My first trip to Lord Buddha's Place Day2; 29 Jan 2019 Nalanda หลังจากลงจากเขาคิชฌกูฎ เดินทางต่อไปอีกประมาณ 1 โยชน์ ( 16 กม.) เพื่อไปชม มหาวิทยาลัยนาลันทา จุดสำคัญในนาลันทาที่ควรเยี่ยมชม คือ โบราณสถานที่มีอาณาบริเวณกว้างใหญ่เป็นสถานที่เรียนทางพุทธศาสนาในอดีต สถูปพระสารีบุตรท่านเป็นชาวเมืองนาลันทา และพระพุทธรูปดำที่ศักดิ์สิทธิ์ นาลันทาก่อตั้งในราว ค.ศ. 400-500 เชื่อว่าก่อตั้งโดยพระเจ้าสักราทิตย์แห่งราชวงศ์คุปตะ เนื่องจากมีพระนามของพระองค์ปรากฏอยู่ในดินเผาตราประทับของมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยนาลันทาพบว่าก่อสร้างด้วยอิฐแดงธรรมดาๆ มีอาณาเขตเกือบ 90 ไร่ มีกำแพงสูงล้อมรอบและมีประตูทางเข้าใหญ่หนึ่งแห่ง แบ่งเป็น 8 ส่วน น่าจะเป็นการรวมวัดประมาณ 6 วัดเข้าด้วยกัน โดยมีการล้อมกำแพง 6 วัดนี้ให้อยู่ในเขตเดียวกัน จากเดิมมีแต่พระมาเรียน แล้วก็มีแต่วิชาเกี่ยวกับพุทธศาสนาทั้งนั้น ต่อมาเปิดขยายรับนักศึกษาที่เป็นฆราวาส รับนักศึกษาต่างชาติ รวมถึง หลวงจีนเหียนจัง หรือพระถังซัมจั๋ง ท่านเรียนจบแล้วก็ได้งานเป็นอาจารย์และเป็นหนึ่งใน “บอร์ดผู้บริหาร” อยู่หลายปีก่อนกลับเมืองจีนโดยไม่ลืมที่จะนำพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ นาลันทาเป็นแหล่งความรู้ด้านต่างๆ ในยุคนั้น มีห้องสมุดที่เป็นอาคารสูง 9 ชั้นถึง 3 หลัง ชื่อรัตนสาคร รัตโนทธิ และรัตนรัญชกะ ล้วนแต่มีบ่งความหมายว่าความรู้มีค่าดุจอัญมณี มีตำราเป็นแสนๆ เล่ม มีส่วนที่ทำหน้าที่ผลิตตำราเองเสียด้วย มีหอพักนักศึกษา มีวัด 10 แห่ง ไม่นับห้องประชุมสำหรับนั่งสมาธิวิปัสสนา ห้องเรียน ทะเลสาปและสวนหย่อมภายในบริเวณนะครับ มีการเปิดสอนหลากหลายวิชาทั้งสายศิลป์และสายวิทย์ ตั้งแต่ศาสนา ประวัติศาสตร์ กฎหมาย สาธารณสุข ไปจนถึงดาราศาสตร์ ยันสถาปัตย์ มีการวางระเบียบแบบแผนทั้งงานบริหารและวิชาการอย่างมีระบบ พุทธศาสนาทั้งมหายานและวชิรยานมีอิทธิพลต่อการเรียนการสอนที่นาลันทามาก ในช่วงที่รุ่งเรืองมีนักศึกษาถึงกว่าหมื่นคน ครูอาจารย์อีกกว่า 2 พันคน สถานที่ได้รับการดูแลอย่างดี ร่มรื่น สะอาดเป็นระเบียบ นาลันทามีความหมายว่า “ให้ไม่รู้จบ” (insatiable in giving) เป็นสถานศึกษาให้ความรู้แก่ผู้มาเรียนไม่มีที่สิ้นสุด ได้รับการอุปถัมภ์จากพระราชาพระจักรพรรดิ์ นอกจากไกด์ของเราแล้ว ยังมีไกด์ท้องถิ่น (เห็นด้านหลัง) ช่วยบรรยายอีกด้วย อาคารเรียนมี แปดหลัง ภายในเหมือนกันทุกหลัง แต่ละหลังใหญ่โตอลังการ ห้องเล็กๆรอบอาคารตามแผนผังคือห้องฝึกกรรมฐาน นักศึกษาพักห้องละ 1 คน
เค้าโครงภายในห้องพักของนักศึกษาแต่ละคน บันทึกเรื่องที่ควรจดจำ เกี่ยวกับ มหาวิทยาลัยนาลันทาพระเจ้าหรรษาวรรธนะ มหาราชพระองค์หนึ่งของอินเดีย ซึ่งครองราชย์ระหว่าง พ.ศ. 1149-1191 ก็ได้ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของมหาวิทยาลัยนาลันทา หลวงจีนเหี้ยนจัง (พระถังซำจั๋ง) ซึ่งจาริกมาสืบพระศาสนาในอินเดียในรัชกาลนี้ ในช่วง พ.ศ. 1172-1187 ได้มาศึกษาที่นาลันทามหาวิหาร และได้เขียนบันทึกบรรยายอาคารสถานที่ที่ใหญ่โตและศิลปกรรมที่วิจิตรงดงาม ท่านเล่าถึงกิจกรรมทางการศึกษา ที่รุ่งเรืองยิ่ง นักศึกษามีประมาณ 10,000 คน และมีอาจารย์ประมาณ 1,500 คน พระมหากษัตริย์พระราชทานหมู่บ้าน 200 หมู่โดยรอบให้ โดยทรงยกภาษีที่เก็บได้ให้เป็นค่าบำรุงมหาวิทยาลัย ผู้เล่าเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น วิชาที่สอนมีทั้งปรัชญา โยคะ ศัพทศาสตร์ เวชชศาสตร์ ตรรกศาสตร์ นิติศาสตร์ นิรุกติศาสตร์ ตลอดจนโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ และตันตระ แต่ที่เด่นชัดก็คือนาลันทาเป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และเพราะความที่มีกิตติศัพท์เลื่องลือมาก จึงมีมีนักศึกษาเดินทางมาจากต่างประเทศหลายแห่ง เช่น จีน ญี่ปุ่น เอเซียกลาง สุมาตรา ชวา ทิเบต และมองโกเลีย เป็นต้น หอสมุดของนาลันทาใหญ่โตมากและมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เมื่อคราวที่ถูกเผาทำลายในสมัยต่อมา มีบันทึกกล่าวว่าหอสมุดนี้ไหม้อยู่เป็นเวลาหลายเดือน หลวงจีนอี้จิงซึ่งจาริกมาในระยะประมาณ พ.ศ. 1223 ก็ได้มาศึกษาที่นาลันทาและได้เขียนบันทึกเล่าไว้อีก นาลันทารุ่งเรืองสืบมาช้านานจนถึงสมัยราชวงศ์ปาละ (พ.ศ. 1303-1685) กษัตริย์ราชวงศ์นี้ก็ทรงอุปถัมภ์มหาวิหารแห่งนี้ เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ โดยเฉพาะโอทันตปุระที่ได้ทรงสถาปนาขึ้นใหม่ อย่างไรก็ดี ในระยะหลังๆ นาลันทาได้หันไปสนใจการศึกษาพุทธศาสนาแบบตันตระ ที่ทำให้เกิดความย่อหย่อนและหลงเพลินทางกามารมณ์ ซึ่งเมื่อพระที่ควรงดเว้นเรื่องกามตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา กลับหันมาเสพกามเสียแล้ว ก็ทำให้เหล่าอุบาสก อุบาสิกาเริ่มเสื่อมศรัทธาจนส่งผลให้ไม่สนใจใยดีพระศาสนา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ฝ่ายเดียวต่างจากลัทธิพราหมณ์เริ่มที่จะปรับตัวจนกลายมาเป็น ฮินดู การปรับตัวนั้นก็เพื่อต่อสู้กับการเจริญเติบโตของพุทธศาสนา จากลัทธิพราหมณ์ที่ไม่มีนักบวช ก็มี ไม่มีวัด ก็มี จากการเข่นฆ่าบูชายัญสัตว์ ก็หันมานับถือสัตว์บางประเภทและประกาศไม่กินเนื้อ เช่น วัว สร้างเรื่องให้พระพุทธเจ้าก็กลายเป็นอวตารหนึ่งของเทพเจ้าในศาสนาฮินดูและทำให้พุทธศาสนากลมกลืนกับศาสนาฮินดูมากขึ้น ซึ่งเป็นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งแห่งความเสื่อมโทรมของพระพุทธศาสนา 3. การรุกรานครั้งที่สามเกิดขึ้นใน ค.ศ. 1193 (พ.ศ. 1736 ก่อนก่อตั้งกรุงสุโขทัย) ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายและร้ายแรงที่สุดถึงขนาดทำให้นาลันทาล่มสลาย เป็นฝีมือของชาวอัฟกัน-เติร์กชื่อ ภักติยาร์ คิลชิ (Bakhtiyar Khilji) ซึ่งต้องการแผ่อิทธิพลของศาสนาอิสลามโดยใช้ความรุนแรง กองทัพมุสลิมเติรกส์ได้เผาผลาญทำลายวัดและปูชนียสถานในพุทธศาสนาลงแทบทั้งหมด และสังหารผู้ที่ไม่ยอมเปลี่ยนศาสนา นาลันทามหาวิหารก็ถูกเผาผลาญทำลายลงในช่วงระยะเวลานั้นด้วย มีบันทึกของนักประวัติศาสตร์ชาวมุสลิมเล่าว่า ที่นาลันทา พระภิกษุถูกสังหารแทบหมดสิ้น เพราะต้องการที่จะถอนรากถอนโคนอิทธิพลของพุทธศาสนาในชมภูทวีปเสียให้หมดสิ้น อาคารเรียน วัดวาอาราม ห้องสมุด ล้วนถูกทำลาย ตำราที่ถูกเผาไหม้นั้น คุโชนอยู่เป็นเดือนๆ กว่าจะมอดไหม้หมดสิ้น และอาจพูดได้ว่า คุณภักติยาร์ประสบความสำเร็จตามตั้งใจเพราะนับแต่นั้นมาพุทธศาสนาแทบจะจางหายไปจากอินเดียเป็นการถาวร จากการบันทึกของท่าน ตารนาท ธรรมสวามินปราชญ์เขียนเอาไว้ว่า พอกองทัพมุสลิมยกทัพกลับไปแล้ว พระ นักศึกษา และพระอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 70 องค์ ก็พากันออกมาจากที่ซ่อน ทำการสำรวจข้าวของที่ยังหลงเหลืออยู่ รวบรวมเท่าที่จะหาได้ ปฏิสังขรณ์ตัดทอนกันเข้าก็พอได้ใช้สอยกันต่อมา และ ท่านมุทิตาภัทร รัฐมนตรีของกษัตริย์ในสมัยนั้นได้จัดทุนทรัพย์จำนวนหนึ่ง ส่งไปจากแคว้นมคธ เพื่อช่วยเหลือซ่อมแซมปฏิสังขรณ์วัดวาอารามที่นาลันทาขึ้นมาใหม่แต่ก็ทำได้บางส่วนเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งได้มีปริพาชก 2 คนได้เข้ามาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของตนขึ้นและคงคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้รวบรวมเศษไม้แล้วก่อไฟขึ้น พร้อมทั้งขว้างปาดุ้นฟืนที่ติดไฟไปตามสถานที่ต่างๆ โดยรอบ จนกระทั่งเกิดไฟลุกไหม้ไปทั่วมหาวิทยาลัยนาลันทา ก็เป็นอันแหลกลาญเป็นผุยผง สุดที่จะทำการซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ให้คืนดีได้ดังเดิม มหาวิทยาลัยนาลันทา อันเลื่องชื่อลือนาม ก็เป็นอันสิ้นสุดลง ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า มาตั้งแต่บัดนั้นซากของนาลันทาที่ถูกขุดค้นพบในภายหลัง ยังประกาศยืนยันอย่างชัดเจนถึงความยิ่งใหญ่ของนาลันทาในอดีตในปลายพุทธศตวรรษที่ 25
แม้จะเป็นแค่ทรากอิฐไม่สมบูรณ์แบบ
แต่ก็ดูสวยงามอลังการงานสร้างมากเลยค่ะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 3 เมษายน 2562 เวลา:20:53:58 น.
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 3 เมษายน 2562 เวลา:21:41:08 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
แม้เป็นเพียงซากปรักหักพัง ก็ยังความศรัทธาแก่ผู้นับถือ ดูจากหน้าตาสดใสของคุณเย็นก็พอรู้สึกได้ค่ะ ทางระบายของเสียของแต่ละห้อง ถ้าต้องผ่านห้องอื่นด้วย คงลำบากยิ่งนะคะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 3 เมษายน 2562 เวลา:21:52:24 น.
ตามมาเที่ยวอินเดียด้วยคนครับ วัฒนธรรมประเพณ๊เค้าช่างงดงามจริง ๆ ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 3 เมษายน 2562 เวลา:22:00:28 น.
มาลองจินตนาการถึงสมันก่อนตอนที่มันยังสมบูรณ์มันคงดูยิ่งใหญ่อลังการมากเลยทีเดียวนะครับ
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 เมษายน 2562 เวลา:23:41:49 น.
ชื่อเมืองนี้คุ้น ๆ.... เคยดูสารดี ที่จัดทำโดย(จำชื่อไม่ได้)
เป็นสตรี น่าจะคุ้นเคยกับคุณนิรุต ศิริจรรยา. เสียงบรรยายทุ้มนุ่มวิธีการพูดเป็นจังหวะ ทำให้นึกอยากไปเที่ยว ... เห็นภาพข้างบน อากาศคงจะดี ไม่ร้อน...อิฐดูจะโตกว่าอิฐ ในปัจจุบันนะครับ โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 4 เมษายน 2562 เวลา:6:09:57 น.
สวัสดียามเช้าครับคุณเย็น ในสมัยโบราณ ที่นี่คงยิ่งใหญ่ และเป็นแหล่งผลิตบัณฑิต นักปราชญ็จำนวนมากเลยนะครับ ชอบความหมายของนาลันทา ชื่อเฟซบุ๊คของผม คือ kawaka nalanta มีที่มาด้วยครับ คือ วันหนึ่งขณะที่ผมเล่นคอม อยู่ๆก็มีชื่อนาลันทาแว๊บเข้ามาในหัว ผมก็เลยเอาชื่อนี้มาตั้งโดยไม่รู้ว่ามีความหมายอะไรยังไง แล้วที่น่าแปลกก็คือ ปลายปีนั้นหลวงพ่อก็เรียกผม หใ้ไปอินเดียด้วยกัน ตอนที่ไปถึงนาลันทา ผมก็นึกขึ้นได้ว่า ชื่อเฟซของผม ก็เป็นชื่อเดียวกันเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2562 เวลา:6:43:27 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ขอบคุณกำลังใจให้ข้าวยำกะปิค่ะ แม่ครัวหากมีลูกมือช่วยจะเบาแรงและเร็วหน่อย ถ้าทำอยู่คนเดียวเหนื่อยค่ะกว่าจะได้กิน โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 4 เมษายน 2562 เวลา:20:08:39 น.
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเย็น
ผมเองก็หวังที่จะเห็นแผ่นดินร่มเย็นเป็นสุข ไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกันเอง แม้จะเห็นต่าง แต่ขอให้ต่างอย่างเข้าใจและสงบ เพราะทุกครั้งที่เกิดความวุ่นวายล้มตาย ประชาชนคือผู้รับเคราะห์ แต่นักการเมืองคือผู้รับผลประโยชน์จริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 เมษายน 2562 เวลา:21:23:12 น.
มหาวิทยาลัยนาลันทาในช่วงที่รุ่งเรืองมีนักศึกษาถึงกว่าหมื่นคน
ครูอาจารย์อีกกว่า 2 พันคน สถานที่ทั้งกว้างขวางและยังเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญ สมกับความหมายของชื่อนาลันทานะคะคุณเย็น ขอบคุณคุณเย็นที่พาชมสถานที่สำคัญแห่งนี้ค่ะ ขอบคุณคุณเย็นสำหรับกำลังใจด้วยนะคะ โดย: Sweet_pills วันที่: 4 เมษายน 2562 เวลา:23:34:14 น.
mcayenne94 Travel Blog ดู Blog
แวะมาเที่ยวด้วยคนนะคะ โดย: หอมกร วันที่: 5 เมษายน 2562 เวลา:14:22:35 น.
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเย็น
จริงครับ บางเรื่อง ถึงเวลา รู้เองจริงๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 เมษายน 2562 เวลา:23:16:56 น.
