ชวนไปไหว้พระที่วัดโฝกวนซาน
    ชวนไปไหว้พระที่วัด โฝกวนซาน

สืบเนื่องจากหงเหล่าซือ  ซึ่งเป็นครูอาสาสอนภาษาจีนที่พวกเรามา
เรียนกับเหล่าซือที่ห้องสมุด ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา
ได้แจ้งข่าวกับพวกเราว่า  วัดโฝกวนซาน หรือ สถาบันพุทธศาสนา
เถรวาท-มหายาน  ซึ่งเป็นวัดสาขาหนึ่งของวัดโฝกวนซาน
ที่ประเทศไต้หวัน  ได้สร้างเสร็จแล้ว  และเหล่าซือก็รู้จักกับเจ้าอาวาส
ที่วัดนี้  ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลกินเจด้วย  ถ้าไปที่วัดนี้
จะได้ไปสวดมนต์ ไหว้พระ  มีอาหารเจเลี้ยงผู้มาเที่ยวและไหว้พระด้วย
พวกเราก็สนใจ  เพราะว่าเคยไปไหว้พระที่วัดโฝกวนซาน
ที่ประเทศไต้หวันมาแล้ว ซึ่งสวยงามมาก  ดังที่ฉันเคยเขียนไว้ในบล็อก
เที่ยวไต้หวันแล้ว  ตอนนี้  เมืองไทยเราก็มีวัด โฝกวนซาน
ไม่ต้องไปไหว้พระถึงไต้หวัน  เราก็สามารถมาไหว้พระที่นี่แล้วค่ะ พวก
เราก็เลยบอกเหล่าซือว่าสนใจที่จะไป 
การไปครั้งนี้  ไม่ใช่ไปเฉพาะกลุ่มที่เรียนภาษาจีนที่ห้องสมุดนี้เท่านั้น
ยังมีกลุ่มที่เรียนที่อารี และสวนลุมก็ไปด้วย
พัชรี  เป็นผู้ประสานงานเช่ารถตู้ให้กลุ่มสวนลุมและกลุ่มอารี  ส่วนกลุ่ม
เราที่ห้องสมุด  เฮียวิภาส  บอกว่า กลุ่มของเราคงไป
ไม่เกิน 10 คน  เอารถเก๋งไปสองคัน  ประหยัดกว่าไปจ้างรถตู้ เพราะ
ไปไหว้พระ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน  ค่าเช่ารถตู้และรวมค่าน้ำมัน
ไม่ต่ำกว่า 2,000  บาทแน่  ฉันเห็นด้วย  เฮียก็เลยชวนฉัน  พี่คริสต์
พี่นงค์  เจ๊เสาะ รวม 5 คน พอดี แล้วพวกเราก็ตั้งใจว่า
จะช่วยค่าน้ำมันให้เฮียวิภาส  ส่วนกลุ่มอารีและสวนลุม  พัช ช่วยจัด
การหารถตู้สองคัน  รวมค่าน้ำมันตกคันละน่าจะสองพันบาท
นั่งได้ 12 คน  กำหนดวันที่ไปคือ  วันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค. นัดเจอกันที่วัด
9.00  น.  ค่ะ  

เมื่อถึงวันนัด  คือ 25  ต.ค.  ฉัน  เจ๊เสาะ  พี่คริสต์ ก็มารอกันที่ศูนย์
วิทยาศาสตร์  เวลานัด  8.00  น. ปรากฏว่า พี่นงค์
เปลี่ยนใจไม่ไป มีคุณวิภาที่ห้องสมุดไปแทน เฮียวิภาสมาตรงเวลาแป๊ะ
คือ  8.00 น. เพลงชาติขึ้นพอดี บอกเวลาว่า 8.00 น.
เราไปตามทางที่คุณวิภาบอก  เพราะเขาได้ถามทางไปจากเพื่อนของ
เขามาแล้ว  ไปถึงใกล้ ๆ แถวคู้บอน  มีการถามทาง
จากชาวบ้านแถบนั้นบ้าง และในที่สุดพวกเราก็ไปถึงที่วัดโฝเทียนซาน
ก่อนเวลานัด  คือ 9.00 น.  เลยถ่ายรูปกันก่อน  
(แต่ที่ไหนได้มาทราบภายหลัง  รถตู้เขามาก่อนเรามากเป็นชั่วโมง และ
ไม่ได้มาตามยังที่นัดไว้ เพราะเจ้าอาวาสมาต้อนรับ
และถ่ายรูปหมู่กันไปแล้วและไปที่ห้องสวดมนต์กันแล้ว  พวกเรามา
ทราบ ภายหลังกันค่ะ  )  
ก่อนจะไปชมภาพสวย ๆ และเรื่องราวต่าง ๆ ในวันนี้  เรามาทราบ
ประวัติความเป็นมาของวัดโฝกวนซานก่อนนะคะ 

วัดโฝกวนซานได้ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศไต้หวันโดยการนำของพระคุณเจ้า
พระเถระซินเหวิน  เมื่อปี พ.ศ. 2010  ที่เมืองเถาสง  เปิด
เมื่อปี  2011    ค่ะ 



พระคุณเจ้า  ซินเหวิน  ผู้ก่อตั้งวัดโฝกวนซานที่  เกาสง ประเทศไต้หวัน

ประเทศไต้หวัน  ซึ่งหงเหล่าซือได้พาไปตอนจัดไปทัวร์ไต้หวันปี  61
ซึ่งเป็นวัดที่มีเนื้อที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ดังที่
ฉันได้เขียนไว้ในบล็อกแก๊งไปแล้ว
จุดมุ่งหมายหลักในการสร้างวัดโฝกวนซานนั้น  คือ เพื่อเผยแผ่
พระพุทธศาสนาให้แพร่หลายไปทั่วโลก 
โดยยึดหลักในการพัฒนาบุคคลให้สืบสานวัฒนธรรมในการประกาศ
พุทธธรรมคำสอน  บำเพ็ญกุศลในการช่วยเหลือ 
พัฒนาสังคม  เน้นการปฏิบัติธรรมเพื่อจรรโลงจิตใจ  และขยายการ
พัฒนาไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
ของเราด้วย  มีวัดสาขากว่า 200 แห่งทั่วโลก

สำหรับวัดโฝกวนซานหรืออีกชื่อว่า  สถาบันพุทธศาสนาเถรวาท-
มหายาน  ในประเทศไทย  เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 2017
.ใช้เวลาสร้างประมาณ  3 ปี เพิ่งเสร็จในปี  ค.ศ. 2020  นี้เอง ค่ะ
(เหล่าซือเล่าให้ฟัง ค่ะ)   ได้ออกแบบพุทธวิหารทั้งหมดเป็นศิลปะแบบ
จีน  ประกอบด้วยพระอุโบสถ  วิหารพระอวโลกิเตศวร
เจดีย์พุทธรังสี ห้องวิปัสสนา หอฉัน ห้องเรียนพุทธศาสนา  ห้องประชุม
เรือนรับรอง(ห้องพักสาธุชน)  กุฏิพระ  หอพระไตรปิฏก
(ห้องสมุด) หอระฆัง และหอกลอง  รวมทั้งลานจอดรถ และสวนดอกไม้


พระคุณเจ้า  ซินเหวิน  ได้ยกคำกล่าวของพระพุทธองค์ ซึ่งตรัสว่า "สิ่ง
ที่ได้ชื่อว่าทานนั้น  ผู้อื่นจักต้องได้รับประโยชน์หากให้ทาน
ด้วยความปิติ  ภายภาคหน้าย่อมได้รับแต่ความผาสุก"   พระคุณเจ้า
ซินเหวิน ได้ยึดมั่นโอวาทของพระพุทธองค์และได้ย้ำอยู่เสมอว่า
"เมื่อเรายังไม่บรรลุพุทธมรรค   เราควรผูกบุญด้วยมนุษยสัมพันธ์"  นั่น
ก็คือ  พระคุณเจ้าจึงได้พยายามสร้างมนุษยสัมพันธ์ด้วยการ
ผูกบุญ โดยการเผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วโลก  และปรากฏว่า พุทธ
ศาสนิกชนทั่วโลกเข้าใจและได้ผูกบุญร่วมกัน  บริจาคกำลังเงิน กำลัง
กาย  สร้างสาขาวัดโฝกวงซานทั่วโลกถึง 200 กว่าแห่ง ค่ะ 

ปัจจุบัน  วัดโฝกวนซาน สถาบันพุทธศาสนา เถรวาท -มหายาน
ซึ่งเป็นศาสนสถานความร่วมมือระหว่างคณะสงฆ์จีน
และคณะสงฆ์ไทย  เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม  สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ
เป็นแหล่งท่องเที่ยว  ที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานครงอีกแห่งหนึ่ง
เป็นอนุสรณ์ศาสนสถานความสัมพันธ์ไทย -จีน  มีเครื่องหมายเขียนว่า
"ไท่ฮวาซื่อ"   
(泰华寺 )  มีความหมาย  หมายถึง ประเทศไทย
กับชาติจีน  โดยมุ่งหวังให้เกิดผสมผสานระหว่างพุทธศาสนาระหว่าง
นิกายเถรวาทและนิกายมหายาน  ค่ะ

พวกกลุ่มฉัน  ซึ่งกำลังถ่ายรูปเพื่อรอกลุ่มเพื่อนที่มารถตู้สองคัน  (ซึ่ง
ปรากฏว่า กลุ่มรถตู้มาก่อนเราและไปอยู่ในห้องสวดมนต์แล้ว
มาทราบอีกที เพราะเห็นพัชจะมาเข้าห้องน้ำ จึงได้รู้ว่า เพื่อนทางรถตู้  
เขามาตั้งแต่ยังไม่ถึง  8.00 น.ดี )
มาชมรูปทั้งของฉันถ่ายเองและได้จากน้องวิจิตราในบางส่วนด้วยค่ะ  



พระคุณเจ้า เจ้าอาวาสวัดโฝกวนซานที่เหล่าซือรู้จัก ท่านอายุ 77ปี ค่ะ 


สมาชิกรถตู้สองคันที่มาก่อน ได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับพระคุณเจ้า  ค่ะ 
ส่วนรถเก๋งของเรากับเฮียฮีม มาตรงเวลาแต่ไม่ได้อยู่ในรูปหมู่นี้
ตามเหตุผลที่ได้กล่าวไว้ข้างต้นแล้วค่ะ  


เฮียฮีมได้พาคุณแม่และภรรยามาไหว้พระด้วยค่ะ  


ก่อนเข้ามาที่วัด ผ่านประตูมา  ก็จะได้รับแผ่นพับแนะนำวัดโฝกวนซาน


คณะเรา ค่ะที่ได้รับความเอื้อเฟื้อรถของเฮียวิภาส  ค่ะ มีฉัน  เจ๊เสาะ
พี่คริสต์ และคุณวิภา  (มาแทนพี่อนงค์ )


ผ่านประตูเข้ามา  ก็จะพบลานกว้างที่มีพื้นสะอาดน่าจะเป็นหินอ่อนใส
ด้านหน้าที่เห็น  เป็นห้องสำหรับสวดมนต์ (พวกเรามาสวดมนต์ที่ห้องนี้)


เป็นตึกสองข้าง  โดยมีห้องอุโบสถ (สวดมนต์ รูปบนอยู่ตรงกลาง) 
แต่ละห้องคงจะใช้ทำกิจกรรมใด มิอาจทราบ เพราะไม่มีโอกาสได้เข้า
ชม อิอิ ได้แต่ถ่ายรูปมาให้ชม นะคะ เป็นตึก เป็นห้องที่สวยมากค่ะ 



พี่เสาะถ่ายรูปเดี่ยวให้  ค่ะ  ทุกคนที่มาวัดนี้  จะต้องถ่ายรูปที่นี่ก่อน ค่ะ
(สังเกตจากคนที่มาไหว้พระ น่ะค่ะ )


เป็นอีกหนึ่งตึกที่อยู่ตรงข้ามกับประตูที่จะเดินเข้าอุโบสถ ค่ะ ประตู
งดงามมาก  เหมือนประตูในราชวังเลยค่ะ 


ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังลานกว้างของพระอุโบสถ  ทางขวามือ  จะมี
รูปขององค์พระศากยมุนี หยกขาว ปั้นได้งดงามมากเลยค่ะ 




เฮียวิภาส ผู้พาพวกเรามาไหว้พระที่วัดโฝกวนซาน ครั้งนี้ ค่ะ 


ขึ้นบันไดมาแล้ว  ทางขวามือและซ้ายมือ  จะมีรูปท้าวจตุโลกบาลอยู่
ข้างละ สอง องค์  ค่ะ (ภาษาแต้จิ๋ว เรียกว่า ซี่ไต่เทียนอ๊วงกง)


เราเข้ามาในห้องที่ใช้สำหรับสวดมนต์แล้ว ค่ะ  เพื่อนที่มารถตู้ได้เข้ามา
อยู่ในห้องนี้แล้ว  (อุโบสถ)  เลยได้ฟังคำอธิบายของพระและแม่ชี
ที่มาให้การต้องรับ  ฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้  เลยไม่รู้ว่า  ท่านให้
ความรู้อะไรบ้าง  นะคะ ไม่เป็นไร ค่ะ มาชมภาพภายในห้องนี้ ค่ะ 
รูปที่หนึ่งทางขวามือ  มีพระนามว่า  พระอมิตาภะพุทธเจ้า
รูปที่สอง มีพระนามว่า  พระศากยมุนีพุทธเจ้าหรือ พระสมณโคดม
พระพุทธเจ้า มีพระนามเดิมก่อนผนวชว่า  เจ้าชายสิทธัตถะ  
รูปที่สาม  มีพระนามว่า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า  (พระพุทธเจ้าผู้เป็นครู
แห่งยารักษาโรค ค่ะ 



เพื่อน ๆ กำลังฟังพระเจ้าหน้าที่อธิบาย  (ไม่ทราบว่า เป็นความรู้เกี่ยว
กับอะไร  เพราะฉันไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย ค่ะ)


รูปนี้ถ่ายหมู่ที่พระอุโบสถ ค่ะ ไม่มีรูปฉันและเพื่อน ๆ  ค่ะ  ได้รูปมาจาก
กล้องของคุณ วิจิตรา  ค่ะ  


พวกเรากว่าจะมาเข้าพระอุโบสถ ก็น่าจะประมาณ  9.30  น.  ยังไม่มี
กิจกรรมอะไร  เป็นเวลาเหมาะสมที่จะได้เก็บภาพต่าง ๆ ภายในห้องนี้


เป็นภาพที่สวยงาม ละเอียดลออ  อยู่สองข้างของพระพุทธรูปสามองค์


ส่วนหนึ่งภายในพระอุโบสถ  ค่ะ 


เป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้า  ที่อยู่ด้านล่างของพระพุทธเจ้าสามองค์


เจ้าหน้าที่ทั้งพระและแม่ชีได้จัดสถานที่ เตรียมพร้อมในพิธีสวดมนต์ที่
จะเริ่มขึ้นในเวลาที่กำหนดไว้ คือ 10.00 น.


ตามฝาผนังของพระอุโบสถ จะมีพระพุทธรูปมากมาย  ค่ะ 



ความสวยงามบนเพดานห้องสวดมนต์  ค่ะ  คงต้องมีความหมายอะไร
สักอย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่ได้ถามใคร อิอิ




ทั้งสองภาพ   ขยายรายละเอียดให้ชัด ๆ  ค่ะ 







ที่ห้องสวดมนต์นี้  จะจัดเก้าอี้ให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องเข่า  นั่งพื้นไม่สะดวก
ที่เก้าอี้จะมีหนังสือสวดมนต์ให้ตัวละ 1 เล่ม  ที่พื้นห้อง ยังมีเบาะ
สำหรับให้นั่งกับพื้นกราบพระและมีหนังสือสวดมนต์ไว้เบาะละ 1เล่ม
เช่นกัน ค่ะ  ที่พื้นห้อง เหมาะสำหรับเด็กหนุ่มสาว ค่ะ 


พระรูปนี้ น่าจะเป็นคนไทย  เพราะเป็นพระที่พูดภาษาไทยได้ชัดเจน
มาก  น่าจะเป็นประชาสันพันธ์ของวัด มั้ง
ท่านได้กล่าวต้อนรับและแนะนำเรื่องราวต่าง ๆ ของวัดให้พวกที่
เตรียมมาสวดมนต์ฟัง  น่าจะประมาณ 15  นาที
ก่อนที่เจ้าอาวาสจะเริ่มทำพิธีสวดมนต์  ค่ะ  นอกจากมีพระที่หน้าตา
เหมือนคนไทยแล้ว  ยังมีพระอินเดียด้วย ค่ะ 



น้องพัช  ยังสาวอยู่  แข็งแรง ไม่ปวดเข่า  นั่งพื้นได้  ค่ะ 


เมื่อถึงเวลา 10.00  น.  ก็เริ่มงานสวดมนต์  โดยให้ผู้เข้าสวดมนต์  ซึ่ง
ขณะนี้ไม่ใช่มีเฉพาะคณะเราเท่านั้น  มีมาจากคณะอื่นอีก
ส่วนหนึ่งด้วย  ค่ะ  เมื่อท่านเจ้าอาวาสมาแล้ว  พวกเราได้ลุกขึ้นหันหน้า
เข้าหากัน  คือ  ผู้ชายจะนั่งอยู่ฝั่งหนึ่ง  ผู้หญิงก็นั่งอยู่อีกฝั่ง
ท่านเจ้าอาวาสได้นำจีวรที่เป็นตา ๆ สีเหลืองแด ที่เราเห็นได้จากหนัง
กำลังภายในและมีเจ้าอาวาสหรือเจ้าสำนักใส่นั่นแหละ
จะมีพระถือธูปนำเวียน  (แต่ฉันไม่ได้ถ่ายรูปไว้ ) เจ้าอาวาสเดินเวียน
ด้วยมีพระเดินตามหลายรูปอยู่ ค่ะ 


พระคุณเจ้า เจ้าอาวาสและคณะ  เริ่มนำสวดมนต์  พวกเราก็เปิดหนังสือ
สวดมนต์สวดตามไปด้วย  แต่สวดเร็วมาก ฉันก็ตาม
ไม่ค่อยทัน  ก็มีบรรดาแม่ชีที่ช่วยงานอยู่  ได้เดินบอกว่า  สวดมนต์ถึง
บรรทัดไหนแล้ว  สวดมนต์กันน่าจะประมาณ ครึ่งชั่วโมงกว่า
แต่เราก็ไม่ได้อยู่รอดูว่าจะมีอะไรต่อไปไหมทุกคนเห็นเหล่าซือเดินออก
จากห้องสวดมนต์ไป  พวกเราเห็นเช่นนั้น  ก็ตามเหล่าซือ
ออกไปด้วย  เห็นเฮียวิภาสซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้า  คงไม่เห็นเหล่าซือออก
จากห้องไป  ฉันเลยเดินไปบอกเขาให้ตามไปด้วยกัน
ออกไปแล้วก็ตามเหล่าซือไม่ทันแล้ว  แต่คิดว่า  เหล่าซือคงเดินนำไป
ที่ห้องอาหาร   เพราะตอนนั้นก็ 11.00 น.กว่าแล้ว
ดีที่ทางวัดมีการทำเครื่องหมายลูกศรเดินไปที่ห้องอาหาร   ฉันกับ
พี่คริสต์เดินตามลูกศรไปจนเจอเหล่าซือและคนที่ออกไป
พร้อมเหล่าซือยืนเข้าแถวกันอยู่  แถวยาวมาก ๆ  ฉันกับพี่คริสต์เดินไป
ต่อแถวหลังสุด  จากนั้นก็มีคนมาต่อแถวจากเราอีกเรื่อย ๆ 


เข้าแถวเพื่อเข้าห้องอาหาร ค่ะ วันนี้มีอาหารเจเลี้ยงคนที่มางานค่ะ 


ระหว่างเข้าแถว  เห็นป้ายนี้ติดอยู่ตรงประตู  ค่ะ  มีภาษาจีนเขียนไว้ว่า
โฝกวนซาน ไท่หัวซื่อ  ( 佛光山泰毕寺)  ซึ่งเป็นการแสดงถึง
ประเทศไทยกับชาติจีน  มีการผสมผสานระหว่างพุทธศาสนานิกาย
เถรวาทและนิกายมหายาน


เข้าแถวมาถึงโรงอาหารแล้วแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ของวัดคอยจัดคนให้
เดินเข้าห้องเพื่อรับอาหาร  ซึ่งจะมีคนแจกถ้วยโฟม แล้วก็คนตักข้าว
ตักกับข้าว  ซึ่งมีกับข้าวน่าจะประมาณ  3-4 อย่าง ค่ะ 


บรรยากาศในห้องอาหาร  ค่ะ 


อาหารเจที่่วัดโฝกวนซาน  ค่ะ 

ฉันนั่งทานกับพี่คริสต์   ขณะที่กำลังทานกัน  ปรากฏว่า  เกษมก็มาด้วย
เห็นลูกสาวของเกษมเข็นลูกสาวมาด้วย คงมาทั้งครอบครัว
แต่ก็ไม่ได้ทักทายกัน  เพราะอยู่ไกล  เขาเพิ่งมาและเข้าแถวเพื่อรับ
อาหารเจ  นั่นเอง   หลังจากที่ฉันกับพี่คริสต์
ทานข้าวเสร็จแล้ว  นำชามโฟมไปทิ้งตามที่เขาจัดที่ให้ทิ้ง  ข้าง ๆ มีตู้
ให้คนที่มากินข้าวทำบุญด้วย  ฉันทำบุญไป 100 บาท
จากนั้น  เหล่าซือก็พาพวกเราไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมในอาคารอีกอาคาร
หนึ่งค่ะ  ในอาคารมีเจ้าแม่กวนอิม 4 ปาง  แต่ละปาง  ดังนี้ ค่ะ 
ปางที่ 1 ปางประทานบุตร   ปางที่ 2  ปางประทานพร  ปางที่ 3 ปาง
ประทานทรัพย์ และ ปางที่ 4 ปางประทานโชคลาภ  
แต่ละปางงดงามมากค่ะ  


ฉันขอให้เฮียวิภาสช่วยถ่ายรูปให้คู่กับพี่คริสต์  ค่ะ 
ไหว้เจ้าแม่กวนอิมแล้ว  ในห้องก็มีเจ้าหน้าที่รับเงินทำบุญด้วย  ฉัน
ทำบุญและทำให้เยาว์และจ๋า  3 คน คนละ 100 เป็น 300บาท




รอบ ๆ วิหารเจ้าแม่กวนอิม  เราเดินเวียนขวารอบเดียวเพราะเวลามีน้อย
รอบ ๆ มีแผ่นแกะสลักเป็นภาพต่าง ๆ งดงาม ฉันถ่ายรูปไว้ค่ะ 












ภาพที่ถ่ายมาให้ชมนี้  อยู่รอบ ๆ วิหารเจ้าแม่กวนอิม ค่ะ  



ด้านนอกของอาคารของเจ้าแม่กวนอิมยังมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมเรียงราย
ไว้มากมาย  ค่ะ  แต่ฉันไม่มีเวลาถ่ายมาให้ชมทีละองค์ ค่ะ 


รูประฆัง  เพื่อนร่วมทริปถ่าย ค่ะ  นำมาลงให้ชม ค่ะ 


ด้านอกอาคาร  มีรูปเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่มาก  สีทองเหลืองอร่าม
งดงามเหลือเกิน เป็นไฮไลท์ เป็นจุดสนใจของผู้เข้ามาชมวัด
รอบ ๆ ฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม  มีรูปเจ้าแม่กวนอิมปางต่าง ๆ อยู่รอบ ๆ 
นับเป็นจำนวนน่าจะเป็น  108  องค์  ค่ะ 
รอบ ๆ ในบริเวณนี้ จะมีสวนหย่อมมีน้ำตกเล็ก ๆ แต่อากาศวันนี้ร้อนมาก
แดดเปรี้ยงแสบผิว  แสบตา  ถ่ายรูปไม่ค่อยเห็นเลย ค่ะ



องค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว  งดงามมากอีกองค์หนึ่งบริเวณสวนหย่อม


พระสังฆรามโพธิสัตว์   ค่ะ 
พวกเรานัดกันบ่ายโมงจะกลับค่ะ  เลยไม่ได้เดินถ่ายรูปรอบ ๆ วัด ได้รูป
ที่เห็นและได้จากเพื่อนร่วมทริปมาประกอบด้วย  


ขณะที่รอเพื่อน ๆ ตามนัดกันบ่ายโมง  มีเวลาเล็กน้อย  เฮียวิภาสเลย
ถ่ายรูปที่ด้านหน้าให้อีกรูปค่ะ 

งานไหว้พระทำบุญครั้งนี้  ทุกคนหน้าตาสดใส  ชอบใจ และที่น่ายินดี
กว่านั้น  คือ  เป็นช่วงเทศกาลกินเจ ได้สวดมนต์ด้วย ฉันจึง
คิดว่า  กินเจปีนี้  โชคดี ที่เหล่าซือเชิญชวนพวกเราไปไหว้พระ กินเจที่
วัดโฝกวนซาน  ฉันขอเป็นตัวแทนขอบพระคุณหงเหล่าซือ
ที่มอบสิ่งดี ๆ ในครั้งนี้ให้กับพวกเรา  ค่ะ  
เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว  ต่างคนต่างก็ขึ้นรถกันไป  เฮียวิภาสขับรถมาส่ง
พวกเราที่ศูนย์วิทยาศาสตร์จุดนัดพบตอนเช้า  
ฉัน  พี่คริสต์  เจ๊เสาะ เราเตรียมเก็บคนละ  100  บาท เพื่อช่วยค่าน้ำมัน
ให้กับเฮียวิภาส  แต่เฮียวิภาสไม่ยอมรับ  บอกว่า
ไม่เป็นไร  เล็กน้อยแค่นี้เอง  พวกเราบอกไม่ได้หรอก  ช่วยขับรถพา
พวกเรามาไหว้พระ  สวดมนต์ก็เกรงใจแล้ว 
ยังไม่ยอมให้เราช่วยค่าน้ำมันอีก แต่จะพูดอย่างไร  เฮียวิภาสก็ไม่ยอม
รับเงินช่วยของพวกเรา 3  คน  ในที่สุดก็ต้องยอม 
 เพราะรถจอดอยู่กลางถนน และทุกคนก็อยากกลับบ้าน  บางคนก็จะ
ขึ้นไปห้องสมุด  ในที่สุด  ก็คืนเงินกลับไปให้พี่คริสต์ และเจ๊เสาะ
พวกเราได้แต่ขอบคุณเฮียวิภาสที่มีน้ำใจขับรถพาพวกเราไปไหว้พระ
สวดมนต์ในครั้งนี้  ค่ะ  ขอให้เฮียได้บุญครั้งนี้อย่างเต็มเปี่ยม ค่ะ 

เนื่องจากครั้งนี้  ฉันมีเวลาเดินชมวัดโผกวนซานไม่หมด  ประกอบกับ
เจี๊ยบลูกศิษย์เขากับเพื่อน ๆ  คือ เพ็ญ  เดิอน  ก็ต้องการ
ไปไหว้พระ ทำบุญ และชมความงดงามของวัดโฝกวนซานเช่นกัน  จึง
มาชวนฉันไปด้วย เมื่อวันที่  6  พ.ย. นี้  จึงมีรูปมาเพิ่มเติมให้ชม ค่ะ 


มุมนี้  คือ  รายชื่อผู้ร่วมทำบุญในการสร้างวัด  ค่ะ 


อาคารนี้  ฉันถามจากเจ้าหน้าที่ของที่นี่  เขาบอกว่า  เป็นที่เก็บอัฐิ ค่ะ 
ไม่อนุญาตให้ใครขึ้น  ยกเว้นวันที่ญาติจะมาทำบุญ
แสดงว่า ต้องเป็นคนรวยและอุปถ้มภ์วัดโฝกวนซานกระมัง  



ห้องที่เรียงรายอยู่สองฟากฝั่งตรงที่เราเดินเข้าวัด  วันนี้เพิ่งได้ความรูู้
ว่า  เป็นห้องเรียน  และอีกส่วนน่าจะเป็นห้องรับรองแขกเวลามีคนมา
พักและสวดมนต์ ขณะที่พวกเรามาวันนี้ ได้เดินชมอยู่ด้านนอก  ฉันเห็น
มีครูกำลังสอนอยู่ด้วย  ค่ะ  


เดินชมรอบ ๆ โบสถ์ที่เราไปสวดมนต์  จะมีรูปหล่อคนสำคัญไว้หลาย ๆ 
องค์ ค่ะ มีประวัติของรูปหล่อเหล่านี้ด้วย  ถ่ายมาแล้ว
ตัวอักษรเล็ก อ่านยาก เลยไม่ได้นำมาลง ค่ะ 


รูปนี้อยู่ที่ประตูทางเข้าวัด เชิญชวนคนมาไหว้พระ ทำบุญ ค่ะ 


พระศากยมุนี  อยู่ด้านขวามือก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปโบสถ์  ค่ะ 


องค์เจ้าแม่กวนอิมหยกขาว  (ภาพขวามือ)  อยู่ที่สวนหย่อม  ค่ะ 
รูปบนซ้าย  คือ วิหารพระกษิดิครรภ์  โพธิสัตว์  ค่ะ 
รูปล่างซ้าย  พระสังฆรามโพธิสัตว์ ค่ะ


ภาพเจ้าแม่กวนอิมภายในอาคาร  ค่ะ 


รูปแรก  เป็นอาคารประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิมทั้ง 4 ปาง ค่ะ
ด้านนอกอาคาร   มีรูปเจ้าแม่องค์ใหญ่มากสีทองสวยงาม  ประดิษฐาน
อยู่ที่สวนหย่อม ค่ะ  พวกเราถ่ายรูปกับต้นไม้ ดอกไม้ในสวนหย่อม ค่ะ


บรรยากาศในบริเวณสวนหย่อม ค่ะ  มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ ด้วยค่ะ 


อีกมุมหนึ่งของวัด โฝกวนซานค่ะ 


วิหารพระศากยมุนีพุทธเจ้า
เป็นพระพุทธรูปที่งดงามมากอีกองค์หนึ่งค่ะ


ภายในพระอุโบสถ  ค่ะ พวกเราก็ทำบุญหยอดปัจจัยใส่ตู้บริจาค ค่ะ 






น่าจะเป็น  18  พระอรหันต์ ซึ่งประดิษฐานรอบฝาผนังในพระอุโบสถค่ะ


กราบพระขอพรพระพุทธเจ้าทั้งสามปางในพระอุโบสถ  ค่ะ








รูปหินแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมรอบ ๆ อาคารที่ประดิษฐานองค์เจ้าแม่
กวนอิมทั้ง 4 ปาง  ค่ะ  เป็นการแกะสลักที่งดงามมาก ค่ะ  
มาครั้งแรก ไม่มีโอกาสได้ถ่ายทีละองค์  มาครั้งนี้ เรามีเวลามากพอ
สมควร เลยถ่ายภาพทีละองค์มาฝาก  ค่ะ 

หลังจากที่พวกเราได้เดินชมสถานที่ต่าง ๆ ของวัดโฝกวนซาน น่าจะ
ใช้เวลาประมาณ  2 ชั่วโมงกว่า ๆ ค่ะ  ก็ครบเฉพาะ
ด้านล่างนะคะ  แต่ชั้นสอนและชั้นอื่น ๆ  เขาไม่เปิดให้เข้าชม ค่ะ เลย
ไม่ทราบว่าชั้นบนนั้นมีอะไรบ้าง  ค่ะ 

เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว  ท้องเริ่มหิวแล้ว  เจี๊ยบผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาหาร
การกิน  แนะนำร้านอาหารเวียดนามที่อยู่แถวสุทธิสาร
เขาบอกว่า อาหารเวียดนามที่ร้านนี้อร่อยมาก  ราคาก็ไม่แพง  เจี๊ยบ
อธิบายให้พวกเราทราบ  มือก็ขับรถไปด้วยความชำนาญทาง
เนื่องจากเจี๊ยบขับแท้กซี่มาหลายปี  เลยมีความชำนาญเรื่องเส้นทาง
ประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ น่าจะได้  ก็ไปถึงร้านอาหารเวียดนาม
เป็นร้านเล็ก ๆ  น่าจะมีประมาณสัก 7-8  โต๊ะ มีลานจอดรถน่าจะจอดได้
สัก 5-6  คัน  เราไปถึง  ประมาณบ่ายโมงครึ่ง 
ในร้านยังมีลูกค้าเต็มอยู่  โต๊ะว่างมีสักโต๊ะสองโต๊ะ  ที่จอดรถติดต้นไม้
ใหญ่ต้องอ้อมไปยังทางออก  จอดใกล้แท้งค์น้ำ
ร้านเวียดนามร้านนี้  มีชื่อว่า  ร้าน จีรพร   ค่ะ  เจี๊ยบเคยมากินแล้ว จึงรู้
ว่าจะสั่งอะไรกินบ้าง  เท่าที่จำได้  เช่น แหนมเนือง ขนมเบื้อง
สลัดหมู  ปอเปี๊ยะสด  ฯลฯ  มาชมภาพกัน ค่ะ 







อาหารทั้งหมดที่สั่ง ค่ะ รสชาติก็อร่อย  น้ำจิ้มแปลกกว่าที่เคยกินร้าน
อื่นมา   ปริมาณก็ค่อนข้างมากกว่าร้านอื่น  
พวกเรากินไป คุยไป  และให้บริกรถ่ายรูปหมู่ให้พวกเราด้วยค่ะ  



ฝีมือของบริกรที่ร้าน จีรพร  ค่ะ 

เรานั่งกินกันไป  คุยกันไป  น่าจะประมาณชั่วโมงเศษ ๆ  บ่ายสามโมง
กว่าแล้ว   อิ่มหมีพีมันแล้ว  มื้อนี้ ราคา  แปดร้อยกว่าบาท
ก็ไม่แพง  เพราะสั่งกินกันหลายอย่าง  ผักไม่พอก็ขอได้  ไม่คิดเงิน
ด้วยค่ะ  เพ็ญจ่ายไปก่อน  ฉันจะช่วยจ่ายด้วย 
แต่เพ็ญบอกไม่ต้อง  พวกเขาช่วยกันจ่ายเอง  ก็ขอขอบใจลูกศิษย์ที่พา
มาเที่ยววัดโฝกวนซานและเลี้ยงอาหารด้วย ค่ะ 

เจี๊ยบขับรถมาส่งเพ็ญและเดือนแถวบิ๊กซีเพราะทั้งสองคนจะไปซื้อของ
ที่คลองเตย  แล้วก็มาส่งฉันที่บ้าน ประมาณ สี่โมงกว่าค่ะ 

วันนี้ฉันก็สุขใจ อิ่มบุญ อิ่มท้อง  ขอบใจลูกศิษย์ทั้งสามคนที่ระลึกถึงครู
เสมอ  ขอให้ผลของความดีครั้งนี้  ส่งผลให้ทั้งสามคน
มีแต่ความสุข  สมหวัง  ร่ำรวยทั้งเงินทอง  ความสุข  และสุขภาพ
แข็งแรง ๆ  ตลอดไป  ค่ะ 














 








































































 



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2563
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2563 17:19:48 น.
Counter : 1612 Pageviews.

18 comments
Slow Life ในเมืองเลย Alex on the rock
(15 เม.ย. 2567 07:44:23 น.)
春和歌山市 : ทำไมต้องวากะยามะ mariabamboo
(15 เม.ย. 2567 11:06:33 น.)
Mahar Shwe Thein Taw Pagoda, Royal Jasmine Hotel - Pyin Oo Lwin สายหมอกและก้อนเมฆ
(11 เม.ย. 2567 16:06:34 น.)
ร้อนนี้ชวนเที่ยว ออบขาน เชียงใหม่ สมาชิกหมายเลข 4313444
(11 เม.ย. 2567 08:07:33 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณtuk-tuk@korat, คุณกะว่าก๋า, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณkae+aoe, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณnewyorknurse, คุณอุ้มสี, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณชีริว, คุณThe Kop Civil

  
แวะมาจองที่ส่งกำลังใจค่ะ อาจารย์
แล้วพี่ค่อยมาติดตามอ่านนะคะ

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2563 เวลา:18:54:29 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์
ตามมาไหว้พระด้วยค่ะ

โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 พฤศจิกายน 2563 เวลา:20:48:41 น.
  
เป็นวัดที่สวยงาม
อลังการงานสร้างมากๆเลยครับอาจารย์
สถาปัตยกรรมยิ่งใหญ่มาก
เหมือนอยู่ในเมืองจีนจริงๆ

องค์พระพุทธรูปต่างๆก็สวยงาม
น่าไปเที่ยวชมมากๆเลยครับ

โหวตครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤศจิกายน 2563 เวลา:22:16:58 น.
  
ให้ความรู้สึกแบบเดียวกับที่จีนเลยครับ อันนี้เป็นของทางไต้หวัน (กำลังมีเรื่องกะทางจีนแผ่นดินใหญ่เลย)

ตามมาชมบรรยากาศด้วยคนครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 10 พฤศจิกายน 2563 เวลา:23:45:19 น.
  
ขอบคุณที่แบ่งปัน
โดย: Kavanich96 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา:2:27:13 น.
  

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา:7:12:17 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ใช่ครับอาจารย์
ตอนนี้ร้านค้าของใช้เหนื่อยหมดทุกร้านครับ
แม้แต่ของกินก็ใช่ว่าจะขายดีทุกร้าน
เมื่อวานผมเดินในห้าง
โซนร้านอาหาร
ร้านดังๆปิดตัวไปเยอะมากจนน่าตกใจครับ

วัดโฝกวนซานสวยงามมากครับอาจารย์
ถ้ามีโอกาสผมคงต้องไปเยือนแน่นอนครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤศจิกายน 2563 เวลา:22:12:57 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2563 เวลา:5:27:31 น.
  
ดีจังเลยนะคะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ ได้ทำบุญ ได้เที่ยว อิ่มท้อง สุขใจจริงๆนะคะ
โดย: kae+aoe วันที่: 12 พฤศจิกายน 2563 เวลา:8:17:30 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมคิดว่าร้านค้าคงจะสู้ได้อีกสามเดือนครับอาจารย์
เท่าที่คุยๆกันมา
เลยจากนี้
หลายคนน่าจะยอมแพ้
พนักงานในสายงานด้านการท่องเที่ยว
น่าจะตกงานมากมายมหาศาล

ตรงนี้น่าเป็นห่วงมากๆครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 พฤศจิกายน 2563 เวลา:14:19:55 น.
  
อนุโมทนาบุญค่ะ^^

นอกจากอิ่มบุญ และยังอิ่มท้องด้วยนะคะ...อิอิ
โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 12 พฤศจิกายน 2563 เวลา:14:37:33 น.
  

สวัสดีค่ะอจ.

อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

เห็นอาหารน่ารับประทานมากค่ะ
โดย: newyorknurse วันที่: 13 พฤศจิกายน 2563 เวลา:5:09:37 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 พฤศจิกายน 2563 เวลา:5:40:32 น.
  
สาธุ
โดย: อุ้มสี วันที่: 13 พฤศจิกายน 2563 เวลา:6:16:54 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมอยกาบันทึกเก็บไว้เป็นความทรงจำครับอาจารย์
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป
ร้านจะปิดหรือเปิด
ตอนนี้มันเกินอำนาจในมือผมแล้วล่ะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 พฤศจิกายน 2563 เวลา:12:03:34 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 พฤศจิกายน 2563 เวลา:5:40:17 น.
  
วัดไต้หวันมาเปิดสาขาถึงเมืองไทย ดีนะครับปีนี้เที่ยวต่างประเทศไม่ได้ก็เที่ยวไทยไปก่อน
ไต้หวันประเทศพื้นที่ไม่เยอะ แต่วัดใหม่มักสร้างไว้กว้างขวางน่าเดินนะครับ มาสร้างที่ไทยก็ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
พอต่างนิกายกันแล้วไม่ค่อยรู้องค์ประกอบของพุทธทางนี้เลยครับ
ของเถรวาทภัทรกัปมีพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ - พระกกุสันธะ พระโกนาคม พระกัสสปะ พระสมณโคดม พระศรีอาริยเมตไตร
พระอมิตาภะกับพระไภษัชยคุรุ ไม่คุ้นสำหรับบ้านเราเท่าไหร่
อุโบสถวัดนี้สวยมากๆเลยครับ ไม่รู้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าไปได้หรือเปล่าครับ หรือต้องรับคำเชิญเป็นหมู่คณะ
วิหารเจ้าแม่กวนอิมกับรูปสลักหินก็งามครับ
เห็นอาหารเวียดนามแล้วก็คิดถึง ปกติไปกินหลังที่ทำงานกับพี่ๆ แต่ปีหลังๆ พี่ๆที่ไปบ่อยๆ เกษียณไปจะหมดแล้ว เลยไม่ได้ไปแล้วครับ

โดย: ชีริว วันที่: 14 พฤศจิกายน 2563 เวลา:23:19:51 น.
  
อนุโมทนาสาธุครับอาจารย์
โดย: The Kop Civil วันที่: 19 พฤศจิกายน 2563 เวลา:15:21:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด