คนแต่ละวัย ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการชีวิตและการเงินอย่างไร

 




คนแต่ละวัย ควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการชีวิตและการเงินอย่างไร

by Insuranger,Jun 7, 2019 6:47 AM
writer of Insuranger


HIGHLIGHTS
  • คนในแต่ละวัย มักจะต้องเผชิญโจทย์ชีวิตที่แตกต่างกัน ดังนั้น จึงควรรู้ไว้เป็นกรอบความคิดคร่าวๆว่า คนในแต่ละวัย ควรให้ความสำคัญกับการจัดการเงินและชีวิตด้านใดเป็นพิเศษ
  • วัยช่วงต้นทำงาน ควรรู้จักและเข้าใจความต้องการและความถนัดของตัวเอง และเริ่มสร้างพื้นฐานวินัยทางการเงินที่ดี
  • วัยช่วงสร้างฐานะและครอบครัว ต้องรู้จักบริหารจัดการรายรับรายให้ดี มีการวางแผนเรื่องต่างๆล่วงหน้าอย่างรอบคอบ โดยไม่ละเลยความใส่ใจต่อสุขภาพของตัวเอง
  • วัยก่อนเกษียณ ควรมีทักษะการวางแผนการลงทุนที่ดี รู้จักต่อยอดเงินเก็บอย่างชาญฉลาด
  • วัยเกษียณ ควรมีทักษะในการบริหารเงินที่หามาได้ให้เพียงพอใช้จ่ายยามเกษียณ ไปพร้อมๆกับการดูแลรักษาสุขภาพกายและจิตให้แข็งแรงอยู่เสมอ

โดยทั่วไปแล้ว ในการวางแผนการเงิน เราจะพบว่า คนในแต่ละช่วงอายุ ก็มักจะมีเรื่องที่ต้องมุ่งเน้น หรือให้ความสำคัญแตกต่างกัน เนื่องจากคนในแต่ละวัย ก็อาจจะเจอสถานการณ์ที่เข้ามาในช่วงชีวิตนั้นต่างกัน ดังนั้น วิธีการวางแผน เตรียมตัวรับมือ ก็ย่อมจะแตกต่างกันไปด้วย

เพื่อให้คนในแต่ละวัยเตรียมตัวรับมือและวางแผนได้อย่างถูกต้อง ผมขอแนะนำแนวทางการจัดการชีวิตและการเงินที่เหมาะสมไว้ดังนี้ครับ

============================

1. วัยช่วงต้นการทำงาน (อายุ 22-30 ปี)

สิ่งที่คนในวัยนี้ควรจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือการ "รู้จักและเข้าใจตัวเอง" และ "สร้างวินัยทางการเงินที่ดี"

สิ่งที่ผมมักพบเจอในคนที่อายุยังน้อย ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานหาเงินเองได้ก็คือ "อยากทำงานที่ได้เงินเยอะๆ แต่ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดี?" 

คนทำงานในช่วงเริ่มต้น ที่เพิ่งหาเงินได้ด้วยตัวเอง มักจะหมดเงินไปกับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการกิน เที่ยว ช็อปปิ้ง การใช้เงินไปกับไลฟ์สไตล์ที่ตัวเองชอบ ซึ่งหากงานที่ทำอยู่จ่ายค่าตอบแทนที่ไม่สูงพอที่จะตอบสนองรายจ่ายตามไลฟ์สไตล์ได้ ก็อาจจะเริ่มมีความทุกข์ อยากเปลี่ยนงานเพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ถ้าหากไม่รู้จักบริหารเงินที่หามาได้ให้ดี ปัญหาการเงินก็จะตามมา เช่น การมีรายได้ไม่เพียงพอรายจ่าย ใช้จ่ายเกินตัว ก็เริ่มเป็นหนี้บัตรเครดิต รีบร้อนไปซื้อสิ่งของก้อนใหญ่ราคาแพง เช่น ผ่อนรถ ผ่อนคอนโด โดยที่ฐานะการเงินตัวเองยังไม่พร้อม ก็ยิ่งทำให้มีภาระการเงินมากตั้งแต่อายุยังน้อย ที่อาจจะส่งผลกระทบระยะยาวต่ออนาคต

ดังนั้น สิ่งที่ผมอยากจะแนะนำ และฝากไว้ให้คนที่อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงานได้ตระหนักก็คือ "การรู้จักตนเอง" ว่าจริงๆแล้วชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่? ความสุขจริงๆของเราอยู่ที่ไหน? ชีวิตแบบไหนที่เราต้องการจริงๆโดยที่ไม่ต้องพยายามเลียนแบบ หรือทำตามใคร เพื่อให้ได้รับการยอมรับ

เพราะเมื่อต้องใช้ชีวิตให้คนอื่นยอมรับ เราอาจจะมีต้นทุนการใช้ชีวิตที่แพงมาก เช่น ต้องไปกินเที่ยวแพงๆตามเพื่อนๆอยู่บ่อยๆ ต้องใช้ของแบรนด์เนมที่คนอื่นใช้กัน ต้องเปลี่ยนมือถือหรืออุปกรณ์ต่างๆให้ทันยุคทันสมัยอยู่เสมอ ทั้งๆที่แค่กินอยู่ธรรมดาทั่วไป หรือใช้ของเดิมที่เรามีอยู่แล้ว เราก็ยังสามารถใช้ชีวิตอย่างปกติต่อไปได้โดยไม่ได้ทุกข์ร้อนมากนัก

หากเราไม่ได้เดือดร้อนที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากในแต่ละเดือน เราจะโฟกัสที่ความสุขที่แท้จริงในการใช้ชีวิตได้มากขึ้น งานที่เราทำ เราก็จะเลือกทำเพราะความสุขในการทำงานเป็นหลัก ไม่ได้ทำเพราะต้องการเงินเยอะๆแต่เพียงอย่างเดียว ดังนั้น สิ่งสำคัญในการเลือกทำงานสำหรับคนวัยนี้ ก็คือการรู้ตัวว่า เราควรเดินทางในเส้นทางไหน งานอะไรที่เราทำแล้วมีความสุข มีแรงผลักดัน งานอะไรที่แม้เราเจอปัญหาแล้ว เราก็ยังยินดีที่จะลุกขึ้นเพื่อเดินต่อ ไม่ยอมแพ้แล้วเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นกลางทาง เพราะถ้าหากเราทำงาน เพียงเพราะอยากได้เงิน แต่เป็นงานที่เราทำแล้วอึดอัด เครียด ไม่มีความสุขเลย แต่เราต้องยอมทนทำเพราะไม่รู้จะไปทำอะไรดี พอเราอายุมากขึ้น เราอาจจะมีปัญหาในการเปลี่ยนงานถ้าเราอยากไปทำอย่างอื่น เพราะเราจะเริ่มมีความรับผิดชอบมากขึ้น มีภาระการเงินมากขึ้น และเปลี่ยนงานยากขึ้น เราจึงควรต้องวางแผนชีวิตให้ดีตั้งแต่เนิ่นๆ สำหรับเวลาชีวิตที่เหลืออยู่อีกหลายปีต่อจากนี้

หากมีโอกาส เราจึงควรลองให้โอกาสตัวเองในการเรียนรู้อะไรหลายๆอย่างที่เราสนใจ ได้ลองผิดลองถูก ในสิ่งที่เราอยากจะทำ โดยไม่ต้องกลัวผิดพลาด (ถ้ามันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใคร) และพยายามเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้น เราก็จะมีโอกาสเรียนรู้ตัวเอง และค้นพบสิ่งที่เหมาะกับชีวิตเราเองมากขึ้น

ในส่วนของการเงิน สิ่งที่คนวัยนี้ควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือการสร้างพื้นฐานการเงินที่ดี คือ รู้จักหา รู้จักใช้จ่าย (ไม่ให้เกินตัว) รู้จักเก็บออม (มีเงินเหลือใช้ทุกเดือน) พยายามทำตัวให้เบาๆ อย่าเพิ่งไปรีบร้อนสร้างภาระการเงินให้ตัวเอง โดยการเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้รถ หนี้บ้าน โดยไม่จำเป็น ผ่านไปสัก 3-4 ปี ควรมีเงินเก็บสำรองเผื่อฉุกเฉินหลักแสนบาทสักก้อน เผื่อกรณีไม่คาดฝัน หรือเผื่อต้องออกจากงาน หรืออยากลาออกมาลองทำงานอิสระของตัวเอง ก็จะได้มีทุนสำรองเอาไว้ใช้ในช่วงแรก ทำให้ชีวิตมีทางเลือกมากขึ้น

หากจัดการชีวิตในช่วงนี้ได้ดี ในช่วงอายุ 20 ปลายๆ เราน่าจะมีพื้นฐานการงานและการเงินมั่นคงในระดับหนึ่ง มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถในด้านที่เราถนัดอย่างชัดเจนมากขึ้น ที่จะช่วยต่อยอดให้เราในช่วงชีวิตถัดไปได้อย่างมาาก

 

2.วัยสร้างฐานะและครอบครัว (อายุ 31-40 ปี)

จากช่วงก่อนหน้านี้ที่อาจจะมีแค่ค่าใช้จ่ายเฉพาะตัวเอง พอเข้าสู่วัยนี้จะพบว่า ภาระทางการเงินจะพุ่งสูงขึ้นมาก เนื่องจากเป็นช่วงอายุที่เริ่มสร้างครอบครัว ค่าใช้จ่ายและภาระเงินผ่อนต่างๆก็จะเริ่มตามมาจากการต้องดูแลผู้อื่น เริ่มตั้งแต่ ค่าจัดงานแต่งงาน พอมีลูกก็ต้องมีค่าคลอดลูก ค่าเลี้ยงดูลูก ค่าเล่าเรียนลูก ประกันสุขภาพลูก พอเดินทางไปไหนมาไหนร่วมกันหลายคน ก็เริ่มต้องซื้อรถ ต้องมีเงินดาวน์รถ ผ่อนรถ จ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆจากการมีรถ พอย้ายออกมาสร้างครอบครัว ก็ต้องมีเงินดาวน์บ้าน ผ่อนบ้าน รวมถึงค่าเบี้ยประกันชีวิตที่อาจจะต้องพิจารณาทำเพื่อคุ้มครองภาระการเงินให้ครอบครัว จึงทำให้ถ้าใครวางแผนบริหารจัดสรรเงินได้ไม่มี จะกลายเป็นช่วงที่มีปัญหาการเงิน (รายได้ไม่พอรายจ่าย เป็นหนี้บัตรเครดิต ผ่อนเกินกำลัง) ได้ง่ายๆ

ดังนั้น สิ่งที่คนวัยนี้ควรจะให้ความสำคัญมากที่สุดเรื่องการเงินก็คือการรู้จัก "วางแผนการเงิน" ที่ไม่ใช่แค่การรู้จักเก็บออม ลงทุน แต่คือการที่ต้องมีแผนในการจัดสรรเงิน เมื่อมีรายได้เข้ามา ว่าต้องวางแผนกันเงินแต่ละส่วน ไปเป็นค่าใช่จ่ายที่จำเป็นจริงๆอะไรบ้าง เพื่อควบคุมรายจ่ายค่ากินอยู่ทั่วไปให้เหมาะสม และควรเหลือเงินเก็บเท่าไหร่ เอาไว้ใช้จ่ายในอนาคตไปกับค่าเล่าเรียนลูก หรือเงินเกษียณของตัวเอง

นอกเหนือจากเรื่องการเงิน คนวัยนี้ก็ควรให้ความสำคัญต่อเรื่องของสุขภาพบ้าง เนื่องจาก เมื่อภาระเยอะ อาจจะเน้นทำแต่งาน มัวแต่ยุ่งกับเรื่องของครอบครัว จนอาจจะละเลยสุขภาพของตัวเอง ทำให้เริ่มเจ็บป่วยได้ง่าย (ใครที่อายุเริ่มเข้าเลข 3 กลางๆจะรู้ตัวเลยว่า สุขภาพมันถดถอยลงกว่าช่วงหนุ่มสาวเยอะ) ฉะนั้นอย่าลืมหาเวลาออกกำลังกายกันด้วยนะครับ

 

3. วัยก่อนเกษียณ (อายุ 41-55 ปี)

จะเริ่มเป็นวัยที่มีความมั่นคงทางการเงินสูงขึ้นมาก (หากก่อนหน้านี้วางแผนชีวิตมาดี) เนื่องจากประสบการณ์ทำงานสูงขึ้น หน้าที่การงานลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงมากขึ้น มีรายได้สูงขึ้น สวนทางกับภาระการเงินที่เริ่มค่อยๆลดลง (ลูกเริ่มเรียนใกล้จบ หนี้บ้านหนี้รถลดลงไปเยอะ) ทำให้เป็นวัยที่ควรจะมีเงินเหลือเก็บมากกว่าวัยอื่นๆ การจัดการทางการเงินจึงเน้นไปที่ "การวางแผนลงทุน" รู้จักนำเงินที่เหลือจากการใช้จ่ายมาบริหารจัดการ ลงทุนให้เงินเก็บงอกเงยอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อไว้เตรียมไว้ใช้ช่วงหลังเกษียณ หรือเป็นเงินทุนให้ลูกไว้ใช้เรียนในชั้นป.ตรี ป.โท ที่ต้องใช้เงินก้อนใหญ่ หรือลงทุนในทรัพย์สินที่สามารถสร้างรายได้ให้เราเพิ่มเติม (เช่น อสังหาริมทรัพย์)

ขณะเดียวกัน สำหรับคนที่ยังมีภาระหนี้ระยะยาวที่ยังเหลืออยู่ เช่น หนี้บ้าน ก็อาจวางแผนนำเงินส่วนที่เหลือบางส่วน มาจัดการกับภาระหนี้เหล่านี้ เพื่อช่วยเร่งปิดยอดหนี้ที่เหลืออยู่ ก็จะยิ่งช่วยลดภาระการเงินได้เร็วขึ้น เพื่อเป็นการเตรียมตัวเคลียร์ภาระทั้งหมดก่อนเข้าสู่วัยเกษียณต่อไป

 

4. วัยหลังเกษียณ (อายุ 55 ปีเป็นต้นไป)

ควรจะเป็นวัยที่มีความมั่งคั่งมากที่สุด เพราะหากวางแผนมาดีแต่ต้น เมื่อเข้าสู่วัยนี้ ภาระหนี้สินและความรับผิดชอบต่างๆ ควรจะต้องลดลงไปมาก หรือหมดไปแล้ว ขณะที่ทรัพย์สินที่มีอยู่ ก็น่าจะมีมากพอจนเป็นเงินก้อนใหญ่ หลังจากที่สะสมและลงทุนมาทั้งชีวิต ในทางการเงินแล้ว วัยนี้จึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง "การบริหารเงินหลังเกษียณ" เพื่อเอาไว้กินใช้ให้เพียงพอให้นานที่สุด การลงทุนจึงเปลี่ยนจากการมุ่งเน้นการเติบโตของเงิน คาดหวังผลตอบแทนสูงๆ รับความเสี่ยงและความผันผวนสูงๆได้ ไปเป็นการลงทุนที่เน้นการรักษามูลค่าของเงิน ผลตอบแทนอาจจะขอแค่ไม่แพ้เงินเฟ้อ ไม่ต้องเสี่ยงมาก และไม่ต้องเผชิญความผันผวนของเงินลงทุนสูงๆแล้ว เพื่อให้เงินเก็บที่หามาทั้งชีวิต หมดลงช้าที่สุด 

ขณะเดียวกัน ก็ควรจะเป็นวัยที่ต้องดูแลรักษากายใจให้ดี เพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยเกษียณ โอกาสเจ็บป่วยก็เริ่มสูงขึ้น และเมื่อเกษียณ มีเวลาว่างมากขึ้น หากไม่มีอะไรทำ ก็อาจจะทำให้ตัวเองรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีคุณค่า ยิ่งใครที่เป็นโสด หากไม่มีลูกหลานมาแวะเวียนเยี่ยมเยียน ก็อาจจะรู้สึก เหงา ว้าเหว่ ดังนั้น นอกจากต้องรู้จักบริหารเงินแล้ว ก็ต้องรู้จักบริหารสุขภาพกาย ใช้เวลาว่างที่มีขยับร่างกาย ออกกำลังบ้าง เพื่อไม่ให้สุขภาพเสื่อมถอยเร็วเกินไป รวมถึงสุขภาพใจ ที่ต้องรักษาให้แจ่มใสเสมอ โดยอาจจะหาอะไรทำ หรือออกเดินทางบ้าง เพื่อไม่ให้ชีวิตเงียบเหงาจนเกินไป

============================

แม้ชีวิตใครหลายๆคน อาจจะไม่ได้เป็นไปตามแนวทางในแต่ละวัยตามที่ว่ามา แต่ก็ไม่ใช่เรื่องผิดพลาด หรือเรื่องน่าแปลกอะไร เพราะชีวิตแต่ละคนก็ล้วนต่างกัน และชีวิตก็ไม่ควรมีเส้นทางที่เป็นสูตรสำเร็จแค่แบบเดียว แต่อย่างน้อยผมก็เชื่อว่า "หลักการจัดการชีวิตอย่างถูกต้อง" นั้น ก็ยังน่าที่จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่ว่าวันนี้เราจะมีชีวิตแบบไหน หรืออยู่ในช่วงวัยไหนก็ตาม ถ้าเราสามารถเข้าใจถึงหัวใจสำคัญของการจัดการ และนำไปใช้กับชีวิตของเราได้ดี นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ :)



 
newyorknurse



Create Date : 16 มิถุนายน 2562
Last Update : 21 มิถุนายน 2562 18:12:31 น.
Counter : 813 Pageviews.

0 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณMDG, คุณชีริว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณhaiku, คุณเนินน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณmcayenne94, คุณทนายอ้วน, คุณหอมกร


Newyorknurse.BlogGang.com

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ...   United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]

บทความทั้งหมด