Credit Card บัตรเครดิต เรียกว่าอย่างไรในเมกาหรืออังกฤษ บ้ายอๆ ค่ะคู วันนี้ฟังรายการอาจารย์บุญทรงอีกแระ เลยมาแปะชวนเพื่อนอยากรู้ ภาษาอังกฤษวันละคำวันนี้ อาจารย์บุญทรง เสนอคำว่า... credit card แปลว่าบัตรที่ธนาคารให้เครดิตในการใช้จ่ายก่อนแล้วเรียกเก็บทีหลัง ซึ่งจะมีบัตร Debit Card ที่มีการใช้ผ่านบัตรโดยหักเงินจริงจากบัญชีอีกด้วย แต่คนอเมริกันเค้าจะเรียกบัตร Credit หรือ Debit ว่า Plastic Card เพราะว่าบัตรทั้งสองใบ ทำจากพลาสติกเหมือนกัน และไม่ใช่เงินจริงเวลาที่เราใช้ ดังนั้นถ้าเราไปร้านอาหารที่อเมริกา ตอนจ่ายตังค์ เค้าจะถามเราว่า Cash or Plastic Card? แต่ถ้าเราไปที่อังกฤษ พนักงานในร้านก็จะถามเราว่า Cash or Switch Card? (นี่ถ้าเราไปอังกฤษคงฮา เพราะคงเข้าใจว่าจะด้วยจ่ายเงินสดหรือบัตรสวิตซ์ไฟ 555ประมาณ) PANDIN
ถึงคูธิงที่รัก
ตอนนี้นางสาวอุ้มไม่สามารถฟังคูธิงจัดรายการได้ สหภาพแรงงานไม่ได้มาตัดไฟหรือว่าโดนตัดน้ำ แต่ประการใดดอกจ๊ะ แต่เนื่องจากภาระหน้าที่การงานไม่ค่อยอยุ่กับที่ ประมาณว่าไมใลงรอยเท่าไหร่ ก็เลยขออภัยในความไม่สะดวกจ๊ะคูขา แต่ความคิดถึงคูธิงเต็มเปี่ยมเต็ม 100 อาจจะเกินไปบ้างด้วยล่ะ ตอนนี้เพิ่งเลิกงานกลับมาบ้านได้ไม่เท่าไหร่ ว่าจะนอนเจ้าค่ะ เปิดบ๊อกซะหน่อยว่ามีใครมาเม้นท์บ้าง เห็นคูธิงอัพบ๊อกก็แวะมาคิดถึงซะหน่อย เบอร์มือถืออุ้ม ขอได้ที่น้องอ๊อป PANDIN ได้เลยนะคู ไปนอนก่อนนะคะ...ชะแว๊บบบบ โดย: อุ้มสี
 วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:0:56:01 น.เคเรยอุ้ม
ก้อยุ่งๆ กันทุกคน ไม่เป็นไรหรอก รู้ว่ายังจำได้ และคิดถึงก้อดีใจแล้ว แล้วนัดเจอกันเมื่อไหร่จะโทรไปอกนะ จุ๊บๆ โดย: Tinglish
วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:7:46:47 น.Amazing Plastic !!!
เอาไว้รูดเงินก็ได้ (Plastic card) ทำให้คนสวยก็ได้ (Plastic Surgery) ส่วน Switch card ชั้นคงนึกว่าบัตรเครดิตของประเทศสวิซฟร่ะออฟ  คูๆๆ นู๋ส่งใบลาหลายวันนะคะ วิชาบริหาร(เวลา) จะติด F อยู่แว้ววววว  See you naka..Love XOXO โดย: ชิด-ชิด เข้ามาอีกหน่อย
วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:11:53:56 น.ขอบคุณสำหรับความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่น่าสนใจนะคะ สั้นๆ แต่ได้ใจความ ถ้าไปเจอคำถามนี้จริงๆ คงมึนตึ้บไปเหมือนกัน Plastic card ยังพอเดาได้ แต่ Switch card เนี่ย คงงงก๊งไปเลยค่ะ  คิดถึงคูทิงเสมอนะคะ ขอให้คูทิงมีความสุข สนุก และประสบความสำเร็จกับทุกๆ กิจกรรมที่ทำอยู่ ด้วยนะคะ  โดย: ป้าติ๋ว (nature-delight
 ) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:12:28:01 น. คิดถึง คิดถึง คิดถึง หอบความรู้สึกมาถึงนี่ วอนฝนฟ้าเมตตาปรานี บอกเธอคนดีว่า ห่วงใย ขอให้มีความสุขกับวันแรกของการทำงานนะจ้า โอว้าว ครูทิงกลับมาแล้วดีใจจัง .. โดย: จอมแก่นแสนซน
 วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:13:29:24 น.ถ้าไม่ใช่คูทิงอัพยังนึกว่าล้อเล่นนะคะเนี่ย
 พลาสติกการ์ด บ้านเราน่าเรียกแบบเค้ามั่ง  โดย: LEE (lyfah
) วันที่: 7 กันยายน 2551 เวลา:17:24:58 น.แวะมารายงานตัวค่าคู ก่อนที่จะโดนลืม เพราะช่วงนี้ยุ่งตลอดเลยอา
 พี่อ๊อฟฟังแล้วเอามาเขียนได้ดีขนาดนี้ ต้องชมว่าคูสอนดี รึว่าเด็กฉลาดกันนะ  Plastic เคยได้ยินมาบ้าง แต่ Switch card เพิ่งได้ยินนี่แหล่ะ เก็บเกี่ยวๆ เป็นความรุ้ไว้  ขอบคุณคูทิง และเจ๊อ๊อฟสุดสวยที่มาอัพเดตค่า  โดย: กวางตุ้งหวาน
