bloggang.com mainmenu search





สวัสดีค่ะ




เอนทรี่ล่าสุด รีวิว Mille Crepe ถนนดินสอ ร้านน่ารัก ขนมโอค่ะ (คลิกเพื่ออ่าน)











และหลังจากปล่อยรีวิวทริปบลูสกายรีสอร์ทแอทเขาค้อมาแล้วดังนี้

1. แวะกินไก่ย่าง วิเชียรบุรี (คลิกเพื่ออ่าน)









วันนี้ก็จะมาปล่อยรีวิวของทริปเดอะบลูสกายรีสอร์ทแอทเขาค้อต่อนะคะ โดยจากวิเชียร์บุรีเดินทางมาที่นี่ก็ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงกว่าๆ เกือบสองชั่วโมงค่ะ (ใช่มั้ยหว่า จำไม่ผิดเนาะ ออกจากร้านเที่ยงกว่าเกือบบ่ายโมง ถึงบ่ายสองกว่าๆ) แต่ต้องบอกก่อนว่า คนขับเมพนะคะ ขับไว (แต่ปลอดภัย) หละค่ะ


สำหรับเอนทรี่นี้ จะเป็นการพาไปชมบรรยากาศของรีสอร์ทก่อนที่จะไปเจาะที่ห้องพักทั้งสองแบบคือ deluxe และ suite นะคะ ซึ่งที่พักและห้องพัก จะมีทั้งภาพกลางวันและกลางคืนนะคะ จะได้เห็นทั้งสองบรรยากาศ แหะๆ


โดยการเข้าไปที่รีสอร์ทนะคะ พอลงเนิน (ที่เลยทางเข้าวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วมาพักหนึ่ง) มาปุ๊บ (ประมาณ กม.330 อะค่ะ) ทางเข้ารีสอร์ทจะอยู่ทางขวามือเลย แต่ไม่ควรเลี้ยวเข้านะคะ แนะนำให้ตรงไปก่อน เพื่อไปกลับรถที่ปั๊มบางจากซึ่งอยู่เยื้องๆ กับร้านกาแฟ Story Cup ค่ะ เพราะถ้าเลี้ยวตรงนั้นเลยมันเป็นช่วงลงเนิน อันตรายสำหรับรถคันอื่นค่ะ พอไปกลับรถมาก็มาเลี้ยวเข้า จะเป็นเส้นทางเล็กๆ ผ่านหมู่บ้านแคมป์สนไปนะคะ แล้วก็จะเห็นที่พักเราอยู่บนเนินเลย























รถขึ้นไปจอดตรงข้างๆ ล็อบบี้ได้เลยค่ะ แล้วก็มีที่จอดรถได้อีกน่าจะราวๆ สิบกว่าคันไม่เกินยี่สิบคันนะคะ

นี่คือล็อบบี้เล็กๆ น่ารักของที่นี่ค่ะ The Blue Sky Resort@Khao Kho





















เข้าไปปุ๊บ ทางโซนฝั่งขวาจะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับติดต่อ แล้วก็มีที่นั่งให้นั่งรอได้ประมาณสักห้าหกท่านนะคะ























ซึ่งล็อบบี้นี่ เวลากลางคืนก็จะสวยอีกแบบนะคะ กลางวันสวยละมุนๆ กลางคืนก็สวยคลาสสิคๆ ดีค่ะ























ชอบโคมไฟที่ล็อบบี้อะค่ะ สวยละมุน เก๋ดี

เทียบแบบกลางวันกะกลางคืนให้ดูด้วย อิอิ






















ส่วนที่เหมือนประตูนี่ ระหว่างช่องไม่มีกระจกนะคะ เป็นช่องว่างๆ ค่ะ ฮา

แต่ถ่ายรูปคนแบบผ่านฉากนี้ก็สวยด้วยหละค่ะ





















ส่วนทางซ้ายมือ จะเป็นโซนที่นั่งอีกนิด และที่สำคัญคือพวกของที่ระลึกต่างๆ มากมายค่ะ

รวมทั้งเสื้อของที่นี่ด้วย น่ารักดีค่ะ เป็นเสื้อยืดสีขาว ตัวละ 180 บาทค่ะ























ซึ่งจากเรือนล็อบบี้ เดินทะลุไปข้างหลังจะเป็นสวนและน้ำพุเล็กๆ น่ารักตามภาพเลยนะคะ แล้วก็จะเห็นอาคารที่เป็นห้องอาหารหลักของรีสอร์ททางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือนี่คือหนึ่งในสามอาคารที่พักของที่นี่ค่ะ เป็นอาคารหมายเลข 1 ห้องพักในตึกนี้จะขึ้นต้นด้วย 1 ทั้งหมดค่ะ (แล้วจะบอกรายละเอียดอีกทีตอนรีวิวห้องพักนะคะ)























