
สวัสดีครับ
ช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา พาคุณๆเที่ยวทะเลฝั่งอันดามันกันจนช่ำหัวใจ จนเป็นที่มาของรีวิวทั้ง 3 ตอน
เกาะสิมิลัน...ฉันรักเธอเกาะตาชัย The New Heaven of South Seaเกาะสุรินทร์ The Spirit of seaวันนี้เลยขอพาไปเที่ยวรีสอร์ทที่มีโอกาสได้กลับไปสัมผัสอีกครั้งกับรีสอร์ทแห่งแมกไม้กับสายธารที่ซ่อนตัวอยู่ในร่มเงาของป่าไม้ฤดูฝนที่ร่มรื่น และเป็นโอกาสที่ดีในช่วงที่เราไปถึง ทางรีสอร์ทได้เปิด Zone บ้านแบบใหม่พอดี เป็นสไตล์ Clay Houseและ ฺBamboo Cottage เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้เราได้เข้าพักนับเป็นแบบบ้านที่น่าสนใจดีทีเดียว
น่าพักแค่ไหนเชิญชมกันดีกว่าครับ
ชมภาพทั้งหมดทั้งจากรีวิวและนอกเหนือจากนี้ที่บันทึกไว้ใน Gallery ของบ้านดินได้เลยที่นี้ครับ
//blog.one22.com/pics/relax/south/baandin_kuraburi
นับจากครั้งสุดท้ายที่ได้มาพักมาเกือบปีพอดีครับ การกลับมาเยือนหนนี้ รีสอร์ท คุระบุรีกรีนวิว มีความเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมขึ้นมาพอสมควร ผมได้รับคำชักชวนของ พี่จันทร์ ผู้จัดการและเจ้าของรีสอร์ทแห่งนี้เมื่อตอนไปถึง ได้แนะนำบ้านใหม่ที่ดูน่าพักมากๆให้กับพวกเรา "บ้านดิน" หรือ จะเรียกว่า Nature zone ที่พึ่งสร้างขึ้นมาก่อนเราจะเข้าพักได้ประมาณ เดือนเศษๆ

พี่จันทร์สร้างโดยมีแนวคิด รักธรรมชาติ วางแนวคิดการสร้างบ้านที่แตกต่างจากโซนเดิมๆของที่รีสอร์ทที่เปิดให้บริการมาทั้งจากบ้านแบบ cabin ที่ผมได้เข้ามาพักคราวก่อนหรือ ห้องพักแบบโรงแรมด้านหน้า มาดูกันดีกว่าว่าบ้านแบบนี้เป็นยังไงนะครับ

ความรู้สึกแรกที่เข้ามาสัมผัสผมพบกว่าเป็นที่พักที่ร่มรื่นมากทีเดียว วันที่เราเข้าพักเป็นวันธรรมดาคนจึงน้อยมากจึงเลือกห้องพักได้ เราเลือก บ้านราตรี 01 เป็นบ้านแรกจากทางเข้าด้านใน เป็นหลังที่มุมสวยและวิวดีใช้ได้ด้วยรูปแบบบ้านเป็นทรงกลม
แบบบ้านจะมีอยู่ 2 แบบคือบ้านดินและบ้านไม้ไผ่ ติดริมลำธารด้านหน้าบ้าน สามารถออกมานั่งสบายๆได้ในช่วงเย็น

ทุกหลังมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียวโดยเฉพาะหลังฝั่งที่ติดริลำธารเพราะด้านนี้บ้านจะหันหลังให้กับทางเดินจึงไม่มีใครมองเข้ามาได้

มาดูภายในห้องราตรีกันบ้าน ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดบ้านแต่ละหลังจึงมีความแตกต่างของการตกแต่งภายในกันอยู่ แต่ด้วย concept ความเป็นบ้านดินทุกหลังทั้งภายในและภายนอกจึงปลูกสร้างโดยมี ดินหลากหลายชนิดที่ทางรีสอร์ทได้ค้นหามาจนเหมาะสมกับการสร้างบ้านแบบนี้

ภายในตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติเริ่มที่ผนังกันก่อนผนังภายนอกเป็นดินเหนียวผสมกับวัสดุธรรมชาติอย่างแกลบและฟางเพื่อยึดให้ดินจับตัวกันได้แข็งแรง ส่วนภายในจะเป็นดินเหนียวที่นำมาร่อนออกให้เป็นดินละเอียด เพราะฉะนั้นเวลาเราจับผิวสัมผัส ทั้ง 2 ด้านจะต่างกันภายในจะมีความเหนียว และเนื้อละเอียดกว่ารู้สึกได้เมื่อลองสัมผัสดู ภายในจึงเก็บความเย็นได้อย่างดี

ผสมกับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์จากไม้และกะลา มาทำเป็นโคมไฟหัวเตียง เตียงไม้ที่แข็งแรงรองรับกับเตียงที่นุ่มกำลัีงดีไม่นิ่มเกินไป และหมอนที่ตกแต่งด้วยลวดลายพื้นบ้านของภาคใต้ดูเข้ากันดี มากๆครับ

ช่องไฟและช่องลมด้านล่างของระแนงไม้รอบๆ ช่วยให้ยามค่ำคืนลมเย็นๆ พักเข้ามาตลอดไม่ร้อน ด้วยแนวคิดของการใช้วัสดุจากธรรมชาติทั้งหมดทำให้บ้านแบบนี้ไม่ติดตั้งแอร์นะครับ พราะความเป็นบ้านดินที่ภายในเก็บกักความเย็นได้ด้วยอุณหภูมิที่คงที่ตลอดทั้งวัน บวกกับความสูงของหลังคามุงจากวัสดุธรรมชาติที่แข็งแรงและหลายชั้นบ้าน ยามค่ำคืนที่ผมพักที่นี้ ต้องพึ่งผ้าห่มทุกคืนเลยทีเดียวแม้จะเป็นช่วงหน้าร้อนอย่างปลายกุมภาพันธ์
วันที่ผมไปดำน้ำที่เกาะสุรินทร์ตอนกลับมาถึง ถามจากคนข้างๆเค้าอยู่ในห้องทั้งวันก็บอกว่าเย็นดี

ในห้องมีผลไม้ให้เราทานด้วยเป็นกล้วยใส่ตะกร้า วางในห้องพร้อมทานเลย

อุปกรณ์ภายในที่เหลือก็ครบถ้วนมี dvd,tv,ตู้เย็น ให้ได้ใช้งานปลั๊กไฟมีอยู่หลายจุดใครที่พกอุปกรณ์พกพาเยอะๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลยครับ

มาดูตรงห้องน้ำบ้างครับอยู่ปลายของเตียง แบ่งเป็นส่วนเปียกและแห้งแยกกันเป็น 2 ชั้น 2 ระดับ เราเปิดประตูเข้าไปจะเจอส่วนแห้งก่อนครับสีผนังสุดแสบสจัดจ้าน กว้างใช้ได้แยกเป็นอ่างล้างหน้าด้านซ้าย

ของใช้ภายในห้องน้ำก็มีให้เป็นมาตรฐาน

และ ขวาจะเป็นโถสุขภัณฑ์ตัดกับสีสันของผนังสีแดงสดสวยดีครับ

พร้อมชั้นวางของเก๋ๆสไตล์ ตั้งแต่ผมเคยพักรีสอร์ทมาเพิ่งมีที่นี้ละ่ครับที่มีผ้าขาวม้าและผ้าถุงสไตล์พื้นบ้าน แขวนไว้ให้เราได้ใช้ด้วยเข้ากันดีกับ Concept eco hut เก๋ดีครับสีสันก็เด่นเหลือเกินทีเดียว

มาดูส่วนเปียกบ้างจะเล่นระดับลงไปอีกชั้นครับเป็นฝักบัวแบบ rain showerอยู่ภายนอกเป็น open air กลางคืนสามารถอาบน้ำชมดาวได้เลยนะ สีสันสดใสอีกเช่นกัน มีข้อระวังนิดหน่อยตรงหลังนี้ติดต้นไม้ครับอาจจะมีแมลงหลุดเข้ามาได้ยิ่งกลางคืนต้องระวังซักกันหน่อยครับ

เดินชมบรรยากาศรอบๆของรีสอร์ทกันหน่อยครับ ยามค่ำมาถึงที่นี้อยู่ในไหล่เขานะครับ แต่ไม่อับลมแต่อย่างใดที่สำคัญตัวบ้านแบบใหม่อยู่ห่างจากถนนหน้ารีสอร์ยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยนอกจากเสียงนก เสียงแมลงเท่านั้นเอง

ผมเดินเลยขึ้นมาที่ส่วนของร้านอาหารวิวเมื่อมองจากร้านอาหารเข้าไปที่ส่วนห้องพักที่ดูร่มรื่นดีครับ ด้านซ้ายจะเห็นสระว่ายน้ำด้วย

สระว่ายน้ำไม่เล็กไม่ใหญ่แต่น่าว่ายดีครับ

ผมเดินกลับมาเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำเพื่อทานอาหารค่ำผ่านบ้านดินฝั่งด้านในได้เก็บภาพมาอีก [บ้านแต่ละหลังภายนอกดูคล้ายๆกันหมดแต่ภายในตกแต่งไม่เหมือนกันครับ

มื้อค่ำวันนั้นเสียดดายที่ผมลืมหยิบขาตั้งไปเลยไม่สามารถเก็บภาพอาหารมาให้ได้ จะบอกว่ามื้อนี้อร่อยสุดๆทั้ง ปูนึ่งจานใหญ่ แกงต่างๆที่อร่อยมากน้ำพริกกุ้งเสียบนี้รสชาติเด็ดจริงๆ เป็นมื้อที่อร่อยมากอีกมื้อของเราที่สำคัญโดยเฉพาะปูผมเกาะจนเมื่อยเลยทีเดียว สุดท้ายเลยได้รูปน้ำแตงโมปั่นท่ามกลางแสงจันทร์มาฝากกันแทนก่อนจะกลับไปนอนดู SME ตีแตกของคุณปัญญาจนหลับเลยยาวเลย

เช้าๆผมตื่นเช้าอีกเช่นเคยเช้านี้ผมต้องลาจากที่นี้เพื่อไปต่อแล้ว มาดูมื้อเช้ากันหน่อยที่เป็น ไลน์บุฟเฟ่ห์ อาหารค่อนข้างดีทีเีดียวมีให้เลือกพอสมควร

ที่ผมติดใจคือขนมครับตรงริมๆนั้นเป็นข้าวเหนียวปิ๊งธรรมดาแต่ก็นับว่ารสชาติดีใช้ได้แต่ ข้าวเหนียวปิ๊งอีกชนิดนั้นสิที่เป็นแท่งยาวๆไม่เคยทานมาก่อนเลย มันรสชาติคล้ายๆแบบขนมใส่ไส้ที่กรุงเทพฯก็ว่าได้เลยเติมซะั 2 รอบเลยครับ อร่อยดี

ถึงเวลาต้องไปต่อแล้ว ผมมีความคิดเห็นเล็กน้อย สำหรับบ้านดินแล้ว หลายๆคน อาจจะห่วงถึงห้องพักที่ไม่ติดแอร์อาจจะร้อน แต่อย่างที่บอกไปกลางคืนผมต้องนอนห่มผ้ากันเลยทีเดียว ข้างในบ้านดินเก็บความเย็นไว้ในอุณหภูมิที่คงที่ตลอดทั้งวัน
จะมีที่ผมอยากให้ปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อแขกที่เข้าพักจะได้มั่นใจก็คือการติดมุ้งลวดเพื่อกันยุงครับ เพราแขกจะได้เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมได้มากขึ้น และกันยุงด้วยนั้นเอง เพราะทำเลที่ตั้งของบ้านพักชุดนี้ติดริมน้ำความเย็นทีไ่ด้จึงมาพร้อมยุงด้วยนั้นเอง อ่อตรงด้าหลังที่เป็นห้องน้ำหลังที่ผมพักถ้ามีกรตัดกิ่งไม้ออกไปบ้างเพื่อ กันแมลงจะไต่เข้ามาได้ก็ยิ่งดีมากๆเช่นกันครับ

ตลอดเวลา 2 วัน 2 คืนที่ได้พักทีนี้ประทับใจมากๆ กับการบริการที่ได้รับบวกกับอัธยาศัยไมตรีของ พนักงานทุกคนแต่น้องๆยกกระเป๋าไปถึงพนักงานดูแลทั้งโรงแรมและร้านอาหาร ที่สำคัญที่ต้องขอบคุณพิเศษ "พี่จันทร์"เจ้าของที่พักแห่งนี้ที่ดูแลและคอยเอาใจใส่แขกเป็นอย่างดีและไม่ถือตัวแต่ อย่างใด ตอนเราจะออกจากที่พักยังเกือบจะมายกกระเป๋าให้แทนพนักงานที่พอดีติดลูกค้าอยู่จนเราเกรงใจจริงๆครับ และ "คุณเม่น" ที่เป็นธุระติดต่อประสานงานให้เราได้ไปทริบดำน้ำสวยๆตลอดทั้งทริบนี้ทั้งที่หมู่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัยและ หมู่เกาะสุรินทร์ ปีต่อๆไปถ้าได้มาที่พังงาอีกผมคงไม่พลาดจะแวะมาทีนี้อีกแน่นอนทีเดียว สำหรับราคาห้องพักบ้านแบบนี้สามารถสอบถามได้ที่รีสอร์ทนะครับ ที่
//www.kuraburigreenviewresort.com เบอร์ติดต่อก็
Tel. (66) 076-401-400-6 แผนที่ด้านบนจากเว็บไซต์ของทางรีสอร์ทครับ ลองติดต่อกันดู
หนหน้าจะพาไปเที่ยว city tour กันบ้างครับ กับเมืองแห่งวัฒนธรรมเก่าแก่ที่สุดแห่งนึงของภาคใต้บ้านเรา "ภูเก็ต" ติดตามกันได้เร็วๆนี้ครับ