เราไปเที่ยวประเทศไต้หวันกัน ค่ะ (ตอนที่ 3 )
   เราไปเที่ยวประเทศไต้หวันกัน  ค่ะ  (ตอนที่ 3 )  
วันนี้  เป็นวันศุกร์  ไปเรียนภาษาจีน ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์  เอกมัย 
หงเหล่าซื้อ  นำภาพเที่ยวไต้หวัน มาเปิดให้ชม
แล้วถามว่า ฉันเป็นคนเขียนบล็อกเรื่องไปเที่ยวไต้หวันใช่ไหม  ฉันดีใจ
แสดงว่า  ต้องมีคนอ่านและเล่าให้เหล่าซือฟังแน่ ๆ 
น่าจะเป็น  ซือหมู่ซึ่งอ่านภาษาไทยได้ เพราะเป็นคนไทย อิอิ  เหล่าซือ
ยังถามฉันด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ ว่า  เมื่อไหร่จะเขียนตอนที่ 3 
ต่อไป  ฉันรู้สึกปลื้มใจนะ  แสดงว่า เหล่าซือ  ต้องสนใจเรื่องราวที่ฉัน
เขียนเนาะ  แถม  ยกนิ้วโป้ให้ฉันด้วย อิอิ 
ฉันเลยยิ่งปลื้มใจใหญ่  บอกเหล่าซือ ว่า  เร็ว ๆ นี้  เพราะรูปที่จะนำมา
ประกอบการเขียน  มันทำยาก ต้องย่อรูปให้ได้
เท่ากับที่บล็อกกำหนด   แต่จะรีบเขียนตอนที่ 3 ต่อไป  ให้เร็วที่สุด 
วันนี้ วันศุกร์  มีเวลาว่าง เสาร์ อาทิตย์  ฉันจึงรีบ
ลงมือเขียนเย็นวันศุกร์นี้เลย ค่ะ 

บล็อกที่แล้ว  ฉันเล่าเรื่องการเที่ยวไต้หวันถึงวันที่   19  มี.ค.  สำหรับ
บล็อกที่ 3  นี้ จะเล่าถึงการท่องเที่ยวไต้หวัน
ในวันที่  20-21  มี.ค.  นะคะ ตามมาเลย ค่ะ  

วันที่ 20  มี.ค.  6.30 :7.30:8.30  น.  วันนี้ ไกด์ไมค์พาพวกเราไป
ละลายทรัพย์แต่เช้า  ค่ะ คือ พาไปร้านโรงงาน
พายสับปะรด  ซึ่ง พายสับปะรด มีชื่อเสียงว่า เป็นขนมที่อร่อยของ
ไต้หวัน  เขาฉลาดมาก  หั่นขนมทุกชนิด
เป็นชิ้นเล็ก ๆ  มีกระดาษเป็นรายการขนมให้เราติ๊ก เพื่อซื้อ หลังจากที่
ได้ชิมขนมของเขาแล้ว   พวกเรามาเป็นเจ้าแรก
ชิมโน่น ชิมนี่  จนไม่รู้ว่า  อะไรอร่อย  ห้าห้า ก็ซื้อตาม ๆ กัน ฉันก็
ซื้อตามเพื่อน ๆ  ดูจนงง  ทางร้านบอกว่า 
ถ้าซื้อครบสองพัน เขาจะจัดใส่กล่องกระดาษให้และมีแถมขนมพาย
สับปะรด 1 กล่อง  รวมกันซื้อก็ได้ ให้ครบ สองพัน บาท
ส่วนฉัน ไม่ต้องไปรวมกับใคร เพราะต้องซื้อขนมไปฝากเพื่อนบ้าน
หลายบ้าน  ที่ฉันฝากเขาให้ช่วยรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน
และฝากลูกศิษย์ที่สนิท ๆ หลายคนอยู่  หลังจากเลือกขนมตามเพื่อน
แล้ว  ก็ลองคิดเงินดู เพื่อให้ได้สองพัน  คิดเสร็จแล้ว
ให้เกษมช่วยบวกราคาอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อตรงกันก็ไปจ่ายเงินและ
จัดใส่กล่องใหญ่  ปรากฏว่า  เขาคิดเกินเราไป 40  เหรียญ
ไม่มีใบเสร็จให้เราได้คิดอีกครั้ง  บอกว่า เครื่องเสีย  ของเกษมก็บอก
ว่า  ของเขาก็คิดเกิน  และอีกหลายคนก็มีปัญหา 
เราไม่ยอมกัน จึงไปบอกไกด์ไมค์  เขาก็ไปเรียกผู้จัดการมา  ผู้จัดการ
บอกไม่เป็นไร  จะแกะกล่องออกมาเช็คราคาให้ 
ปรากฏว่า  มีปัญหา คือ  คนขายหยิบของที่ราคาเกินไปซึ่งบอกเราว่า
180  เหรียญ แต่ความจริง มัน 200  เหรียญ
มันก็เลยเกินไป 40  เหรียญ  เอ้า !ความผิดใครล่ะ  ในเมื่อคนขายเขา
หยิบให้เอง  ฉันก็บอกเขาเช่นนั้น  
ผู้จัดการก็โอเค นะ ขอโทษขอโพย แทนคนขาย ตามลักษณะพ่อค้า
ที่ดี  เลยหายโมโหไป  เขาก็จัดการแพ็คของ
ใส่กล่องให้เรียบร้อย  ไมค์ก็น่ารัก  รีบมาช่วยยกกล่องให้ฉันไปขึ้นรถ
การซื้อของในขณะที่คนเข้าร้านเยอะมาก ๆ
เหมือนแจกฟรีงั้นแหละ  การที่ร้านไม่มีใบเสร็จให้ลูกค้าใช้ในการตรวจ
สอบราคา  มันก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้

