bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่ะ Smiley





เอนทรี่ล่าสุด รีวิวร้านข้าวแกงตำรับแม่ล้วน เขาย้อย รสดร็อปลงนะคะ (คลิกเพื่ออ่าน)





หลังจากปล่อยรีวิวทริปการไปพักที่อินเตอร์คอนติเนนตัล สมุย บ้านตลิ่งงามรีสอร์ทมาแล้วดังนี้


การเดินทางด้วยบางกอกแอร์เวย์ส เล้าจน์ และสนามบินสมุย

ห้องพักแบบ Club Premier Ocean View Room

Lunch at Flame

สระว่ายน้ำทั้งเจ็ด

Facilities ต่างๆ

ห้องพักแบบอื่นๆ ตอนที่ 1

Pool Villa และ 3 bedrooms

Air Bar, Pool Bar and Serene

Dinner at Flame

Breakfast at Amber






สำหรับวันนี้ก็จะพาไปเข้าคลาสเรียนทำอาหารกันนะคะ ซึ่ง..ถ้าใครเคยอ่านบล็อกเราก็คงทราบดีว่า ยายป้าเจ้าของบล็อกคนนี้ช่างกิน แต่...ทำอาหารไม่เป็นนะคะ (คือ ไอ้อาหารบางอย่างพื้นๆ ทำได้ค่ะ แต่เมนูที่บล็อกเกอร์คนอื่นๆ ทำกันได้ง่ายๆ นี่ ข้าพเจ้าไม่เป็นเอาซะเลยนะฮะ เหอๆ) เวลาจะทำอะไรกินที ก็ต้องเซิร์ชหาสูตรทำเองที อร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง แล้วแต่ดวงชะตาฟ้าลิขิตกันเลยทีเดียว


ซึ่งตอนที่คุณเอ๋ - อ่อนตาเมลมาบอกรายละเอียดว่ามีคุ้กกิ้งคลาสนะ เราก็บอกไปโดยทันใดว่า เราทำอาหารไม่เป็นนะคะ จะเป็นภาระเชฟหรือเปล่า คุณเอ๋ก็บอกว่าไม่เป็นไรค่าา เชฟสามารถ เชฟใจดี มาเถอะนะคะ เราก็..เอาก็เอาฟระ แหะๆ


ซึ่งเราก็ได้เจอเชฟก่อนเช้าวันนี้แล้วนะคะ ตอนเย็นที่ไปหม่ำที่แอร์บาร์ที่ได้รีวิวไปแล้ว แล้วพอได้ชิมฝีมือเชฟเราก็...ว้าว ดีจังที่จะได้เรียนกับเชฟท่านนี้ค่ะ เพราะเราชอบรสมือหละ อร่อยเชียว Smiley


แต่ก่อนจะไปเปิดเผยโฉมหน้าของเชฟ มาชมวิวยามเช้าวันนั้นก่อนค่ะ ฟ้าใส แดดจ้า (ผิดกับวันแรกที่ไปถึงโดยสิ้นเชิง แฮ่...) เลยชมนกชมไม้ ชมวิวรอเจอหน้าเชฟไปก่อนค่ะ

















สักพักเชฟก็ออกมาหาเราแล้วค่ะ แถ่นแท้...



เชฟคนนี้ เชฟเต๋า พจนปกร ศรีเข็ม นะคะ ซึ่งก็ทำงานที่นี่มาครบสามปีเมื่อมีนาคมที่ผ่านมานี่แหละค่ะ ก่อนหน้านี้เชฟเคยไปอยู่ที่ริทซ์คาร์ลตันดูไบมาสามปีนะคะ คืออยู่ในวงการนี้มาร่วมๆ 13 ปีแล้วหละค่ะ แฮ่...









ได้เวลาอันพอสมควร เชฟก็พาเราไปดูซัพพลายเออร์ที่ทางอินเตอร์คอนฯ นำเข้าพวกผักค่ะ เป็นออแกนิกฟาร์มนะคะ ซึ่งถ้าเป็นพวกสลัดที่เป็นผักของนอก ก็จะรับมาจากฟาร์มนี้ทั้งหมดค่ะ แต่ถ้าเป็นกระเทียม หอม ก็จะรับจากเจ้าที่เฉวงแทนค่ะ (เราว่าใครมีที่ที่สมุย ทำฟาร์มผักน่าจะรวยเหมือนกันนะคะนี่ โรงแรมก็กี่โรงแรมไปแล้วอ้ะ เหอๆ)

แต่ในส่วนของฟาร์มผักและรายละเอียดอื่นๆ ขออนุญาตไม่ลงนะคะ แหะๆ

ให้ดูหน้าตาของผักบางส่วนที่ไปเก็บๆ ภาพมาแล้วกันนะคะ อิอิ












จากนั้นเชฟก็พาไปช็อปที่ตลาดศรีฟ้ากันต่อค่ะ (ปกติถ้าไม่ใช่สื่อ ตัวฟาร์มผักนี่เชฟจะไม่ได้พาคนที่ลงคลาสมานะคะ จะพาไปตลาดเลยค่ะ) ที่มาของชื่อก็เนื่องจากเจ้าของตลาดนามสกุล ศรีฟ้านะคะ ซึ่งชาวบ้านจะเรียกกันว่าตลาดสระเกศค่ะ แต่ถ้าเวลาบอกชาวต่างชาติ จะใช้คำว่า Blue Market (เล่นคำระหว่างศรีฟ้า - สีฟ้านะคะ ฮา) โดยที่ตลาดนี้ส่วนใหญ่จะใช้ซีฟู้ดกับกะทิค่ะ เพราะที่อินเตอร์คอนติเนนตัลจะใช้กะทิสดเท่านั้นทำอาหาร ยกเว้นกรณีที่แขกเกิดอยากกินอะไรที่ใส่กะทิตอนดึกๆ (ซึ่งกะทิของวันนั้นอาจจะถูกทิ้งไปแล้ว เพราะจะเคลียร์วันต่อวันเพื่อความสดใหม่นะคะ) ก็จะใช้กะทิกล่องแทนค่ะ

แต่ถ้าเป็นพวกเนื้อวัว แกะ จะใช้ซัพพลายเออร์ที่อยู่กรุงเทพฯ นะคะ ส่วนไก่ก็จะใช้ของเบทาโกรค่ะ (ซึ่งโดยส่วนตัว เราชอบกว่าไก่ซีพีอ้ะ)












มามะ มาเป็นพระยาน้อยชมตลาดกันค่ะ

ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมาที่นี่เยอะในช่วงเช้าและเย็นเพื่อ่มาซื้ออาหารสำเร็จไปกินที่บ้านนะคะ 












มีเจ้าถิ่นมาต้อนรับด้วยค่ะ เป็นมิตรเชียว












เดินเข้าไปในตลาดด้านในค่า เจอแล้วค่ะ ซัพพลายเออร์ซีฟู้ดของที่นี่ ชื่อว่าคณาธิปซีฟู้ดนะคะ เจ้าของชื่อพี่พีระค่ะ ซึ่งก็ส่งให้กับโรงแรมห้าดาวหลายโรงแรมด้วยกันนะคะ












จากนั้นเชฟก็ถามเราว่าอยากกินอะไรค่ะ เราก็บอกว่า แล้วแต่เชฟ แต่ถ้าเอาที่เราชอบ เราชอบกั้งค่ะ เชฟก็เลยจัดกั้งกระดานมาให้ก่อนเลยหนึ่งอย่าง

เชฟก็บอกว่า ถ้าเป็นกั้งกระดานก็จะเป็นแบบที่เราซื้อนะคะ แต่ถ้าเป็นกั้งตั๊กแตน จะเป็นตัวยาวๆ ที่เค้าเอาไปแช่น้ำปลากันน่ะค่ะ

เชฟมีถามด้วยว่าเอาล็อปสเตอร์มั้ย เราส่ายหัวค่ะ แบบว่าแพงเกิน เกรงใจเค้า (ดูนางเอกม้ากมากค่ะป้า)














จากนั้นเชฟก็บอกว่า ทำต้มยำกุ้งแล้วกันเนาะ เราก็พยักหน้าหงึกหงักค่ะ ได้กุ้งใหญ่ๆ มาสามตัว แต่พี่พีระมีการเอาตัวใหญ่กว่ามาโชว์ด้วยนะคะ ดูขนาดเอาละกัน ใหญ่แค่ไหน สุดๆ อ้ะ แต่อันนี้ก็มีการให้ข้อมูลเพิ่ม (จำไม่ได้ว่าจากเชฟหรือพี่เจ้าของร้านนะคะ) ว่า กุ้งลายเสือกับกุ้งกุลานี่ ถ้ายิ่งตัวใหญ่มากๆ จะยิ่งเหนียวอะค่ะ ต้องเอาใหญ่กำลังดี แฮ่...











จากนั้นก็เดินเลาะหลังตลาดไปค่ะ เห็นกรงนกเหล่านี้อยู่ด้วย แต่ไม่รู้จักพันธุ์มันอีกเช่นกันค่ะ














จากนั้นเชฟเต๋าก็พาเดินไปซื้อพวกผักเล็กๆ น้อยๆ กับที่สำคัญเลยก็คือกะทิค่ะ ที่นี่จะคั้นให้สดๆ เลยตามภาพ

แล้วก็จะเห็นว่าที่นี่ผักมีเป็นภาษาต่างชาติด้วยนะคะ ทันต่อ AEC จริงๆ แหะๆ














จากนั้นก็มีการแนะนำพวกผักท้องถิ่นค่ะ แต่เราก็จำได้บ้างไม่ได้บ้างแล้ว (ขออภัย Smiley) ก็เลยเอาแต่ภาพมาให้ดูนะคะ เง่อ...

มีสับปะรดทั้งของภูเก็ตและภูแลค่ะ (เราเอารูปมาให้ดูเฉพาะภูแล ที่เคยเล่าๆ ไปแล้วว่ามันเป็นส่วนผสมลูกครึ่งเหนือใต้ระหว่างพันธุ์ภูเก็ตกับนางแลนะคะ) ราคามังคุดที่นี่เห็นแล้วตกใจเลยค่ะ เหอๆ












ส่วนเจ้านี่ก็เป็นของกินแบบหนึ่งค่ะ ที่เราจำชื่อไม่ได้แล้วอีกเช่นกัน แต่คล้ายๆ กับเบือทอดของทางภูเก็ตเลยนะคะนี่












ได้เวลาอันพอสมควรก็อำลาตลาดศรีฟ้า กลับสู่โรงแรมของเราค่ะ

คือคุกกิ้งคลาสนี่จะเริ่มตั้งแต่ 10.30 น.นะคะ แล้วก็จะพาไปตลาดก่อน ซื้อของเสร็จแล้วก็กลับมา เชฟจะไปเตรียมของให้ก่อน แล้วค่อยมาเรียกเราเข้าไปเริ่มต้นคลาสค่ะ โดยจะมีอุปกรณ์ให้สำหรับคนที่เข้าคลาสเพิ่มเติมก็คือผ้ากันเปื้อนกับหมวก รวมถึงกระดาษจด และแก้วน้ำพร้อมน้ำดื่มตามภาพเลยฮับบ














สักพัก เชฟก็มาตามเราเข้าไปในโซนของการเรียนค่ะ ซึ่งก็คือห้องที่ใช้เป็นที่วางไลน์อาหารเช้านั่นเองหละค่ะ พร้อมกับของที่จัดการไว้เรียบร้อยแล้วตามภาพค่ะ แล้วก็ให้เราไปล้างมือให้เรียบร้อย ซึ่งอ่างล้างมือนี่ก็ไม่ต้องเปิดปิดก็อกด้วยมือนะคะ รักษามาตรฐานความสะอาดได้ครบถ้วนค่ะ (แต่ไม่ได้ถ่ายรุปมาให้ดู แหะๆ)












