วิศุทธิ์ พรนิมิตร: everybodyeverything น้ำตาสีรุ้งแสนสวย โดย merveillesxx ชื่อของ ตั้ม วิศุทธิ์ พรนิมิตร น่าจะเป็นที่คุ้นหูใครหลายๆ คนในฐานะนักเขียนการ์ตูนเรื่อง hesheit (ฮี-ชี-อิท) การ์ตูนที่บางคนด่าว่า มันคือการ์ตูนที่ลายเส้นห่วยที่สุดในโลก! แต่บางคนบอกว่า มันคือการ์ตูนปรัชญา! สำหรับผม ผมว่ามันคือทั้งสองอย่างนั่นแหละ เท่าที่จำความได้ผมพบกับ hesheit ครั้งแรกในนิตยสาร a day จำได้ว่าอ่านไปก็ด่าไป การ์ตูนอะไรวะ อ่านยากชิบเป๋ง ลายมือห่วยแตก แถมยังมีขีดฆ่าด้วย แต่ครั้นอ่านไปอ่านมาหลายๆ เล่มเข้าก็ชักติดใจในเนื้อหาเพี้ยนๆของมัน ก็เลยมองข้ามเรื่องลายเส้นยุ่งเหยิงไปได้บ้าง ประจวบเหมาะกับไปเดินร้านหนังสือแล้วเห็น hesheit รวมเล่มเก่าๆพอดี (ฉบับรุ่นก่อนที่ออกมา 4 เล่ม 4 สี) ก็เลยทำใจเสี่ยซื้อเหมามาหมดเกลี้ยง เปิดอ่านเล่มแรกคำด่าว่า ห่วย ก็แล่นกลับมาประจำตำแหน่งที่สมองอีกครั้ง เนื่องจากงานช่วงแรกๆของเขานั้น เส้นมันเหลือรับจริงๆ สัดส่วนกายวิภาคของมนุษย์ผิดเพี้ยนไปหมด (เช่น พระเอกตอนแรกๆอาจจะมีแขนใหญ่เท่าขา แต่วันดีคืนดีแขนก็ดันใหญ่กว่าขาขึ้นมา!) แต่พอไปอ่านเรื่อยๆ ก็เข้าสู่ตรรกะเดิมๆ นั่นคือ ความหงุดหงิดที่เกิดจากภาพที่สุดแสนจะปั่นป่วนจะทุเลาลงไปเรื่อยๆ เพราะ ไอเดีย สุดบรรเจิดของการ์ตูนเรื่องนี้นั่นเอง จากข้อสังเกตของผมแล้ว hesheit ในยุคแรกๆ จะมีเนื้อหาอยู่ 2 แนว หากไม่เพี้ยนหลุดโลกไปเลย (เช่น ขนมจีบไส้อึ, ชายหญิงที่จูบกันแล้วเอาปากไม่ออก!) ก็จะเป็นเรื่องรักปนขมของชายหญิงที่อ่านแล้วอาจจะนิ่งอึ้งไปหลายวัน (ส่วนตัวแล้วผมโปรดตอน นาฬิกา มาก) และในที่สุดแล้วผมก็ปวารณาตัวเองเป็นแฟนพันธุ์แท้ของการ์ตูนเรื่องนี้จนได้ จากที่ติดใจในเนื้อหา ก็เริ่มมองสไตล์ภาพของเขาด้วยใจที่เปิดกว้างขึ้น และพบว่ามันช่างมีเสน่ห์เหลือล้น มันคือส่วนผสมของความดิบ ความบริสุทธิ์และลูกบ้า! (ก็ใครจะเขียนการ์ตูนโดยที่เขียนผิดแล้วขีดฆ่าทิ้งเลยบ้างล่ะ?) วิสุทธิ์หยุดงานเขียนไปช่วงหนึ่งใน a day พอกลับมาอีกครั้งก็ดูเหมือนว่างานของเขาจะดูสุขุม ลุ่มลึกกว่าเดิมยิ่งขึ้น (พูดให้เห็นภาพก็ประมาณ คิมดีดุค-ผู้กำกับเกาหลีที่กำลังมาแรง-ยุคดิบเถื่อนถ่อย จนไปเป็นพี่คิมยุคหลังที่เข้าทางพระทางเจ้าแล้ว) เรื่องราวของ hesheit ยุคหลังดูเหมือนจะเป็น นามธรรม มากขึ้น และมีอะไรให้เราขบคิดต่อเสมอหลังจากอ่านจบ (จากแต่เดิมที่อ่านแล้วจะถามว่า มันคิดได้ไง(วะ)) แต่ที่สำคัญก็คืองานของเขาดูจะมองโลกในแง่ดี (Positive Thinking) มากขึ้นด้วย (แต่ก็ยังมีหลุดตอนเพี้ยนๆมาบ้าง เช่น ตอนคนสะสมคอเลคชั่นอึ--อึอีกแล้ว?) หนังสือเล่มแรกของวิศุทธิ์ออกประมาณปี พ.