เราออกจากร้านขายขนมนี้แล้ว (เสียเวลาอยู่ที่นี่น่าจะเกือบสองชั่วโมง
มั้ง)  ไมค์ก็พาพวกเราไปเที่ยวที่สระบัว เหลียนฉือถัน
(ศาลาชุนชิว  เจดีย์มังกรเสือ)   ก่อนไปชม  ไมค์อธิบายว่า  เราต้องไป
มังกรก่อนไปชมเสือ  ให้เดินไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม อีกจุดหนึ่ง
เรามารู้ประวัติของสถานที่นี้ ซึ่งฉันค้นคว้าเพิ่มจากเน็ต

เจดีย์มังกรเสือ  เรียกในภาษาจีนว่า    เจดีย์ หลงหู ถือเป็นสถานที่
ไฮไลท์ในการเที่ยวที่เมือง เกาสง
ตั้งอยู่ด้านหน้าของ วัดฉือจี้  มีลักษณะเป็นเจดีย์สูง 7 ชั้น คู่กัน  จะมี
รูปปั้นมังกรและเสือขนาดใหญ่เป็นทางเข้าสู่เจดีย์
ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมสระบัว  ซึ่งเรียกว่า สระเหลียนจือถัน  สร้าง
เพื่ออุทิศให้ เหวยเซิงต้าตี้  ซึ่งเป็นเทพแห่งการรักษา
เชื่อกันว่า   ถ้าเราเดินเข้าทางปากมังกรก่อน  แล้วมาออกทางปากเสือ
จะเป็นการขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกจากตัวเรา 
เออ ! แปลกเนาะ  ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น  หนอ  จริงเท็จประการใด ไม่มี
ใครบอกได้ แต่เมื่อไกด์บอกว่ามันเป็นความเชื่อ
ฉันก็คิดว่า  ถ้าเราปฏิบัติตามที่เขาว่านั้น  ก็ไม่ได้เสียหายอะไร  ทุกคน
ก็คงคิดเหมือนฉันนะ  ต่างก็เดินไปเข้าปากมังกรกัน
ทุกคนเลย  ห้าห้า  ไม่มีใครไม่เชื่อสักคน อิอิ  หลังจากเดินเข้าปาก
มังกรแล้ว  ถึงตัวเจดีย์  ภายในเจดีย์  จะมีบันไดวน  2 บันได
สำหรับขึ้นและลง  พวกเราเดินขี้นบันไดไปถึงชั้นสูงสุด  จะเป็นจุด
ชมวิวรอบ ๆ สระบัว  เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก  
ยังมีรูปปั้นและภาพวาดเรื่องราวตามความเชื่อของลัทธเต๋า  เช่น นรก
สวรรค์   ช่วงขึ้นบันได  มีหลายคนไม่ได้ขึ้น นั่งอยู่ข้างล่าง
รวมทั้ง  พี่นงค์ด้วย ค่ะ  ฉัน  เกษมและเพื่อน ๆ ขึ้นไปถึงชั้นสุงสุดของ
เจดีย์  ได้เห็นทิวทัศน์รอบ ๆ  สวยงาม ได้รูปมาหลายรูป
ผลัดกันถ่ายกับเกษม  อิอิ ได้ตากล้องชั้นเยี่ยม ห้าห้า  เรามาชมความ
สวยงามของเจดีย์มังกรเสือและเจ้าแม่กวนอิมกันค่ะ 



นี่คือ เจดีย์มังกรเสือ  ค่ะ ตั้งเด่นเป็นสง่า รอพวกเราเดินไปชม ค่ะ 


รูปหมู่อีกรูป  ค่ะ จะเห็นว่า ไม่ค่อยมีรูป วรรณ รูมเมคฉัน เพราะเขา
เชลฟี่รูปตัวเองได้ ค่ะ และฉันกับพี่นงค์ต้องเดินช้าด้วย
พี่นงค์เดินเร็วก็ไม่ไหว  บางครั้งฉันก็เผลอตัวเดินเร็ว  (ปรกติ ฉันเป็น
คนเดินเร็ว)  พี่นงค์ต้องบอกว่า  "นี่เธอ ช้า ๆ หน่อย เดี๋ยวฉันหกล้ม" 
ห้าห้า  ฉันเลยต้องลดสปีคในการเดินของฉันไปในตัว 


นี่คือ ทางเข้าเจดีย์ หัวมังกร  ค่ะ  


รูปหมู่สมาชิกรถคันที่หนึ่ง ค่ะ  มี วรรณ  รูมเมค ฉันอยู่ด้วยค่ะ 


เราเข้ามาจากหัวมังกรแล้ว  ตามผนังจะมีภาพวาด สวยงามมาก ค่ะ


พวกเราขึ้นไปถึงชั้นบนของเจดีย์แล้วถ่ายรูปได้เห็นวิวชั้นล่าง ค่ะ 


จุดชุมวิว ชั้นสูงสุดของเจดีย์  ค่ะ 


ภาพวาดสวยงามในเจดีย์ ค่ะ 



มาออกทางปากหัวเสือ ตามคำบอกเล่าของไกด์ไมค์ ค่ะ 
รูปนี้ น่าจะเป็นฝืมือของน้องอรนุช  ค่ะ 



รูปปั้นนี้ ตั้งอยู่หน้าวัด   คงเป็นความเชื่อ  เห็นคนมาลูบรูปปั้นนี้ แล้ว
คงอธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนา  รูปนี้เก็บมาจากกล้องกลุ่มค่ะ 

ออกจากเจดีย์มังกรเสือแล้ว  ต้องเดินทางเพื่อไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม
ซึ่งก็ไกลจากที่เจดีย์น่าจะประมาณ 500  เมตรได้
แดด ก็ร้อนมาก พี่นงค์ ขอไม่ไป จะนั่งรออยู่แถว ๆ  ที่ลงจากเจดีย์ ซึ่ง
มีม้านั่งและที่ร่ม  มีหลายคนที่ไม่ได้ไป 
ฉันกับเกษมเดินไป  ซึ่งต้องทำเวลาอย่างมาก เพราะเหลือเวลาเพียง
20 นาที เท่านั้น  ก็ต้องเดินไปขึ้นรถแล้ว  มาชมรูปได้เลยค่ะ


มุมนี้สวยดี  ให้เกษมช่วยถ่ายให้ 1 รูป  อิอิ


มุมนี้ก็สวย ค่ะ ผลัดกันถ่าย คนละรูป  ห้าห้า  


มุมนี้เห็นองค์เจ้าแม่กวนอิมชัดเจนมาก  ค่ะ 


เจอคุณวิภาคกับหวานใจ และพี่วรรณวิไล  เลยผลัดกันถ่ายหมู่กัน


ผลัดกัน  ให้คุณวิภาคถ่ายรูปบ้าง  

จากเที่ยวที่ เจดีย์มังกรเสือแล้ว   ก็ไปรับพี่นงค์ ซึ่งนั่งหลบแดดอยู่กับ
เพื่อนทัวร์ที่ไม่ได้ไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม  
ไกด์ไมค์  พาพวกเราไปกินข้าวมื้อเที่ยงแล้ว ค่ะ เริ่มมีอาการหิวกันแล้ว
เพราะเดินกันมาไม่น้อยเลย อิอิ


 รูปมื้อนี้ อยู่ในกล้องน้องอีกคน ค่ะ เลยมีน้อย 
หลังจากกินข้าวมื้อเที่ยงแล้ว  จุดมุ่งหมายของเราคือ การไปเที่ยว
วัดฝอกวนซาน  เป็นวัดที่ใหญ่โต  โอ่อ่ามาก
เรามาศึกษาหาความรู้ประวัติความเป็นมาของวัดฝอกวนซานก่อนที่จะ
ไปชมสถานที่ต่าง ๆ ของวัด ค่ะ (ค้นคว้าเพิ่มเติมจากเน็ต)

วัดฝอกวนซาน  มีชื่อไทยด้วยค่ะ ชื่อว่า วัดพุทธรังษีญาณสังวรา  เป็น
มูลนิธิแสดงพุทธธรรม อยู่ที่เมืองเกาสง  
เมืองเกาสง  เป็นเมืองทางตอนใต้ของไต้หวัน  เป็นเมืองใหญ่อันดับ
ต้น ๆ ของไต้หวัน เป็นเมืองท่าใหญ่ 
วัด ฝอกวนซาน อยู่แถวชานเมือง เกาสง  ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1967  สร้าง
ด้วยเงินบริจาคด้วยความศรัทธา พระเถระ เซิงเหวิน
ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งวัดและเป็นเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดนี้ ค่ะ เงินบริจาค
กว่าหมื่นล้าน บาท   เจ้าอาวาส เซิงเหวิน ท่านมี
ปณิธานแน่วแน่ที่จะมุ่งส่งเสริมงานด้านการศึกษาและช่วยเหลือสังคม
ปัจจุบันนี้  วัดนี้มีพระสงฆ์และภิกษุณีกว่าพันรูป 
ถือเป็นองค์การกุศลที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน  ท่านเจ้าอาวาสเซินเหวิน
เป็น ผู้มีคุณูปการต่อศาสนาพุทธนิกายมหายาน
อย่างต่อเนื่อง  คนไต้หวันรู้จักท่านและเลื่อมใส ศรัทธาท่านเป็นอย่าง
มาก  วัดนี้ มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่ไพศาลมาก เป็นที่
ประดิษฐานพระบรมทันตธาตุของพระพุทธเจ้า  มีพระพุทธรูปหยกขาว
ปางไสยาสน์ จากประเทศพม่า และมีพระพุทธรูปทรงเครื่อง
แบบกษัตริย์ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหา
สังฆปริณายกประทานมาให้วัดนี้   มีวิทยาลัยสงฆ์
หอบูชา ศาลา เจดีย์ หอฝึกสมาธิ พิพิธภัณฑ์ ฯ  มีพระพุทธรูปองค์ใหญ่
ที่สุด  สูงถึง 108 เมตร  เป็นพระพุทธรูปที่สูงที่สุด
ในไต้หวัน   มีเจดีย์ใหญ่  8  องค์  ซึ่งเท่ากับ อริยมรรค มีองค์ 8 
สรุปว่า  สิ่งที่สำคัญที่สุดของวัดนี้ ก็คือ  จะสอนศีลธรรม
ศีล  สมาธิและสอนการดำรงชีวิตประจำวันกับทุกเพศทุกวัย  ไม่จำกัด
เชื้อชาติ  ศาสนา และความเชื่อ  ทำหน้าที่
สร้างสันติภาพให้กับชาวโลก  มีเงินบริจาคจากสาธุชนทั่วโลกหลาย
หมื่นล้าน ค่ะ   มาชมรูปกันค่ะ 


ที่หน้าวัดทางเข้าวัด ฝอกวนซาน ค่ะ 


การจัดมุมสวยงามในวัด ค่ะ 


ถ่ายรูปหมู่สักรูปก่อนเข้าไปในตัววัด ซึ่งยังต้องเดินอีกไกลพอควร


บันไดที่จะขึ้นไปในตัววัด ค่ะ เป็นบันไดหลายสิบขั้นเหมือนกันค่ะ
ช่วงนี้  พี่นงค์ยอมแพ้ ค่ะ และมีหลายคนยอมแพ้ นั่งอยู่ชั้นล่าง



รูปหมู่ ของรถบัสทั้งสองคันมารวมกันเป็นครั้งแรกค่ะ 



นี่เป็นชั้นสูงสุดค่ะ มีกระถางและธูปให้พวกเรากราบไหว้และมีตู้บริจาค
ฉันบริจาคไป  น่าจะ 120  เหรียญ 2 ตู้ เผื่อเยาว์และจ๋าด้วยค่ะ 
รูปนี้เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุด  สูง 108 เมตร ฉันกับเกษมผลัดกัน
ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก คนละ 1 รูป  


ที่นี่ เป็นชั้นที่อยู่สูงสุด  พวกเราขึ้นมาด้วยลิฟต์ค่ะ  ที่นี่  พวกเรา
หลายคน ได้มีการเดินประทักษิณาวัตรรอบองค์พระ
โดยมีเหล่าซื้อเป็นผู้นำในการเวียนประทักษิณาวัตรครั้งนี้  ฉันก็ได้
ตั้งใจ เดินเวียนด้วย เป็นจำนวน 3 รอบ ซึ่งต้องใช้
ความตั้งใจ  อดทน อย่างมาก  เพราะแดดเปรี้ยงมาก ๆ  ร้อนสุด ๆ 
และแต่ละรอบ  ไกลมากทีเดียว  ค่ะ  แต่ฉันก็เดิน
จนครบ 3 รอบ  ตามที่ตั้งใจไว้  ถึงแม้ว่า  ช่วงหลัง ๆ ไม่ได้พนมมือแล้ว
เพราะมันเมื่อย  เดินตัวเปล่า ค่อย ๆ ไป  ห้าห้า
(การเวียนประทักษิณาวัตร  คือ การเวียนไปทางขวาของปูชนียวัตถุ
หรือพระพุทธรูป  เป็นการแสดงความเคารพ 
วัฒนธรรมนี้ เราได้มาจากความเชื่อของอินเดียซึ่งเข้ามาพร้อมกับพุทธ
ศาสนา  การเวียนขวานี้ เป็นการแสดงความเคารพ
บูชาต่อสิ่งที่เราบูชาอย่างสูงสุด  ขณะที่เวียนนั้น  ก็ต้องตั้งจิตอธิษฐาน
ให้ใจสงบ และท่องอิติปิโส ไปด้วย ค่ะ )


เวียนขวาจนครบแล้ว  เกษมรอฉันอยู่เพราะเขากับเหล่าซือเวียน
3  รอบครบแล้ว   ส่วนฉันเดินน่าจะเป็นคนสุดท้าย ห้าห้า
ข้างบนนี้  ถึงอากาศจะร้อนมาก  แต่ก็มีลมพัด  และมีจุดชมวิวที่สวย
ที่สุด  เกษม ถ่ายรูปให้ฉันและคนอื่น ๆ อีกหลายคน ค่ะ


ฉันถ่ายให้เกษม บ้าง ค่ะ 


มีรูปเจ้าแม่กวนอิม งดงามมากค่ะ  


ลงมาถึงชั้นล่าง เห็นสถานที่นี้ สวยดี ก็ถ่ายกันอีก ค่ะ 



ระหว่างเดินออกจากวัด เห็นมุมไหนสวย  เราก็ถ่ายรูปกัน ค่ะ 


ปีนี้ ปีหมูค่ะ  หมูสีชมพู น่ารักมากเลยขอถ่ายด้วยหน่อยนะ อิอิ

จากที่เที่ยวที่ วัดฝอกวนซานแล้ว   ไกด์ไมค์บอกว่า  เราต้องใช้เวลา
ในการเดินทางไปเมืองไถตง  ประมาณ 3 ชั่วโมง
ระหว่างเดินทางไกล  ก็แวะร้านค้าให้พวกเราได้ไปเข้าห้องน้ำ และซื้อ
ขนม กินกัน   วันนี้แวะร้านขายผลไม่สดด้วย 
ร้านนี้ยังมีขายผลไม่้แช่อิ่มด้วย ผลไม้แช่อิ่มหลายอย่าง ราคาค่อนข้าง
สูงมาก  แต่ก็มีคนซื้อมากเหมือนกันนะ 
ระหว่างทาง  ผ่านสถานีรถไฟโตวเหลียง  ซึ่งเขาบอกว่า  ปัจจุบันไม่มี
รถไฟ วิ่งแล้ว เป็นสายเก่าอะไรประมาณนั้น 
รถจอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูป  ค่ะ 


ที่มองขึ้นไปข้างบน  เป็นสถานีโตเหลียน ค่ะ 


ถ่ายกับป้ายชื่อสถานี โตวเหลียง  ค่ะ  
วันนี้ กินข้าวมื้อเย็น เย็นมากจริง ๆ ค่ะ  2 ทุ่มกว่า ค่ะ ดีนะที่ร้านที่จองไว้
เห็นใจ ยังไม่ปิดร้าน  ห้าห้า  


อาหารมื้อเย็นของวันนี้ ค่ะ อลังการเหมือนเดิมและเกลี้ยงตามเคย


คืนนี้เราพักที่โรงแรม Taitung  Naruwan Garden  ค่ะ  ใช้ได้ค่ะ

วันที่ 21  มีนาคม  เวลา 5.30:6.30:7.30   น.
หลังอาหารมื้อเช้าที่โรงแรมแล้ว  มีเวลาเหลือก่อนขึ้นรถ พวกเราก็มา
ถ่ายรูปหน้าโรงแรมกัน  วันนี้ตอนเช้าลมแรงมาก
อากาศบริสุทธิ์  ไม่หนาวมากนัก กำลังสบาย ๆ  


ที่หน้าโรงแรมที่เราพักเมื่อคืนนี้ค่ะ  


ทิวทัศน์ หน้าโรงแรม ค่ะ  ฝีมือของ คุณวิภาค  ค่ะ  ลมแรง ผมปลิวเลย

เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว  รถบัสของพวกเราก็เคลื่อนออกจากโรงแรมไป
ผ่านอุโมงค์ต้นไม้  ระยะทางไม่ยาวนัก 
ฉันว่า  ธรรมดานะ ไม่สวยงามอะไรมากนัก  เพราะต้นไม้ไม่ได้โค้งเข้า
หากันชัดเจนนัก ฉันว่า อุโมงค์ต้นไม้ แถวที่ ลูกศิษย์
เคยขับรถระหว่างทางที่ไปเขาใหญ่สวยกว่า   ตอนอยู่ในรถ  ก็มีสมาชิก
ถ่ายรูปเพื่อน ๆ ในรถ (เดินถ่ายรูป) ดูเหมือนพัชถ่ายวิดิโอด้วย


ทุกคนมีความสุขเมื่อกล้องมาถึงที่นั่งของตัวเอง  อิอิ 
เดินทางไปยังเมือง หลูอี้ (Luye)  ไมค์พาไปชมสถานที่ที่เขาเล่น
บอลลูนกัน  แต่ว่า ช่วงเดือนนี้  ไม่ใช่ฤดูของการขึ้น
บอลลูนกัน เพียงแต่ไปชมสถานที่ ที่นี่อากาศดีมาก ลมพัดแรง พวกเรา
ขึ้นบันไดไปถ่ายรูป เพราะเป็นจุดชมวิว ค่ะ 


ไม่ทราบว่าใครถ่ายรูปทีเผลอเนาะ เพราะฉัน เหล่าซือ กำลังเชิญชวน
ให้เพื่อนร่วมทริปมาถ่ายรูปหมู่กัน ค่ะ 



รูปหมู่กันค่ะ  แต่ก็ยังไม่ครบหมด ค่ะ 

 
ถ่ายรูปหมูแล้ว ก็ขอรูปเดี่ยวบ้างค่ะ 


ทิวทัศน์สวยงามมาก ค่ะ  แต่ก็มีไม่มาก ลมเย็นสบาย แดดจัด ถ่ายรูป
ได้สวยงาม ค่ะ  


ออกจากที่นี่แล้ว   พวกเราก็ไปที่  Brown's Road  ซึ่งเป็นสถานที่ที่
ให้นักท่องเที่ยวมาขี่จักรยาน เพื่อชมท้องทุ่งนา
อันเขียวขจี  กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา  เป็นธรรมชาติที่งดงาม เสียดาย
ว่า  ตอนที่เรามา มันช่วงสายมากแล้ว  แดดกำลังแรงจัด
ทีเดียว  ที่นี่  มีรถจักรยาน ที่ใช้ไฟฟ้าขับเคลื่อน  มีทั้งนั่งได้ สองคน
สามคน  สี่คน  แล้วแต่กรุ๊ปของเราจะเช่า ค่ะ 
กรุ๊ปฉัน ก็มี ฉัน  เกษม พี่นงค์ และวรรณ  เราก็เช่ารถที่มี  4 ที่นั่ง มี
เกษมเป็นโชเฟ่อร์ขับ  กรุ๊ปเรามีคนขับรถได้
สองคน คือ เกษมและวรรณ  วรรณ นั่งคู่กับเกษม  คอยดูแล เพราะ
เขารู้เรื่องการขับรถ  ฉันกับพี่นงค์นั่งข้างหลัง 
ก่อนจะขับออกจากร้านที่เช่า  คนให้เช่า จะมาสอนวิธีการบังรถ เบรค
ให้ลองขับไปรอบ ๆ  ร้านเช่า ก่อนให้ชินมือ 
เราต้องจ่ายค่าเช่าคนละ 200 เหรียญไต้หวัน  ให้เจ้าของรถเช่า แล้ว
เขาก็มีใบเสร็จเล็ก ๆไว้ให้เราถือไว้ 
เวลาเรานำรถมาคืน  เขาก็จะขอใบเสร็จนั้น ๆ คืน  เป็นการตรวจสอบ
ว่า  เรานำรถคืนเขาเรียบร้อยแล้ว นั่นเอง 
หลังจากที่พวกเราได้จัดการเรื่องราวดังกล่าวแล้ว  ต่างคนต่างก็ขับรถ
ที่เช่าออกไปตามทางถนนที่เขามีอยู่ในท้องนา
อันเขียวขจี  กว้างใหญ่ไพศาล สุดลูกหูลูกตา  ลมแรง  แดดจัด  แต่รถ
มีหลังคาให้ ค่ะ พอจะกันแดดได้บ้างพอสมควร 
เกษม ขับรถเก่ง  มีความมั่นใจในการขับพอสมควร  รถที่เช่า มันไม่ให้
ถอยหลังเสียด้วย  เวลาผ่านช่องไหนที่แคบหน่อย 
ก็ต้องหาวิธีหลบทางให้ดี ๆ  สองข้างทางของถนนที่ขับผ่านไปนั้น ก็จะ
มีจุดต่าง ๆ ที่เขาจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกัน ค่ะ 
เราขับรถกันไป เจอจุดไหนที่เขาจัดไว้  เราก็หยุดรถถ่ายรูปกันไป ดู
เหมือนเขาให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเศษ ๆ เท่านั้น ค่ะ 


รูปนี้ เป็นภาพท้องทุ่ง นาข้าว เขียวขจี  ที่พวกเราขับรถผ่านไป ค่ะ 


จุดที่ทางเจ้าของนา  จัดให้ถ่ายรูปกัน ค่ะ 



ต้นไม้ ต้นนี้ ดารานักแสดง ชื่อ  ทาคาชิ  เคยมาถ่ายโฆษณาที่นี่  ดังนั้น
นักท่องเที่ยว จึงนิยมมาถ่ายกับต้นไม้ และเรียกว่า ทาคาชิ
ไมค์เล่าให้ฟัง ค่ะ จำไมค์มาเล่าต่อ ค่ะ 



รถคันฉันมาไม่ทันถ่ายรูปหมู่ ค่ะ  อิอิ  


โชว์ลีลาการขับรถไฟฟ้า ค่ะ  ภาพนี้ ฝีมือของใคร ไม่ทราบค่ะ มาจาก
รูปในกลุ่มเที่ยวไต้หวัน  ค่ะ 






ขอรูปเดี่ยวกันบ้าง ค่ะ 


ท่านี้  เกษม เต๊ะ น่าดูเนอะ  โชเฟ่อร์คนเก่ง  


มุมสวยอีกมุมหนึ่งที่เขาจัดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป  ค่ะ  




เอ้า  แบตหมด  ต้องออกแรงถีบเองหรือนี่   ไมค์ มาดูให้  ปรากฏ ว่า
สักพัก  สามารถชาร์ทแบตได้  เลยขับต่อได้ ค่ะ 



อีกจุดหนึ่งที่จัดให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกัน ค่ะ 
สมควรแก่เวลาแล้ว   พวกเราก็นำรถไปคืนเจ้าของร้าน พร้อมกับคืน
ใบเสร็จที่เขาออกให้ตอนเราเสียเงิน 
จากที่นี่พวกเราก็เดินทางต่อไปยังเมือง ฮัวเหลียง เพื่อไปชมจุดชมวิว
ทาโรโกะ(ฉางชุน /เย่นจื่อโค่ว)
ระหว่างอยู่บนรถบัส  เหล่าซือขยันมาก  มีการเขียนคำถาม  คำศัพท์ที่
เราไปเที่ยว  โดยเขียนใส่ป้ายที่เตรียมไว้
ให้พวกเราตอบคำถามบ้าง  เช่น  ถามว่า  สนุกไหม เป็นต้น พอ
พวกเราตอบได้  เหล่าซือก็จะชมเชยและยิ้มมีความสุข ค่ะ 


เหล่าซือ  ทดสอบความรู้ ภาษาจีนพวกเรา ค่ะ อิอิ

เราเดินทางมาถึงจุดชมวิว  ทาโรโกะ  มาหาความรู้สักหน่อย ค่ะ
จุดชมวิว  ทาโรโกะ อยู่ในเมือง ฮัวเหลียง  เรียกว่า อุทยานแห่งชาติ
ทาโรโกะ  หรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า  เขาหินอ่อน 
เป็นอุทยานที่กว้างใหญ่ มาก ๆ   มีพื้นที่ประมาณ 3  จังหวัดของไต้หวัน
  คือ ฮัวเหลียง   หนันโถง  และไทจง  พวกเรามาเที่ยว
โดยเข้าทาง จังหวัด ฮัวเหลียง และส่วนใหญ่ก็จะมาเที่ยวโดยเข้าทาง
จังหวัดนี้  เนื่องจาก  สถานที่ท่องเที่ยวของทาโรโกะ 
จะอยู่ที่จังหวัดนี้เป็นส่วนใหญ่  ชื่อของอุทยาน ทาโรโกะ  ตั้งชื่อตาม
ชื่อของชนเผ่า  Truku  ธรรมชาติ ภูเขา  หุบเขา 
ที่สวยงามอย่างยิ่งนั้น  เกิดจากการชนกันของเปลือกโลกอย่างรุนแรง
เมื่อเกิดแผ่นดินไหว  ทำให้เปลือกโลก ยูเรเซีย
และ แปซิฟิกชนกันอย่างแรง จนดันขึ้นมาเป็นภูเขาสูงลิบลิ่วมากกว่า
ระดับน้ำทะเล  ประมาณ  3000  เมตร
ปัจจุบันก็ยังคงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี  จากการชนกันของแผ่นเปลือกโลก
สองแผ่น   เฉลี่ยปีละ  0.5 เซนติเมตร  ส่วนน้ำที่เป็น
แอ่งลึก  ก็จะลึกขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปีเหมือนกัน   บริเวณนี้ จะมาอุโมงค์ให้
รถลอดไป -มา หลายอุโมงค์ ค่ะ  มาชมกันค่ะ 


ขุดชมวิว อุทยาน ทาโรโกะ  ภูเขาสูงเสียดฟ้าเลยค่ะ 


แอ่งน้ำลึก ของเขา ทาโรโกะ 


ถ่ายรูปคู่กับ หงเหล่าซือ  สักรูป ค่ะ 








ยิ้มแย้ม แจ่มใส  เบิกบานกันทุกคนเลย สาว ๆ  



ท่ามกลางธรรมชาติที่บริสุทธิ์ของอุทยานแห่งชาติ ทาโรโกะ 


เดินออกจากจุดชมวิว จุดแรก  ต้องเดินไกล มีการลอดถ้ำด้วย  เจอน้อง
วารุณี เลยถ่ายรูปให้ฉันด้วย ค่ะ 





น้องคนที่ใส่กางเกงสีชมพู  มีน้ำใจถ่ายรูปเดี่ยวให้ ฉันก็ถ่ายให้เขาด้วย
น้องอีกคน ไม่ทราบชื่อ ค่ะ ได้แต่ถ่ายรูปให้เขาเท่านั้น 



ออกจากอุโมงค์  มาจุดหนึ่งชมวิวอีกจุดหนึ่งค่ะ มีศาลเจ้าอยู่บนเขา
ด้วยคะ   แต่เวลามีน้อย เลยไม่ได้ขึ้นไปค่ะ 



จุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง มีศาลเจ้าที่เดินขึ้นไปได้ ค่ะ  


สะพานสวยดี เลยถ่ายไว้  รูปศาลเจ้าบนเขา ค่ะ


จุดสวยอีกจุดหนึ่ง  ขออีกสักรูป  ค่ะ 



รูปหมู่ สาว ๆ ล้วนเลย ค่ะ กลุ่มนี้ ฉันรู้จักทุกคนเลย ค่ะ 


นั่งรอรถที่จะมารับเพื่อเดินทางต่อไป  ซึ่งที่เที่ยวต่อไป ก็คือ หาด
เจ็ดดาว ค่ะ 


 ทะเลสาบเจ็ดดาว  มีความยาวมากกว่า  20 กิโลเมตร  เป็นหาดที่เต็ม
ไปด้วยหินและก้อนกรวด  ไม่เหมือนหาดอื่น ๆ 
หาดยาวเป็นรูปโค้งเป็นรูปพระจันทร์  ที่นี่ลงไปเล่นน้ำไม่ได้  เพราะว่า
เป็นหาดที่ลาดลงแล้วตัดลึกเลย
เป็นหาดที่ชาว ฮัวเหลียงชอบมาพักผ่อน  ค่ะ 


หาดเจ็ดดาว อันเวิ้งว้างกว้างไกล 


ผลัดกันถ่ายรูปกับ วรรณ คนละ  1 รูป ค่ะ 


ป้าย หาดเจ็ดดาว  ค่ะ 


ถ่ายรูปหมู่กันจ้ะ  รูปนี้ น่าจะเป็นกล้องของน้องอรนุช  ค่ะ 
จากที่นี่แล้ว  ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว 
ต่อไป ก็คือ  อาหารมื้อเย็น  ค่ะ 


อาหารมีเป็นสิบอย่างเหมือนเดิม ค่ะ  มีส้มเช้ง ด้วย ค่ะ 
หลังอาหารมื้อเย็นแล้ว  ไมค์ก็พาไปเดินตลาดกลางคืน  คือ ตลาด
ตงต้า ไนท์ มาร์เก็ต  ตลาดนี้  เป็นตลาดใหญ่
มีซอกซอยให้เดินชมสินค้า  ซึ่งมีทั้งของกิน  ของใช้  เสื้อผ้า มากมาย
มีวนิพก ร้องเพลง ด้วย  แล้วแต่ใครจะหยอดใส่กล่อง
ให้เขา  การร้องเพลงในลักษณะนี้ เรียกว่า  วนิพก ค่ะ 


ถ่ายรูปกับรูมเมด สักรูปที่ตลาด ตงต้า 


เซลฟี่ กับ น้องปุ๊และน้องอัญ  ค่ะ 


เรามานั่งฟัง  วนิพก คนนี้ร้องเพลงกันค่ะ  หงเหล่าซือ ก็มานั่งฟังด้วย
เหล่าซือเป็นคนชอบร้องเพลง ร้องไพเราะด้วย ค่ะ
ด้วยความที่เหล่าซือเป็นคนชอบร้องเพลง จึงเดินไปที่เวที ไปยืนดูเขา
ร้องเพลง   และขอร้องเพลงโดยให้คนร้องเพลงเล่นดนตรีให้



เหล่าซือเดินไปหานักร้องค่ะ 


นักดนตรีกำลังหาเพลงที่เหล่าซือต้องการจะร้อง ค่ะ  แล้วพวกเรา
ก็ได้ยินเสียงเหล่าซือร้องเพลง ชื่อ พระจันทร์แทนใจฉัน
(月亮代我的心)
ซึ่งเป็นเพลงโด่งดังของ เติ้งลี่จิน ค่ะ  เหล่าซือ ร้องเพลง ใบหน้ายิ้ม
อย่างมีความสุข  แต่คงตื่นเต้นบ้าง เพราะน้ำเสียง
ที่ไพเราะนั้น มีแววสั่นนิด ๆ ฉันว่า เหล่าซือคงตื่นเต้นอย่างแน่นอน อิอิ
และก็เป็นจริง  ร้องเสร็จ เหล่าซือหยอดใส่กล่องไป 100 เหรียญ
แล้วถามพวกเราว่า  เหล่าซือร้องเพลงเป็นอย่างไร บ้าง พวกเราต่างก็
ยกนิ้วโป้ให้เหล่าซือ  ว่า ร้องได้ไพเราะ เหล่าซือยิ้ม
อย่างมีความสุข หลังจากได้ยินคำตอบของพวกเรา ค่ะ และบอก
พวกเราว่า  เหล่าซือเพิ่งร้องต่อหน้าชุมชนเป็นครั้งแรก อิอิ

หลังจากนั้น  พวกเราก็เดินกลับกัน  เพื่อไปขึ้นรถตามที่ ไมค์นัดไว้
คืนนี้เราพักกันที่โรงแรมHualien  Lea-Lea)  ค่ะ 

การเล่าเรื่องเที่ยวไต้หวัน  วันที่ 20-21  ซึ่งถือเป็นตอนที่ 3  ก็จบไป
อีกตอนหนึ่งแล้ว ค่ะ  ก็จะเหลือ วันที่ 22-23
อันเป็นตอนปิดทริปไต้หวัน  ค่ะ  ผู้อ่านที่สนใจไปเที่ยวไต้หวัน ก็
สามารถติดตามอ่านได้ในเร็ววันนี้ นะคะ 






































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































































 



Create Date : 19 เมษายน 2562
Last Update : 11 พฤษภาคม 2562 18:04:54 น.
Counter : 1137 Pageviews.

18 comments
วัดพระธาตุเสด็จ อำเภอเมือง ลำปาง tuk-tuk@korat
(14 เม.ย. 2567 13:54:44 น.)
หาอะไรดับร้อนกับน้องถั่วแดงที่ร้านเย็น เย็น หวานเย็น สาขาMRTท่าพระ นายแว่นขยันเที่ยว
(12 เม.ย. 2567 00:32:31 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)
แชร์ประสบการณ์... ตามรอยสแลมดังก์ ที่คามาคุระ-โตเกียว imuya
(10 เม.ย. 2567 00:13:46 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณhaiku, คุณกะว่าก๋า, คุณtuk-tuk@korat, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณmambymam, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณtoor36, คุณเนินน้ำ, คุณอุ้มสี, คุณNior Heavens Five

  
ชอบ Brown's Road กับ อุทยานแห่งชาติโทโรโกะค่ะ

หนูว่าแล้ว อาจารย์ต้องเป็นคนที่เดินไวแน่เลย

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 11 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:08:44 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

รู้จักไต้หวันเพิ่มขึ้นจากบล็อกอาจารย์เลยครับ
บล็อกนี้มีทั้งวัดวาอารามและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
แต่ที่ตระหงิดใจก็คือ การขายของจากร้านพายนี่ล่ะครับ
ดูเหมือนจงใจทำเลย แบบนี้ไม่ค่อยน่ารัก
ดีที่ลูกทัวร์ในกรุ๊ปอาจารย์ตรวจเจอ
ไม่งั้นเค้าก็แอบบวกอาจารย์ไปตั้งเกือบ 400 บาทครับ

การเที่ยวในไต้หวันก็ต้องใช้แรงในการเดินมากพอสมควรเลยนะครับ

โหวตครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤษภาคม 2562 เวลา:6:37:12 น.
  
ไปๆ เที่ยวค่ะ เจดีย์มังกรเสือใหญ่โตเลย
โดย: kae+aoe วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:8:43:39 น.
  
สวัสดีครับอาจารย์


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:45:19 น.
  
น่าเที่ยวมากค่ะอากจารย์
เมืองดูสบาย ๆ ไม่วุ่นวายค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:12:35:50 น.
  
น่าสนุกจังค่ะ
เกษียณแล้วได้มีเวลาไปท่องเที่ยวกับผู้รู้ใจเช่นนี้
น่าจะมีความสุขมากๆเลยนะคะ
พี่ตามดูภาพยังรู้สึกดีด้วยเลย

ตั้งใจมารับไปอ่านดาวพิษต่อด้วยค่ะ
เห็นอาจารย์ว่าวางนานแล้วจะลืมบท
ก่อนๆหมด


โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 13 พฤษภาคม 2562 เวลา:16:29:54 น.
  
สวัสดีวันอากาศดีๆ เย็นชุ่มฉ่ำค่ะ.....อาจารย์^^

ติดตาม อ. เที่ยวด้วยคนนะคะ
โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 15 พฤษภาคม 2562 เวลา:9:25:42 น.
  
ไต้หวันเขาชอบสับปะรดกันจริงๆ ของฝากเขาก็ชอบซื้อพวกขนมไส้สับปะรดมาฝาก

ต้องระวังจริงๆ ครับ เรื่องราคา ไม่ว่าที่ไหนก็น่าห่วง เห็นจะมีที่ญี่ปุ่นมั้งที่ไม่ค่อยน่าห่วงในเรื่องนี้

เจดีย์เป็นไฮไลท์จริงๆ ครับ ดูมีเอกลักษณ์ดี

ภาพพวกเทพต่างๆ เต็มไปหมดเลย

วัดฝอกวนซานดูยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ ภายในส่วนของอาคารดูหรูหรา ภายนอกดูกว้างขวางมาก มีตัวอักษรจีนสีแดงเขียนว่า เรื่องดีๆ (มงคล) ด้วย

ภาพในรถคนเยอะเหมือนกันนะครับ มุมที่เป็นธรรมชาติของบ้านเขาก็ดูสวยดีเหมือนกัน มีเข้าไปร้องเพลงของ เติ้งลี่จิน ด้วย เพลงมันฮิตตลอดกาล และร้องง่ายด้วยแหละ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:0:09:57 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:15:12:26 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตามมาเที่ยวไต้หวันด้วยคนนะคะ
ชอบภาพรวมที่เป็นรูปหมู่รถบัสน่ะค่ะ
แบล็คกราวน์ด้านหลังสวยดีค่ะเห็นเจ้่าแม่กวนอิมอยู่ตรงกลางพอดี
ส่วนรูปหมูน้อยสีชมพูก็น่ารักมากค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:19:12:22 น.
  
รอติดตามภาพจากทริปเวียดนามของอาจารย์นะครับ
ผมยังไม่เคยไปเวียดนามเลยครับ

ปล. ผมชอบอ่านเรื่องกฏแห่งกรรมของหลวงพ่อจรัญมากๆ
ท่านเล่าจนเห็นภาพเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:38:14 น.
  
กราบขอบพระคุณค่ะครูสุวิมล

ส่วนเผือกรังนกโอเล่ก็ทำค่ะครู แล้วโอเล่จะลงบล็อกเล่นไปเรื่อยๆ

ขนมไทยโบราณอีกหลายรายการเลยค่ะ

ด้วยรักและเคารพครูเสมอค่ะ
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 16 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:49:56 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤษภาคม 2562 เวลา:6:41:39 น.
  

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
kae+aoe Parenting Blog ดู Blog
สองแผ่นดิน Photo Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Diarist ดู Blog

ค่ะสักวันอุ้มจะตามรอยครูไปค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 พฤษภาคม 2562 เวลา:10:36:50 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ช่วงนี้ผมชอบไปค้นหนังสือเก่าๆมาอ่านครับ
ขนาดเล่มนี้เก่ามาก
แต่เรื่องขำขันกลับมาอ่านใหม่ก็ยังขำครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤษภาคม 2562 เวลา:20:33:50 น.
  
สวัสดียามครับอาจารย์
ตามมาเที่ยวด้วยคนครับ
โหวตครับ
โดย: Nior Heavens Five วันที่: 17 พฤษภาคม 2562 เวลา:21:55:15 น.
  
สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:6:48:13 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์
ขอบพระคุณโหวตค่ะ
วันนี้พาไปเที่ยวเมืองจันท์ค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 พฤษภาคม 2562 เวลา:12:17:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด