After Dark : No Night is Too Long โดย merveillesxx After Dark (ราตรีมหัศจรรย์) ผู้แต่ง: Haruki Murakami ผู้แปล: นพดล เวชสวัสดิ์ สำนักพิมพ์กำมะหยี่ (พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2551) 160 หน้า, 180 บาท ถือเป็นเรื่องปกติที่เราจะเคย 'อิน' กับอะไรมากๆ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราก็จะรู้สึกกับสิ่งนั้นน้อยลง สำหรับผมแล้วสภาวการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอยู่เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นกับหนังของหว่องกาไว, รักแห่งสยาม, ละครเวที 'สู่ฝันอันยิ่งใหญ่' หรือกระทั่งงานเขียนของ ฮารูกิ มูราคามิ ผมเองก็เคยผ่านโรคดาษดื่นอย่าง Murakami Syndrome มาแล้วเช่นกัน ช่วงปีสองปีสาม (2004-2005) ผมตามอ่านงานของมูราคามิอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ยังจำได้ดีตอนที่มึนงงกับโลกคู่ขนานของ Sputnik Sweetheart, หลอกหลอนกับตอนจบของ South of the Border, West of the Sun และหัวใจสลายเมื่ออ่าน Norwegian Wood จบลง อย่างไรก็ดี ในช่วงหลังที่ผมห่างเหินกับมูราคามิก็ไม่ได้แปลว่างานของเขาอ่อนด้อยลง (เพราะผมก็อ่านงานของสลับไปมา ไม่เรียงลำดับก่อนหลังอยู่แล้ว) แต่เป็นปัจจัยที่เกิดขึ้นจากตัวผมเอง (ซึ่งก็ยังหาคำอธบายดีๆ มาบอกกล่าวตรงนี้ไม่ได้) ผมกลับมาจูบปากกับตัวหนังสือของมูราคามิอีกครั้งเมื่อช่วงต้นปี 2008 เมื่อตัวเองประสบเหตุป่วยไข้ (เวลาไม่สบายผมมักอ่านหนังสือได้เร็วกว่าปกติ) ผพบว่าตัวเองอ่าน Kafka on the Shore ที่มีความหน้า 500 กว่าหน้าได้อย่างตื่นเต้นระทึกใจเอาการทีเดียว (แต่ก็พบเรื่องน่าสะพรึงอีกอย่างว่าผมอ่านหนังสือช้าลงมากเมื่อเทียบกับสมัยเรียนมหาลัย) สำหรับผมแล้ว Kafka on the Shore เป็นผลงานมาสเตอร์พีซอีกชิ้นหนึ่งของมูราคามิ (ถึงแม้ตอนจบจะดูสดใสให้กำลังใจผิดวิสัยไปหน่อย) ผมเคยพยายามจะเขียนถึงหนังสือเล่มนี้ด้วย แต่ไฟล์ word ก็ยังคงค้างเติ่งที่ desktop ประจานความขี้เกียจของผมต่อไป เมื่อ After Dark (ซึ่งถือเป็นนิยายเล่มล่าสุดของมูราคามิ) ฉบับแปลไทยวางแผงเมื่อต้นเดือนสิงหา ผมจึงอยากทำตัว 'อินเทรนด์' กับเขาบ้าง ด้วยการอ่านหนังสือเล่มนี้จบลงโดยไว ผลออกมาน่าประทับใจมาก (จนเกินความคาดหมาย) เพราะผมอ่านหนังสือเล่มนี้จบภายในหนึ่งวัน ซึ่งถือเป็นความน่าปลื้มใจระดับได้เหรียญทองโอลิมปิกทีเดียวสำหรับคนที่ห่างหายจากการอ่านหนังสือไปนานอย่างผม (อย่างไรก็ดี After Dark หนาเพียง 160 หน้า) เรื่องราวของ After Dark อาจแบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ที่เล่าสลับไปมา (อันเป็นโครงสร้างที่มูราคามิใช้อยู่บ่อยครั้ง เช่นใน Hard-Boiled Wonderland and the End of the World หรือ Kafka on the Shore) ส่วนแรกว่าด้วยมาริ นักศึกษาวัย 19 ที่ไม่ยอมกลับบ้าน แต่นั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอยู่ในร้านกาแฟ เธอได้พบกับผู้คนมากมาย ทั้งนักดนตรีหนุ่ม (ที่อ้างว่าเคยเจอกับเธอมาแล้ว), อดีตนักมวยปล้ำหญิงที่เป็นผู้ดูแลโรงแรมม่านรูด (แถมยังชื่อเก๋ไก๋ว่า Alphaville ตามหนังของ ฌ็อง-ลุค โกดาร์) ไปจนถึงพนักงงานโรงแรมที่มีอดีตอันลึกลับ ส่วนพล็อตที่สองเล่าถึง เอริ พี่สาวหน้าตาสวยของมาริ ซึ่งหลับใหลไปโดยไม่มีสาเหตุเป็นเวลาสองเดือนแล้ว ในผลงานชิ้นนี้ดูเหมือนว่ามูราคามิจะทดลองโครงสร้างการเล่าเรื่องแบบใหม่ๆ (สำหรับในงานของเขาเอง) อยู่อย่างน้อย 2 อย่าง แรกสุดคือ After Dark เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน 'หนึ่งคืน' ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้าโดยประมาณ (แถมแต่ละบทยังมีนาฬิกากำกับบอกเวลาไว้เสียด้วย) กล่าวอีกแบบคือ เหตุการณ์ในเรื่องดำเนินไปในลักษณะ real time นั่นเอง ซึ่งก็น่าจะเน้นให้ผู้อ่านรู้สึกว่าถึงความสมจริงและมีความรู้สึกร่วมตามได้มากขึ้น (ในที่นี้ต้องแอบเล่าให้ฟังว่า ผมได้ทำเก๋ด้วยการเริ่มอ่านตอนเที่ยงคืน และอ่านจบในช่วงหกโมงเช้าแบบในหนังสือจริงๆ) การทดลองอย่างที่สองเกิดขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในพาร์ตส่วนของเอริ (สาวนิทราคนนั้น) แทนที่มูราคามิจะใช้พรรณนาโวหารตามปกติ เขากลับให้เราสมมติตัวเองเป็นประหนึ่ง 'กล้องวงจรปิด' ที่แอบสอดส่ายสายตาลอบสังเกตการณ์ผู้อื่น (โดยในที่นี้คือ หญิงสาวที่กำลังนอนหลับอยู่) บางครั้งจนเรารู้สึกเหมือนถ้ำมองทีเดียว ต้องสารภาพว่าผมมีปัญหากับพล็อตส่วนนี้พอควร เพราะมันต้องใช้สมาธิและจินตนาการมากกว่าปกติ อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะจงใจหรือบังเอิญ มันก็การตอบรับต่อกระแสวัฒนธรรมทางสายตา (Visual Culture) อย่างรายการเรียลลิตี้หรือ youtube อย่างพอเหมาะพอดี (แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามูราคามิคงไม่นั่งดูรายการ Big Brothers เป็นแน่) ถัดจากข้อสังเกตที่กล่าวไปข้างต้นแล้ว หากพูดในแง่ความรู้สึก สิ่งที่ผมชอบใน After Dark คือ การเล่าเรื่องหลักผ่านมุมมองของตัวละครหญิง (ซึ่งเคยปรากฎมาแล้วใน Sputnik Sweetheart) ผมคิดว่ามูราคามิทำตรงนี้ได้น่าสนใจและลึกซึ้งพอสมควรทีเดียว ถึงแม้จะเห็นได้ชัดว่าการดึงอารมณ์ร่วมจากคนอ่านจะทำได้น้อยกว่ากรณีตัวละครเอกเพศชาย (ซึ่งมักเป็นเรื่องราวที่กลั่นกรองจากประสบการณ์ของเขา หรือเป็นภาพแทนของผู้เขียน - ชัดที่สุดใน Norwegian Wood) แต่ต้องกล่าวตามตรงว่าระยะหลังมาผมก็รู้สึกอิ่มเอียนกับอะไร 'แมนๆ' ในหนังสือของเขาเหมือนกัน (อาทิ เช่น ชายหนุ่มกับลำลึงค์ขนาดยักษ์ ผู้มีลีลาเซ็กส์สุดสวิงสนั่นหวั่นไหว บลาๆๆๆๆ) อีกประการหนึ่งที่ผมชอบใน After Dark ก็คือตอนจบแบบปลายเปิด (ซึ่งจริงๆ ก็ปรากฏในงานของเขามาตลอด) พล็อตย่อยของตัวละครราว 5-6 ตัว ไม่ได้รับการคลี่คลายอย่างชัดเจน (อย่างที่ว่าไว้-หนังสือจับเหตุการณ์แค่หนึ่งคืนมาเล่าให้เราฟัง) มันทำให้รู้สึกว่าตัวละครเหล่านี้มีชีวิต และชีวิตของพวกเขาจะดำเนินต่อไป (ไม่ว่าจะในทางดีหรือเลวก็ตาม) ธีมหลักของ After Dark ก็ยังคล้ายกับผลงานก่อนๆ ของมูราคามิ คือการพูดถึงมนุษย์ในระดับปัจเจกที่ล้มเหลวทางการสื่อสารอย่างสิ้นเชิง (เห็นได้ชัดที่สุดคือคู่พี่น้องสองสาว มาริกับเอริ ที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่แทบไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่าย) ตัวละครนักดนตรีหนุ่มได้ให้ภาพของเรื่องนี้ไว้อย่างน่าขนลุกว่า "ผมนั่งคุยกับเธอ แต่รู้สึกว่าเสียงของผมไม่ไปถึงเธอ เธอไม่ได้ยินผมแม้แต่คำเดียว ผมเพิ่งรู้ตัวว่าอยู่ห่างกับเธอหลายร้อยไมล์" อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ในหนังสือเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ (สันนิษฐานว่าเป็นโตเกียว) ขณะที่อ่านไปก็อดคิดถึงหนังของ มิเกลอันเจลโล อันโตนิโอนี่ ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่อง The Eclipse (1962) ที่เล่าความสัมพันธ์อันเปราะบางของชายหญิงคู่หนึ่งที่แหลกสลายลงในที่สุด ตอนจบของหนังเรื่องนี้เป็นภาพของเมืองที่ไร้ผู้คนพร้อมกับการตัดสลับภาพตึกรามบ้านช่องอย่างรวดเร็วไปพร้อมกับเสียงดนตรีอันหลอกหลอน ราวกับจะบอกคนดูว่าความศิวิไลซ์ได้คร่า (และฆ่า) ความเป็นมนุษย์ไปจนหมดสิ้นแล้ว อย่างไรก็ตาม After Dark ไม่ได้เลวร้ายขนาด The Eclipse ในระบบการสื่อสารที่พังทลาย ก็ยังมีมนุษย์สักคนที่พร้อมจะใส่ใจฟังพวกเขา ในที่นี้แสดงผ่านการที่ตัวละครต่างแลกเปลี่ยนเรื่องราว, อดีต หรือความลับซึ่งกันและกัน โดยที่เขาอาจจะเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก (อย่างที่มาริกับพนักงานโรงแรมเล่าความลับสู่กันฟัง) หรือมันอาจเป็นเพียงการบอกกล่าวความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา (ตามที่นักดนตรีหนุ่มบอกกับมาริ) นี่คือการสื่อสารขั้นพื้นฐานที่อาศัยปัจจัยเพียง 3 อย่างคือ ผู้ส่งสาร, ตัวสาร และผู้รับสาร แต่ก็ขาดอีกหนึ่งปัจจัยไม่ได้คือความใส่ใจที่จะ 'ฟัง' แท้จริงแล้ว After Dark