เนี่ยค่ะ อาคารที่เป็นห้องอาหารที่ว่านะคะ





















แป๊บหนึ่งพนักงานก็มาบริการเวลคัมดริ๊งค์ค่ะ เป็นน้ำส้มผสมน้ำมะม่วงปั่นรวมกันค่ะ

อร่อยดี หวานๆ เปรี้ยวๆ หอมเชียวค่ะ ดื่มแล้วสดชื่นเลยแหละ























ที่ล็อบบี้มีร่มบริการให้ด้วยนะคะ แต่ว่าที่ห้องแต่ละห้องก็มีเหมือนกันค่ะ




















แล้วตรงผนังก็มีบอร์ด (ใช้ศัพท์เก่ามากป้า) ติดรูปคนที่เคยมาพักที่นี่ด้วยนะคะ

ซึ่งตรงนี้ปกติเค้าจะถ่ายรูปแขกที่มาพักก่อนกลับแล้วก็ให้เขียนอะไรต่อมิอะไร แล้วเอามาติดไว้ค่ะ






















ไปเดินชมสถานที่ด้วยกันนะคะ

ตรงลานก่อนถึงห้องอาหาร มีจัดที่นั่งและฉากให้น่าถ่ายรูปน่ารักๆ แบบนี้ด้วยหละค่ะ

รีสอร์ทนี้จะมีอะไรที่ชวนให้สาวๆ ชอบแบบนี้เยอะ หลายมุมเลยหละค่ะ





















จากป้ายจะเห็นว่า อาคาร 1-2-3 ไปทางขวาทั้งหมดนะคะ แล้วก็ที่นี่เค้าตกแต่งเป็นสไตล์ English Country หละค่ะ

ส่วนภูทับเบิกที่เห็นที่ป้ายนั่นจะอยู่ด้านหลังเขาลูกที่เห็นจากรีสอร์ทนะคะ ส่วนฝั่งที่เห็นนี่เรียกว่าผาซ่อนแก้วค่ะ





















ซึ่งตรงลาดเนินระหว่างอาคารอิงลิชคันทรี่ 1 กับห้องอาหาร ก็จะมีสวนดอกไม้ มองไปไกลๆ เยื้องไปทางขวามือจะมีอักษรบลูสกายสีขาวอยู่ด้วยค่ะ ข่าวว่าจะมีโครงการทำทางเดินไปถึงตรงนั้นเหมือนกัน ถ้าทำดีๆ ก็น่าจะเป็นจุดชมวิวอีกจุดที่น่าสนใจเลยหละค่ะ




















สวนดอกไม้เล็กๆ ที่ว่าค่ะ อยู่ติดกับอาคาร 1 เลย





















รูปนี้มองไปจากทางห้องอาหารนะคะ จะเรียงตามใกล้ไปไกลก็คืออาคาร 1-2-3 ค่ะ























ก่อนจะพาไปดูห้องอาหารของที่นี่ แว้บไปดูห้องน้ำซึ่งจะอยู่ตรงข้างๆ บันไดทางขึ้นห้องอาหารกันนะคะ

แยกชายหญิงเรียบร้อยเลย





















แอบไปส่องห้องน้ำชาย (เสียดายที่ไม่มีคน เย้ย!! ไม่ใช่แระ ) มีกรงนกด้วยค่ะ สงสัยเอาไว้ดักนกเขา (เอิ่ม..เจ๊เรท 18+ แระนะ นี่รีวิวที่พักนะเฟ้ย ขออภัยผู้อ่านทุกท่านด้วยนะคะ แฮ่...) แต่สะอาดสะอ้านและคุมโทนสีได้ดีค่ะ ละมุนเชียว





















และห้องน้ำหญิงค่ะ อ่างล้างมือเค้าเก๋ดีเนาะ ชอบเชียว

ถ้าจำไม่ผิดนี่มีสามห้องนะคะ





















เข้าไปก็จะเจอเคาน์เตอร์ด้านซ้ายมือตามภาพเลยนะคะ เราว่าตกแต่งน่ารักดี กระจุ๊กระจิ๊กเชียวอ้ะ
























เดินเข้าไปหน่อยหนึ่งก็จะมีโต๊ะเก้าอี้ให้นั่ง หลากหลายรูปแบบ แต่ก็ไม่ขัดแย้งกันนะคะ























ส่วนชั้นบนที่มีบันไดให้ขึ้นตรงหลังเคาน์เตอร์นี้ จะเป็นห้องประชุมค่ะ

เห็นบอกว่าได้ที่ราวๆ 60 คนนะคะ





















มีเวิ้งตรงหน้าเตาผิงด้วยค่ะ แต่เราไม่ได้นั่งตรงโซนนี้เลย แหะๆ























โซนนี้เป็นอีกโซนที่สวยและน่านั่งค่ะ เราเองก็ได้นั่งกันสองรอบคือ ตอนกินชายามบ่ายวันแรก กับตอนอาหารเช้าวันที่สาม (ซึ่งจะรีวิวในเอนทรี่ต่อๆ ไปนะคะ คงพอจะเดาได้ว่า..มหากาพย์อีกแล้ว แหะๆ)























นอกจากนั้นก็มีที่นั่งด้านนอกตรงระเบียงด้วยนะคะ

ตรงนี้จะเป็นแนวเก้าอี้สไตล์หวายอะค่ะ ได้ใช้บริการตอนรับประทานอาหารเช้าวันที่สอง (เช้าวันแรกของการพักที่นี่อะค่ะ)



























แอบเก็บน้องคิวปิดตรงระเบียงมาด้วยค่ะ น่ารักเชียว น่ารักจนต้องไปถ่ายรูปคู่ด้วย จนทำให้กล้อง (ที่ข้าพเจ้ายังไม่ใส่ฟิลเตอร์ป้องกันเลนส์) เหวี่ยงไป เลนส์โดนข่วนเป็นรอยหน่อยหนึ่ง เล่นเอาแซดดดดดด





















วิวผาซ่อนแก้วจากห้องอาหารค่ะ





















ที่จริงหลังจากนั้นจะเป็นการไปสำรวจห้องพักแล้วหละนะคะ แต่ว่า...เราขอพาไปดูบรรยากาศอื่นๆ ในรีสอร์ทให้ครบๆ ก่อนแล้วกันเนาะ ส่วนห้องพักจะแยกเป็นอีกเอนทรี่หนึ่งค่ะ


เดินออกจากห้องอาหารไป มองย้อนไปทางขวามือ ผ่านน้ำพุก็จะเห็นอาคารล็อบบี้อีกครั้งค่ะ





















และน้องคิวปิดท่ามกลางดอกไม้ น่ารักอ้ะ





















เก้าอี้ม้าหินและจุดถ่ายรูปอีกครั้งค่ะ

เค้ามีมุมน่ารักๆ เยอะเลยหละค่ะ แต่เราไม่สามารถถ่ายออกมาอย่างที่ตาเห็นได้เท่าไหร่อ้ะ

สุภาพสตรีทั้งหลายมาที่นี่น่าจะชอบนะคะ























คุณบีพาเราเดินขึ้นเนินไป เพื่อจะไปยังจุดชมวิวบนเนินด้านบนค่ะ

ทางเดินยังเป็นดินแดงแบบนี้อยู่นะคะ





















ถ่ายย้อนไปจากมุมสูงให้เห็นอาคารต่างๆ ของรีสอร์ทค่ะ

เห็นป้ายบลูสกายด้วยยยย























เราเดินกันขึ้นมาเพื่อบนศาลานี้หละค่ะ แฮ่...

เป็นศาลาไว้นั่งชมพระอาทิตย์ตกได้นะคะ ตอนนี้ทำแบบชั่วคราวก่อน เห็นบอกว่าต่อไปจะทำให้เป็นแบบถาวรค่ะ























มุมจากศาลา เมื่อมองลงไปข้างล่างค่ะ สูงเอาการอยู่นะเนี่ย





















รอพระอาทิตย์ลับฟ้าค่ะ ยังอีกห่างอยู่เหมือนกันนะเนี่ย




















จากบนนี้จะเห็นร้าน Story Cup ด้วยนะคะ จะอยู่ที่ฝั่งขวาของภาพอะค่ะ





















ผาซ่อนแก้วจากมุมสูง คุณบีบอกว่า ถ้ามาหน้าข้าวยังเขียวอยู่ จะงามกว่านี้อีกค่ะ

ตอนไปข้าวเกี่ยวหมดแล้ว เลยออกแนวแดงหน่อยอะค่ะ แหะๆ

แต่การมาเที่ยวฤดูนี้ก็ทำให้ได้ไปที่เที่ยวหลายๆ ที่ที่ไปได้เฉพาะช่วงหน้าร้อนนี้ด้วยนะคะ





















หลังจากเฝ้ามองสักพักก็ปรากฏว่า น้องตะวันไปหลบหลังน้องก้อนเมฆซะงั้น เลยตัดสินใจว่า งั้นเดินลงกันดีกว่า แต่ระหว่างเดินลงนั้นเองค่ะ เมฆก็หายไป เลยได้รูปพระอาทิตย์ตกแบบที่ไม่ใช่จากยอดเขาซะงั้น (ขึ้นไปแต่ใจไม่เย็นพอจะรอ ยายป้าเอ๊ยยย) แต่ก็สวยดีค่ะ























ที่จริงยังมีรูปบรรยากาศอื่นๆ อีก แต่เดี๋ยวจะแทรกๆ ให้ดูในรีวิวเอนทรี่อื่นแล้วกันนะคะ

ปิดท้ายเอนทรี่นี้ด้วยภาพอาคารห้องอาหาร พร้อมจันทร์เสี้ยว ณ เย็นวันนั้นแล้วกันค่ะ
















เอนทรี่หน้าจะพาไปชมห้องพักของที่นี่กันนะคะ จะรีบปั่นค่ะ แหะๆ








ปฏิทินธรรม












วันพฤหัสบดีที่ 4 เมษายน 2556

1. ฟังธรรมจากพระอาจารย์อำนาจ โอภาโส วัดผาซ่อนแก้ว

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

ณ หอประชุมพุทธคยา อมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/events/478048762257246/





วันเสาร์ที่ 6 เมษายน 2556

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)




วันอาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2556 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447







วันเสาร์ที่ 6 - อาทิตย์ที่ 7 เมษายน 2556 (กิจกรรมทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์แรกของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก เจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ณ มูลนิธิบ้านอารีย์

เช้าวันเสาร์ เวลา ๐๙.๓๐ - เย็นวันอาทิตย์ เวลา ๑๖.๐๐ น.
เชิญทุกท่านร่วมปฏิบัติธรรมแบบเนสัชชิก (ไม่นอน ทานอาหารมื้อเดียว และภาชนะเดียว) การปฏิบัติเจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ นำปฏิบัติโดย พระอาจารย์โกศิล ปริปุณฺโณ วัดปลายนา จ. ปทุมธานี และ พระอาจารย์วรวิทย์ วรธมฺโม สำนักปฏิบัติธรรมอู่ตะเภา จ. เพชรบุรี

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net/index.php





วันพุธที่ 10 เมษายน 2556

1. ฟังธรรมจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม

18.30 น. - สวดมนต์ ทำวัตรเย็น / 19.00-21.00 น. - นั่งสมาธิ และ ฟังธรรม (เน้นการปฏิบัติ ตามแนวมหาสติปัฏฐาน 4)

ณ หอประชุมพุทธคยา อมรินทร์พลาซ่า ชั้น 22

รายละเอียดเพิ่มเติม
https://www.facebook.com/events/446009172132598/





วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2556

1. ฟังการแสดงธรรม โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก วัดสุนันทวนาราม จ. กาญจนบุรี

เวลา ๑๘.๐๐-๒๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์

เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net





วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2556 (กิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือน)

1. ตักบาตรพระกรรมฐาน (นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น) ที่วัดบรมนิวาส (ไม่มีรายละเอียดอย่างอื่นค่ะ)






วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ 2556 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1l เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม เมตตารับบาตร โดย หลวงปู่อุทัย สิริธโร วัดเขาใหญ่เจริญธรรมญาณสัมปันโน จ. นครราชสีมา พระครูกิตติอุดมญาณ (หลวงปู่ไม อินทสิริ) วัดป่าเขาภูหลวง จ. นครราชสีมา พระพิศาลศาสนกิจ (หลวงพ่อเยื้อน ขันติพโล) วัดเขาศาลาอตุลฐานะจาโร จ. สุรินทร์

เวลา ๐๗.๐๐-๑๐.๐๐ น. ณ บ้านอารีย์


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net
















ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+669434=2139130/8979/763



Create Date :02 เมษายน 2556 Last Update :2 เมษายน 2556 14:01:22 น. Counter : 48626 Pageviews. Comments :25