เรื่องเล่าจากอดีต (๒๕) ก่อนจะสิ้นทศวรรษที่สิบสาม เรื่องเล่าจากอดีต ก่อนจะสิ้นทศวรรษที่สิบสาม พ.สมานคุรุกรรม จากหนังสือที่ระลึกวันทหารสื่อสาร ครบรอบปีที่ ๕๘ เมื่อ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๒๕ เรื่อง นายพลเอก กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ของ พันเอก ประจวบ อ่ำพันธุ์ ได้เล่าถึงการจัดงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ นายพลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ณ กรมประชาสัมพันธ์ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพมหานคร (บริเวณที่จอดรถของกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ในปัจจุบัน) ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๓ มีนาคม ๒๕๒๕ เนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี วันประสูติของพระองค์ท่าน (๒๓ มกราคม ๒๕๒๕) ซึ่งเป็นพระบิดาของเหล่าทหารสื่อสาร กองทัพบก และในโอกาสนั้น พลตรี ประจวบ อ่ำพันธุ์ อดีตเจ้ากรมการทหารสื่อสาร ขณะที่ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ โรงเรียนทหารสื่อสาร ได้เป็นผู้แทนกรมการทหารสื่อสาร ร่วมอภิปรายถึงพระกรณียกิจที่ทรงมีกับกิจการทหารช่าง ทหารสื่อสาร และกรมพลังงานทหาร ในวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๒๕ เวลา ๑๔๐๐ ๑๖๐๐ ณ ห้องปะชุมกรมประชาสัมพันธ์ ด้วย พลเอก กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นพระโอรสองค์ที่ ๓๕ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว กับเจ้าจอมมารดาวาด ประสูติเมื่อ ๒๓ มกราคม ๒๔๒๔ แต่เนื่องจากในปี พ.ศ.๒๔๘๓ ไม่มีเดือน มกราคม เพราะทางราชการเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่ ตั้งแต่เดือน มกราคม ๒๔๘๔ จึงครบ ๑๐๐ ปีวันประสูติใน ๒๓ มกราคม ๒๕๒๕ และเมื่อถึง ๒๓ มกราคม ๒๕๕๕ จึงจะครบรอบ ๑๓๐ ปี วันประสูติ หรือสิบสามทศวรรษของพระองค์ท่าน ซึ่งผู้เรียบเรียงเรื่องนี้ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็จะมีอายุ ๘๐ ปีเศษ ด้วยความไม่ประมาทในสังขาร เมื่อพบหลักฐานพอที่จะบันทึกไว้ให้ทหารสื่อสาร ได้ชื่นชมเกียรติประวัติของพระองค์ท่าน จึงรีบนำมาเผยแพร่ ในหนังสือที่ระลึกครบรอบปีที่ ๘๕ ของเหล่าทหารสื่อสาร ฉบับนี้ ก่อนที่จะสิ้นทศวรรษที่ ๑๓ ของพระองค์ท่าน จากหนังสือที่ระลึก ๗๒ ปี เหล่าทหารสื่อสาร ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๓๙ ได้นำพระประวัติย่อของพระบิดาของทหารสื่อสาร มาลงพิมพ์ไว้ว่า การดำรงพระยศทางทหาร ๖ พฤศจิกายน ๒๔๔๕ นายร้อยตรี เหล่าทหารช่าง ๑๐ ธันวาคม ๒๔๔๗ นายพันตรี ๒๑ กันยายน ๒๔๔๙ นายพันเอก ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๕๑ นายพลตรี ๑๑ เมษายน ๒๔๕๕ นายพลโท ๑๑ เมษายน ๒๔๖๒ นายพลเอก พระอิสสริยยศ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๔๔๙ กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๕๙ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธิน ๑๑ พฤษภาคม ๒๔๖๕ กรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธิน ๗ พฤษภาคม ๒๔๗๒ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พ.ศ.๒๔๕๙ เป็นปีที่ ๗ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ ประกาศเลื่อนพระอิสสริยยศ ความว่า อนึ่ง ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน ได้ทรงรับราชการในตำแหน่ง จเรการช่างทหารบก มาแต่พระพุทธศักราช๒๔๕๑ ในเวลาที่ทรงรับราชการอยู่ในตำแหน่งนี้ ได้ทรงพระดำริวางระเบียบวิธีการจัดงานในกรมนั้น ให้เรียบร้อยเป็นหลักฐาน ทั้งได้ทรงแต่งตั้งตำราเรียน และทรงทำการสอนด้วยพระองค์เอง และแนะนำให้ผู้อื่นสอนในวิชชาช่างสำหรับทหาร นับว่าเป็นบ่อเกิดแห่งวิชชาช่างทหารในกองทัพบกสยาม เป็นอย่างดี เพราะพระองค์ท่านเป็นผู้รอบรู้กิจการช่างทุกประเภท ทั้งทางทหารและพลเรือนเป็นอย่างวิเศษ นอกจากนี้ได้ทรงรับราชการใรตำแหน่งต่าง ๆ พร้อมกันไปกับตำแหน่ง จเรการช่างทหารบก คือ ทรงเป็นผู้บัญชาการ กองพลทหารบกที่ ๓ เป็นพระองค์แรกในตำแหน่งนั้น แล้วทรงเป็นผู้บัญชาการ กองพลทหารบกที่ ๑ รักษาพระองค์ ซึ่งแต่ก่อนมากองพลนี้ไม่เคยออกทำการในสนามได้เลย พึ่งมาออกทำการได้ในสมัยที่พระองค์ท่านเป็นผู้บัญชาการเป็นต้นมา เห็นว่ากองพลนี้มีความเจริญผิดแปลกขึ้นเป็นอันมาก แล้วได้ทรงเป็นแม่ทัพ กองทัพน้อยทหารบกที่ ๑ เป็นพระองค์แรกในตำแหน่งนี้ ได้ทรงวางการงานในระเยียบแบบแผนเป็นอันดี ต่อมาได้ทรงเป็นจเรทัพบกและการปืนเล็กปืนกล อันเป็นตำแหน่งที่ต้องตรวจตราการทหาร และทางการงานทุกสิ่งทุกอย่างทั่วไปทั้งพระราชอาณาจักร เพื่อให้การดำเนิรไปถูกต้องตามกฎข้อบังคับ ของกระทรวงกะลาโหม เป็นตำแหน่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เคยทรงดำรงมาครั้งยังดำรงพระราชอิสสริยยศ เป็นสมเด็จพระยุพราช นอกจากนี้ ยังได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ ในราชกิจส่วนพระองค์อีกหลายอย่าง มีวางทางรถไฟและเดินรถไฟขนาดย่อมที่นครปฐม และจัดการจำลองนาวายุทธ เป็นต้น เมื่อได้พิจารณาการงานที่พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน ได้ทรงกระทำมา เป็นที่เห็นได้ว่าพระองค์เป็นผู้ประกอบด้วย พระคุณวุฒิปรีชาสามารถในราชการ และประกอบด้วยพระอุสาหวิริยะเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้ทรงรับราชการอยู่ในตำแหน่งใด ก็ได้ทรงจัดการในตำแหน่งนั้น ให้ได้ระเบียบเรียบร้อยเป็นหลักฐานอันดี มีความเจริญเป็นผลปรากฏ ทั้งได้ทรงอุตสาหเสด็จออกไปเที่ยวตรวจตรา การทหารบกทั้งในกรุง ฯ และหัวเมืองเนือง ๆ มิได้ทรงเห็นแก่ความลำบากเหน็ดเหนื่อย สมควรจะนับว่าทรงเป็นผู้สามารถในราชกิจ อย่างเป็นเอกได้พระองค์ ๑ อีกทั้งในส่วนพระองค์ กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน ก็ได้ทรงสำแดงปรากฏชัดด้วยประการต่าง ๆ ว่าทรงมีความจงรัหกภักดีรักใคร่ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทยิ่งนัก จึงได้ทรงรับราชการในพระองค์ โดยเต็มพระหฤทัยทุกเมื่อ มิได้ทรงเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยในเมื่อใด ๆ เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเห็นน้ำพระหฤทัยของพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์นี้โดยถ่องแท้แล้ว จึงทรงพระราชสิเนหาและทรงพระเมตตานัก และทรงพระราชดำริว่า สมควรเลื่อนพระราชอิสสริยยศให้ใหญ่ยิ่งขึ้นอีก จึงมีพระบรมราชโองการดำรัสสั่งให้เลื่อน พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นกรมขุน มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนกำแพงเพชรอัครโยธินพยัคนาม ให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรม ในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุลยศุภผลสกลเกียรติยศมโหฬารทุกประการ ต่อมาถึง พ.ศ.๒๔๗๒ เป็นปีที่ ๕ ในรัชกาล พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ประกาศว่า อนึ่งทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธินทรงพระปรีชาสามารถ ทั้งมีพระคุณวุฒิพิเศษ ได้รับราชการสนองพระเดชพระคุณ ต่างพระเนตรพระกรรณมา ในตำแหน่งสำคัญต่าง ๆ หลายอย่าง ดีงปรากฏในประกาศสถาปนาและเลื่อนกรม ๓ ครั้งนั้นแล้ว ครั้งมาในรัชกาลปัจจุบัน เมื่อโปรดเกล้า ฯ ให้รวมกระทรวงพานิชและกระทรวงคมนาคมเข้าเป็นกระทรวงเดียวกัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าพี่ยาเธอ ฯ ทรงดำรงตำแหน่งสนาบดีกระทรวงนั้น กับตำแหน่งนายกสภาเผยแผ่พานิชย์ อันเป็นหน้าที่สำคัญในทางเศรษฐกิจและพานิช โยบายของประเทศ กับทั้งทำการในตำแหน่งผู้บัญชาการรถไฟหลวงแห่งกรุงสยาม ซึ่งภายหลังได้รวมการไฟฟ้าหลวงเข้าสมทบอีกด้วย พระองค์ก็ทรงพระอุตสาหะวิริยะอันแรงกล้า มีพระหฤทัยจดจ่ออยู่ในที่จะยังผลเจริญรุ่งเรือง ให้บังเกิดแก่ประเทศชาติ จึงทรงสามารถปฏิบัติราชการในตำแหน่งหน้าที่นั้น ๆ ให้บรรลุความสำเร็จผลได้อย่างไพบูลย์และรวดเร็ว ได้ทรงรับมอบหมายราชการอันใดก็เป็นที่หวังในความสำเร็จได้ แม้จะทรงลำบากตรากตรำสักเพียงไรก็หาย่อท้อไม่ การในหน้าที่ของพระองค์จึงสำเร็จเป็นอย่างดี มีอาทิคือ ทรงบัญชาการสร้างสะพานพระราม ๖ ที่เป็นการใหญ่อย่างหนึ่ง ซึ่งมีเป็นครั้งแรกในเมืองไทย นอกนั้นได้ทรงพยายามให้การคมนาคมทางรถไฟ และทางหลวงก้าวหน้าออกไปได้เป็นอันมาก ทำให้การเดิรทางและการบรรทุกสินค้าสะดวกเร็วไวทันความประสงค์ ทั้งได้ทรงขยายการไปรษณีย์โทรเลข และเริ่มการวิทยุให้แพร่หลายไพศาล ทันความต้องการของโลก นำมาซึ่งประโยชน์แก่พ่อค้ามหาชน มีพระนิสสัยยิ่งด้วยความซื่อสัตย์สุจริตมั่นในพระกมลสันดาน ทรงวิจารณญาณประจักษ์แจ้ง ในชั้นเชิงคมนาคมเศรษฐกิจพานิชโยบาย ประกอบทั้งพระอัธยาศัยก็เรียบร้อยอ่อนโยนเป็นที่น่าเคารพนับถือมาก อีกประการ ๑ พระเจ้าพี่ยาเธอ ฯ ได้ทรงสำแดงปรากฏชัดว่าตั้งมั่นอยู่ในความจงรักภักดี ทรงคุ้นเคยและเป็นมิตรสนิทสนมในพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาช้านาน บัดนี้ทรงพระเจริญวัยวุฒิอยู่แล้ว สมควรเลื่อนพระอิสสริยยศ ให้ยิ่งขึ้นในตำแหน่งพระองค์เจ้าต่าวงกรมผู้ใหญ่พระองค์ ๑ ได้ จึงมีพระบรมราชโองการมาณพระบัณฑูรสุรสิงหนาท ดำรัสสั่งให้เลื่อนกรมพระเจ้า พี่ยาเธอ กรมหลวงกำแพงเพชรอัครโยธิน ขึ้นเป็น กรมพระ มีพระนามตามจารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระเจ้าพี่ยาเธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน ประชาธิบดินทรเจษฏภาดา ปิยมหาราชวงศวิศิษฏ์ เอนกยนตรวิจิตรกฤตยโกศล วิมลรัตนมหาโยธาธิบดี ราชธุรันธรีมโหฬาร พานิชยการคมนาคม อุดมรัตนตรัยสรณธาดา มัททวเมตตาชวาศรัย ฉัตรชัยดิลกบพิตร พยัคนาม ให้ทรงศักดินา ๑๕๐๐๐ ตามพระราชกำหนดอย่างพระองค์เจ้าต่างกรม ในพระบรมมหาราชวัง จงทรงเจริญพระชนมายุ พรรณ สุข พล ปฏิภาณ คุณสารสมบัติ สรรพสิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคล วิบุลศุภผล สกลเกียรติยศ เดชานุภาพมโหฬารทุกประการ จึงขอบันทึกไว้เป็นเครื่องรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระองค์ท่านไว้ ณ โอกาสนี้. ############ ![]() โดย: thanitsita
![]() มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ มาอ่านเป็นความรู้ครับ อ่านแล้วเหมือนได้เรียนวิชาประวัติศาสตร์ไทยเลยครับ เท่าที่อ่านมา สาเหตุของการสร้างสะพานพระรามหกก็เพื่อการรถไฟใช่ไหมครับ? แต่สร้างเป็นสะพานแรกทำไมไม่ใช้ชื่อว่าพระราม 1 ล่ะ? หรือว่าเป็นสะพานแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีโครงหลังคาเป็นเหล็ก แสดงว่าสะพานพระรามหกสร้างก่อนสะพานพุทธใช่อ่ะป่าว? (ถ้าผมเป็นนักเรียนต้องโดนครูว่าแน่ ๆ เลย ทำไมถึงถามเยอะจังฟ่ะ?) อิอิ ![]() ![]() โดย: อาคุงกล่อง
![]() ![]() ขอบคุณคุณ thanitsita ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนครับ
ขอบคุณคุณอาคุงกล่อง สะพานพระราม ๖ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ จึงได้ชื่อดังนั้นครับ ผมเคยอ่านที่ไหนไม่ทราบว่า ชื่อ พระราม ๑ ฯลฯ และอื่น ๆ เช่น ถนนพระราม ๖ แต่ทำไม ถนนพระราม ๕ จึงกลายเป็น ถนนพระรามที่ ๕ ครับ. โดย: เจียวต้าย
![]() สวัสดีครับ คุณเจียวต้าย
แวะมาทักทาย แต่ขออนุญาตกลับมาตามอ่านวันหลังครับ เพราะวันนนี้เข้ามาดึกไปหน่อย ^^ (จริงๆ เข้ามาดูหลายวันแล้ว แต่ผมหาที่คอมเม้นต์ไม่เจอ) แข็งแรงมากๆ นะครับ ^^ โดย: KTH IP: 61.90.66.110 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:39:54 น.
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ มีเรื่องให้อ่านมากมายเลยครับ.
โดย: เจียวต้าย
![]() หาวิธีการทำให้หายสะอึกมาให้แล้วน้ะค้ะ
มาเม้นให้ด้วย แล้วก็ขอเชิญเข้าไป - ดูวิธีการล้างตับแบบทำเองได้ที่บ้าน - วิธีการทำให้หายสะอึก(ต่อจากการแก้การไอและมึนเมา) ด้วยน้ะค้ะ แล้วก็เอาไปลองทำดูด้ายน้ะค้ะ ด้วยความหวังดีค่ะ โดย: pun (PunZa_yantakij
![]() ขอบคุณมากครับ และขออนุญาตลอกมาเก็บไว้ด้วยครับ.
โดย: เจียวต้าย
![]() มีการแก้ไอและมึนเมาแล้ว คราวนี้ แก้สะอึกจ้า
สะอึก (hiccup) เกิดจากกะบังลมทำงานไม่เป็นปกติ กะบังลมกั้นอยู่ระหว่างช่องท้องกับช่องอก ทำงานโดยยืดและหดในจังหวะสม่ำเสมอเพื่อช่วยในการหายใจ สาเหตุของการสะอึกอาจเกิดจากมีอะไรไปรบกวนประสาทที่ควบคุมการทำงานของกะบังลม ลมในกระเพาะอาหารขยายตัวไปกระตุ้นปลายประสาทที่มาเลี้ยงกะบังลม หรืออวัยวะใกล้กะบังลมเป็นโรคบางอย่าง เช่น เยื่อหุ้มปอดอักเสบ สาเหตุเหล่านี้ทำให้กะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงทันทีทันใด การบีบรัดตัวของกะบังลมทำให้แผ่นเหนือกล่องเสียงที่คอหอยซึ่งปกติคอยกั้นไม่ให้อาหารเข้าไปในหลอดลมปิดลง เมื่อกะบังลมหดตัวอย่างรุนแรงก็จะดึงอากาศเข้าสู่ปอดผ่านคอหอย อากาศจึงกระทบกับแผ่นปิด แล้วทำให้สายเสียงสั่นสะเทือน จึงเกิดเป็นเสียงสะอึก อาการสะอึกอาจเกิดขึ้นช่วงสั้นๆ และหายไปได้เอง ใช้เวลาไม่กี่วินาทีไปจนถึง 2-3 นาที ซึ่งพบได้บ่อยๆ แต่หากสะอึกอยู่นานเป็นชั่วโมงหรือเป็นวันๆ หรือสะอึกในขณะนอนหลับ อาจต้องหาสาเหตุว่ามาจากโรคของอวัยวะต่างๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น โรคเกี่ยวกับอวัยวะในช่องท้อง ในช่องปอด ในระบบสมองและประสาทส่วนกลาง เป็นต้น คนส่วนใหญ่มักจะสะอึกหลังจากการรับประทานอาหารมากเกินไปหรือเร็วเกินไป หรือรับประทานอาหารที่ทำให้มีก๊าซมาก บางคนอาจเกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่มากเกินไป บางคนที่มีความตึงเครียดมากเกินไป ก็อาจเป็นสาเหตุของการสะอึกได้ เทคนิคหยุดอาการสะอึกมีหลายวิธี การศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยมิชิแกน สหรัฐอเมริกา พบว่า การกลืนน้ำตาลทรายเปล่าๆ 1 ช้อนโต๊ะ สามารถแก้อาการสะอึกได้ถึง 19 คน จากจำนวน 20 คน นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นๆ อีกหลายวิธี ได้แก่ - สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นหายใจไว้สักพัก - หายใจในถุงกระดาษ - กลืนน้ำแข็งบดละเอียด - เคี้ยวขนมปังแห้ง - บีบมะนาวให้ได้สัก 1 ช้อนชา แล้วจิบแก้สะอึก - ก้มตัวดื่มน้ำจากขอบแก้วด้านตรงข้ามหรือด้านที่ไกลจากริมฝีปาก - จิบน้ำจากแก้วเร็วๆ หลายๆ อึก ติดๆ กัน - ใช้นิ้วมืออุดหูประมาณ 20-30 วินาที - อุดหูไปด้วย แล้วดูดน้ำจากหลอดไปด้วย - แหงนหน้า กลั้นหายใจ นับ 1-10 จากนั้นหายใจออกทันที แล้วดื่มน้ำหนึ่งแก้ว - ใช้นิ้วคีบลิ้นแล้วดึงออกมาเบาๆ หรือแลบลิ้นออกมายาวๆ - กดจุด โดยออกแรงบีบเนินใต้นิ้วโป้งของมืออีกข้างหนึ่ง หรือกดบริเวณร่องเหนือริมฝีปาก - นวดเพดานปาก - ทำให้ตกใจ เช่น ตบหลังแรงๆ โดยไม่ให้รู้ตัวก่อน - ถ้าเป็นเด็กอ่อนควรอุ้มพาดบ่าใช้มือลูบหลังเบา ๆ ให้เรอ คัดลอกมาจากบล็อกของคุณ pun (PunZa_yantakij ) วันที่: 26 กรกฎาคม 2553 ผมเคยได้สูตรกลืนน้ำตาลทรายจากเพื่อนนานมาแล้ว ใช้ได้ผลทุกครั้งครับ คราวนี้ได้เพิ่มอีกหลายวิธี ขอบคุณครับ. โดย: เจียวต้าย
![]() |
บทความทั้งหมด
|