อาจจะพูดเรื่องง่ายๆ ว่าด้วยค่ำคืนหนึ่งที่ใครสักคนรู้สึกดำดิ่งลงเหวลึก จนไม่อาจทนทานพยุงตัวอีกต่อไป แต่ถ้าหากเขาได้ใครสักคนมารับฟัง มันก็อาจช่วยลดทอนความแน่นจุกอกในใจเขาได้บ้าง ความทุกข์ที่เกิดขึ้นอาจไม่หายวับไปกับตา แต่มันอาจทุเลาลงได้บ้าง คนผู้นั้นจะผ่านพ้นค่ำคืนอันเลวร้ายไป พร้อมกับตระหนักได้ว่าไม่มีค่ำคืนใดที่ยาวเกินไป และไม่มีคืนใดที่เป็นนิรันดร์ เหมือนกับตอนหนึ่งของหนังสือที่ว่า "รัตติกาลฉีกขาดสลายตัวไปในที่สุด เวลาจะเคลื่อนผ่านไปอีกระยะ จนกว่าความมืดครั้งถัดไปจะมาเยือน" * No Night is Too Long เป็นชื่อนิยายปี 1994 ของ Ruth Rendell โดยเขียนใช้ชื่อ Barbara Vine * ล่าสุด Norwegian Wood กำลังจะถูกทำเป็นหนังใหญ่แล้ว โดยผู้กำกับชาวเวียดนาม Tran Anh Hung อ่านข่าวได้ ที่นี่ * 18 สิงหาคม 2551 มีงาน "รวมพลคนอ่านและไม่อ่านงานมูราคามิ" รายละเอียดอ่าน ที่นี่ " แต่ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามูราคามิคงไม่นั่งดูรายการ Big Brothers เป็นแน่ "
อ่านแล้วขำอะ ใช้ภาษาดูทางการแต่การเล่าก็ยังคงเล่าแบบเป็นตัวเอง ชอบชอบ สรุปวันจันทร์ไปงานมูราคามิ ใช่มั้ยคะ? สนุกให้เต็มที่นะคะ ส่วนงานวันศุกร์ คาดว่าคงไปไม่ได้ เพราะมีงานอาจารย์สั่งใหม่อีกแล้ว ต้องรีบทำ เกลียด Kim Ki Duk ฮาฮา เข้าใจๆ พยายามหน่อยนะ ฝ่าฟันความขี้เกียจไปให้ได้ ไม่ได้เข้าโรงหนังมา 26 วันแล้ว ส่วนเราหนังเรื่องสุดท้ายที่ดูในโรงคือ wanted (นานมากกว่าต่ออีก) " พอใจกับความสัมพันธ์แบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ (รึป่าวนะ) " อันนี้คือที่กล่าวถึง Right? ปล. เมสเซจทำให้เรากลัวว่าจะเผาอะไรเราอีก และรีบมาเปิดดูอย่างเร็วไว เม้นท์แรกเลยเห็นปะ โดย: มนุษย์ผู้ซึ่งได้รับเมสเซจตอนเกือบแปดโมง IP: 125.24.126.137 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:10:31:37 น.
วันก่อนเพิ่งหยิบเซาธ์ออฟเดอะบอร์เดอร์ฯ มาอ่านใหม่อีกรอบตอนตีสองถึงตีสี่
กลับมาอ่านใหม่หลังไม่ได้หยิบมานาน รู้สึกอินกับตัวหนังสือมากกว่าเดิมแฮะ โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:12:56:39 น.
ช่วงนี้เราอ่านแต่ช่อการะเกด พึ่งอ่านจบไป
เรื่องที่ชอบมากในช่อการะเกดฉบับล่าสุดคือ ดอกไม้แห่งอนธกาล (ชื่ออย่างเพลงของริค) ว่าด้วยหลวงพ่อรูปหนึ่งที่แก่หงั๊กแล้วแต่แกติดพันฝันถึง'ดอกไม้' มาตั้งแต่เด็ก แกก็เลยอยากเห็นจริง ๆ สักครั้งว่าไอ้ 'ดอกไม้'นี้มันเป็นอย่างไร เล่าเ่ื่รื่องได้เยี่ยม แม้พอเดาได้ แต่ก็จี๊ดที่สุด โดย: I will see U in the next life. วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:13:18:16 น.
ลุงคิมไปทำอะไรพี่ท่าน ฮ่าๆๆ
ตอนนี้อ่านหนังสืออะไรนอกจากตำราไม่จบมาประมาณสามร้อยกว่าวันแล้ว อีแฮร์รี่ เล่ม 7 ภาษาอังกฤษ อ่านตั้งแต่ "ปิดเทอมใหญ่หัวใจว้าวุ่น" ของ ปีที่แล้ว ป่านนี้ยังไม่จบเลย โดย: nanoguy IP: 161.200.28.36 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:13:31:19 น.
จริงๆ ส่วนตัวไม่ค่อยชอบมูราคามิเท่าไหร่ Sputnik Sweetheart เป็นเรื่องเดียวที่เคยอ่าน จบแล้วชวนคิดอยู่ไม่กี่วัน แต่มิได้ชื่นชอบโปรดปรานมากมาย คิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นมูราคามิ ซินโดรม
อย่างที่บอก ตอนนี้กำลังอ่าน Norwegian Wood ที่ร่ำลือกันนักกันหนาว่าหัวใจสลาย ไปได้กว่าร้อยหน้าแล้ว ยอมรับว่าติด ชอบเรื่องเศร้าๆ แบบนี้ ไว้ให้จบเรื่องนี้ก่อน ค่อยตัดสินใจว่าจะอ่านอะไรของมูราคามิต่ออีกไหม Kim Ki Duk เป็นผกก.ที่เราชอบคนนึงเลยนะ ล่าสุดเพิ่งได้ Costal Guard มา แต่ยังไม่ได้ดู โดย: เอกเช้า IP: 124.120.182.2 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:21:07:14 น.
ขอบคุณมากมายที่บอก
มันห่างหายช่วงเวลาอ่านนิยายฟุ้งซ่านแล้วไปปั่นจักรยานมานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าอ่านอีกรอบจะยังชอบอยู่ป่าว สมองบางส่วนชั้นคงจะแฟบไปตามนม ยิ่งเรียนยิ่งโง่ พรุ่งนี้จะไปหามาอ่าน ส่วนkim ki duk อ่านทีไรนึกถึงคำนั้นที่แกเคยบอก ซุนฮึกฮื เสียงมันเป็นจังหวะๆอ่ะ ตกลงเฮียแกเป็นไร ส่วนเรื่องจะเอานอรวีเจียนมาทำเป็นหนัง น่ากลัววะ หนังสืออ่านๆไปอึดอัดยังวางได้ กลับมาอ่านต่อ แต่ดูในโรงนี่จะทนได้จนจบมั้ย เรื่องกลิ่นมะละกอเขียวชั้นซื้อตอนที่แกพาไปร้านแว่นครั้งแรก ไม่เห็นชอบเลย ดูไม่จบด้วยมั้ง จำไม่ได้ พรุ่งนี้สนใจมางานรับปริญญาป้าวีร่ามั้ย ฉลองปริญญาเอกใบที่สิบ(อิอิ) ชั้นอยู่ตลอดนะ โดย: ส้มโอ IP: 202.176.66.151 วันที่: 13 สิงหาคม 2551 เวลา:23:42:53 น.
ตอบ มนุษย์ผู้ซึ่งได้รับเมสเซจตอนเกือบแปดโมง งานมูราคามิอาจจะไม่ได้ไปอ่ะ วันนั้นติดสัมภาษณ์ วันศุกร์ไม่มาจริงเหรอ ตอบ I will see U in the next life. ช่อการะเกดไม่ได้อ่านเลยอ่ะ ตอบ เอกเช้า มูราคามิเล่มที่แนะนำอีกก็ A Wild Sheep Chase, Kafka on the Shore และ South of the Border, West of the Sun ตอบ ส้มโอ งานป้าวีร่าอยากไป แต่ขี้เกียจว่ะ เมื่อไรมหาลัยเราจะมีรถใต้ดิน ซะทีวะ ! โดย: merveillesxx วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:1:33:54 น.
เข้ามากรี๊ดด้วยความอิจฉา 555
ยังไม่ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เลย น่าจะงานหนังสือเลยแหละ เพราะจนไปกับงานอมรินทร์น่ะ เหอๆ สำหรับพี่ พี่ชอบนอวีเจี้ยนมากกว่าคาฟกานะ แหะๆ เล่มนี้ถ้าได้อ่านแล้วจะมาคุยด้วยอีกทีเน้อ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:8:34:12 น.
อือ...เรานะไม่เข้าใจเรื่องของเอริมากๆ เลยล่ะ
พออ่านแล้วก็เออ...ขึ้นมาได้อีกนิด สุดท้ายก็ชอบคาฟกามากที่สุดน่ะ โดย: fonkoon วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:11:12:18 น.
ยกมือ คาฟกาด้วยคน
after dark ชอบนะ แต่ไม่ค่อยชิน เฮียมุ ต้องยาวกว่านี้ งงกว่านี้ ศุกร์นี้...ไม่ได้ไปเนอะ ไปสารทจีนที่เพชรบุรี โดย: Evil is Live วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:11:20:25 น.
ชอบอีตาคนไม่มีหน้าที่นั่งอยู่กลางห้องโล่งๆนั่นอ่ะ ไม่รู้ทำไม
โดย: danaya IP: 58.8.51.158 วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:13:57:54 น.
+ เฮ่อออ ... โลกวรรณกรรมกับพี่ ณ เวลานี้ ช่างห่างไกลกันยิ่งนัก (พอๆ กับโลกของดนตรี) เลยเข้ามาเก็บข้อมูล มูราคามิ เฉยๆ ครับ
+ วันศุกร์นี้ ตั้งใจว่าจะไปนะครับ เพราะช่วงนี้เจอทั้งงานถมตั้งแต่เช้าจรดเย็น แล้วก็ยังต้องตามเคลียร์รายละเอียดเรื่องบ้านใหม่อีก เลยรู้สึกเครียดๆ อยู่เหมือนกัน ต้องไปเสพย์ศิลปะซะหน่อยแว้ว (หรือจะทำให้เครียดกว่าเดิมหวา?!? ... ฮา) + เกลียด คิมคีดุค ... อันนี้ เง็งๆ (คงข่าววงในเจงๆ แหละ) ... ส่วนข้อ 5. นี่ .......... ฮิ้ววววววว อิๆ โดย: บลูยอชท์ วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:17:32:28 น.
อ้อ เรื่องคิมคีดุค คือ พี่แกไม่ได้ทำอะไรไม่ดีหรอกนะครับเพียงแต่ว่าผมต้องเขียนถึงแกในจำนวนหน้ามหาศาล ก็เลยทั้งรักทั้งชังไปโดยปริยาย 55 โดย: merveillesxx วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:17:49:20 น.
เฮ่ย! มูราคามิที่แนะนำมานั่นมันก็ทั้งหมดที่แกเคยอ่านเลยนี่นา ไม่คัดทิ้งบ้างหรือไง 5555
หม้อแปลงระเบิดเลย เป็นไงล่ะ เฮียคิมแกเฮี้ยนจัด ดันไปเกลียดแก ระวังเหอะ โดย: เอกเช้า IP: 124.120.192.185 วันที่: 14 สิงหาคม 2551 เวลา:18:32:36 น.
^
^ ชั้นอ่านไป 10 กว่าเล่ม คัดมาให้ 3 ยังจะบ่น ชิ 55 โดย: merveillesxx วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:0:24:53 น.
มูราคามิ เคยอ่านจริงๆจัง จบแค่แกะรอยแกะดาวเอง
นอกนั้น ค้างๆอยู่ อยากอ่าน แต่ยังไม่มีอารมณ์อะ โอเค เอาหนังสือมาแลกให้อ่านบ้างเลย จะได้เพิ่มแรงจูงใจไปพรุ่งนี้ ดีมะ ฮ่าๆ เอาจริงๆนะเนี่ย ^+++^ โดย: โณ IP: 125.25.137.191 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:1:38:12 น.
ต่อ..
คนพิเศษของพี่(ที่เอ็งก็ชอบด้วย)ที่เคยไปวิ่งตามเมื่อสิบกว่าปีก่อน เ้ค้าจะมาเดือนกันยายนนี้แหละ พี่แก โคตะระดีใจเลยว่ะ เอ่ยชื่อมิได้มันเป็นเคล็ดขัดยอกเดี๋ยวจะเกิดโรคเลื่อนไม่ยอมมาซะ ฮ่าๆ งานนี้เอาช้างมาฉุดหรือให้ตรูลาออกจากงานเพื่อไปตามยังทำได้เลย โฮกกก ไปแระ มาเวิ่นให้ฟังแค่นี้แหละ กรี๊ดดๆๆๆ โดย: พี่เหม่เหม IP: 124.121.116.236 วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:8:19:58 น.
เล่มเก่าๆ ยังอ่านไม่หมดเลยครับ
ต้องโทษ แดนฝันปลายขอบฟ้า ที่ช่วงแรกน่าเบื่อมาก เลยหยุดอ่านไปเฉยๆ แต่จริงๆ ก็เหลืออีกแค่ 2-3 เล่มเท่านั้น อีกเหตุผลคือ ผมว่า "อารมณ์มูราคามิ" ของผม ขึ้นสูงสุดที่ นอร์วีเจี้ยน วู้ด ไปแล้ว คือมันเคลียร์หมดแล้ว เต็มอิ่ม ไม่มีอะไรค้างคา หรือต้องค้นหาอีก โดย: แค่เพียงรู้สึกสุขใจ วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:20:25:23 น.
เล่มใหม่นี่ไม่ค่อยจี๊ดเท่าไหร่นะ
อ่านๆ ไป อ้าว จบแล้ว ชอบเล่มยาวๆ หนาๆ มากกว่า อ่านแล้วทรมานดี ชอบมูราคามิเล่มที่ทำให้หัวใจสลายมากกว่า เล่มนี้มันจบแบบ สว่างๆ น่ะ เลยไม่ค่อยชอบมาก แล้วก็คิดว่า เวลาที่มูราคามิให้ตัวละคร ญ เป็นตัวเด่นหรือดำเนินเรื่อง มันจะไม่ค่อยสนุกมากสำหรับตัวเอง รู้สึกว่าให้ยังไง มูราคามิก็ไม่เข้าใจความซับซ้อนของผู้หญิง เลยจะชอบมูราคามิเวอร์ชั่นแมนๆ มากกว่า โดย: grappa วันที่: 15 สิงหาคม 2551 เวลา:21:21:33 น.
แดนฝันปลายขอบฟ้า ช่วงแรกๆ ผมไปช้ามากครับ (จำได้ว่าอ่านช่วงสอบไฟนอลด้วย เลยอ่านสลับไปมาระหว่างหนังสือเรียนกับนิยาย) แต่พอกลางๆ ผมว่าโอเคทีเดียว ตอนจบก็ชอบครับ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่มางาน HYPOTHESIS วันนี้นะฮะ โดย: merveillesxx วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:0:35:08 น.
แล้วเมอร์เคยดู Tony Takitani หรือเปล่า
เล่าให้ฟังมั่งจิ๊ โดย: เอิ้น IP: 58.8.16.12 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:11:40:08 น.
จะไปซื้อ After Dark วันนี้แหล่ว นี่เค้าจะทำ รักเล้นในโลกคู่ขนานออกมาใหม่ด้วยมั้ยอะครับ ยังไม่มีเล่มนั้นเลย
โดย: หนวดฟู IP: 124.121.191.236 วันที่: 16 สิงหาคม 2551 เวลา:17:20:00 น.
ตอบ คุณเอิ้น เคยดู Tony Takitani แล้วครับ ชอบมากทีเดียว รู้สึกจังหวะของหนังนิ่งๆ ดี เลยทำให้ตัวเองจูนกับมันได้ง่าย แล้วตอนจบก็ impact มากๆ ด้วย ตอบ หนวดฟู รักเร้น ไม่เห็นออกมาใหม่ อยากอ่านจริงๆ ก็ยืมพี่เอาแล้วกัน - - - - - - - - - - - - - - - - - THIRD CLASS RADIO : TAPE 004 DISC-JOCKEYs : สุภาพ หริมเทพาธิป + ธิดา ผลิตผลการพิมพ์ feat. ชาคร ไชยปรีชา TALK ABOUT : รำลึกรายการวิทยุไบโอสโคป หรือ รายการวิสามัญบันเทิง + ชีวิตการเลี้ยงลูกสำหรับคนทำหนังที่ใฝ่ฝันอยากมีบุตร + ชาครเสี่ยงตายวิจารณ์ 'หนึ่งใจเดียวกัน' ! RUNNING TIME : 83 นาที SIZE : 22 Mb DOWNLOAD : //www.mediafire.com/?ib4cwpijbo7 โดย: merveillesxx วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:2:12:04 น.
ยังไม่ขออ่านอะ เพราะว่ายังไม่ได้อ่านหนังสือเลย อยากอ่านก่อนแล้วจะมาอ่านที่รีวิวนะ
ปล ชอบภาพปกของสำนักพิมพ์นี้อะ โดยเฉพาะแกะรอยแกะดาว แอบไปเห็นมาที่บล็อกคุณ grappa มั้ง แบบปกเท่ดี อุอุ โดย: cottonbook วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:19:03:09 น.
ผมเห็นว่า มีร้านหนังสือร้านนึง เอา After Dark ไปวางปนกับหนังสือแนวสยองขวัญญี่ปุ่นครับ
แสดงว่าปกดาร์คใช้ได้เลยนะเนี่ย 55 ปล.หนังสือ คิมคีดุก ของคุณเมอร์จะออกช่วงไหน สนพ.อะไร เขียนถึงผกก.คนอื่นด้วยหรือเปล่าครับ โดย: ฟ้าดิน วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:22:48:18 น.
^
^ ขออนุญาตยังไม่บอกรายละเอียดมากแล้วกันนะครับ เพราะเผื่อว่าผมทำมันล่มกลางคัน สนพ. เค้าจะได้ไม่เสียหาย 5555 ยังไงจะแจ้งรายละเอียดอีกทีขอรับ โดย: merveillesxx วันที่: 17 สิงหาคม 2551 เวลา:23:36:31 น.
ยังไม่ได้อ่านเลย ราตรีมหัศจรรย์
รออ่าน คิม คี ดุก โดย: renton_renton วันที่: 18 สิงหาคม 2551 เวลา:8:54:17 น.
ทุกทีเวลาอัพบล็อคใหม่ก็ไม่เคยมารบกวน แต่เผอิญบล็อคใหม่ของพี่คราวนี้มันพาดพิง และพัวพันถึงหนูเต็มๆ เลยอยากจะให้ลองเข้าไปดูๆหน่อยนะจ๊ะ
หวังว่าคงจะพอเจียดเวลาให้พี่ได้นะ (พิมพ์ไปปาดเหงื่อไป กลัวถูกด่า) โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 19 สิงหาคม 2551 เวลา:22:40:14 น.
Kafka on the shore นี่ ผมยกให้เป็นอันดับหนึ่งในใจตอนนี้เลยครับ
อ่านแล้วสะท้อน และตกผลึกมากมาย โดย: Kafka IP: 49.48.249.169 วันที่: 23 พฤษภาคม 2557 เวลา:1:40:08 น.
|
บทความทั้งหมด
|
HYPOTHESIS
สมมติฐานและการทดลองของตุลพบ แสนเจริญ
ฉายวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม 2551
เวลา 19.00 น. / BIOSCOPE THEATER
รายละเอียด
//thirdclasscitizen.exteen.com
- - - - - - - - - - - - -
5 สิ่งในใจตอนนี้
1. อินโคตรๆ กับดนตรีของ British Sea Power และ South Central
2. กำลังเกลียด Kim Ki Duk ได้ที่ (อันนี้วงใน 555)
3. ไม่ได้เข้าโรงหนังมา 26 วันแล้ว
4. กลัวงานน้องตุลพบจะไม่มีคนมา (ฮา)
5. พอใจกับความสัมพันธ์แบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ (รึป่าวนะ)