เชฟยิ้มรอรับลูกศิษย์แล้วค่ะ เชฟยังยิ้มออก เพราะยังไม่รู้ล่ะซี้..ว่าลูกศิษย์คนนี้ฝีมือแย่ขนาดไหน อะเฮอะๆ Smiley












จากนั้นเมนูแรกที่เชฟจะให้ทำก่อนก็คือต้มยำกุ้งค่าา




สำหรับวัตถุดิบกับขั้นตอนการทำก็ประมาณนี้นะคะ (รีบจดมา ไม่แน่ใจว่าตกหล่นอะไรหรือเปล่านะคะ แหะๆ)

1. น้ำสต็อก (อันประกอบด้วยน้ำพริกฉั่วฮะเส็งเท่านั้น หัวกุ้ง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ต้มประมาณ 15 นาที จากนั้นก็มีรากผักชี หอมแดง มะเขือเทศค่ะ) จากนั้นก็กรองออกมาค่ะ

2. ตะไคร้ ใช้เฉพาะท่อนล่าง (ท่อนบนเอาไปทำชาหรือน้ำตะไคร้ได้)

3. ใบมะกรูดฉีก จะใส่ตอนกลางๆ ค่ะ

4. หอม รากผักชี ต้องบุบ ไม่หั่น ไม่งั้นจะไม่หอมนะคะ

5. มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ สำหรับการทำต้มยำประมาณ 250 ml นะคะ (มะนาวจะใช้ตอนปิดไฟแล้ค่อยบีบมะนาวแล้วยกลง ห้ามใส่ตอนเดือดเด็ดขาดค่ะ)

6. น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ อันนี้ต้องใส่ตอนน้ำเดือด จะได้ไม่ได้กลิ่นคาวค่ะ
**รสต้มยำต้องออกเปรี้ยวมากกว่าเค็มนะคะ**

7. รากผักชี หอมแดง รอให้หอมแดงสุกครึ่งหนึ่งก่อนแล้วก็จะใส่ข้อแปด

8. ข่า มะกรูด ตะไคร้ เห็ดฟาง

9. กุ้ง (ต้องใส่ตอนเดือด จะไม่คาวนะคะ) ระหว่างแปดกับเก้านี่ห้ามคนค่ะ แล้วข้นตอนเอากุ้งลง ให้เพิ่มความร้อนของไฟด้วย (เพราะกุ้งใหญ่ค่ะ เดี๋ยวจะไม่สุกนะคะ)

10. กลับกุ้ง จากนั้นใส่น้ำปลาช้อนครึ่ง แล้วใส่พริกสับ จากนั้นคนได้ค่ะ

11. ใส่ผักชีแล้วปิดไฟ

12. บีบมะนาว






หน้าตาของน้ำสต็อกที่ว่าค่ะ อันนี้เชฟทำให้เรียบร้อยเช่นกัน (การันตีได้ว่าอย่างน้อยรสชาติคงไม่ห่วยเกินไปหละค่ะ เพราะแค่น้ำสต็อกนี่ก็อร่อยมากแล้วนะคะ เชฟให้เราชิมด้วย ถึงได้บรรลุว่า ที่ตัวเองเคยหัดทำเองแล้วไม่อร่อยนี่เป็นงี้นี่เองงงงง)

ที่เห็นนี่เป็นน้ำใสนะฮับ ถ้าน้ำข้นจะใส่นม แต่ขนาดสีของน้ำใสก็น่ากิน จี๊ดโดนใจแล้วอ้ะ 

แล้วเชฟก็ทำการกรองให้ค่ะ เย้ๆ (หลังจากเราบอกอย่างจริงใจและจริงจังมากว่า.."เชฟคะ เราทำอาหารไม่เป็นนะคะ" แหะๆ)














จากนั้นก็เป็นส่วนของการทำข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดและอื่นๆ นะคะ มาดูกันทีละอย่างเนาะ

ในส่วนของหัวหอม ก็อย่างที่บอกอะนะคะว่าให้บุบและห้ามหั่นค่ะ (รากผักชีก็เหมือนกัน) เพราะถ้าหั่นจะไม่หอมนะคะ แต่รากผักชีพอบุบแล้วก็ตัดมาให้ได้ตามขนาดที่เราต้องการใช้นะคะ

ในส่วนของข่ากับตะไคร้ก็หั่นประมาณภาพค่ะ (คือเชฟจะหั่นให้เราดูเป็นตัวอย่างก่อน จากนั้นเราก็หั่นตามค่ะ) ตัวใบมะกรูดก็ฉีกก้านตรงกลางออก โดยหนีบขอบสองข้างของใบเข้าหากัน แล้วก็ดึงก้านตรงกลางใบออกค่ะ ส่วนเห็ดฟางก็หั่นให้เป็นตามภาพเลยนะฮับ (คือทำไปด้วย ถ่ายรูปไปด้วย เพราะงั้นบางขั้นตอนอาจจะไม่มีภาพนะคะ แหะๆ)
















ในส่วนของพริกนะคะ เชฟจะใช้วิธีบุบๆ ก่อน จากนั้นก็หั่นหยาบ แล้วค่อยหั่นยิบตามภาพเลยค่ะ (อันนี้เราไม่ได้ทำ ให้เชฟทำ เราถ่ายรูปอย่างเดียวค่ะ แหะๆ)












ส่วนเจ้านี่...ง่า เราจำชื่อไม่ได้ค่ะ แต่หั่นออกมาให้เป็นตามภาพน่ะนะคะ แหะๆ












ส่วนมะนาวก็ทำตามภาพเลยค่ะ อันนี้เราเคยทำ เลยง่ายหน่อย

การหั่นแบบนี้จะทำให้ไม่มีเม็ดมานะคะ บีบน้ำออกได้ง่ายค่ะ












ต่อไปเป็นการหั่นพริกเอาไว้โรยค่ะ ก็ทำตามภาพเลยนะคะ เฉือนด้านบนออกก่อนแล้วค่อยหั่นซอยเป็นยาวๆ ตามภาพค่ะ












เตรียมของพร้อมแล้วก็ตั้งหม้อค่ะ ใช้เตาไฟฟ้า เปิดไว้ที่ 1600 ตามภาพเลยนะคะ












จากนั้นก็ทำตามขั้นตอนที่เราเขียนไว้ก่อนหน้านี้เลยค่ะ 

เริ่มต้นด้วยรากผักชีกับหอมแดงใส่ลงไปในน้ำสต็อกก่อน จากนั้นรอให้หอมแดงสุกครึ่งหนึ่ง ก็ใส่ข่า มะกรูด ตะไคร้ เห็ดฟาง แล้วก็ตามด้วยกุ้ง (ระหว่างนี้ห้ามคนนะคะ) เพิ่มไฟ (เนื่องจากเป็นกุ้งใหญ่) จากนั้นก็กลับกุ้ง ใส่น้ำปลาไปช้อนครึ่ง แล้วก็พริกสับ คน ใส่ผักชีแล้วปิดไฟ จากนั้นค่อยบีบมะนาว จบค่ะ

ถ่ายทันแต่ชั้นตอนแรกนี่แหละ แหะๆ














ตัดฉับมาตอนเสร็จแล้ว ตักใส่ชาม หั่นผักชีอีกหน่อย โรยหน้าพร้อมพริกที่ทำไว้ ออกมาสวยงาม เย้ๆๆ













จบไปหนึ่งเมนูค่ะ ต่อไปค่ะ เมนูกั้งกระดาน ซอสพะแนงะคะ 



วัตถุดิบประกอบไปด้วย

1. พริกแกงพะแนง (ซึ่งประกอบด้วยพริก กะปิ ข่า ตะไคร้ ผิวมะกรูด ฯลฯ) แต่อันนี้ใช้สำเร็จคือยี่ห้อแม่พลอยค่ะ (เชฟบอกว่า อีกยี่ห้อคือนิตยา แต่อันนั้นเค้าส่งออกนอกอย่างเดียวค่ะ)

2. ลิ้นจี่

3. มะเขือยาวย่าง

4. ใบมะกรูด

5. มะม่วง

6. หน่อไม้ฝรั่ง (ไว้ตกแต่ง)

7. น้ำตาลมะพร้าว หรือน้ำตาลโตนด หรือน้ำผึ้ง

8. ถั่วป่น (ใส่ให้ข้น)

9. กะทิ (เอามาแยกหัว)





อันดับแรก ก็เป็นขั้นตอนการเตรียมกั้งก่อนค่ะ ซึ่งเชฟก็ทำการเตรียมให้อีกเช่นเคย แหะๆ Smiley

ซึ่งระหว่างการเตรียมกั้ง เชฟก็บอกด้วยว่า สำหรับครัวที่นี่ก็มีการแบ่งเขียงตามมาตรฐานด้วยนะคะ อย่างถ้าเป็นอาหารทะเลจะใช้เขียงสีฟ้าแบบนี้ ถ้าเป็นพวกผักจะเป็นเขียงสีเขียวค่ะ ส่วนสีขาวที่อยู่ไกลๆ นั่นถ้าจำไม่ผิดเป็นเขียงพวกเนื้อสัตว์นะคะ











สำหรับการเตรียมกั้ง เชฟเอาหัวกั้งออกก่อนค่ะ จากนั้นก็เอามีดผ่ากลาง เลาะตัวเนื้อกั้งออกมาตามภาพเลยนะฮับ















วัตถุดิบที่ต้องใช้สำหรับการนี้นะฮับ ตามภาพก็จะมีถั่วป่น ลิ้นจี่ และน้ำพริกแกงพะแนงค่ะ 

นอกจากนั้นก็มีหน่อไม้ฝรั่ง มะเขือยาวย่าง และมะม่วงค่ะ













มามะมาลงมือทำกันค่าา

อย่างแรกเลยค่ะ แยกหัวกะทิลงกระทะก่อนค่ะ












จากนั้นก็เป็นการซอยใบมะกรูด โดยเชฟสอนให้เราจับก้าน ห่อใบเข้าหากัน ฉีกออกมา (ก้านก็จะหลุดไป) จากนั้นก็ม้วนแล้วซอยค่ะ แต่..ครือว่า..ดูความแตกต่างระหว่างเชฟซอยกับเราซอยแล้วกันค่ะ อยากจะร้องไห้ (สงสารเชฟเป็นที่สุด นี่ป้าหั่นคะน้าหรือซอยมะกรูดคะ Smiley )












จากนั้นเอาหัวกะทิขึ้นตั้งไฟค่ะรู้สึกจะ 1600 เหมือนเดิม จากนั้นก็นำน้ำพริกหนึ่งช้อนโต๊ะลงไป (เท่ากับสี่ช้อนชาค่ะ) เคี่ยวโดยห้ามยกกระทะนะคะ














จากนั้นคนให้แตกมันค่ะ และเติมกะทิเรื่อยๆ ราวๆ 200 ml แล้วก็ปล่อยระอุเดือดค่ะ

โดยระหว่างนั้นเชฟก็เอากั้งไปจี่ (เรียกถูกเปล่าหละนั่น) ในกระทะอีกใบน่ะค่ะ












หลังจากกะทิกับพริกแกงพะแนงระอุเดือดแล้วเราก็สามารถใส่เนื้อสัตว์อื่นๆ ลงไปได้ เช่น พวกกุ้ง ไก่ ฯลฯ ใบมะกรูด มะเขือพวง พวกนี้ต้องใส่ตอนเดือดค่ะ แต่เนื่องจากเราทำเป็นลักษณะซอสเราเลยไม่ได้ใส่ไปนะคะ แฮ่...

จากนั้นพอเพดือดเสร็จ ก็ใส่ใบมะกรูดลงไปครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็ใส่โหระพาค่ะ ตามด้วยการปรุงรสน้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลครึ่งช้อนโต๊ะ แล้วก็ใส่ถั่ว ชิมรส จากนั้นปิดไฟแล้วค่อยใส่ลิ้นจี่ (แต่ตอนก่อนเสริ์ฟค่อยอุ่นอีกทีหนึ่งนะคะ)














ต่อไปเป็นการเตรียมกั้งกับหน่อไม้ฝรั่งค่ะ ตามต่อด้วยการเตรียมพริก (เหมือนตอนต้มยำค่ะ เอาไว้แต่ง) กับการลอกเปลือกมะเขือยาวย่างออกแล้วหั่นตามภาพเลยนะคะ เสร็จแล้วก็เอาไปวางเรียงรองเป็นพื้นที่จานเลยฮับผม
















จากนั้นจะเป็นขั้นตอนของการเตรียมมะม่วงค่า หั่นตามภาพเลยค่ะ (ขี้เกียจบรรยาย เอิ๊กๆ)












จากนั้นก็นำสิ่งต่างๆ ที่ปรุงสุกเรียบร้อยแล้วเตรียมมาเรียงค่ะ

มะเขือยาวย่างวางเรียง ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่ง แล้วก็เตรียมกั้งกับซอสตามภาพนะฮับ












ส่วนเจ้าสองขวดนี้คือหัวกะทิผสมกับแป้งข้าวโพดและน้ำมันพริกเผาค่ะ












เอาหละค่ะ ก็เริ่มจากการราดซอสลงไปตามภาพ แล้วก็นำกั้งมาเรียง แล้วก็ราดซอสอีกทีนะคะ แล้วก็ตาด้วยหัวกะทิผสมแป้งข้าวโพดค่ะ จากนั้นก็ราดต่อด้วยน้ำมันพริกเผา โรยมะกรูด พริกแดง โหระพา แล้วปิดด้วยการแต่งด้วยมะม่วงก็สำเร็จเสร็จสิ้น แท้แด...














สำเร็จเสร็จสิ้นแล้วค่ะ กับข้าวสองอย่างของเราวันนี้ ท่ามกลางความเหน็ดเหนื่อยและน้ำตา (ของเชฟที่สอนเรา กร๊ากกกกก Smiley )











ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันกันแล้วฮ้าบบบ

ก็มีน้ำมะพร้าวเป็นลูกมาอีกเช่นเคยนะคะ พร้อมกับข้าวและข้าวสวยตามภาพเลยฮับ















สรุปสำหรับ Cooking Class ที่นี่นะคะ เราว่าถ้าอยากหัดลองทำอาหาร เป็นกิจกรรมหนึ่งที่ดีเลยค่ะ เชฟน่ารักมากๆ ใจดีและใจเย็นสุดๆ อะค่ะ ปลาบปลื้มใจมากมายค่ะ เป็นการเริ่มต้นทำอาหารที่เรากลัวมาก แต่เชฟไม่ดุเลยสักคำ (นอกจากอึ้งเล็กน้อยหลังจากเห็นเราสามารถซอยใบมะกรูดเป็นคะน้าได้ กร๊ากกกก) แล้วการได้ไปเดินดูตลาด เชฟเล่าเรื่องโน่นนี่ให้ฟังเอย การได้เลือกวัตถุดิบมาทำเองเอย มันทำให้สนุกและมีรสชาติอีกแบบเลยค่ะ เราชอบมากๆ เลย


ก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่ถ้าใครไปที่นี่ก็เชียร์ให้ลองดูนะคะ แฮ่...Smiley






สำหรับเอนทรี่นี้ก็มีแต่เพียงเท่านี้นะฮับ เอนทรี่หน้าจะพาไปทำสปาซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมห้ามพลาดของที่นี่เลยหละค่ะ เย้ๆ



ความยาวเกินกำหนดอีกแล้วค่ะ แปะปฏิทินธรรมไม่ได้อีกแล้ว เฮ้อ...ยังไงเดี๋ยวจะมาแปะในเอนทรี่ต่อไปแล้วกันนะคะ



ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+2559360=4029056/11718/986
Create Date :07 สิงหาคม 2558 Last Update :7 สิงหาคม 2558 8:56:35 น. Counter : 3683 Pageviews. Comments :19