ความศรัทธาของชาวพุทธ กับ สังเวชนียสถาน (ตอนที่ 2)
ความศรัทธาของชาวพุทธ กับ สังเวชนียสถาน 
(ตอนที่ 2)


การเดินทางไปประเทศอินเดีย เพื่อไปนมัสการสังเวชนียสถาน  อันเป็น
สถานที่ที่พระพุทธองค์เคยประทับอยู่  เคยเผยแผ่
พระพุทธศาสนา  ฯลฯ   ก็มาถึงอีกวันหนึ่งแล้ว นะคะ  ฉันก็จะมาเล่า
เรื่องราวต่าง ๆ ที่ฉันได้มาพบเห็นมา ค่ะ 

วันที่  22  กุมภาพันธ์   เช้านี้  ฉันตื่นขึ้นมาตอน ตี  3  เพื่อเข้าห้องน้ำ
ก่อนเพื่อน  เพราะจะต้องจัดการเรื่องส่วนตัวให้เรียบร้อย
ต้องใช้เวลานานหน่อย  จึงต้องปรับตัวเอง  จะได้ไม่เอาเปรียบเวลา
ของคนอื่นที่อยู่ร่วมห้องเดียวกันถึง  4  คน  ค่ะ 
 เวลานัดทานข้าวเช้า  วันนี้ คือ  ตีห้า  แต่ โรงครัวคงทำไม่ทัน พวกเรา
ได้ทานข้าวเช้าประมาณ  ตีห้าครึ่ง  อาหารเช้าของวันนี้
คือ  ข้าวต้ม   มีไข่เจียว  ผัดผัก  หมูหยอง  อาหารเหมือนเราทานกันใน
ประเทศไทยเลย  กินกันได้ทุกคน ไม่ต้องกังวลอะไร

ประมาณ  6.00  น.  รถก็เริ่มออกจากวัดไทยสารนาถไป  ท้องฟ้าดูยัง
ไม่สว่างดีนัก  ค่ะ  แต่หน้าตาทุกคนก็สดชื่น  
พร้อมทั้งกายและใจที่จะเดินทางไปเมืองสาวัตถี  ตามกำหนดการที่วาง
ไว้  ซึ่งเป็นเมืองที่พระพุทธองค์จำพรรษานานที่สุด ค่ะ 

ระหว่างที่เดินทางไปนั้น   พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ และพระอาจารย์ทุก
รูป ก็นำสวดมนตร์   ทำวัตรเช้า   โดยมีหนังสือที่แจกให้
ตั้งแต่เมื่อวาน  พวกเราก็เปิดหนังสือสวดมนตร์ตามไปพร้อม ๆ กัน  น่า
จะประมาณเกือบครึ่งชั่วโมงน่าจะได้ ค่ะ  
จากนั้น  พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์  ไม่ปล่อยเวลาว่างให้เปล่าประโยชน์
เลยค่ะ  ท่านก็จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมืองสาวัตถีที่เรา
กำลังจะเดินทางไปนมัสการสถานที่ต่าง ๆ ที่พระพุทธองค์เคยประทับ
อยู่นาน ถึง 25  พรรษา  โดยประทับที่วัดเชตวันมหาวิหาร 
19  ปี และจำพรรษาที่วัดบุพพารามมหาวิหาร  อีก 6 ปี  


พระอาจารย์ ดร. มหากิติพันธ์ ให้ความรู้เรื่อง เมือง สาวัตถี ค่ะ 

เมือง สาวัตถี  ชื่อของเมือง  มาจากชื่อของฤษี ที่ชื่อว่า  สาวัตถะ หรือ
สาวัตถี  แปลว่า  มีสิ่งของ เครื่องอุปโภค บริโภค เพียบพร้อม
มากมาย เรียกว่า อุดมสมบูรณ์  นั่นเอง  
สาวัตถี เป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล  ในสมัยพุทธกาล  เป็นเมืองที่
มีความสำคัญมาก  เพราะเป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์
ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่ที่เมืองนี้นานที่สุดและมั่นคงที่สุด  เพราะ 
ที่เมืองนี้  มีผู้อุปภัมภ์ค้ำชูพุทธศาสนาที่สำคัญ
หลายคน  เช่น  พระเจ้าปเสนทิโกศล  ผู้ครองแคว้นโกศล และได้บรรลุ
เป็นพระโสดาบัน   มีมหาเศรษฐีชื่อว่า  อนาถบิณฑกเศรษฐี
ได้บริจาคเงินและที่ดิน  สร้างวัด เชตวันมหาวิหาร  ให้เป็นศูนย์กลาง
ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา   ยังมีนางวิสาขา  
ก็ได้บริจาคเงินมากมาย  สร้างวัด บุพพารามหาวิหาร  เป็นแหล่งศูนย์
กลางในการเผยแผ่พุทธศาสนาอีกหนึ่งแห่ง  
ดังนั้น  ที่เมือง สาวัตถี  จึงถือว่า เป็นเมืองที่สำคัญและมั่นคงในเรื่อง
การเผยแผ่พุทธศาสนา   และที่นี่ เป็นเมืองที่พระพุทธองค์
ได้ตรัสเทศน์พระสูตรมากมายที่เมืองนี้  เช่น มงคลสูตร ธรรมนิยาม
สูตร  กาลามสูตร หรือที่เรียกว่า  วรรณนากาลามสูตร  
ที่พระพุทธองค์เทศน์ให้กับชาวกาลามะ  เมื่อชาวกาลามะได้ทูลถาม
ว่า  พวกเขาได้รับคำสอนจากอาจารย์อื่น ๆ มาอย่างหนึ่ง
แล้วก็มาฟังคำสอนจากพระองค์อีกอย่างหนึ่ง  เลยไม่ทราบว่า พวกเขา
จะเชื่อใครดี   พระพุทธองค์จึงทรงแย้มพระสรวลและตรัส
เทศน์เรื่อง  วรรณนา (พรรณนา)กาลามสูตร  เป็นการเทศน์ เรื่องอย่า
เชื่อโดยหลัก 10  ประการ  เช่น  อย่าเชื่อ โดยฟังตาม ๆกันมา
อย่าเชื่อโดยคิดว่าผู้นั้นเป็นอาจารย์ของเรา  เป็นต้น  
(เรื่องกาลามสูตร  เป็นบทเรียนเรื่องหนึ่งของ นักเรียน ม.6 ที่ฉันเคย
สอนนักเรียนมา ค่ะ )  
ปัจจุบัน  เมืองสาวัตถี  เหลือเพียง ซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏ
ร่องรอย  คือ วัดเชตวันมหาวิหาร  ซึ่งเป็นวัดที่
อนาถบิณฑิกเศรษฐี  ได้สร้างถวายพระพุทธเจ้าและเป็นวัดที่พระพุทธ
เจ้าจำพรรษาอยู่นานถึง 19  ปี   บริเวณวังของ
พระเจ้าปเสนทิโกศล  บ้านของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี (สถูป) บ้าน
บิดาขององคุลีมาล (สถูป)  สถานที่ที่พระเทวทัตถูกธรณีสูบ
(อยู่บริเวณหน้าวัดเชตวันมหาวิหาร) ที่แสดง ยมกปาฏิหาริย์
ความรู้ดังกล่าว  นอกจากฟังจากพระอาจารย์แล้ว  ฉันยังได้ศึกษา
ค้นคว้าเพิ่มเติมจากในอินเทอร์เน็ตด้วยค่ะ  
การเดินทางจากพาราณสีมาถึงเมืองสาวัตถี  ก็เป็นเวลาหลายชั่วโมง
การปวดปัสสาวะของสมาชิก ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา 
เพราะส่วนใหญ่ก็สูงอายุกันทั้งนั้นเนาะ  จันดัล มัคคุเทศน์ก็น่ารักมาก
หาที่เหมาะ ๆ ที่เป็นทุ่งกว้าง เหมาะสำหรับทำธุระ
ดังกล่าว  และภาพที่สร้างความประทับใจ ก็คือ  จันดัลและเด็กรถสอง
คน  ได้นำกระโจมที่พับได้  ตั้งได้ มีประตูให้เข้าไป
ทำธุระ โดยไม่ต้องให้ใครเห็นก้นขาว ๆ เหมือนในสมัยก่อน  หรือ ต้อง
เตรียมร่มกางไว้ไม่ให้ใครเห็น  ตามที่เคยได้ยินมา ห้าห้า
แสดงว่า  อินเดียมีการพัฒนาเรื่องนี้แล้ว มาชมรูปที่ฉันถ่ายมาฝาก ค่ะ 



