ชวนไปเที่ยว ประเทศจอร์แดน ตอนที่ 1

ชวนไปเที่ยว ประเทศจอร์แดน  ตอนที่ 1

ประเทศจอร์แดน   เป็นประเทศในตะวันออกกลาง มีพรมแดนติดกับประเทศซีเรีย
ทางทิศเหนือติดต่อกับอิรักทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
ติดต่อกับซาอุดีอาระเบียทางทิศตะวันออกและทิศใต้ รวมทั้งติดต่อกับ
อิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครอง
ทางทิศตะวันตก   จอร์แดนเป็นประเทศที่เกือบไม่มีทางออกสู่ทะเล มีชายฝั่งทะเลเดดซี
ร่วมกับอิสราเอลและดินแดนที่อิสราเอลครอบครอง
มีชายฝั่งอ่าวอะกาบาร่วมกับอิสราเอล ซาอุดีอาระเบีย และอียิปต์  (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย) 





ฉันไม่เคยตั้งเป้าหมายว่า จะไปสักครั้งหนึ่งในชีวิต  แต่ด้วยชะตาชีวิต  คงลิขิต
ให้ฉันมีโอกาสได้ไปสัมผัสกับประเทศนี้ กระมัง 
เพราะ จู่ ๆ  ทิพย์ ลูกศิษย์ประจำชั้น ปี 29ซึ่งไม่เคยติดต่อกับฉันเลย ตั้งแต่จบไป 
ก็ไลน์มาชวนไปเที่ยวประเทศจอร์แดน   บอกว่า
เป็นราคาทัวร์ไฟไหม้แบบสวมทับสิทธิ์  ราคาถูกมาก เขาชวนเพื่อน ๆ ห้องเขาแล้ว
ไม่มีใครไปได้ในช่วง 9-14 ธ.ค. เหลือ 4 ที่สุดท้าย
  เขาบอกว่า เห็นฉันในเฟสไปเที่ยวบ่อย ๆ  เลยมาชวนฉัน  ฉันก็สองจิตสองใจ  เพราะ
ราคาที่เขาเขาลดนั้นก็เยอะมาก  ก็เลยลองโทรไปหา
เพื่อนที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน หลายคนอยากไป แต่กลัวว่า  จะโดนเท เหมือนข่าว
ที่ปรากฏในทีวี ในหนังสือพิมพ์ ซึ่งกำลังเป็นข่าวดัง
มีเพื่อนโก ซึ่งเขาตกลงไปด้วย เพราะเชื่อว่า คนชวนเป็นลูกศิษย์ฉัน คงไม่เทแน่นอน 
ถ้าอยากได้ของถูกก็ต้องเสี่ยงกันหน่อย โกและแฟนเขา
ตกลงไปด้วย เป็น 2 ที่  เหลือฉันที่จะต้องหาคู่  จอย ก็อยากไป แต่เขามีโปรแกรม
ไปกระบี่  น้อง บอกสุขภาพหลังจากกลับจากเลห์ ลาดักแล้ว
  ยังไม่ค่อยแข็งแรง ชวนยายเกด ลูกศิษย์ที่จัดไปเลห์ อยากไปมาก แต่กลัวโดนเท
เฮ้อ! แถมบอกว่า ให้ฉันไปเสี่ยงก่อน เอ้า! เป็นงั้นไป จำได้ว่า
ฟิตตรีย์ ลูกศิษย์ ที่เคยสอนเขาที่อิสลามวิทยาลัย เคยบอกว่าไปเที่ยวไหนให้ชวนด้วย
ก็เลยโทรไปชวน ฟิตตรีย์บอกอยากไปมาก เพราะ
เขาแต่งงานกับคนซาอุอาระเบียมีลูกสาว 1 คน และลูกชาย 2 คน สามีถึงแก่กรรม
เลยมาอยู่ไทยที่นครศรีธรรมราช อยู่คนเดียวเหมือนกัน
เพราะลูก ๆ ทำงานที่ต่างประเทศ ลูกสาวคนโตแต่งงานอยู่ต่างประเทศ  ลูกชาย
คนที่สอง เป็นนักบิน  และคนที่ 3 ทำงานอยู่ออสเตรเลีย
  มีเวลาลาพักร้อน ก็กลับมาเยี่ยมแม่ที่นครศรีธรรมราช  เขาอยากไปแต่ก็กลัวโดนเท
  เพราะราคามันถูกเพราะเป็นการสวมสิทธิ์คนที่เขาเกิดปัญหา
ไปไม่ได้ นั่นเอง ฟิตตรีย์ เป็นคนเสนอแนะว่า ให้ทางบริษัททัวร์ ออกตั๋วเครื่องบินให้เห็น
ชื่อพวกเราก่อน เราจะได้โอนค่าทัวร์ให้ทันที อิอิ
ฉันก็โทรบอกทิพย์ ลูกศิษย์ที่มาชวน  ทิพย์ก็น่ารัก อยากให้พวกเราไป ก็เลยยอมใช้เงินเขา
จ่ายไป 4 คนแล้วส่งตั๋วเครื่องบินมาเป็นหลักฐานว่า
ได้ไปแน่นะ และกลัวเราเทเขาเหมือนกัน  ฉันก็รับปากว่า พวกเราไม่เทเขาแน่ 
ในที่สุด ทุกคนก็ได้เห็นชื่อตัวเอง  โอนเงินค่าทัวร์มาให้ฉัน 
ฉันก็รีบโอนคืนทิพย์ทันที  ต้องขอบใจทิพย์ที่ได้ชวนพวกเราไป ค่ะ

วันที่ 9 ธ.ค.ฟิตตรีย์  เดินทางจาก นครศรี ฯ มาถึงบ้านฉันประมาณ 8.00 น.น่าจะได้
เขาเดินทางตอนกลางคืน ประมาณ ทุ่มกว่าค่ะ นั่งคุยกันไป
ตามประสา ครูลูกศิษย์  ตอนเที่ยงพาเขาไปเซเว่น ใกล้บ้าน  เพื่อซื้ออาหารที่มุสลิม
กินได้  กินเสร็จ เขาก็นอนพักผ่อน  เมื่อคืนคงไม่ค่อยได้นอน  ปล่อยให้เธอได้นอนพักผ่อนเต็มที่ 
   ช่วงเย็น  ฉันให้ฟริ้น หลานช่วยเรียกรถแก๊บมารับฉันและฟิตตรีย์
ที่บ้านประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง  กินข้าวเย็นกันเรียบร้อย  จัดกระเป๋า  ตรวจดูว่า ของที่ต้องนำติดตัว
ไปนั้นครบไหม  สองทุ่มก็อาบน้ำแต่งตัวกัน
ประมาณ 3 ทุ่ม รถแก๊ปที่ฟริ้น เรียกให้ ก็มาถึงก่อนเวลา ราคาแก๊ป ค่อนข้างแพงมาก
สี่ร้อยเศษ นี่ขนาดหลานมีคะแนนส่วนลดไปแล้วนะ จำได้ว่า
  ฉันเคยจ้างแท้กซี่ธรรมดา ไปสุวรรณภูมิ ไม่ถึง สามร้อยบาทเลย  ถึงสยามบิน ฉันก็จ่ายให้ฟริตตรีย์
ไป 200 บาท ช่วยค่ารถไป ที่จริง  มัคคุเทศก์ ชื่อ อเล็ก ได้โทรมานัดฉัน
เรียบร้อยว่า พบกัน ที่ประตู 10 เวลา 23.00 น. ฉันไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ยังไม่ถึง 22.00 น.เลย
วันนี้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ มีคนเดินทางมากมาย 
หาที่นั่งแทบไม่ได้เลย พักใหญ่ได้ที่นั่ง 1 ที ฟิตตรีย์ไปแลกเงินดอลลาที่สนามบิน
ประมาณ 22.30 น.โกกับแฟน ก็มาถึง  โทรหากัน โก
แนะนำแฟนว่า ชื่อ ตุ่น ตัวขาวมาก สะอาดสะอ้าน น่ารักดี  ฉันก็ดีใจที่โกมีแฟนเสียที
  ได้ข่าวว่า  เพื่อนแนะนำให้  ฉันว่า ก็ดีแล้ว จะได้มีเพื่อนในยามสูงอายุ 
ได้พึ่งพาอาศัยกันช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้  พวกเราก็ยืนคุยกัน  ฟิตตรีย์ แลกดอลลาแล้ว
  มาถึงที่ฉันนั่งอยู่  ก็แนะนำให้รู้จักกับโก  โกขอเรียกว่า
  พี่แขก นะ ชื่อจริงที่ฉันแนะนำ เรียกยาก อิอิ 

ในที่สุด เวลานัดหมายก็มาถึง  พวกเราก็มองหาป้ายชื่อของบริษัททัวร์ ที่จะเขียนว่า
   Toue  J0rdan ในที่สุดก็เจอป้าย  พวกเรา 4 คน ก็เดินไปหา
เจ้าหน้าที่ของเขาซึ่งเตรียมติดโบว์ ติดป้ายของบริษัทเขา ติดที่กระเป๋า  แจกเอกสาร
เป็นกระเป๋าพลาสติคและมีปากกาให้ด้วย เหมือนกับบริษัททัวร์
ทั่ว ๆ ไป  ช่วงนี้  เจอ ทิพย์ ลูกศิษย์ที่เป็นคนมาชวนมาเที่ยวทริปนี้ ฉันกับทิพย์ไม่ได้เจอกันเลย
ตั้งแต่เขาจบ ม.6 ไปปี 29 (รับประกาศนียบัตรปี 30)
ตอนแรก ๆ เขาว่า จะไม่ไป เพราะเขาไปเที่ยวจอร์แดนมา 2 ครั้งแล้ว แต่เห็นว่า ทริปนี้มันถูกมาก
เลยมาอีกครั้ง  แต่ว่า คนละช่วงเวลาที่เขาเคยมา  นั่นเอง 
ช่วงที่เรามาครั้งนี้  เข้าสู่ฤดูหนาว  ค่ะ เจอกัน ดีใจ ก็เม้าส์กัน  เขาแนะนำสามี  ศิษย์เขยให้รู้จัก
ชื่อว่า " หนุ่ม" จันทร์ทิพย์มีลูก 3 คน โต ๆ กันหมดแล้วสองสามีภรรยา
จึงเดินทางท่องเที่ยวได้สบาย  เป็นความคิดที่ดีได้เห็นโลกกว้างเป็นกำไรชีวิตจริง ๆ ค่ะ 



ด้านหลังที่สวมผ้าปิดจมูก  คือ ลูกศิษย์และศิษย์เขย

หลังจากที่โหลดกระเป๋าเรียบร้อยกันแล้ว กลุ่มใครกลุ่มมัน ก็เดินชมร้านค้า
ในสนามบินกันไป ไม่ได้ซื้อหรอกค่ะ เปลืองเงิน อิอิ
ที่จริง ฉันสามารถเข้า เลาจน์ ได้ปีละ 2 ครั้งตอนนี้ยังเหลือ 1 ครั้ง  แต่ไม่มีใครมีบัตรที่จะเข้าเลาจน์
  ฉันเลยไม่ได้เข้า  ส่วนโก  มีบัตรกสิกร มีการสะสมแต้ม
เมื่อมีการใช้จ่าย สะสมคะแนน ก็ใช้คะแนนสะสมนี้ได้เข้าไปนั่งดืมน้ำและขนมเลือกได้แค่นั้น 
ไม่ใช่เหมือน เลาจน์  ซึ่งมีอาหารหลายอย่างให้เลือกกินค่ะ  





บนโต๊ะ  คือ ของกินที่แลกจาก คะแนนสะสม  ได้คนละ 2 อย่าง ค่ะ 

ใกล้ถึงเวลาขึ้นเครื่อง  พวกเราก็ไปนั่งรอประตูทางออกขึ้นเครื่อง คือเวลา ตีสองกว่าของ
เมืองไทยเรา (วันที่ 10 ธ.ค.)ด้วยเที่ยวบิน RJ 183  ใช้เวลา
ในการบิน 9 ชั่วโมง เวลาของ จอร์แดน ช้ากว่าไทยเรา 4 ชั่วโมง มีอาหารแจก 2 มื้อ ค่ะ
เวลา 9 ชั่วโมง ช่างผ่านไปช้ามาก เมื่อยเหลือเกิน หลับ ๆ ตื่น ๆ
ส่วนฟิตตรีย์ นั่งดูหนังจอเล็ก ๆ ตรงที่นั่งซึ่งทางสายการบินติดไว้ให้ผู้โดยสารดู  ฉันกับฟิตตรีย์
กินข้าวเสร็จก็มีการเข้าห้องน้ำ  เป็นการเปลี่ยนอิริยบถ
ความเมื่อยบ้าง ไปเที่ยวมันเบื่อตรงนี้แหละนะ 


   
ขี้นเครื่องบินแล้ว ก่อนจะต่างคนต่างหลับ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก สักรูป  ค่ะ 

 เวลา 7.50 น. (เวลาของที่จอร์แดน) หลังจากที่ตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย  ก็มารอรับ
กระเป๋าเดินทาง  มี อเล็ก มีโก มาช่วยดึงกระเป๋าออกจากสายพาน
ให้แล้วก็นำขึ้นรถเข็น  ช่วยกันเข็นกันไป  ก่อนออกจากสนามบิน  อเล็ก  ให้ทุกคน
แลกเงินจอร์แดนที่สนามบินนี้ด้วย ฉันแลกไป น่าจะ 150 ดอล 
1 ดอล ประมาณ ไม่ถึง 1 เจดี  ราคาสูงมากทีเดียว  ซื้ออะไรต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
เทียบเงินไทยเอา ห้าห้า ส่วนฟิตตรีย์น่าจะแลก200 ดอล
  เพราะลูกชายให้มา 300 ดอล  ให้ซื้อของกินที่เขาชอบกินจากที่นี่ไปให้ด้วย  และซื้อซิมที่นี่ 
เพื่อจะได้โทรคุยกับลูกได้ด้วย 





รอกระเป๋าที่เราโหลดมา ค่ะ 

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว  ก็เริ่มขบวนออกจากสนามบิน เพื่อไปขึ้นรถท่ทางบริษัท
ได้ติดต่อไว้แล้ว   มีมัคคุเทศก์ท้องถิ่น อีกคน มาประสานงาน
ในขณะที่เราอยู่ที่จอร์แดน ค่ะ พอขึ้นรถ  ไกด์อเล็ก ได้กล่าวทักทาย ต้อนรับลูกทัวร์
แนะนำไกด์ท้องถิ่นว่า ชื่อ วากิม ซึ่งเคยมาทำงานที่ประเทศไทย
กว่า 20 ปี มีภรรยาคนไทยแต่ได้แยกทางกันและพาลูกสาวสองคนมาอยู่ที่ประเทศจอร์แดน
ประเทศบ้านเกิดแล้วในปัจจุบัน ค่ะ 





ขณะที่รถแล่นไป อเล็ก ก็บรรยายให้ฟังว่า เส้นทางที่เรากำลังแล่นไปนี้ คือเมือง มาดาบา
ซึ่งจะเดินทางประมาณ 30 กิโลเมตร เมืองนี้เป็นเส้นทาง
สำคัญในสมัยอดีต เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แห่งยูรูซาเล็ม เป็นเรื่องราวของโมเสสในประวัติศาสตร์
มีศาสนายูดา คริสต์ และอิสลาม  เป็นเมืองมีชื่อเรื่องการทำโมเสส
อันเป็นศิลปะการตกแต่งด้วยชิ้นแก้ว หิน หรือกระเบื้องอันเล็ก ๆ ใช้ในการตกแต่งมหาวิหาร
ปัจจุบันนำมาประยุกต์ใช้ในการตกแต่งบ้านเรือนด้วย 
     ในระหว่างทาง  ไกด์จดรถให้ลูกทัวร์เข้าห้องน้ำร้านขายของ น่าสงสารพวกเรา ไฟดับ
พวกเราต้องเดินอย่างระมัดระวัง เดินไกลเหมือนกัน  น่าสงสาร
เราไม่ได้ช่วยซื้อของอะไรเลย เนื่องจากไฟดับ พวกเราเข้าห้องน้ำเสร็จก็ขึ้นรถเดินทางต่อไป

อาหารมื้อกลางวัน  เป็นมื้อแรก ก็เป็นอาหารมุสลิม  มีมากมาย  มีทั้งเนื้อแพะ เนื้อวัว ไก่ ผักสลัด
(ซึ่งเหมือนของทางยุโรป ) มีขนมของเขาแปลก ๆ รสหวานมาก
  ฉันกินได้แต่ไก่ย่าง และผลไม้ มีแอปเปิ้ล  ส้ม  ที่ร้านอาหารนี้ เป็นร้านขายของสวย ๆ งาม ๆ
(ตามรูป ที่ถ่ายมาให้ชม )   แต่ดูราคาแล้ว ซื้อไม่ลง แพงมาก ค่ะ
อิ่มแล้ว พวกเราก็เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยกัน   มาชมภาพอาหารและสินค้าที่ร้านอาหารนี้











อาหารมื้อแรกที่ประเทศจอร์แดน  ค่ะ 



























ทั้งหมดเป็นสินค้าในร้านอาหาร ค่ะ  แต่ทุกคนก็ซื้อไม่ลง เพราะราคาสูง ค่ะ 



ก่อนขึ้นรถ รอรถ ก็ถ่ายรูปกับทิพย์ ลูกศิษย์ สักรูป ค่ะ 



ทิวทัศน์ระหว่างทางที่ผ่าน  ค่ะ 

ระหว่างทาง  รถหยุดจอดให้พวกเราไปถ่ายรูปกับหัวจักรรถไฟ   ซึ่งปัจจุบันคงไม่ได้ใช้แล้ว ค่ะ
พวกเราก็พากันเดินลุยทรายไปถ่ายรูปกัน  มาชมภาพพวกเรา ค่ะ 

































จากที่แห่งนี้แล้ว ไกด์ก็พาพวกเราไปชมทะเลทรายอีกที่ ที่ส่วนใหญ่มีเสา มีหิน เป็นที่เวิ้งว้าง
มีทิวทัศน์ให้ถ่ายรูป หลายจุด แต่ไม่รู้ว่า เรียกว่าอะไร
  แต่ทุกคนก็ถ่ายรูปกันสนุกสนาน ค่ะนำรูปมาฝาก ค่ะ 























น้องคนนี้  มีน้ำใจ  เธอมากับลูกสาว  เธออาสาช่วยเราเข็นกระเป๋าตอนที่ออกจาก
สนามบิน  มาถึงที่นี่ ก็ช่วยถ่ายรูปให้ฉันด้วย นะ ขอบใจมากจ้ะ 

     พวกเราอยู่ที่นี่น่าจะเป็นชั่วโมงได้  ก็ไปเที่ยว ทะเลทรายวาดิรัม (wadi  Rum) ทะเลทรายแห่งนี้
ในอดีตเป็นเส้นทางคาราวานจากประเทศ ซาอุอาราเบีย
เดินทางไปยังประเทศซีเรีย และปาเลสไตน์ (เคยเป็นที่อยู่ของชาวนาบาเทียนก่อนที่จะ
ย้ายถิ่นฐานไปสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ที่เมืองเพตร้า )
  ในศึกสงครามอาหรับ รีโวลท์ ระหว่าง ค.ศ. 1916-1918ทะเลทรายแห่งนี้ได้ได้ถูกใช้เป็นฐานบัญชา
การรบของนายทหารอังกฤษ  ทีอี ลอว์เรนซ์และเจ้าชายไฟชาล 
ผู้นำแห่งชาวอาหรับร่วมรบกันขับไล่พวกออตโตมันที่เข้ามารุกรานเพื่อครอบครองดินแดน 
 ที่นี่  เราต้องเปลี่ยนรถไปนั่งรถกระบะ เปิดหลังคารับบรรยากาศทะเลทราย
  ที่ได้รับการกล่าวขานว่า สวยงามที่สุดของโลกแห่งหนึ่ง ด้วยเม็ดทรายที่ละเอียดสีส้มอมแดง
บนพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล  (สีของเม็ดทรายนั้น ปรับเปลี่ยนไปตาม
แสงของดวงอาทิตย์ )  บริเวณนี้  ทิวทัศน์สวยงามมาก  พวกเราถ่ายรูปกันสนุกสนาน  มาชมรูปของพวกเรา  ค่ะ 















รถกระบะที่พวกเรานั่งตะลุยเข้ามาที่ ทะเลทราย ค่ะ 



หุบเขาจุดนี้ เป็นจุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกันมากที่สุด ค่ะ 















ช่วยกันทำมาหากิน โฆษณา บริษัททัวร์ให้เขา ค่ะ 













หุบเขาช่องนี้ ถือเป็นจุดที่สวยที่สุด  ทุกคนที่มาเที่ยวทะเลทราย จะมาถ่ายรูป ค่ะ

 ที่นี่ มีอูฐให้เช่าขี่ด้วย ราคาแพงกว่าที่เลห์มากนะ 20-30 ยูเอส อูฐที่นี่  มีโหนกเดียว ตัวเล็กกว่า
อูฐที่เลห์ที่เราไปขี่มาที่เลห์ พวกเรามีหลายคนไปขี่อูฐกันหลายคน ส่วนกลุ่มของฉัน
ไม่มีใครขี่อูฐ  คู่ของทิพย์ ก็ไม่ได้ขี่  พวกเราที่ไม่ได้ไปขี่อูฐ  ก็ถ่ายรูปกันอยู่บริเวณทะเลทราย 
มาชมรูปขี่อูฐและรูปที่พวกเราถ่ายกันค่ะ 





































สามคน โชว์พลังเดินขึ้นเนินทราย ค่ะ



























บริเวณทะเลทราย  มีร้านขายของที่ระลึก  มีขายชา  อเล็ก  วากิม พาเราไปร้านนี้ ดื่มชา เดินชม
ของที่ระลึก ฉันไม่ได้ซื้ออะไร  ฟิตตรีย์ซื้อน้ำหอม
  น่าจะมีคนซื้อของจากร้านนี้อีกหลายคนนะ  ทุกคนดื่มน้ำชาที่เขาชงไว้ให้  อยู่ที่นี่สัก 20 นาที
  พวกเราก็ขึ้นรถ เพื่อไปที่พัก  ที่พักคืนนี้  เป็นกระโจมกลางทะเลทราย 
แต่เป็นกระโจมที่ทันสมัยมากนะ  มีห้องน้ำอยู่ในกระโจมด้วย  สะดวก สบาย เหมือนนอนโรงแรม 
มีรูปมาให้ชมด้วย ค่ะ  ทางเดินไปกระโจมห่างจากห้องอาหาร
มากเหมือนกันทางเดินวกวน จำไม่ค่อยได้  เพราะมีกระโจมมากมาย หน้าตาก็เหมือน ๆ กัน
  แต่มีหมายเลขกระโจมกำกับไว้  ไม่งั้นได้หลงกระโจมกันแน่ ๆ ห้าห้า  



หมายเลขห้องที่ 52 เป็นกระโจมที่พักของฉันกับฟิตตรีย์ ค่ะ 







ที่แขวนเสื้อผ้า ค่ะ 



ห้องน้ำในกระโจม ทันสมัย ค่ะ 



เตียงนอนในคืนนี้ ค่ะ 



โต๊ะสวยงามในห้องพักกระโจม ค่ะ 

นัดกินข้าวเย็นกันประมาณ  ทุ่มกว่า ๆ เขามีทั้งนั่งที่ด้านนอก  จุดกองไฟไว้ รอบ ๆ กองไฟ
มีม้านั่งรอบวงกลม  อากาศก็เย็น ๆ ไม่ถึงกับหนาวมาก
  แต่ถึงเวลาอาหารแล้วทุกคนก็เข้าไปด้านใน  ซึ่งจัดเป็นโต๊ะให้นั่งกินได้  อาหารมื้อเย็น
ก็เหมือน ๆ กับมื้อกลางวัน ฉันก็ตักกินแต่ไก่ อย่างเดียวเหมือนเดิม ค่ะ มาชมภาพ ค่ะ 



บรรยากาศยามค่ำคืน แห่งทะเลทราย ค่ะ 





อเล็ก  มัคคุเทศก์ ในการนำทัวร์คณะนี้ คู่กับวากิม มัคคุเทศก์ท้องถิ่น ค่ะ
 


คู่พระคู่นาง  ลูกศิษย์และศิษย์เขย 





บรรยากาศด้านนอกห้องอาหาร  ค่ะ 



อเล็ก เดินถ่ายรูปเก็บบรรยากาศที่ห้องอาหาร ค่ะ 



คู่พระ คู่นาง  กินอาหารอิสลามได้  กินได้อร่อย มาก ค่ะ 



อาหารมื้อเช้า 



จัดอาหารให้พวกเราตักใส่จานไปกินกัน ค่ะ 

กินข้าวมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว  ต่างคนต่างก็กลับที่พักกระโจมของตนเอง  ฉันกับฟิตตรีย์
ได้กระโจมเบอร์ 5 อยู่ติดกับกระโจมของโกและตุ่น
  กลับถึงที่พัก ก็อาบน้ำเข้านอนกันเพราะนั่งเครื่องบินก็หลับ ๆ ตื่น ๆ คืนนี้ ได้นอนเต็มอิ่ม
อากาศไม่ได้หนาวเย็นนัก กลางคืนฝนตก  เช้าตื่นขึ้นมา 
ฟิตตรีย์บอกว่า  มีรอยรั่ว น้ำฝนหยด แต่ไม่โดนที่นอน โชคดีไป 

 วันที่ 11 ธ.ค.  
         เช้านี้  ฉันตื่นก่อนเวลาเหมือนเคย เพื่อไม่เอาเปรียบเพื่อนร่วมห้อง  เราใช้เวลาในห้องน้ำ
นานหน่อย จึงต้องตื่นเร็วกว่าเวลานัด  เมื่อฉันและฟิตตรีย์
แต่งตัวเสร็จก็ออกมาจากกระโจม  ฟ้ายังสลัว ๆ อยู่  พวกเราถ่ายรูปบรรยากาศรอบตัว 
ถ่ายกับเต็นท์ (กระโจม)ด้วย  พักใหญ่ ๆ เต็นท์ของโก  โกก็แต่งตัวเสร็จ 
ชวนฉันกับฟิตตรีย์ไปถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ทะเลทราย เพราะกว่าจะถึงเวลากินข้าวเช้าตามนัด 
นานเป็นชั่วโมง  ค่ะ  ส่วนตุ่น  ยังแต่วตัวไม่เสร็จ จะตามมาทีหลัง ค่ะ
  มาชมรูปพวกเรา ค่ะ 



ลูกศิษย์ฉันชอบถ่ายรูปเหมือนกัน นะเนี่ย  ขอให้ถ่ายหลายมุม ค่ะ อิอิ











ทิวทัศน์ ช่วงเช้าท่ามกลางขุนเขาที่สูงตระหง่าน สีชมพูงดงามมาก ค่ะ 




รูปนี้  โกใช้ขาตั้งกล้องถ่าย ค่ะ เลยได้รูปครบทั้ง 4 คน  ค่ะ 







รถจี๊บของคนที่มาพักเหมือนเรา ค่ะ ขออนุญาตเขาถ่ายรูปจิ๊บของ ประเทศจอร์แดน 







กระโจมในทะเลทราย  ค่ะ 



มุมสวยงามอีก มุมหนึ่งของที่พักที่นี่ ค่ะ 

       เมื่อถึงเวลานัดกินข้าว ประมาณ 7.30 น.พวกเราก็ไปที่ห้องอาหารเหมือนเมื่อคืน 
อาหารก็เหมือนเดิม  ค่ะ มีโรตี ร้อน มีไข่ดาวให้ด้วย  ค่ะ
ค่อยยังชั่ว  กินได้บ้างรูปกินข้าวตอนเช้า  อิ่มแล้วกลับที่พัก เพื่อเข้าห้องน้ำ
บริกรมาช่วยลากกระเป๋าไป  เช้านี้  รถกระบะมีน้อยกว่าเมื่อวาน 
ต้องขนกระเป๋าพวกเราไปก่อน แล้วค่อยมารับคนไปต่อรถใหญ่ที่จอดรออยู่  พวกเราที่รอรถ
ไม่ให้เสียเวลา  ก็มีการถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ กลุ่มอื่นบ้าง ค่ะ มาชมรูปเราค่ะ 



ฟิตตรีย์  เตรียมกินอาหารเช้า  



อาหารมื้อเช้า  ค่ะ 



ถ่ายรูปหมู่ หล้งกินข้าวเช้าเสร็จและรอรถมารับไปต่อรถใหญ่  ค่ะ 

ตอนที่ 1 ขอเล่าเรื่องจบเพียงเท่านี้  ไม่เช่นนั้น เนื้อหาจะยาวเกินไป ค่ะ  โปรดติดตาม
ตอนที่ 2 ต่อไป ค่ะ  สวัสดี  ค่ะ 





 



Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2567
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2567 21:10:15 น.
Counter : 503 Pageviews.

26 comments
(โหวต blog นี้) 
พาเที่ยวสะพานมังกร หาดพยุง ศาลหลวงเตี่ยบ้านพยูน ระยอง นายแว่นขยันเที่ยว
(22 เม.ย. 2567 00:52:05 น.)
มหาสงกรานต์เมืองไทย “เวิลด์คลาสอีเว้นท์”ระดับท๊อปเทนของโลก travelistaนักเดินทาง
(21 เม.ย. 2567 13:41:14 น.)
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ Wat Phrasri Rattana Mahathat, Phitsanulok. nanakawaii
(21 เม.ย. 2567 07:36:08 น.)
เลี้ยงรุ่น 15/ 04 / 2024 tanjira
(19 เม.ย. 2567 17:52:18 น.)

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณkae+aoe, คุณทนายอ้วน, คุณร่มไม้เย็น, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณThe Kop Civil, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณmultiple, คุณดอยสะเก็ด, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณSleepless Sea, คุณชีริว

  
ตามเที่ยวด้วยครับ อาจารย์สุ
เที่ยวตะวันออกกลาง ก็ต้องทะเลทราย เที่ยวฤดูหนาวไม่ร้อนดีครับ
รอชมภาพสวยๆตอนต่อไปครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:22:44:07 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

เดี๋ยวนี้เห็นจัดโปรไฟไหม้กันเยอะมากครับ
ที่เชียงใหม่มีบริษัทนึงจัด ซึ่งจัดดีนะครับ
แต่ว่าเวลาไปก็อาจจะต้องเข้าร้านซื้อของเยอะนิดนึง

จอร์แดนเป็นประเทศที่ทันสมัยมากๆประเทศนึงในตะวันออกกลางเลย
ผมคิดว่าด้วยเหตุผลนี้ เลยทำให้คนอยากไปเที่ยว
เพราะไม่ต้องเคร่งเรื่องการแต่งกาย หรือระวังเรื่องกฏหมายอิสลาม
เหมือนหลายประเทศ

ขอบกระโจมในทะเลทรายของเค้าครับ
สวย เก๋มากๆ
รอชมภาพในทริปนี้ต่อครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:29:18 น.
  
อาจารย์ดูแข็งแรงมากค่ะ
ระวังแก็งค์คอลเซนเตอร์นะคะ

โดย: หอมกร วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:7:06:52 น.
  
ตามอาจารย์มาเที่ยวด้วยคราบ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:12:27:39 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เวลาเจ็บกล้ามเนื้อ
มันทรมานมากจริงๆครับ
ปีที่แล้วผมเจ็บหลังกับเจ็บเข่า
มาหายกับการฝังเข็มและจัดกระดูกทั้งสองครั้งเลยครับ

ขอให้อาจารย์หายเร็วๆนะครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:19:41:58 น.
  
ทัวร์ไฟไหม้ราคาถูกจริงครับ แต่มาแบบกระทันหันมากๆ

รถที่นั่งดูดีทีเดียวครับ ถึงจะดูเล็กก็ตาม

อาหารต่างประเทศบางครั้งมันก็ไม่ถูกปาก แต่ถ้ามีข้าวกับเนื้อสัตว์ ก็พอไหวครับ ของเขาสวยนะ งานดีเลยล่ะครับ พอจะเข้าใจเลยว่าทำไมราคาสูง

บ้านเราไม่มีทะเลทราย แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะมีในอนาคตก็ได้ บ้านเราถึงไม่มีทพเลทรายแต่ก็ร้อนไม่ต่างจากทะเลทรายครับ 555

ได้วิวที่แปลกตาดี มาถึงที่ทั้งทีก็ต้องลองขี่อูฐล่ะครับ

โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:23:57:10 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์

อาจารย์นั่งท้ายรถกระบะท่ามกลางทะเลทราย เก๋มากค่ะ
หุบเขาก็สวยมาก เป็นทิวทัศน์ที่มีเสน่ห์นะคะ

กระโจมกลางทะเลทราย
หากชมเฉพาะภาพเตียงนอนและห้องน้ำ
นึกไม่ถึงค่ะอาจารย์ว่าอยู่กลางทะเลทราย
สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน สวยงาม น่าพักมากค่ะ

้น้องอูฐดูตัวเล็กกว่าที่อาจารย์เคยขี่ในทริปเลห์ ลาดักแต่ก็น่ารัก
ภาพอูฐกับพระอาทิตย์สวยมากๆค่ะ

ขอบคุณอาจารย์ที่พาเที่ยวนะคะ
ต๋าจะตามเที่ยวกับอาจารย์ต่อค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:0:42:31 น.
  

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:03:18 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

อนุโมทนาบุญครับอาจารย์
ขอให้อาการปวดทั้งหลายค่อยๆหายไปครับ

วัดเล่งเน่ยยี่
เหมือนผมจะเคยไปตอนเป็นเด็กครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:19:40:05 น.
  
เช้าวันนี้อากาศเย็นอยู่บ้างแต่ช่วงบ่ายก็ร้อนนะคะ
ต๋าขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยค่ะ

อาจารย์พักผ่อนสบายๆคืนนี้นะคะ
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะสำหรับกำลังใจ
พรุ่งนี้ต๋ามีนัดไป รพ ช่วงสายค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:23:31:10 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:4:51:10 น.
  
สวัสดีค่ะอาจารย์สุวิมล

ตามไปเที่ยวจอร์แดนด้วยคะ

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:11:55:46 น.
  
อ.เต๊ะไปผ่าต้อกระจกมาครับ อาจารย์
วันนี้เม้นท์ไปแยะ พักสายตาก่อนนะครับ เดี๋ยวมาใหม่
แล้วก็ อาจารย์กรุณาติดตามเม้นท์ อ.เต๊ะ ตลอด โห อ่านแล้วดีใจ
หิวข้าวเลย เย้ย 555

โดย: multiple วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:12:01:25 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ขอบคุณครับอาจารย์
ผมชอบภาษาไทยตรงนี้เลย
เราสามารถเล่นคำพ้องเสียงได้หลายคำมากๆ
หรือเวลาสลับตำแหน่งของคำ
ความหมายก็กลายเป็นอีกแบบเลยครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:14:09:44 น.
  
Tour Jordan นี่ อ.เต๊ะ ตามไปดูราคา โห ไม่ใช่ถุกๆ 50000 up ทั้งนั้นเลยนะครับ

โปรไฟไหม้ นี่ราคามันยั่วใจน่าดูเลยนะครับ
ยังดีที่ลูกศิษย์ อาจารย์ มีน้ำใจช่วยออกเงินให้ก่อน รับประกันไม่โดนเบี้ยวแน่นอน สบายใจได้นะครับ

แล้วก็ไปกรุ๊ฟ เล็กๆแบบนี้ก้ไม่วุ่นวายดี
เสียอย่างคือ มีคู่รัก สวีทหวานแหวว ไปด้วยนี่ซิ
น่าจะมีฉากเลิฟซีน โอบ มีซบ หอมผม ทำปูไต่กันตลอด อิอิ

ถ้า อ.เต๊ะ ไปด้วยต้องนั่งน้ำลายยืด เอ๊ย นั่งตาละห้อย ด้วยความอิจฉา แน่นอนครับ555

ส่วนเรื่องอาหารทางนู้นนี่ เป็น อ.เต๊ะ คงกินได้แต่ไก่เหมือนกันครับ
ส่วนงานศิลปหัตกรรม พวกโมเสส นี่ สีสันสวยงามมากๆ
ดูรูปของ อาจารย์แล้ว มีแจกันเหมือน ของที่บ้าน อ.เต๊ะเลย
น่าจะเป็นของพี่สาวซื้อมาตอนไปเที่ยว จอร์แดน แหงๆ
อ.เต๊ะ ไม่รู้ราคานึกว่าของปลอม จะเอาขายซาเล้งอยู่แล้ว 555

อาจารย์สุบอก เอ็งนี่ มีตาหามียาย เอ๊ย หามีแวว เอ็งมันหัวล้านได้หวี เอ๊ย ไก่ได้พลอยซะจริงๆ 555

แล้วก็บรรยากาศทะเลทราย ยามเย็นนี่งามมากๆ
นึกถึงหนัง ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า เลยเชียวครับ

แต่ที่น่าทึ่งสุดๆก็ ตรงกระโจมที่พักกลางทะเลทรายนี่
ทันสมัยสุดๆ ห้องน้ำก็modern มาก เค้าเข้าใจออกแบบ
มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันเลยนะครับ สุดยอด

แต่อูฐที่ไปขี่กันนี่หน้าตาไม่หล่อ ทรงผมไม่เท่ เหมือนอูฐที่เลห์ นะครับ555

แล้วก็ จอร์แดน นี่เค้ามีมรดกโลกด้วย เดี๋ยวคอยชมตอนต่อไปนะครับ

ปล. เรื่องในบล็อก อ.เต๊ะ นี่ เป็นเรื่องจริง แต่ต้องใช้วิจารณญาน
ในการอ่านนะครับ 555

แล้วก็ อาจารยืไป ทำบุญโลงศพ อ.เต๊ะ ต้องขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ

ส่วนเรื่อง ผ่าต้อกระจกนี่ อ.เต๊ะ ชอบมากผ่าแล้วชัดแจ๋ว เหมือนสมัยเด็กๆ
ยังไม่ใส่แว่นเลยนะครับ

แล้วอาจารย์หุ่นนางแบบ ขนาดนี้ไม่น่าเป็นไขมันเลยนะครับ
สงสัยอาจารย์จะชอบกินของทอด ของหวาน แหงๆเลย
อิอิ

เดี๋ยวอาทิตย์หน้า อ.เต๊ะ จะไปเจาะเลือดตรวจแล้วครับ
ช่วงนี้ คงทำอะไรไม่ได้ ความหวังเดียวคือต้องไปบนเสด็จพ่อ ที่ รพ
ให้ท่านช่วย ปัดเป่าผลเลือด แล้วละครับ แฮ่ 555

ขอบคุณอาจารย์ที่แวะไปเยี่ยมเยียนและอวยพรนะครับ
แล้วก็ ขอให้อาจารย์สุขภาพแข็งแรง ได้ไปเที่ยวบ่อยๆมีความสุขมากๆนะครับ









โดย: multiple วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:20:14:10 น.
  
สวัสดียามสายครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:8:55:17 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมโตมากับการอ่านจริงๆ
สมัยก่อนแม้แต่ถุงกล้วยทอดผมก็อ่านครับ 555

ได้เงินไปโรงเรียน
ผมยอมอดไม่กินขนม
เพื่อเก็บเงินไปซือ้หนังสืออ่านทุกวันศุกร์
ไปจนเจ้าของร้านจำได้เลยล่ะครับ
เขานึกว่าผมซือ้ไปขายครับ 555


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:14:28:43 น.
  

สวัสดียามสายครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:8:36:35 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมก็เชื่อว่าจิตของเรานั้น
ใสกระจ่างมาตั้งแต่แรกเริ่มเลยครับ
แล้วจึงค่อยๆถูกกิเลสห่มคลุมทับไว้เรื่อยๆ
จนแสงสว่างค่อยๆหม่นทึบลงไปครับ
สิ่งที่เราควรทำ
ไม่ใช่การเพิ่มแสงสว่าง
แต่เป็นการนำกิเลสที่ห่มคุลมจิตออกไปครับ


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:21:59 น.
  
สวัสดียามบ่ายค่ะ อาจารย์สุวิมล

จันทร์ตามมาเที่ยวจอร์แดนค่ะ เริ่มลุ้นตั้งแต่จองทัวร์เลยนะคะ
ลูกศิษย์อาจารย์ดีมากค่ะ เห็นอาจารย์ชอบเที่ยวไม่เคยคุยกันเลยยังทักมาถาม
แต่ก็แอบน่ากลัวโดนเทจริงๆนะคะ แต่สุดท้ายก็ฉลุยได้ไปลุยจอร์แดนค่ะ

ของที่ระลึกตอนที่จอดเข้าห้องน้ำ สวยๆทั้งนั้นเลยนะคะ
เห็นอูฐแล้วก็อยากขี่นั่งชมทะเลทรายเลยค่ะ
ที่พักเป็นกระโจมน่ารักๆ ที่ทันสมัยเหมาะแก่การพักผ่อนมากค่ะ
ถ้าสมมุติมันเกิดมีพายุทะเลทรายมานี่ กระโจมเอาอยู้ไหมคะอาจารย์

วิวก็สวยแบบดินแดนทะเลทรายค่ะ
วันที่อาจารย์ไปท้องฟ้าสวยเป็นสีฟ้าเลยค่ะ
ตากล้องถ่ายรูปสวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ

อาจารย์เขียนอ่านสนุกมากค่ะ รอตอน2เลยนะคะ
โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:33:49 น.
  
สวัสดีครับอาจารย์

มาเที่ยวด้วยครับ เพิ่งเห็นบล็อกนี้
ภาพสวยครับ มีเรื่องราวประกอบด้วย
โดย: Sleepless Sea วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:19:53:33 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:34:26 น.
  
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เห็นด้วยกับอาจารย์เลยครับ
บางคนเช้าเจอกัน
บ่ายจากไปก็มี
เราจึงควรทำทุกเวลานาทีให้ดีที่สุดจริงๆครับ

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:15:08:31 น.
  
❤ ประโยชน์บางประการของศาสนาอิสลาม 💙

💙 ประตูสู่สรวงสวรรค์ชั่วนิจนิรันดร

❤ การช่วยให้พ้นจากขุมนรก

💙 ความเกษมสำราญและความสันติภายในอย่างแท้จริง

❤ การให้อภัยต่อบาปที่ผ่านมาทั้งปวง

💙 สิทธิมนุษยชนและความยุติธรรมในศาสนาอิสลาม

❤ านภาพของสตรีในศาสนาอิสลามเป็นอย่างไร?

💙 ครอบครัวในศาสนาอิสลาม

❤ ชาวมุสลิมปฏิบัติต่อผู้สูงอายุอย่างไร?

💙 ชาวมุสลิมมีความเชื่อเกี่ยวกับพระเยซูอย่างไร?


https://justpaste.it/b790p
โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 172.96.161.170 วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:16:14 น.
  
อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:5:21:46 น.
  
ขอย้อนมาเที่ยวจอร์แดนครับ ตะวันออกกลางน่าเทีย่วหลายประเทศเลย มีอารยธรรมเปอร์เซียกับโรมันอยู่เยอะ ยิ่งอิรักมีตั้งแต่เมโสโปเตเมีย เสียดายที่สงครามทำให้โอกาสเที่ยวยากเลย หลายแห่งก็ถูกทำลายไปแล้วด้วย

พวกทัวร์ไฟไหม้ยังไม่เคยไปเลยครับ หาวันลายากด้วย แล้วไม่รู้เค้าปฏิบัติกับเราเหมือนลูกทัวร์คนอื่นที่จ่ายราคาเต็มมั้ย
ไกด์ท้องถิ่นเคยมาทำงานประเทศไทยก็คุ้นเคยกับไทยดีเลย เหมาะมากครับ
จอร์แดนน่าสนใจตรงที่เป็นเส้นทางที่โมเสสพาทาสออกจากอียิปต์ไปยังอิสราเอลด้วย
ผมอยากไปทัวร์ จอร์แดน-อิสราเอล แต่ช่วงนี้ไม่มีเลยครับ

รถไฟเก่ากลางทะเลทราบ เหมาะประกอบฉากถ่ายรูปมากเลยครับ สวยอะ
ทะเลทรายวาดิรัม ทั้งสีของทราย และโขดหิน สวยจริงๆครับ
ผมยังไม่เคยขี่อูฐเลย หลายที่มีให้เลือกขี่ก็ได้ไม่ขี่ก็ได้ ผมเลือกไม่ขี่ตลอด อาบังคิดแพงอะ

กระโจมดูอยู่สบายกว่าที่เห็นภายนอกเยอะมากครับ ประมาณห้องพักโรงแรมเลย
อาหารอิสลามผมกินได้นะครับ แต่มื้อเช้าในกระโจมคือดูแห้งแล้งจริง กินแบบทะเลทรายเลย
รอชมตอนต่อไปครับผม
โดย: ชีริว วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา:23:54:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Suvimol.BlogGang.com

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]

บทความทั้งหมด