bloggang.com mainmenu search





การเงินบนพื้นฐานความรัก เรื่องที่ต้องเรียนรู้หลังชีวิตแต่งงาน


by อภินิหารเงินออม,Dec 7, 2017 3:45 AM



เย้ๆๆๆๆ ใกล้จะถึงปีใหม่แล้วววววว จำได้ว่าเมื่อก่อนตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ ใกล้ถึงช่วงปีใหม่ก็จะนัดกับเพื่อนไปเลี้ยงฉลอง ร้องคาราโอเกะและจับสลากของขวัญกันได้พอลุ้น แต่พอทำงานนานๆไปเพื่อนที่มีนับสิบคนก็ค่อยๆหายไปทีละคน บางคนก็ติดงาน ติดแฟน มีครอบครัว เลี้ยงลูก หนึ่งในนั้นก็มีอภินิหารเงินออมรวมอยู่ด้วย เพราะเพิ่งแต่งงานได้ปีกว่าๆ แล้วต้องย้ายมาอยู่กับครอบครัวที่เชียงใหม่ ทำให้มีโอกาสเจอเพื่อนน้อยลงมากๆ


รีวิว 1 ปีนิดๆกับชีวิตหลังการแต่งงาน


ตั้งแต่ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ก็เคยนั่งคุยกันในกลุ่มเพื่อนว่าแต่ละคนเลือกแฟนกันยังไง เท่าที่นั่งฟังก็รู้สึกว่าวิธีของเราค่อนข้างแปลกกว่าของคนอื่น เพราะเราเลือกจะแสดงตัวตนที่แท้จริงของตัวเองออกมาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก ถ้าเขารับได้ก็เป็นแฟนกัน แต่ถ้ารับไม่ได้ก็เป็นเพื่อนกัน ผ่านมาแล้ว 30 ++ ปีก็ยังไม่มีใครผ่านเข้ามาสักคน!!

จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอกับคนที่รับกับความอินดี้ของเราได้ แหม!! อายุขนาดนี้แล้วก็ไม่ต้องพูดอะไรมาก ผู้ใหญ่พูดคุยกันสองสามทีก็จูงมือเข้าห้องหอกันเลย เพื่อนของเราก็งงกันเป็นไก่ตาแตกเพราะเราไม่เคยมีวี่แววโพสต์หน้า FB เลยว่ามีแฟนหรือใกล้จะแต่งงาน แถมยังได้แต่งงานเป็นคนแรกของกลุ่มอีกด้วย



แต่ชีวิตคู่มันก็มาพร้อมกับความกังวล เพราะมันเป็นเส้นทางใหม่ที่เราไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง ชีวิตอิสระจะหายไปไหม เราจะเจอชีวิตดราม่าเหมือนคนที่เขียนไว้ในกระทู้ Pantip รึเปล่า และอีกสารพัดความคิดที่มันวิ่งไปมาในหัวของเรา แต่สุดท้ายก็มาสรุปได้ว่า มันเป็นความกังวลที่คิดไปเอง ทั้งที่ยังไม่เกิดขึ้้นจริง คู่ของเราอาจจะแตกต่างจากคู่ของคนอื่นก็ได้ ถ้าอยากมีประสบการณ์ก็ต้องลงมือสร้างเอง จนกระทั่งวันนี้….

หลายสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป…



การทำงานบ้าน
เราเป็นฟรีแลนซ์ทำงานอยู่ที่บ้าน บางครั้งออกไปทำงานข้างนอกบ้าง ส่วนคุณแฟนทำงานประจำ ลักษณะงานของเราแตกต่างกัน จึงทำให้การทำงานบ้านส่วนใหญ่เป็นงานของเรา โชคดีที่ปกติเราชอบทำความสะอาดบ้านอยู่แล้ว เพราะได้ออกกำลังกาย มีสมาธิและได้ไอเดียใหม่ๆตอนทำงานบ้านอีกด้วย แต่ถ้าวันไหนคุณแฟนว่างก็จะมาช่วยกันทำงานบ้าน งานซักผ้าก็ไม่ยากเพราะเราจับใส่เครื่องซักผ้าก็เรียบร้อย ส่วนงานรีดผ้าก็ตัวใครตัวมันเพราะเราไม่ชอบรีดผ้า


การทำอาหาร
ช่วงที่อยู่เป็นโสดใช้ชีวิตลั้นลาอยู่ในเมืองกรุง ถ้าหิวก็เดินออกจากคอนโดเจอของกินผุดขึ้นทุกหย่อมหญ้า หรือไม่ก็ขึ้นรถไฟฟ้าไปหาของกินในห้างฯ ตากแอร์เย็นฉ่ำ เคยซื้อของสดมาทำกินเองแล้วเหลือประจำ ขนาดซื้อมาน้อยๆแล้วก็ยังทำกินไม่หมด ก็เลยคิดว่าอยู่คนเดียวซื้อกินมันง่ายกว่า