ศ. 2546 ในชื่อ ควันใต้หมวก งานชิ้นนี้ดูมีความคลี่คลายมากขึ้น ลายเส้นคมชัดจับต้องง่าย ฉากหลัง (Background) ที่ดูมีตัวตนจริง (แต่ก่อนจะเหมือนไม่ตั้งใจวาด--ฮา) ไร้ซึ่งการขีดฆ่าคำพูดอีกต่อไป เรื่องราวนั้นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของ ชายหนุ่มตัวเล็ก หญิงสาวสูงเพรียว บุหรี่ หมวก และการเดินทางข้ามเวลา (เริ่มเข้าข่าย มันคิดได้ไง แล้วใช่มั้ยครับ) อ่านจบแล้วผมรู้สึกจุกอกนิ่งอึ้งไปหลายนาทีอยู่เหมือนกัน การ์ตูนเรื่องนี้เหมือนเป็นการเอานิยายของฮารูกิ มูราคามิและฟิล์มหนังของหว่องกาไวเข้าเครื่องปั่นไฟฟ้าด้วยกัน everybodyeverything เป็นหนังสือเล่มที่สองของวิศุทธิ์ ที่เพิ่งออกสดๆร้อนๆ หนังสือมีดีกรีไปตีพิมพ์ที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ซึ่งพอผมอ่านไปถึงตอนสอง วันแห่งความรัก ก็ได้กลิ่นตุ่ยๆของปลาดิบโชยเข้าจมูกเลยทีเดียว พฤติกรรมหรือฉากของตอนนี้ดู ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น เหลือเกิน (เช่น ตกใจจนตาถลนหรือกระโดดไปชนกระจก, ฟ้าผ่าเปรี้ยงลงกบาลเมื่อรู้สึกผิดหวัง) เห็นแล้วก็รู้สึกตกใจมาก พลางคิดในใจ พี่ตั้มเปี๋ยนไป๊ ซะแล้ว แต่คิดเองเออเองว่าเขาใช้วิธีการแบบนี้เพื่อให้ชาวญี่ปุ่นเกิดความคุ้นชินและสัมผัสงานของเขาได้มากขึ้น ประกอบกับเนื้อหาในตอนนี้ยังจี๊ดใจผมอยู่ เพราะฉะนั้นผมก็เลยตัดสินใจอ่านตอนต่อๆไป พออ่านตอน รถไฟ และ วงดุริยางค์ ผ่านไปก็ใจชื้นขึ้นมาเยอะ เนื้อหาทั้งสองตอนพออ่านแล้วก็รู้สึกถึงการอิงบริบทสังคมไทยที่ชัดเจนมาก (ตอนนี้กลิ่นปลาดิบเริ่มเปลี่ยนเป็น ปลาทูแล้ว) โดยเฉพาะเรื่องของรถไฟฟ้าในตอนรถไฟที่อ่านแล้วฮาชนิดตกเก้าอี้ ตอน รถไฟ นั้นว่าด้วยคนกลุ่มใหญ่ที่ขึ้นรถไฟฟ้าแล้วไปพบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ตอนนี้ดูจะแปลกไปจากงานชิ้นก่อนๆ ของวิศุทธิ์อยู่เหมือนกัน เพราะโดยปกติแล้วงานของเขามักจะพูดถึงความสัมพันธ์ของชายหญิง เขา และ เธอ กับ มัน (ซึ่ง มัน ในที่นี้ก็มักจะเป็นตัวแทนของความรักหรือความสัมพันธ์ในหลากรูปแบบ) แต่คราวนี้เขาหันมาจับความสัมพันธ์ของกลุ่มคนที่ซัดทอดกันไปเรื่อย แต่พวกเขาทั้งหมดล้วนมีจุดร่วมกันคือการเป็น คนในเมืองใหญ่ (เหมือนหนังของหว่องกาไว โดยเฉพาะเรื่อง Fallen Angels) ที่มักจะเป็นคนเหงาหรือคนแบบใช้ชีวิตแบบซังกะตายอยู่เรื่อยไป บรรยากาศแบบนี้เจืออยู่ในงานของวิศุทธิ์อยู่บ่อยครั้ง และชัดเจนที่สุดใน ควันใต้หมวก ส่วนตอนของ วงดุริยางค์ นั้น วิศุทธิ์กลับมาใช้ตรรกะแบบ he-she-it อีกครั้ง สังเกตได้ว่าตัวละครชายของเขามักจะเป็นฝ่ายตกหลุมรักหญิงสาวแสนสวยอยู่เสมอ (สาวในฝันของวิศุทธิ์นั้นเหมือนนางฟ้า-ที่มีตัวตนอยู่จริง-มาก ตอนที่อ่านเรื่อง โลกของจอม ของทินกร หุตางกูร ผมก็แทนภาพของตัวละคร ปารตี ด้วยผู้หญิงในเรื่อง hesheit นี่แหละครับ) และเธอก็จะมีอิทธิพลขนาดทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะทีเดียว (คล้ายกับหนังของชุนจิ อิวาอิ) สิ่งที่ผมชอบก็คือวิศุทธิ์มักไม่ให้บทสรุปรักลงเอยแบบชัดเจนให้กับตัวละคร แต่มักจะเป็นบทสรุปคลุมเครือที่จินตนาการต่อเองแล้วมีความสุขกว่าฉากจบที่พระนางทั้งสองวิ่งให้โผกอดกันเป็นยิ่งนัก (ให้ลองคิดถึงตอนจบของการ์ตูนเรื่อง Whisper of the Heart ของจิบลิสตูดิโอนะครับ) พอผมเริ่มถวิลหาความเพี้ยนแบบงานเก่าก่อน ตอนของ สับปะรด ก็วิ่งปรี่เข้ามาสนองความต้องการผมทันที แต่คราวนี้เป็นความเพี้ยนชนิดครอบครัวเสียด้วยนะ เพราะมันว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวสับปะรดอัจฉริยะที่ตามหาแม่ของตัวเองด้วยการประดิษฐ์เครื่องมือพิศดารจากสมการคณิตศาสตร์ (โอ..ฟังแล้วงงดีทีเดียว) ต่างออกไปที่ว่างานชนิดเพี้ยนๆ ของเขาในสมัยก่อนนั้นมักคลุมด้วยบรรยากาศที่หลุดโลก ไม่น่าไว้วางใจ และน่าขยะแขยงในบางที แต่คราวนี้สับปะรดลูกเพี้ยนนี้กลับแสนหวานฉ่ำ ด้วยตอนจบที่น่าประทับใจเป็นสุดแสน ทีเด็ดของหนังสือเล่มนี้คือสองตอนสุดท้ายอย่าง พี่ชาย และ มะม่วงกับมะนาว ที่เล่นงานผมจนเกิดอุทกภัยในดวงตาชนิดซ้ำซ้อนสองต่อ กับตอนหลังนั้นผมไม่แปลกใจนักเพราะเนื้อเรื่องเกี่ยวกับสุนัขนั้นได้ใจและน้ำตาของผมอยู่เสมอ (สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงชนิดเดียวที่ผมเคยมีครับ) แต่จริงแล้วก็น่าแปลกเพราะเนื้อเรื่องมันแสนจะใสสะอาดปราศจากฉากสะเทือนใจ แต่มันก็ฉกฉวยน้ำตาไปจากผมจนได้ แต่สิ่งที่น่าประหลาดที่สุดก็คือการที่ผมเสียน้ำตาให้กับตอน พี่ชาย เพราะผมไม่มีพี่ชายอะไรกับเขาเลย (ผมเป็นลูกคนเดียวมาทั้งชีวิตครับ) แต่วิศุทธิ์ก็สามารถทำให้ผมเกิดอาการ ม่านตาพร่ามัวชั่วขณะ ไปพร้อมๆ กับตัวละครน้องชายในเรื่อง มันน่าอัศจรรย์ใจมากที่ผมร้องไห้จังหวะและช่องเดียวกับที่ตัวละครร้องไห้พอดี มันเป็นเรื่องของความแม่นยำที่ผมคิดว่าไม่ใช่แค่ความบังเอิญ อ่านจบเรื่องนี้แล้วเผลอตะโกนในใจว่า ตั้ม นายแน่มาก สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดียิ่งขึ้นก็คือ หมายเหตุท้ายเล่ม ที่เขาระบุว่าในแต่ละตอนนั้นเขาเขียนขึ้นเพื่อใคร นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เราได้รู้ถึงที่มาของเรื่องราวต่างๆ ในหนังสือของวิศุทธิ์ อย่างเช่น ตอน เกม เขาน่าจะเขียนให้เพื่อนสมัยเด็กๆ ตอน วันแห่งความรัก เขาเขียนให้แด่ ร้านสวีทคอร์เนอร์ โรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนทัล ซึ่งมันก็สอดคล้องระหว่างการ์ตูนและโลกแห่งความจริง (ในการ์ตูนร้านคอฟฟี่ช็อปถูกทุบทิ้ง และในความจริงโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนทัลกำลังจะกลายเป็นสยามพารากอน) มันจึงทำให้เราจินตนาการคาดเดาไปสุดแสนไกลว่าวิศุทธิ์น่าจะมีความทรงจำมากมายกับที่แห่งนี้ และตอน พี่ชาย ที่เขาน่าจะเขียนแด่พี่ชายของเขาเอง และบรรทัดสุดท้ายเขาก็ระบุไว้ว่า หนังสือเล่มนี้ แด่ ทุกคน ซึ่งผมก็คิดว่า everybodyeverything เป็นงานที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย มันเป็นการ์ตูนบริสุทธิ์ ที่จริงใจ มองโลกในแง่ดี และแฝงแง่คิดไว้มากมาย ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าตอนนั้นจะตลก จะเศร้า จะซึ้ง หรือจะเพี้ยนแค่ไหนก็ตาม ทุกคนทุกสิ่ง ในทุกตอนนั้นจะทำให้คุณอ่านจบแล้ว รู้สึกดี ควันใต้หมวก บอกใบ้เราไว้ตั้งแต่หน้าปกสีขาวดำแล้วว่าคุณจะได้พบกับโลกหม่นเศร้าสีเทา และ everybodyeverything เป็นบอกใบ้ความรู้สึกดีๆ แบบนั้นไว้ตั้งแต่หน้าปกเช่นกัน มะม่วงกับมะนาว (เด็กสาวกับสุนัข) กำลังร้องไห้ แต่มีสายรุ้งทอดข้ามผ่านนัยน์ตาของทั้งสอง และมันก็เป็นน้ำตาสีรุ้งที่แสนจะงดงาม ปล. หลังจากค้นพบความงดงามเจ็ดสีของสายรุ้งในหนังสือแล้ว อย่าลืมกางปกในทั้งสองด้านของหนังสือออกมาดูนะครับ แล้วคุณจะพบ ความงามขาวดำ อีกด้วย - หนังสือเล่มนี้เป็นผลิตผลของ สำนักหนังสือไต้ฝุ่น โดย ปราบดา หยุ่น ครับ ลองไปเยี่ยมเยียนพวกเขาได้ที่ //www.typhoonbooks.com - คุณ grappa เขียนถึงหนังสือเล่มนี้ไว้ที่นี่ครับ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=a-wild-sheep-chase&month=03-2005&date=20&group=1&blog=1 ผมชอบหยังสือเล่มนี้มากกว่าhesheitมากๆ วิศัทธิ์เขียนได้อัจฉริยะอย่าเงหลือเชื่อ นับถือเลยอะ
โดย: คนหล่อ (ทำใจได้ ) วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:23:51:47 น.
ตั้มเขาสุขุมขึ้นมากนะคะ
อ่านตอน พี่ชาย และมะม่วงกับมะนาวจบแล้ว รู้เลยว่าอาการ "แปลบๆ ในอก" แบบที่ คุณบานานา ยาชิโมโต้ บอกไว้ในคำนิยมนั้นเป็นอย่างไร โดย: grappa วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:10:25:17 น.
มาเพิ่มเติมข้อมูล งานของตั้ม ชุด hesheit มีที่สำนักพิมพ์สุดสัปดาห์สำนักพิมพ์เอามาพิมพ์อีก 8 เล่มด้วยค่ะ เอาที่เคยพิมพ์รวมเล่ม 4 เล่มรุ่นก่อนมาพิมพ์ครั้งที่สอง
(ชุดรุ่นก่อน 4 เล่มตัวเองมีหน้าปกสีชมพูแป๊ดเล่มเดียว แถมตอนนั้นก็อ่านชื่อหนังสือการ์ตูนไม่ออก ต้องถามคนที่เอามาให้ว่าอ่านว่าอย่างไร ค่าที่มันเขียนติดกันหมด จะให้อ่านว่าอย่างไรเนี่ยะ ) ชุด 8 เล่มนี้เอาที่เคยลงในอะเดย์มารวมเล่มเพิ่มด้วย เอาภาพหน้าปกมาวางเรียงกันแปดเล่มได้ภาพเก๋ไก๋หนึ่งภาพด้วย ไอเดียเริ่ดจริงๆ โดย: grappa วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:11:04:47 น.
ดีใจแทนพี่ตั้มจริงๆ เลยค่ะ
โดย: foneko IP: 61.91.78.48 วันที่: 29 มีนาคม 2548 เวลา:17:37:00 น.
คุณตั้มเขามายืนยันแล้วว่าตอน 'พี่ชาย' นี่เป็นเรื่องจริง อ่านที่นี่เลยครับ //www.typhoonbooks.com/webboard/showQAnswer.asp?qNo=320&nickname=
โดย: merveillesxx วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:14:39:45 น.
ข้าน้อยเคยอ่าน ใน hesheit ใน a day ขอรับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เลยอ่านหลายๆครั้ง จนเข้าใจมากขึ้น ชอบมากจริงขอรับคุณวิศุทธิ์
อ่านแล้วจะว่าผ่อนคลายก็ดี อบอุ่นก็ดี แบบไหนก็ชอบ ไปหา everybodyeverything มาอ่านดีกว่า โดย: evil_kun วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:20:37:54 น.
ชอบงานเขามาตั่งแต่อยู่กับkatchแล้ว
อ่านตอนแรกรู้สึกเรื่องขนบจีบอึนี่หละ ตังแต่นั้นก็พยายามติดจามมาตลอด แต่ว่าช่วงนี้ไม่ได้ซื้อadayเลยไม่ได้อ่าน ยากอ่านอีกจัง รู้สึกว่างานช่วงหลังๆจะเข้าใจได้มากกว่าแต่ก่อนนะ โดย: มิ๊กกี้ IP: 61.90.106.170 วันที่: 30 มีนาคม 2548 เวลา:23:15:25 น.
ตั้งแต่เลิกซื้อ A Day ไปปีกว่า ก็ไม่ได้อ่านอีกเลยครับ
แต่เล่มนี้ ปกน่ารักดี... ว่างๆ จะไปหามาอ่านบ้าง :D โดย: it ซียู วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:11:11:16 น.
ยินดีด้วยค่าา สำหรับผลโหวตที่ได้รับ ^^
... โดย: ขอบคุณที่รักกัน (blueberry_cpie ) วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:18:00:03 น.
น่าอ่านมากๆเลยครับ เดี๋ยวคงต้องไปหามาอ่านบ้างครับ ดูแล้วคงเนื้อหาแนวๆหนังเหงาๆนะครับ น่าสนใจมากๆครับ ขอบคุณนะครับที่เอาหนังสือดีๆน่าสนใจมาแนะนำกันครับ :)
โดย: Tempting Heart วันที่: 31 มีนาคม 2548 เวลา:19:44:18 น.
วันเกิด 4 ปีที่แล้วได้มั้ง แฟนซื้อการ์ตูนรวมเล่ม hesheit มาให้
ได้รับปุ๊บเราโกรธมาก เพราะพลิกไปมา ซื้อมาได้งัยวะ ไม่เห็นน่าอ่านเลย พออ่านถึงก็สนุกดี แต่บางตอนอ่านไม่ค่อยเข้าใจ บังเอิญว่าใน a day เราอ่านไม่กี่คอลัมภ์ เมื่อก่อนในส่วนของการ์ตูนอ่ะ เราจะข้ามไปเลย เรามองว่าเค้าเอาเปรียบผู้บริโภค เขียนมาได้งัยลายเส้นโคตรห่วย แต่ตอนนี้เริ่มชอบแล้วล่ะ โดย: ช็อคชิป (ช็อคชิป ) วันที่: 21 เมษายน 2548 เวลา:14:27:48 น.
โฮๆๆ
อ่านแล้ว... จบลงพร้อมคราบนำตา ขอบคุณคุณmerveillesxxเหลือหลายที่แนะนำหนังสือดีโคตรเล่มนี้ อบอุ่น...อ่อนโยน เคยอ่านไดอารี่ของโยชิโมโต บานานา เค้าบอกว่า "I don't know why, but whenever I see mamuan-chan and her dog in his(วิศุทธิ์) cartoon I have to cry" อืม..เข้าใจแล้วล่ะ แต่ตอนที่เราระเบิดนำตา ก็คือตอน "พี่ชาย" น่ะแหละ ทั้งๆที่เราก็เหมือนกับคุณ เกิดมาในชีวิตไม่เคยมีพี่ชายกะเขา วิศุทธิ์ทำได้! โดย: myrmidon IP: 203.150.84.108 วันที่: 23 เมษายน 2548 เวลา:22:17:51 น.
เลิกดูถูกการ์ตูนที่ลายเส้น
ตั้งแต่ขำขี้แตกขี้แตนไปกับลัคกี้แมน โดย: Oakyman วันที่: 30 พฤษภาคม 2548 เวลา:16:58:10 น.
อ่านแล้วชอบครับ เป็นการ์ตูนที่ให้มากกว่ารูปภาพที่เห็น และก็ยังคงติดตาม HESHEIT ในADAY อยู่อย่างต่อเนื่องครับผม
โดย: BedRoom วันที่: 12 มิถุนายน 2548 เวลา:19:57:44 น.
ขอบคุณทุกคนคร้าบ จะตั้งใจเขียนให้ดียิ่งๆขึ้นไป ไม่ให้ทุกคนผิดหวังแน่นอน
โดย: ตั้ม IP: 61.192.88.235 วันที่: 27 มิถุนายน 2548 เวลา:22:27:56 น.
เออ ตอนวันแห่งความรัก เขียนมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ ไม่ได้เขียนใหม่นะคับ
เคยอ่านนานแล้ว โดย: คิดคับ IP: 202.28.27.3 วันที่: 19 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:07:02 น.
โดย: 1 IP: 202.176.84.91 วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:14:52:42 น.
แวะมาอ่านครับ .... ปล. สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังด้วยครับ
โดย: POL_US วันที่: 29 กันยายน 2548 เวลา:14:57:30 น.
รอตั้มที่หาดใหญ่นะ
โดย: แน๊ต IP: 61.91.155.19 วันที่: 25 กรกฎาคม 2549 เวลา:16:40:22 น.
ชอบมาก
โดย: หยุง IP: 71.229.116.158 วันที่: 29 มีนาคม 2551 เวลา:12:19:48 น.
พยายามที่จะอ่านให้รู้เรื่องค่ะ
โดย: ธิดาเทพ IP: 125.25.56.155 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2551 เวลา:15:13:15 น.
เราอ่านเล่มแรกคือเล่มที่มีผู้หญิง (สีฟ้า)
และเล่มที่มีผู้ชาย (สีส้ม) อ่านแทบไม่รู้เรื่อง ก่อนจะได้พบมันเราเป็นพวกชอบอ่านการ์ตูนรูปภาพสวย เนื้อเรื่องลึกซึ้ง แฮ่ม..เห็นสองเล่มนี้มาวางไว้ตั้งนาน ไม่คิดจะอ่านหรอก มองหน้าปกก็..จะมีคนซื้อไม้เนี้ย พอดีไม่มีอะไรจะอ่าน เลยลองเป็ดอ่านดู 2..3...4...5...เรื่อง แต่ละเรื่องเหมือนสอนการใช้ชีวิต เราต้องพบกับผู้คนแล้สังคม เป็นคติเตือนใจ ความมีนำใจ หน้าตาไม่สำคัญ ทำดีได้ดี อ่านแล้วซึ้งมักๆๆๆๆๆๆ (ลองไปอ่านดูทุกผลงาน) โดย: ปิม IP: 61.7.252.67 วันที่: 19 มกราคม 2552 เวลา:10:52:47 น.
|
บทความทั้งหมด
|