 วันที่: 8 กันยายน 2551 เวลา:19:54:11 น.อ๊อฟ แกเลื่อนขั้นเป็น ครูฝึกสอน ไปแล้วใช่ปะ
แล้วเราจะจ่ายค่าเรียนให้คู ดีไหม เนี่ย  (กระซิบ) อิชิด อินา หรือใครก็ตามที่มีพาสเวิร์ดคูทิง กรุณาส่งหลังไมค์ให้แองจีด้วย วันไหนของขึ้น ชั้นจะจัดห้องเรียนใหม่ ย่ะ อ่อ คู ขา หนูมีพลาสติกการ์ดหลายใบแล้ว แต่เงินจะจ่ายหนี้ มะค่อยมี ฮ่ะ  โดย: angy_11
วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:13:47:31 น.ภาษาอังกฤษวันละคำวันนี้ เขียนรายละเอียดยากจัง
แต่ก็พยายามจะสรุปให้เพื่อนอ่านง่ายๆเนอะ อ่านไม่รู้เรื่องก็อภัยด้วยนะ หุ หุ  Sideburns แปลว่าจอนผม (แหะ นึกถึงเอลวิส กะหนุ่มศรราม)ซึ่งอาจมีได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่อาจารย์บุญทรงบอกว่า ถ้าเป็น English speaker นั้น จะเป็นเรื่องของผู้ชายเท่านั้น ซึ่งที่มาของคำว่า Sideburns นั้น ตั้งชื่อตามนายพลAmbrose Burnside ซึ่งเป็นทหารท่านหนึ่งที่ทำการรบอยู่ในสงครามกลางเมืองอเมริกา(ค.ศ.1861-1865) และเป็นผู้นำที่พาให้ทหารตายไปกว่า 30,000 คน ในสงคราม จนปธน.ลินคอร์นไม่พอใจ สั่งปลดออกจากการเป็นทหารในครั้งนั้น ซึ่งท่านนายพลท่านนี้ มีจอนผมเป็นที่โดดเด่นและดูดีมาก ดังนั้นจึงมีการเรียกจอนผมตามชื่อที่สลับกันของท่านว่า Sideburnsเป็นต้นมา   ^ ^คนนี้ไง ท่านนายพล ปล.ที่1อาจารย์บุญทรงท่านย้ำนักย้ำหนา ว่า Sideburnsใช้เรียกเฉพาะผู้ชายเท่านั้นนะ ไม่ใช้กับผู้หญิง ปล.ที่2 สงครามกลางเมืองอเมริกานั้นนั้น ด้วยความสงสัย เราจึงไปค้นเพิ่มเติมนิดหน่อย ได้ความว่าอยู่ในช่วงค.ศ.1861-1865 เป็นสงครามระหว่างอเมริการัฐฝ่ายเหนือ(สหพันธรัฐ) 23 รัฐ กับอเมริกาฝ่ายใต้(สมาพันธรัฐ) 11 รัฐ ซึ่งสาเหตุเกิดจากฝ่ายเหนือที่นำโดยปธน.ลินคอร์น มีแนวคิดต่อต้านระบบทาสอย่างชัดเจน ต่างจากรัฐทางใต้ ที่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ทำให้มีความต้องการใช้ทาสอยู่ ไม่ต้องการให้มีการยกเลิกระบบทาส...สุดท้าย ฝ่ายเหนือชนะค่ะ แต่ขึ้นชื่อว่าสงคราม ย่อมมีการสูญเสียอยู่แล้ว ชีวิตทหารทั้ง 2 ฝ่ายที่ตาย รวมกันก็ประมาณ 620,000 คน นี่ไม่นับคนที่บาดเจ็บนะ กว่าที่อเมริกาจะสิ้นสุดความเป็นทาส...  ปล.ที่3 ชอบสำเนียงอาจารย์บุญทรงตอนต้นรายการมากค่ะ กับคำว่า Breaking word พยายามจะออกเสียงให้ได้แบบนี้มั่ง ปล.ที่4ขอบคุณอีโมน่ารักๆจากเพื่อนแองจี้นะ  จบข่าว...ข้อมูลเรื่องสงครามกลางเมือง+รูปท่านนายพล เราเอามาจาก wikipedia.orgนะคะ หากเพื่อนๆสนใจข้อมูลมากกว่านี้ ก็ไปหาอ่านแล้วมาเล่าข้อมูลสู่กันฟังด้วยนะคะ  โดย: PANDIN
วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:14:17:15 น.โฮ๊ะ โฮ๊ะ แองจี้ ชั้นเป็นครูฝึกสอนไม่ได้ร๊อกแก
เป็นได้แต่เถียงข้างๆคูๆ เท่านั้นแหละ อีกอย่าง ถ้ามีเวลาชั้นก็ฟัง แล้วก็พยายามสุ จิ ปุ ลิ แล้วก็เผื่อเพื่อนที่ไม่ได้ฟังด้วยไงแก ... อย่างน้อย เข้าหูตัวเองซัก 20 ตอนจาก 360 ตอน ของอาจารย์บุญทรง ก็ดีแระ 555  โดย: PANDIN
วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:14:44:11 น.all dept life
Ha ha ha //creditcardthai.blogspot.com โดย: ping ping (logisticspro
) วันที่: 10 เมษายน 2552 เวลา:10:26:25 น. |
บทความทั้งหมด
|
|||||||||||||||||||||
 |
|
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
เอา ขี้ปาก อ้อบ มาอั้พบลอก
ไม่ค่อยจะขี้เกียจเลยนะ คู เนี่ย
ขอบคุณนะอ้อบนะ