แต่พอแต่งงานมาอยู่เชียงใหม่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เพราะของกินอยู่ห่างไกลมากๆ ทำให้ต้องวางแผนเรื่องการกินมากขึ้น โดยการซื้อของสดตุนไว้ในตู้เย็นแล้วทำอาหารกินเอง ถ้าอยากกินอะไรก็เปิดดูวิธีทำได้จาก YouTube เราทำได้หลายอย่างยกเว้นการทำอาหารด้วยน้ำมัน เพราะกลัวน้ำมันกระเด็น

แต่ถ้ามันหิวมากก็ต้องทำให้ได้ มีครั้งนึงอยากกินปลาทูทอด เราก็ตั้งกระทะ เทน้ำมัน แค่ปลาทูลงไปแหวกว่ายในกระทะเท่านั้นแหละ เราถึงกับร้องจ๊าก เพราะน้ำมันกระเด็นตูมตามใส่แขนแสบไปหมด คุณแฟนเห็นคงรำคาญตาก็เลยเข้ามารับตำแหน่งพ่อครัวคนเก่งของบ้าน ตอนนี้อยากกินอะไรเราก็มีหน้าที่เตรียมเครื่องปรุงทั้งหมดไว้ให้ แล้วคุณแฟนเป็นคนปรุงอาหาร ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาทำอาหารด้วยกันมันก็สนุกดีนะ



พื้นที่ส่วนตัว
เราเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก ขอบคุณที่คุณแฟนเข้าใจตรงจุดนี้ก็เลยไม่เคยบังคับให้ทำอะไรที่ฝืนใจ เราคุยกันว่าแต่ละคนก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเอง ดังนั้น เราจึงไม่เคยตรวจโทรศัพท์ ไม่โทรตามจิกและไม่รื้อกระเป๋าสตางค์ของคุณแฟน ซึ่งคนรอบข้างของเรากังวลว่า ถ้าแฟนแอบไปมีกิ๊ก เราก็อาจจะไม่รู้เรื่อง เรื่องนี้เราได้คุยกับคุณแฟนและครอบครัวไว้ตั้งแต่แต่งงานแล้วว่า ถ้าใครนอกใจก็พร้อมที่จะแยกทางทันที!! เจ็บแต่จบ



วิธีการจัดการเงินที่เปลี่ยนไป

เมื่อก่อนใช้ชีวิตโสดหรรษาก็จัดการเงินของเราคนเดียว เรามีรับรายได้ไม่แน่นอนเพราะเป็นฟรีแลนซ์ ก็จะต้องแบ่งเก็บเงินฉุกเฉินไว้เผื่อช่วงที่เงินไม่เข้าด้วย ส่วนเงินที่เหลือก็เก็บไว้ที่กองทุนรวม ซื้อหุ้นรายตัว และประกันชีวิต แต่พอหลังจากแต่งงานแล้วจะยึดหลักของตัวเองทั้งหมดก็ไม่ได้ มันก็ต้องถามความคิดเห็นของอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ว่าจะจัดการเงินแบบไหน ตอนนี้เราจะมีวิธีจัดการเงิน ดังนี้



วิธีจัดการเงินสินสอด

แม้ว่าเราจะเป็นคนดูแลเรื่องนี้ แต่ก็ต้องมานั่งคุยวางแผนการใช้เงินในระยะสั้นและกลาง เพื่อจะได้หาที่เก็บเงินได้ตรงกับช่วงเวลาที่จะใช้เงิน แล้วก็คอยอัพเดทว่าตอนนี้เงินแต่ละก้อนให้ผลตอบแทนเป็นยังไงบ้าง

ระยะสั้น : เก็บไว้ที่ออมทรัพย์ดอกเบี้ยสูงและกองทุนรวมผสม เพื่อใช้จ่ายยามฉุกเฉิน เงินท่องเที่ยว

ระยะกลาง : ลงทุนหุ้นรายตัว มีเก็งกำไรบ้างเล็กน้อย และแบ่งไปซื้อสลากออมสิน เก็บไว้ลุ้นและเตรียมไว้เผื่อมีลูกจะได้ใช้เงินก้อนนี้ได้



วิธีจัดการรายได้ของแต่ละคน
เราทำงานฟรีแลนซ์รายได้ไม่แน่นอน ส่วนคุณแฟนทำงานประจำมีรายได้แน่นอน เราสองคนช่วยกันทำงานหารายได้ เราจึงตกลงกันว่าแต่ละคนจะต้องดูแลเงินของตัวเอง แล้วก็มีเงินส่วนกลางเพื่อเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ดังนี้



กองแรก เงินส่วนตัวของเรา

กองที่สอง เงินส่วนตัวของคุณแฟน

กองที่สาม เงินกองกลาง เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ



วิธีจัดการเงินกองกลาง
ช่วงแรกๆของชีวิตคู่ เรายังไม่รู้ว่าแต่ละเดือนใช้เงินเท่าไหร่ก็ใช้วิธีประมาณตัวเลขที่น่าจะครอบคลุม เราตั้งงบเงินกองกลางเดือนละ 20,000 บาท (ลงเงินคนละ 10,000 บาท) แล้วก็จดบัญชีรายจ่าย ทำให้เราเห็นภาพรวมของค่าใช้จ่ายมากขึ้น ช่วงแรกที่อยู่ในกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าเช่าคอนโด จึงเหลือเงินแต่ละเดือนนิดหน่อย แต่พอย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ มีบ้านส่วนตัวจึงไม่ต้องเสียค่าเช่า ทำให้เราประหยัดมีเงินไปเก็บออมมากขึ้น



เราแบ่งเงินกองกลางออกเป็น 2 ส่วน คือ

ส่วนที่ 1 เงินออม แบ่งเก็บไว้เพื่อใช้ช่วงฉุกเฉินและเก็บไว้ทำธุรกิจเล็กๆด้วยกันในอนาคต

ส่วนที่ 2 รายจ่ายของครอบครัว เช่น ค่าอาหาร (ทำอาหารกินเองทำให้ประหยัดเงินได้มากขึ้น) ค่าน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต สารพัดรายจ่ายที่เราทั้งสองคนใช้ร่วมกัน



วิธีจัดการกับความชอบ
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่สร้างความน่าปวดหัวให้กับหลายๆครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสายเปย์ช้อปแหลก ซื้อของเล่น กล้อง อุปกรณ์แต่งรถ ฯลฯ ซึ่งเป็นนิสัยชอบซื้อตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แต่บางครั้ง “ความชอบส่วนตัวของเราอาจจะทำให้การเงินของครอบครัวสั่นคลอนได้” คู่ของเราก็เจอเรื่องนี้เหมือนกันเพราะคุณแฟนชอบซื้ออุปกรณ์วิ่งและประกอบหุ่นยนต์



วิธีแก้ไขปัญหานี้ คือ

เราตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะต้องใช้เงินทำอะไรบ้าง เช่น เก็บไว้ให้ลูก เก็บไว้ทำธุรกิจเล็กๆ เวลาที่ใครจะใช้เงินซื้อของฟุ่มเฟือยก็ให้คิดถึงเป้าหมายร่วมกันให้มากๆ

ตั้งงบซื้อของตามใจ เราตั้งงบประมาณขึ้นมาว่าจะใช้เงินซื้อของที่ชอบได้กี่บาทต่อเดือน แล้วพยายามควบคุมรายจ่ายไม่ให้เกินกว่านั้น



การเตรียมพร้อมในอนาคต
เมื่ออนาคตมันไม่มีความแน่นอน อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ แผนการที่เตรียมไว้ตอนนี้ก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ตอนนี้โฟกัสที่ 2 เรื่องใหญ่ๆ คือ



เรื่องครอบครัว
วางแผนมีลูกแต่ไม่รู้จะสำเร็จรึเปล่าเพราะตอนนี้มดลูกใกล้เกษียณอายุแล้วก็ลุ้นอยู่ว่าจะมีลูกได้มั๊ย คิดไว้วาถ้าอีกครึ่งปีไม่มีจริงๆก็อาจจะต้องพึ่งหมอแล้วล่ะ มันก็อาจจะทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น ถ้าพยายามแล้วไม่มาเกิดจริงๆก็ทำใจ แล้วอยู่เป็นเพื่อนกันแบบนี้ต่อไป



เรื่องการทำงาน
งานส่วนตัวที่เป็นบล็อกเกอร์เขียนบทความออนไลน์และวิทยากรให้ความรู้ทางการเงินก็ยังทำต่อไป แต่พออยู่กับตัวเลขทั้งวันมันก็เบื่อเหมือนกัน ทำให้ต้องหาอย่างอื่นทำบ้างชีวิตจะได้มีสีสันขึ้นมาบ้าง ก็เริ่มหาจากสิ่งที่เรามีอยู่แล้วคุณแฟนก็อยากทำด้วยกัน นั่นคือ การผลิตมูลไส้เดือนขาย ตอนนี้อยู่ในช่วงศึกษาข้อมูลแล้วเตรียมพื้นที่เล็กๆไว้ทดลองทำ ถ้าได้ผลเป็นอย่างไรแล้วจะมาอัพเดทอีกครั้ง


บทความนี้เหมือนไดอารี่สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในปี 2017 เป็นบันทึกความคิดและความรู้สึกระหว่างการเดินทางของชีวิตคู่ที่เราก็ไม่รู้ว่าเส้นทางนี้จะไปสิ้นสุดที่ไหน แต่รู้อยู่อย่างหนึ่งว่าเราคงจะต้องปรับตัวกันไปเรื่อยๆ เพราะมันต้องมีอุปสรรคเข้ามาเป็นแบบทดสอบเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ส่วนตัวคิดว่าการแชร์ประสบการณ์ในครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่เริ่มต้นสร้างครอบครัวได้นะคะ

ขอขอบข้อมูลจาก
https://goo.gl/rVaGUP


newyorknurse



Create Date :16 ธันวาคม 2560 Last Update :16 ธันวาคม 2560 5:35:23 น. Counter : 1080 Pageviews. Comments :0