เป็นไงบ้างคะ  กระโจมที่ตั้งไว้นี้  เข้าไปทีละคนได้สบาย ๆ ค่ะ อิอิ
ฉันนั่งถ่ายรูปอยู่บนรถ  ไม่ได้ลงไปทำธุระกับเขาหรอก 
ส่วนผู้ชายซึ่งเป็นฆราวาสมี 3 คน คือ  น้องใหญ่  น้องอินแปง และ
น้องสุนทร  พระอาจารย์อีก 4 รูป ไม่ต้องอาศัยกระโจม ค่ะ 
ไปหามุมสงบ ๆ ทำธุระ ยิงกระต่ายได้อย่างสบาย  อิอิ 
เสร็จธุระกันแล้ว ก็ออกเดินทางต่อ  เรามาถึงมูลนิธิพุทธยันตีไทย
อินเดีย  เพื่อพักทานข้าวมื้อกลางวันที่นี่  โดยเราสั่ง
ข้าวจากทางวัดไทยสารนาถที่เราพักเมื่อคืนเป็นคนทำให้ใส่กล่อง
ฟรอยด์  ก่อนเรามาถึง มีคนไทยคณะอื่นมาก่อนเราด้วย 
พวกเราขี้นไปที่ชั้นสองของมูลนิธินี้  ซึ่งมีห้องโถงกว้าง  นอกห้องมี
โต๊ะยาวให้นั่ง  ลมพัดโชยมาเย็นสบาย ฉันรับข้าว
และรับข้าวให้เอมด้วย  ซึ่งไปเข้าห้องน้ำแล้ว  รอตั้งนานก็ไม่มาสักที
ฉันกับน้องแจ่มเลยกินกันไปก่อน (ปรากฏว่า เอม หลงไป
กินข้าวของอีกคณะหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ข้าวกล่อง  และคณะนั้นก็ใจดี ไม่ว่า
อะไร เนื่องจากเป็นบุฟเฟ่ด้วย  ห้าห้า  น้องต๋อยก็กิน
กับเอมที่ด้านล่าง  ช่วงกินข้าว  น้อง ๆ ที่เป็นคณะจัดทัวร์นำปลาสลิด
ทอดมาเพิ่มให้กินอีกด้วย  ค่ะ 



เราทานอาหารกลางวันที่มูลนิธิพุทธชยันตีไทย - อินเดีย


ห้องโถงและระเบียงที่พวกเรามานั่งทานข้าวมื้อกลางวัน ค่ะ 


ทานข้าวมื้อเที่ยงเสร็จ เข้าห้องน้ำแล้ว มีเวลา  ก็นั่งคุยกับน้อง ๆ 
รูปนี้  น้องต้อยถ่ายให้  ค่ะ  


เป็นพระพุทธรูปที่มูลนิธิ ฯและเราจะทอดผ้าป่าที่นี่ก่อนเดินทางต่อไป


พวกเราก็ร่วมกันลงปัจจัยเพื่อทอดผ้าป่าที่นี่  คณะทำงานก็เริ่มนับ
ปัจจัยที่สมาชิกทำบุญ ค่ะ 


ฉันก็ทำบุญใส่ตู้ที่เขามีให้ใส่ 140 บาท รวมเงินของเพื่อนที่ฝากมา
ทำบุญด้วย  และใส่ปัจจัยทอดผ้าป่าอีก 200 บาท






พิธีถวายผ้าป่า ค่ะ 


 หลังพิธีทอดผ้าป่าเสร็จ  เดินออกทางที่จะไปขึ้นรถ  เห็นแผนที่
แสดงที่ตั้งประเทศเนปาล   เลยให้น้องถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 
พวกเราเดินทางต่อหลังจากทอดผ้าป่าเสร็จแล้ว  มาถึงเมือง สาวัตถี
เป็นช่วงเกือบจะเย็นแล้ว  สถานที่ต่าง ๆ ที่เราจะไป
นมัสการ  บางแห่ง ต้องเลื่อนไปในวันพรุ่งนี้  และสถานที่ต่าง ๆ ที่นำ
รูปมาลงนี้  ฉันก็ไม่สามารถแยกได้ว่า ตรงไหนเป็นเหตุการณ์
อะไร เพราะจำไม่ได้ รูปหลายรูปต้องเขียนไปขอน้อง ๆ ที่เป็นตากล้อง
ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นว่าน้องหยก  น้องเล็ก  จะได้ถ่าย
รูปสถานที่ต่าง ๆ ไว้ค่อนข้างมาก  แต่ก็ไม่สามารถบอกว่ารูปแต่ละรูป
นั้น เป็นสถานที่อะไรบ้าง  อิอิ  มาชมภาพ ค่ะ 


รูปนี้ ได้จากน้องเล็ก ค่ะ  คือ  ต้นอานันทมหาโพธิ์  พวกเราได้นำผ้า
ทองมาห่มให้ต้นโพธิ์นี้ด้วยค่ะ   ฉันก็ได้ร่วมบุญด้วย 100บาท


ต้นอานันทมหาโพธิ์  ปลูกอยู่ที่หน้าวัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี
เป็นต้นโพธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก  พระอานนท์ได้ดำเนินการ
ตามความต้องการของ อนาถบิณฑิกเศรษฐ์  ที่ต้องการให้ผู้ที่เคารพ
พระพุทธองค์ ได้ใช้ต้นโพธิ์นี้ รำลึกถึงพระพุทธองค์ใน
ยามที่ท่านต้องจาริกไปเผยแผ่พุทธศาสนาปีละ  9 เดือน  (พระองค์
จะประทับจำพรรษาอยู่ที่วัดเชตวันเพียงช่วง
เข้าพรรษาสามเดือนเท่านั้น)  โดยพระโมคคัลนะได้เหาะไปที่พุทธคยา
นำเมล็ดจากต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
พระอานนท์ได้เป็นผู้ดำเนินการปลูกด้วยเมล็ดนั้น ๆ  ต้นโพธิ์ต้นนี้จึงได้
ตั้งชื่อตามชื่อของพระอานนท์ผู้ดำเนินการปลูก


ต้นโพธิ์รูปนี้  ขอมาจากกล้องของน้องหยก   ค่ะ 






รูปนี้  ก็ได้จาก น้องหยก ค่ะ  



รูปนี้ น่าจะเป็นทางเข้าไป ชมโบราณสถานที่เป็นพุทธศาสนสถาน


ถ่ายรูปหมู่กัน  


เอ๊ะ !  พระอาจารย์ ดร.กิติพันธ์ไปไหนนะ  ไม่มีในรูปนี้หนอ อิอิ
น้องหมาก็ชอบพวกเราจังอยากถ่ายรูปด้วย 






รูปหลังสุด 3-4 รูปนี้  ฉันถ่ายมาจากอินเทอร์เน็ต  ซึ่งมีคำอธิบายที่
ใต้ภาพด้วย น่าจะเป็นประโยชน์เทียบเคียงกับรูปของเราให้รู้ว่า
ส่วนไหน เป็นที่ไหนบ้าง ค่ะ  
ออกจากสถานที่นี้แล้ว   ก็ใกล้ค่ำมากแล้ว  คืนนี้  เราต้องไปพักที่
วัดไทยเชตวันมหาวิหาร  939 หรืออู่ข้าววัดไทยเชตวัน 
วัดนี้  ฉันค้นหาประวัติการสร้างวัด  ได้ความโดยสรุปว่า  เป็นวัดไทย
ที่มีโครงการที่จะสร้างตั้งแต่  ปี  2530  แล้ว  โดยจะสร้าง
เพื่อเป็นอนุสรณสถานที่ รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี
โดยพสกนิกรของพระองค์ท่านต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ของพระองค์  ได้พร้อมใจกัน ร่วมกันสร้างวัดไทย เชตวันมหาวิหารขึ้น
ในแดนพุทธภูมิ    ได้เลือกทำเลที่เหมาะสม
คือ สถานที่ที่พระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานที่สุด  คือเมืองสาวัตถึ
เพื่อเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธไทยทั้งชาติ
ได้น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล  จากการมีโครงการ
มาตั้งแต่ปี   พ.ศ.2530   แต่ช่วงนั้นมีปัญหาเกิดขึ้น
ในประเทศไทย  จึงได้หยุดไปพักใหญ่และต่อมา  มีการสืบสาน
โครงการต่อเนื่องกันมาถึงปี  2545  ถึงปัจจุบัน
ได้ลงมือก่อสร้าง เมื่อวันที่ 9  มิถุนายน 2549  ในพื้นที่เริ่มแรก 38 ไร่
สังกัดมหานิกาย  สร้างอยู่ในปริมณฑลโบราณสถาน
วัดพระเชตวันมหาวิหารเดิม  ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างไว้
คืนนี้เราจะทานอาหารมื้อค่ำและนอนค้างคืนที่วัดนี้ ค่ะ




ทานข้าวเสร็จแล้ว  ได้กุญแจห้องและนำกระเป๋าเข้าห้องพักแล้ว  ก็มี
การทอดผ้าป่าที่วัดนี้  ค่ะ 








ถ่ายรูปหมู่พร้อมปัจจัยที่จะทอดผ้าป่า ค่ะ 




พิธีการทอดผ้าป่าที่วัดนี้  เสร็จเรียบร้อยแล้ว  พวกเราก็แยกย้ายไป
พักห้องพักของตนเอง  คืนนี้  ห้องละ 8  คน
มี  8  เตียง  1 ห้องน้ำ  ค่ะ ต้องตื่นกันเช้าอีกหน่อย ค่ะ 


คืนนี้  เรานอน 8 คน  ภาพนี้ ฝีมือ น้องจุ๊  ค่ะ  เพิ่มจากเมื่อคืนนี้  ก็คือ
มีน้องจุ๊  น้องต้อย  (พี่น้องกัน)  มีน้องบุญชูและน้องบัวลา
คู่นี้ ก็เป็นพี่น้องกันอีกคู่หนึ่ง  มาจากเมืองเลย ค่ะ เพื่อนร่วมห้องทั้ง4
คนวันนี้  น่ารักเหมือนคู่แรก  คือ น้องแจ่มและน้องต๋อย
น้อง ๆ คุยเก่ง  ให้ความเป็นกันเอง  
สำหรับการมาแสวงบุญวันที่ สอง  ก็อำลาไปเพียงเท่านี้ ค่ะ  ต่างคน
ต่างเหนื่อย  อาบน้ำแล้ว  ก็เข้านอนกัน หลับปุ๋ย
สำหรับฉัน  ค่อนข้างหลับง่ายอยู่แล้ว  ค่ะ แล้วพบกันใหม่ในตอนที่ 3 
สวัสดี  ค่ะ  
















 



Create Date : 28 มีนาคม 2563
Last Update : 30 มีนาคม 2563 20:50:38 น.
Counter : 1737 Pageviews.

23 comments
The Proud Exclusive Hotel นครปฐม ที่พักทันสมัยใจกลางเมือง แมวเซาผู้น่าสงสาร
(17 เม.ย. 2567 09:22:45 น.)
พาเที่ยววัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ขอพรวัดเก่าใจกลางเมืองรับปีใหม่ไทย นายแว่นขยันเที่ยว
(15 เม.ย. 2567 13:57:04 น.)
++ พระมหาธาตุเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ++ wicsir
(13 เม.ย. 2567 10:29:52 น.)
✿ Food For Fun :: Hot Wok Return #94 :: กินเพลินเกินห้ามใจ " ปีกไก่ทอด " ✿ เนินน้ำ
(9 เม.ย. 2567 13:57:01 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณtoor36, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณกะว่าก๋า, คุณkae+aoe, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**, คุณทนายอ้วน, คุณสองแผ่นดิน, คุณtuk-tuk@korat, คุณKavanich96, คุณชีริว

  
ขออนุโมทนาบุญค่ะครูสุวิมล
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 30 มีนาคม 2563 เวลา:23:51:06 น.
  

สวัสดียามเช้าครับ

ห้องน้ำส่วนตัวเก๋มากๆเลยครับ
สมัยผมไปผู้หญิงในทริป
ใช้ร่มกางครับอาจารย์ 5555
บางคนโปรหน่อยก็จะมีผ้าถุงคลุมไว้โดยให้เพื่อนช่วยจับ
ผู้ชายง่ายกว่าจริงๆครับในเรื่องห้องน้ำกลางแจ้ง

ทริปปฏิบัติธรรมต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษจริงๆ
บนรถขณะเดินทางก็มีการทำวัตรเช้าทำวัตรเย็น

หลวงพ่อวิทยากรส่วนใหญ่ท่านบรรยายกันเก่งๆทั้งนัั้นเลยนะครับ

โหวตครับอาจารย์


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:7:11:16 น.
  
มาต่อตอนที่ 2 ค่ะ
ระยะนี้ไม่ค่อยสใประกอบ
ได้แต่ตามรู้และคำอธิบายตามภาพ
คงอีกนานกว่าจะอ่านเนื้อหายาวๆเช่นนี้ได้

พักผ่อนและดูแลสุขภาพดีๆนะคะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:13:26:47 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

แสดงว่าผมลืมกดโหวตครับ 555
จริงๆผมเปิดบล็กอาจารย์เตรียมโหวตเลย
ขอติดไว้เป็นพรุ่งนี้แทนนะครับ 555

ธรรมเมาหรือเมาธรรม
เป็นคำสอนของหลวงปู่แหวน สุจิณโณครับ
ผมไปวัดท่านที่อำเภอพร้าว
เจอคำนี้ในหนังสือคำสอนของท่าน
เลยนำมาเขียนขยายความอีกครั้งครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:15:31:36 น.
  
เรียกได้ว่าได้ทั้งเที่ยวและได้ทั้งความรู้ในเรื่องพุทธศาสนาเลยนะครับ บางทีถ้าเราไม่ได้บันทึกว่ารูปไหนคือที่ไหนเราก็ลืมได้เหมือนกันนะ

8 คน นี่ต้องตื่นเช้าหน่อยล่ะครับ ไม่งั้นแย่งห้องน้ำกันเยอะเลย แค่คนละ 10 นาที ก็ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแล้วเหมือนกัน
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 31 มีนาคม 2563 เวลา:23:54:25 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:6:42:37 น.
  
ตามมาต่อตอนที่ 2 ค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:8:54:11 น.
  

อิ่มบุญยามเช้าค่ะคุณครู^^

อนุโมทนาบุญค่ะ

โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:9:24:31 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

บล็อกธรรมะในช่วงนี้
ผมเขียนไว้หลายปีแล้ว
แต่เอามาลงบล็อกในช่วงนี้
ก็คิดว่าคงเข้ากับสถานการณ์โลกได้ดีครับ

โลกยิ่งร้อน
คนน่าจะยิ่งต้องการธรรมะดับร้อน

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 เมษายน 2563 เวลา:14:47:02 น.
  


อนุโมทณาบุญด้วยค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:0:57:39 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:5:57:05 น.
  
ขอให้ผ่านช่วงนี้ไปได้เร็วๆ นะคะ จะได้ไปเที่ยว ไปทำบุญกัน
โดย: kae+aoe วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:8:38:30 น.
  
ส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:11:02:43 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ใช่ครับอาจารย์
ในใจเราทุกคน
ยังมีรัก โลภ โกรธ หลง
สุดท้ายก็สุขๆ ทุกข์ๆ วนเวียนไป
ผมคิดว่าเป็นธรรมดาของทุกคนเลย
ผมเองก็เป็นเช่นนี้
ยังสุข ยังทุกข์
เพียงแต่ปรารถนาเอาไว้ว่า
ถึงวันหนึ่ง
ก็ไม่อยากสุขไม่อยากทุกข์แล้วครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:13:29:14 น.
  
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 เมษายน 2563 เวลา:14:33:23 น.
  

สวัสดีค่ะอจ.

น้อยกลับมานิวยอร์กแล้วค่ะ

รักษาสุุขภาพกันนะคะ
โดย: newyorknurse วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:0:13:14 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:6:20:54 น.
  
สวัสดียามเช้า ขอบคุณแทนน้องซีด้วยค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:8:54:43 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์


จิดของเราดูเหมือนจะเล็ก
แต่เก็บธรรมอันไพศาลไว้ข้างใน
อยู่ที่ใครจะค้นพบเจอนะครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:13:25:01 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์
มาตามต่อค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:14:13:08 น.
  
เคยมีคนบอกนะครับว่าการไปแสวงบุญที่อินเดียมันต้องมีความพยายามมากมาย ดูๆแล้วก็เห็นจะจริงครับ บอลว่าต้องสร้างบุญได้ระดับนึงนะครับ ถึงจะได้ไปได้
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:14:15:25 น.
  
พระอาจารย์ ดร. นี่คือจบด็อคเตอร์แล้วมาบวชพระเหรอครับ?
หลายๆชื่อคุ้นเคยจากวิชาพระพุทธศาสนาทั้งนั้น
มีพระไปบรรยายให้แบบนี้ยิ่งฟื้นความจำ ยิ่งทำให้อินกับสถานที่ต่างๆขึ้นไปอีกนะครับ
ต้นอานันทมหาโพธิ์นี่คือตั้งแต่สมัยพุทธกาลเลยใช่ไหมครับ อายุยืนมากจริงๆ
ส่วนศรีมหาโพธิ์เป็นรุ่นที่ 4 แล้ว
อินเดียวัดไทยเยอะเหมือนกันนะครับ
โดย: ชีริว วันที่: 3 เมษายน 2563 เวลา:21:20:29 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 4 เมษายน 2563 เวลา:2:34:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด