3 ทางเลือกเก็บเงินก้อนให้ลูก
by อภินิหารเงินออม,Dec 27, 2019 7:42 AM
writer of อภินิหารเงินออม
Share on Facebookอภินิหารเงินออมเชื่อว่าผู้ปกครองหลายท่านต้องการ
เก็บเงินไว้ก้อนหนึ่ง เอาไว้เป็นของขวัญในวันที่ลูกเรียนจบ
เพื่อเป็นเงินลงทุนเริ่มต้นในการทำธุรกิจในฝันต่างๆต่อไป
แต่จะเก็บเงินไว้ที่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าใจวิธี
การเก็บเงินแบบไหนบ้าง เพราะแต่ละแบบมีลักษณะแตกต่างกัน
บทความนี้จึงขอยกตัวอย่าง 3 ทางเลือกการเก็บเงินที่หลายคนคุ้นเคย
คือ เงินฝากออมทรัพย์ การลงทุนและประกันชีวิต ว่าได้ผลลัพธ์
แตกต่างกันอย่างไร เพราะมันมีเรื่องของ "ความไม่แน่นอน คือ
เราอายุสั้น และความแน่นอน คือ เราอายุยืน" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
โจทย์มีอยู่ว่าเราต้องการเก็บเงินเดือนละ 1,000 บาท
ระยะเวลา 20 ปีแล้วให้ของขวัญในวันที่ลูกเรียนจบ
เรามาดูกันว่าแต่ละทางเลือกจะมีเงินให้ลูกจำนวนเท่าไหร่
3 ทางเลือกเก็บเงินก้อนให้ลูก
ทางเลือกที่ 1 : บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ดอกเบี่้ย 0.5%
เป็นวิธีการเก็บเงินแบบพื้นฐานที่หลายคนเลือกใช้เพราะง่าย
ไปที่ธนาคารแล้วเริ่มต้นฝากเงินได้ทันที สิ่งที่จะเกิดขึ้นก่อนที่
ลูกจะเรียจบ คือ ความไม่แน่นอน หากเราเสียชีวิต
ตอนที่ลูกยังเล็ก เงินออมของเราก็จะหยุดอยู่ตรงนั้น เช่น
เก็บเงินมา 5 ปีแล้วเสียชีวิตมีเงินให้ลูก 60,743 บาท
ทำให้เงินก้อนนี้กลายเป็นเงินของคนอื่นที่จะเข้ามาดูแลลูกของเรา
ส่วนเรื่องความแน่นอน คือ ถ้าเราดูแลตัวเองดีอายุยืน
มีเงินก้อนให้ลูกตามที่ตั้งใจไว้แน่นอน 252,354 บาท
(ในอนาคตดอกเบี้ยเงินฝาก 0.5% เท่าเดิม) แต่ก่อนที่ลูก
จะเรียนจบใช้เวลาประมาณ 20 ปี ถ้าระหว่างนั้นเราเดือดร้อน
ต้องรีบใช้เงินเร่งด่วน อาจจะถอนเงินก้อนนี้ออกมาใช้ เพราะ
เงินฝากออมทรัพย์ถอนออกได้ตลอดเวลา ทำให้เสียวินัยการเงิน
ภาพทางเลือกที่ 1 : บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ดอกเบี้ย 0.5%
ทางเลือกที่ 2 : กองทุนรวมหุ้น ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%
เป็นวิธีการที่เริ่มซับซ้อนเพราะเราจะต้องเข้าใจตัวเองว่า
สามารถรับความเสี่ยงได้ระดับไหน โดยการทำแบบทดสอบ
ความเสี่ยง รวมถึงมีความรู้เรื่องการลงทุนในกองทุนรวม
ไม่หวั่นไหวกับความผันผวนของราคาระยะสั้นที่อาจจะ
ทำให้มีกำไรหรือขาดทุนก็ได้
การลงทุนที่ผลตอบแทน 6% มีความเสี่ยงค่อนข้างสูง ทำให้เงิน
ของเราขาดทุนหรือกำไรก็ได้ ถ้าเกิดความไม่แน่นอนในชีวิตของเรา
ก็จะมีเงินให้ลูกประมาณ 69,770 บาท แต่ถ้าเราอายุยืน เวลา 20 ปี
จะเก็บเงินให้ลูกได้ประมาณ 462,040 บาท จำนวนเงินที่จะได้รับ
ไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับราคาของกองทุนรวมในตอนนั้นด้วยจ้า
ภาพทางเลือกที่ 2 : กองทุนรวมหุ้น ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%
ทางเลือกที่ 3 : ประกันชีวิตควบการลงทุน ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%
เป็นการโอนความเสี่ยงในชีวิตของเราไปให้บริษัทประกันเป็นผู้ดูแล
ประกันชีวิตควบการลงทุนเหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มครองสูง
คนซื้อควรมีความเข้าใจเรื่องประกันชีวิตและกองทุนรวม เพราะ
มีความซับซ้อนมากกว่าประกันชีวิตแบบทั่วไป
- ประกันชีวิตควบการลงทุน : เบี้ยประกันที่จ่ายไปจะ
- แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ นำไปจ่ายความคุ้มครองชีวิต
- และนำไปซื้อกองทุนรวมที่เราเลือกเอง
- ประกันชีวิตทั่วไป(แบบชั่วระยะเวลา แบบสะสมทรัพย์
- แบบตลอดชีพ แบบบำนาญ) บริษัทประกันจะ
- นำเงินไปลงทุนในที่ที่ผลตอบแทนต่ำถึงปานกลาง
- เพื่อรักษาเงินต้นมาคืนให้เราในอีกหลายสิบปีข้างหน้า
ในภาพนี้เป็นตัวอย่างของคุณแม่อายุ 30 ทำประกันชีวิต
ควบการลงทุนเบี้ยประกันเดือนละ 1,000 บาท ได้รับ
ความคุ้มครอง 3,000,000 บาท (ศัพท์ประกันจะเรียกว่า
ทุนประกัน) ระยะเวลา 20 ปีจะได้รับเงิน 3 กรณี คือ
- หากทุพพลภาพ รับเงินก้อนแรก 3,000,000 บาท
- เพื่อดูแลตัวเองและครอบครัว
- หากเสียชีวิต รับเงินก้อน 3,000,000 บาทกับ
- เงินจากกองทุนรวม เพื่อเป็นค่าเทอมส่งให้
- ลูกเรียนจบตามที่เราตั้งใจไว้
- เราอายุยืน ถ้าไม่ต้องการได้รับความคุ้มครอง
- ชีวิตอีกต่อไป สามารถทำเรื่องปิดประกันแล้ว
- ขายกองทุนรวมออกมาได้ มีเงินก้อน
- ให้ลูกประมาณ 280,000 บาท
ภาพทางเลือกที่ 3 : ประกันชีวิตควบการลงทุน ผลตอบแทนเฉลี่ย 6%
เราเดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ไปได้หลายวิธี เช่น เดิน วิ่ง
ขี่จักรยาน ขับรถยนต์ นั่งรถทัวร์ นั่งรถไฟ นั่งเครื่องบิน ฯลฯ
แต่ละวิธีทำให้เราไปถึงเชียงใหม่ได้เหมือนกัน แต่อาจจะ
ใช้เวลาแตกต่างกัน การเก็บเงินให้ลูกอีก 20 ปีข้างหน้าก็เช่นกัน
ความจริงยังมีวิธีเก็บเงินให้เลือกอีกเยอะมาก บทความนี้
ยกตัวอย่างมา 3 แบบเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ
เคล็ดลับการเลือกว่าวิธีไหนเหมาะกับเรานั้นอยู่ที่ความรู้
"ยิ่งเรารู้จักผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากขึ้น ก็จะมีทางเลือก
ในการเก็บเงินมากขึ้น" นะจ๊ะ
อภินิหารเงินออม
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
https://aommoney.com/stories/pajaree/3-%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81/3043#k500o25245
newyorknurse