ้ป็นคนแก่หรือผู้ใหญ่คงไม่เหมาะนักค่ะ แต่ถ้าสำหรับเด็กๆ หรือวัยรุ่นอย่างเรา (ช่างกล้า ) ก็ได้อยู่ค่ะ






















ซึ่งก็จะมีมุมอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งสามารถนั่งทำงานได้ด้วยนะคะ (แต่ว่า..ออกจะมืดไปหน่อยนะ เอาไว้ตั้งวงแอบตำรวจน่าจะเหมาะกว่า เย้ยยยย )




















จบกับห้อง Family Suite แล้ว ต่อไปไปดูห้อง Deluxe กันบ้างค่ะ

เปิดไปปุ๊บก็จะเป็นแบบนี้นะคะ

ห้องเดอลักซ์นี่จะใหญ่กว่าห้อง Grand Deluxe นะคะ แต่ว่าจะไม่มีอ่างอาบน้ำค่ะ




















เข้าไปปุ๊บ ตรงที่ติดกับประตูจะมีดิสเพลย์ตู้โชว์แบบนี้ด้วยค่ะ




















และเช่นกันนะคะ คล้ายๆ กับห้องสวีท นั่นก็คือ ฝั่งหนึ่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องน้ำแบบโอเพ่นแอร์เช่นกันค่ะ




















เดินเข้าไป ทางซ้ายมือก็จะรายเรียงตามภาพนะคะ

มุมชากาแฟ ตู้ทีวี และเดย์เบด แต่ตรงผนังหลังมุมกาแฟนี่ มีโต๊ะทำงานอยู่ด้วยค่ะ
























เปิดตู้มาก็เจอทีวี ดีวีดี และตู้เย็นเหมือนห้องสวีทค่ะ




















เดย์เบดน่านอนเล่นเป็นอันมาก




















มาดูพระเอกของเราบ้างค่ะ เตียงนอนแบบ double อีกเช่นกัน























คือ..จะบอกว่านี่ขนาดถ่ายตอนบ่ายๆ กลางวันๆ นี่ถ้าถ่ายตอนกลางคืน จะงามโคตรกว่านี้นะคะ























ส่วนนี่คือวิวของระเบียงห้องนี้ค่ะ




















ระเบียงห้องของตึกฝั่งนี้จะเป็นอย่างนี้ทั้งหมดค่ะ





















เฟิร์มว่าถ่ายตอนกลางวันจริงๆ นะคะ หุๆ

ชอบม่านห้องนี้ด้วยค่ะ






















เอาหละค่ะ ต่อไปไปดูห้อง Suite อีกแบบหนึ่งนะคะคือ Taraburi Suite

จะอยู่ห้องสุดท้ายของตึกนี้ค่ะ จะมีประตูกั้นไว้ต่างหากอย่างนี้ แล้วที่หน้าห้องก็จะมีศาลาให้นั่งแบบนี้ค่ะ






















เปิดห้องไปก็จะเจอแบบนี้นะคะ


ฝั่งขวาจะเป็นส่วนที่เดินเข้าไปในห้องน้ำและห้องนอน ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นส่วนของตู้เย็น มินิบาร์ โต๊ะทำงานค่ะ ส่วนตรงไปจะเป็นส่วน Living Room เอาไว้นั่งดูทีวีค่ะ




















นอกจากตู้เย็นแล้ว เพิ่มพิเศษมีไมโครเวฟด้วยค่ะ





















ส่วนโต๊ะทำงาน (โต๊ะกินข้าว) ซึ่งจะอยู่ซีกเดียวกับตู้เย็นและไมโครเวฟหละค่ะ

เพียงแต่เซ็ตเป็นสัดส่วนแยกออกมา





















ฝั่งขวานะคะ อย่างที่บอกว่าเป็นทางเดินไปห้องน้ำ (ประตูน้ำตาลตรงกลางภาพ) และถ้าเลี้ยวซ้ายก็จะไปห้องนอนค่ะ




















เดินตรงไปดูส่วนของ Living Room ก่อนค่ะ

จะเป็นกึ่งๆ เดย์เบดทางขวาืมือแบบนี้ ทางซ้ายมือจะเป็นตู้พระไตรปิฏก เย้ยยย ไม่ช่าย ตู้ทีวีนะคะ
























เดินย้อนกลับไปค่ะ เดินเข้าไปในประตูทางอีกฝั่ง ก็จะเจอโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ทางฝั่งซ้ายนะคะ





















ส่วนฝั่งขวาจะเป็นประตูเข้าห้องน้ำ

ด้านหน้าห้องจะเป็นเหมือนกึ่งชั้นกึ่งตู้อะค่ะ จะวางพวกผ้าเช็ดตัวไว้ตรงนี้นะคะ




















เปิดประตูเข้าห้องน้ำไปปุ๊บ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นอ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ค่ะ

ส่วนฝั่งขวาจะเป็นอ่างอาบน้ำและฝักบัว























ฝั่งอ่างอาบน้ำนี่ ตรงปลายอ่างอาบน้ำมีต้นไม้ไว้ให้ชื่นตาินิโหน่ย




















ฝักบัวค่ะ เป็นเรนชาวเวอร์น้อยๆ




















อ่างอาบน้ำนะคะ อย่างที่บอกว่าห้องฝั่งนี้ ห้องน้ำจะโอเพ่นแอร์หมดเน้อ




















ออกจากห้องน้ำมาเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ห้องนอนค่ะ เตียงเป็น Double อีกเช่นกัน

ปลายเตียงก็เป็นตู้ทีวีอีกนะคะ






















เอาหละค่ะ จบจากอาคารของห้อง Deluxe และ Suite เรียบร้อยแล้ว

ต่อไปเราเดินไปขึ้นเรือนทรงไทยเพื่อดูห้องแบบ Standard กับ Superior กันบ้างนะคะ

ห้องทั้งสองแบบนี่ต้องใช้ห้องน้ำรวมซึ่งมีอยู่ 4 ห้องนะคะ

























ความแตกต่างระหว่างห้อง Standard กับ Superior ก็คือ...

ห้องสแตนดาร์ดจะเล็กกว่า แล้วก็จะไม่มีทีวีกับตู้เย็นค่ะ

แต่ซูพีเรียร์แต่ละห้องก็แตกต่างกันไปบ้างนะคะ

ห้องแรกที่เราจะไปดูกันคือห้องหมายเลข 106

เปิดไปปุ๊บ เจอเตียง twin อยู่ทางขวามือ และตู้ทีวีพร้อมตู้เย็นอยู่ปลายเตียงค่ะ


























ห้องซูพีเรียร์ต่อไปเป็นเบอร์ 107 ค่ะ จะเป็นห้องเตียง Double
























ห้องต่อไปเป็นห้องเบอร์ 101 ค่ะ ซึ่งเป็นห้องซูพีเรียร์ที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 3 ห้องที่ดู

เปิดเข้าไป เตียงกับตู้เย็นทีวีอยู่ฝั่งซ้าย ฝั่งขวาจะเป็นชุดนั่งเล่นด้วยค่ะ


























ต่อไปเป็นห้องสแตนดาร์ดค่ะ อย่างที่บอกว่าไม่มีทีวีและตู้เย็นและห้องก็จะเล็กกว่านะคะ

ห้องที่ไปดูคือห้อง 104 ค่ะ ตามภาพเลย



















ซึ่งตรงโถงกลางบ้านก็จะมีภาพวาดแบบนี้ด้วยนะคะ กลางวันกับกลางคืนนี่ทำให้สวยต่างกันเยอะเนาะ






















แล้วก็ม้านั่งกระจายตามจุดต่างๆ บนบ้านค่ะ




















ในส่วนของแอร์ ก็มีแอบทำให้กลืนๆ ไปกับบ้านด้วยนะคะ
(ทุกห้องทั้งสแตนดาร์ดและซูพีเรียร์มีแอร์ทั้งหมดค่ะ)




















เอาหละค่ะ ไปดูห้องแบบ Grand Deluxe ห้องอื่นๆ ที่ไม่ใช่ห้องเรากันบ้างนะคะ

จะบอกเลขห้องด้วยนะคะ เพราะแต่ละห้องเนี่ย ตกแต่งไม่เหมือนกันเลยค่ะ

เผื่อเอาไว้ถ้ามีโอกาสเลือกเลขห้อง ก็จะได้เลือกตามสไตล์ที่ัตัวเองชอบด้วยนิ


ห้องแรกนะคะ ห้องเบอร์ 301

ห้องนี้ตู้เสื้อผ้าและตู้เย็นอยู่ฝั่งขวาค่ะ ห้องน้ำอยู่ฝั่งซ้าย




















ห้องนี้จะแต่งออกโทนขาวทองนะคะ
























ห้องน้ำของห้องนี้ค่ะ





















ต่อไปเป็นห้องเบอร์ 404 (402 คือห้องเราที่รีวิวไปแล้ว และ 403 มีแขกจะเช็คอินค่ะ เลยไปถ่ายไม่ได้)

ห้องน้ำฝั่งนี้อยู่ฝั่งขวามือค่ะ (คือห้องเลขคู่เลขคี่ก็จะเป็นแบบเดียวกันนะคะในส่วนของผังห้อง)





















ห้องนี้จะตกแต่งโทนดำ-ขาวค่ะ และเป็นเตียง twin นะคะ






















ปลายเตียงก็จะเป็นตู้ทีวีแหละค่ะ แล้วห้องนี้จะ connecting กับห้อง 305 ด้วยค่ะ

แล้วก็ห้องนี้จะไม่ใช่ร่มค่ะ จะเป็นโคมค่ะ




















ห้องน้ำก็แต่งคุมโทนให้เข้ากับห้องเช่นกันค่ะ




















ต่อไปค่ะ ห้อง 305 กันบ้าง

เปิดไปก็เจอแบบนี้นะคะ (ห้องน้ำอยู่ซ้าย)




















ห้องนี้แต่งออกโทนขาวค่ะ แล้วก็เล่นสีม่วง-แดงที่หมอนกับม่านแทน



















แต่ตู้..เขียวมาเลยเชียวค่ะ
















แถมที่วางกระเป๋า...แดงอีก




















ห้องน้ำของห้องนี้ค่ะ




















ต่อไปห้องเบอร์ 306

เปิดเข้าปายยย (พอจะเดาทางกันออกมั้ยคะว่าน่าจะตกแต่งสีอะไร อิอิ)



















แท้ แถ่ ขาวค่า และเตียง twin นะคะ ข้างๆ เตียงจะมีประตู connecting กับอีกห้องค่ะ





















ห้องนี้แถมตู้ทีวีให้ด้วยค่ะ (ตู้แต่ละห้องก็สีไม่เหมือนกันนะคะ ใครที่ชอบเปลี่ยนบรรยากาศ เอ๊ย..เปลี่ยนรสชาติ ถ้าไปช่วงห้องเขาว่างๆ จะเปลี่ยนห้องนอนทุกวันก็ได้นะคะ ฮิ้วววววว)




















ห้องน้ำของห้องนี้ค่ะ




















ห้องสุดท้ายแล้วค่ะ (คนดูบอก ตรูเลิกดูไปนานแล้วเฟ้ย scroll down ลงไปเม้นท์แล้ว กร๊ากกกก)

เบอร์ 307 นะคะ

เปิดไปปุ๊บ...มาเดากัน แต่งห้องโทนอะไร





















ออกแนวส้มอ่อนๆ ค่ะ






















ห้องน้ำของห้องนี้



















เอาหละค่ะ ชมห้องกันอิ่มตาแล้ว ไปดูอาหารเช้ากันบ้างดีกว่า กินที่ที่เดิมนะคะ

เซ็ตอัพบนโต๊ะค่ะ




















น้ำส้มกับนมมาก่อนเลย




















ตามด้วยโยเกิร์ตกับคอนเฟล็กค่ะ

















แยม-เนยที่มาพร้อมขนมปังปิ้ง






















ผลไม้มีกล้วยกับแตงโมค่ะ






















จานหลักค่ะ เลือกได้ระหว่างข้าวต้มกับ ABF เลือกมาอย่างละหนึ่งค่ะ

หน้าตา ABF นะคะ ไส้กรอกอร่อยอีกแล้ว




















ของเราเป็นข้าวต้มค่ะ ข้าวต้มจริงๆ อร่อยมากค่ะ น้ำซุปเข้มข้น หอม หมูหมักอร่อย

ให้ A ค่ะ




















มาสรุปเรื่องที่นี่กันนะคะ




ข้อดีค่ะ



อยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยมากๆ เลยค่ะเรียกว่าปั่นจักรยานไปเที่ยวได้เลย อาหารไทยที่นี่อร่อยหลายอย่างนะคะ อย่างมื้อกลางวันนี่ ตัวยำคะน้าอร่อยมาก มื้อเย็นก็กุ้งเปรี้ยวหวานอร่อยค่ะ ข้าวต้มตอนเช้าก็อร่อย

พนักงานส่วนใหญ่จะมีใจบริการที่ดีค่ะ เป็นมิตร ยิ้มแย้มมีความกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือ มีบางคนบ้างที่อาจจะบึ้งตึงน่ะนะคะ แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยค่ะ พอจะมองข้ามไปได้

สระว่ายน้ำที่นี่ค่อนข้างใหญ่ (แม้จะไม่อลังการ) ว่ายได้สนุกใช้ได้หละค่ะ ยิ่งเมื่อเทียบกับจำนวนห้องแล้ว เราว่าขนาดของสระก็โอเคอยู่ค่ะ

มีห้องหลายไทพ์หลายราคาให้เลือกค่ะ ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์ที่ชอบและการตกแต่งที่แตกต่างกันไปแต่ละห้อง จะเรียกว่าเป็นเสน่ห์ก็ได้นะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบอะไรซ้ำซากจำเจหรือเป็นแบบแผนเดียวกันตลอดก็น่าจะชอบสไตล์นี้หละค่ะ

ที่นี่มีคอร์สสำหรับท่านใดที่สนใจจะเรียน Cooking Class ด้วยนะคะ ซึ่งมีหลายๆ เมนูที่น่าสนใจ แล้วก็ในช่วงลอยกระทงก็จะมีการทำกระทงโชว์ด้วยค่ะ แล้วก็ถ้ากรณีที่มาพักค้างแรมในช่วงลอยกระทง หากจะไปชมแสง สี เสียง ก็สามารถให้พนักงานทำการจอง อำนวยความสะดวกให้ได้ด้วยค่ะ









ข้อด้อย


การเดินทางไปที่นี่ หากไม่มีรถส่วนตัว ก็ต้องต่อรถหลายทอดหน่อยค่ะ ซึ่งอาจจะดูเหมือนไม่ค่อยสะดวกนักนะคะ แต่ถ้ามีรถส่วนตัว ก็ไปได้ไม่ยากค่ะ

แผนที่ในเว็บไซต์ เหมาะสำหรับคนที่เคยไปสุโขทัยแล้วอะค่ะ น่าจะเพิ่มรายละเอียดให้กว้างขึ้นมากกว่านี้ เพราะไม่อย่างนั้น บางคนอาจจะขับเข้าไปทางเมืองสุโขทัยก็เป็นได้ค่ะ


การดูแลรักษาหลายๆ อย่าง จะต้องใช้ความละเอียดลออและเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ค่ะ เพราะมีหลายๆ อย่างที่ตกหล่น เ่ช่น เรื่องของที่แขวนผ้าเช็ดตัวในห้องน้ำที่รอมร่อจะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่ ถุงขนมในตู้เย็นที่มีรอยฉีกขาดตั้งแต่ก่อนแขกเข้าพัก


เจ้าหน้าที่บางคนน่าจะต้องเพิ่มเรื่องสีหน้าที่ยิ้มแย้มให้มากขึ้นนะคะ เพราะรอยยิ้มเป็นส่วนหนึ่งของงานบริการค่ะ ต่อให้ทำงานดีแค่ไหน แต่ถ้าหน้าตาเฉยเมยบึ้งตึง มันจะทำให้ความรู้สึกของลูกค้าไม่ีดีได้น่ะค่ะ

เจ้าหน้าที่อาจจะน้อยไปค่ะ เพราะในส่วนที่เช็คอินก็มีหลุดเรื่องการไปรับกระเป๋า แล้วก็ตอนเช็คเอาท์แม่บ้านก็ต้องเป็นคนช่วยไปยกให้ แต่ด้วยความที่เป็นที่พักเล็กๆ ก็พอเข้าใจได้อยู่ค่ะ


ยุงเยอะค่ะ (อันนี้เป็นข้อเสียของทั้งสามที่ที่เราไปเลยนะนี่) ควรหาสเปรย์ตะไคร้บริการให้ลูกค้าได้ใช้เหมือนบางที่นะคะ

ในส่วนของราคาห้องพัก Suite อาจจะดูแปลกๆ ไปหน่อยอะค่ะ เพราะห้องแบบ Family Suite ซึ่งมี 2 ห้องนอน ราคากลับถูกกว่า Taraburi Suite ซึ่งมีเพียง 1 ห้องนอน แต่ถ้าดูเรื่องของฟังก์ชั่นอื่นๆ เช่น ห้องแบบธาราบุรีสวีท จะมีศาลาส่วนตัวให้นั่งเล่นที่หน้าห้อง และมีอ่างอาบน้ำ ก็พอจะฟังมีเหตุผลขึ้นนิดหนึ่งน่ะนะคะ









สรุปแล้วสำหรับที่นี่ก็ถือว่าเป็นที่พักที่น่าสนใจอีกแห่งของสุโขทัยแหละค่ะ โดยเฉพาะท่านใดที่ชอบที่พักที่ภายในห้องมีการตกแต่งสวยๆ และอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของสุโขทัยด้วย


อ้อๆ แต่ลอยกระทงปีนี้ไ่ม่ต้องโทร.ไปถามแล้วนะคะ เพราะเต็มแล้ว นี่เรายังคิดว่า ที่จะพาแม่ไปนี่ สงสัยต้องจองล่วงหน้าหลายๆ เดือนหน่อยหละค่ะ แหะๆ





ก็หวังว่าคงจะพอเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะหาห้องพัก ที่พักที่สุโขทัยได้บ้างนะคะ








สุดท้ายนี้ขอบคุณโครงการ Thailand Boutique Awards 2010 ที่ทำให้เราได้เปิดหูเปิดตารู้จักที่พักใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นค่ะ

และได้รู้อีกอย่างว่า ยังมีที่พักเล็กๆ อีกมากมาย ที่ควรให้การสนับสนุนและไปพักนะคะ












ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาที่บล็อกเราค่ะ

741736/5995/503


Create Date :20 ตุลาคม 2553 Last Update :20 ตุลาคม 2553 8:42:27 น. Counter : Pageviews. Comments :56