เป็นหนึ่งในที่ๆอยากไปที่สุดของอินเดียแล้วครับ นาลันทา มหาวิทยาลัยแห่งแรกของโลก
ขนาดใหญ่โตมโหฬารด้วย รวม 6 วัดเข้าด้วยกัน สมัยก่อนการศึกษากับศานาใกล้ชิดกันมากเลยครับ โรงเรียนเก่าๆของประเทศตะวันตกก็เป็นโบสถ์คริสต์ทั้งนั้น (ก่อนมีศาสนาก็ประมาณโรงเรียนสอนปรัชญา) เพิ่งรู้ว่าพระถังซัมจั๋งก็เรียนจบจากที่นี่ ถึงตอนนี้จะเหลือแต่ซากปรักหักพัง แต่ก็เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตนะครับ อย่างสถูปพระสารีบุตรนี่ยังใหญ่โตอยู่ เวลาพวกมหาลัยหรือหอสมุดถูกเผาทำลาย รู้สึกความสูญเสียครั้งใหญ่ของความรู้มวลมนุษยชาติ อย่างหอสมุดอเล็กซานเดรียที่อียิปต์ก็น่าเสียดายมากๆ ครับ โดย: ชีริว วันที่: 6 เมษายน 2562 เวลา:12:42:29 น.
เคยได้ยินประวัติของมหาวิทยาลับนาลันทามาอยู่บ้าง
น่าเสียดายนะคะ ที่ถูกไฟไหม้เสียหายจนไม่สามารถบูรณะปฏิสังขรณ์กลับมาเหมือนเดิม อ่านแล้วรู้สึกสลดใจ สงครามศาสนา ก็โหดร้ายไม่แพ้สงครามทางการเมืองเลยนะคะ เผาไหม้กว่าจะมอดใช้เวลาเป็นเดือน ๆ นึกไม่ออกเลยว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนในสมัยนั้น น่าเสียดายจริง ๆ สอนอะไรได้หลายอย่างนะคะ ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เที่ยง เคยเฟื้องฟู ก็เสื่อมถอยได้ หมุนเวียนกันอยู่ เป็นอนัตตา วันนี้ฟังซีดีหลวงพ่อปราโมทย์ วัดสวนสันติธรรม ท่านก็บอกว่าปัจจุบันนี้ คนนับถือศาสนาพุทธแท้ ๆ มีเพียง 5% เท่านั้นเมื่อเทียบกับศาสนาอื่น ท่านก็เล่าต่อว่า เหตุผลที่ทำให้คนนับถือศาสนาพุทธน้อยลง เพราะศาสนาพุทธเราสอนให้ช่วยเหลือตนเอง ไม่ได้สอนให้อ้อนวอนของพระเจ้าช่วย ต้องค้นหาทางพ้นทุกข์ ปฏิบัติด้วยตนเองไม่มีใครช่วย ครูบาอาจารย์มีหน้าที่แนะแนวทางให้เท่านั้น พอฟังถึงเหตุผลก็เห็นด้วยค่ะ ยุคสมัยนี้ คนที่เข้าใจศาสนาพุทธแท้ ที่เข้าใจหัวใจของพุทธศาสนาจริง ๆ มีน้อยลงมากจริง ๆ โดย: JinnyTent วันที่: 7 เมษายน 2562 เวลา:18:16:38 น.
น้องซีได้เล่นล่องแก่งค่ะบอกเปียกชอบเลย เมืองหิมะก็ชอบมากค่ะ ที่เหลือเล่นแต่ขแองเด็กๆ ไม่เล่นพวกหวาดเสียวเลย ไม่ได้แม่มาเลย 5555 แม่ชอบมากสมัยก่อนที่แดนเนรมิตเช่นกันค่ะ อิอิ
โดย: kae+aoe วันที่: 8 เมษายน 2562 เวลา:8:53:18 น.
เล่มนี้จริงๆตั้งใจซื้อมาให้น้องสาวอ่านครับ
แต่พอเจ้าตัวเห็นเนื้อหาและความหนา ก็เกิดถอดใจ ผมเลยเอามาอ่านเอง อ่านสนุกมากครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 เมษายน 2562 เวลา:15:36:40 น.
ชอบความหมายของนาลันทาค่ะ
ภาพที่ยืนบนเวทีสะท้อนถึงความสุข ของผู้ที่มาเยือนตรงจุดนั้นเลยนะคะ^^ โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 8 เมษายน 2562 เวลา:19:59:37 น.
ขอบคุณค่ะ คุณเย็น
ต้นนี้หนามกอดกันน่ารักดีค่ะ ไม่ดุ 555 รออ่านตอนต่อไปนะคะ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 8 เมษายน 2562 เวลา:20:10:16 น.
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมทรงผมวันละทรงของน้องซีนะคะ อีกแค่ 3 วัน จะได้ปิดซัมเมอร์แล้วค่ะ
โดย: kae+aoe วันที่: 9 เมษายน 2562 เวลา:8:33:13 น.
น้ำยำทำง่ายและปรับรสได้ตามเราชอบนะคะ
ขอบคุณคุณเย็นมากค่ะสำหรับกำลังใจ โดย: Sweet_pills วันที่: 9 เมษายน 2562 เวลา:18:10:42 น.
เป็นครั้งแรก ปีแรกเลยค่ะ ที่ตั้งใจจะไปดูนางพญาเสือโคร่ง ช่วงเค้าบาน... ปกติไปเที่ยวกับครอบครัว เป็นช่วงวันหยุดยาว ไม่ตรงช่วงดอกบานซักทีค่ะ
โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 9 เมษายน 2562 เวลา:20:24:10 น.
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับคุณเย็น
ผมชอบสิทธารถะมากเลยครับ ชอบวิธีการแสวงหาความรู้ด้วยตัวเอง ลองผิดลองถูก และเข้าหาธรรมชาติอย่างนอบน้อม แล้วก็มีความดื้อนิดๆด้วยครับ 5555 โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 เมษายน 2562 เวลา:20:56:33 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ผ้าฝ้าย ผ้าขาวม้าฝ้ายแท้ ใส่สบายดีค่ะ ลมผ่านได้ใต้ซิ่น หากนุ่งกางเกงขายาวจะเหนอะหนะเหนียวตัวมากเลย ขอบคุณกำลังใจให้นุ่งซิ่นด้วยนะคะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 10 เมษายน 2562 เวลา:14:20:27 น.
สงกรานต์คงไม่พาน้องหนามไปพักร้อนวัดไหนหรอกค่ะ อิอิ
อากาศร้อน ๆ ก็เข้าใจนะ แหม่ ตลกนะตะเอง 555 โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 10 เมษายน 2562 เวลา:20:25:51 น.
เอนทรี่นี้ต้องอ่านโดยละเอียด
เดี๋ยวกลับมาใหม่ค่ะ พี่เพิ่งกลับมาจากบ้านป่าเมื่อหัวค่ำนี้เองค่ะ ไปอยู่ 5 วันเจอฝนอย่างหนักทุกวันเลย สงกรารต์จะไม่ได่ไปค่ะ คุณหมอ พี่ปูจะไปสวิส สองอาทิตย์ อาทิตย์สิ้นเดือนถึงจะได้กลับไปอีก แต่คงจะได้ออกไปไหว้พระวัดในกรุ่งเทพฯค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 10 เมษายน 2562 เวลา:21:07:17 น.
กลับมาตั้งใจอ่านค่ะ เป็นวิทยาทาน
แก่พี่มากเลยค่ะ คุณหมอ ไม่เคยรู้จักที่นี่ อย่างลึกซึ้งเช่นนี้มาก่อน ขอบคุณนะคะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 12 เมษายน 2562 เวลา:8:15:11 น.
ผมได้แต่หวังไว้ในใจครับ
ว่าตอนหมิงหมิงลูกชายผมจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ระบบการศึกษาน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง 555 ตอนนี้เปลี่ยนจนงงครับ อากาศที่เชียงใหม่ร้อนจัดมากๆ และไม่มีฝนเหมือนทุกปี ควันเยอะมากๆครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2562 เวลา:22:08:04 น.
ขอบคุณค่ะ คุณเย็น
สุขสันต์วันสงกรานต์ค่า มีความสุข เปียกน้ำบ้างหรือยังคะ อิอิ โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 13 เมษายน 2562 เวลา:15:58:43 น.
สุขสันต์วันสงกรานต์...สุขภาพดีสดชื่นแจ่มใส...นะคะคุณเย็น^^
..... จริงด้วยค่ะแกงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นต้นความสำเร็จ..(เล่นน้ำกันค่ะ...อิอิ) โดย: สันตะวาใบข้าว วันที่: 13 เมษายน 2562 เวลา:16:02:14 น.
สุขสันต์วันสงกรานต์ครับ คุณเย็น
สวัสดีปีใหม่ไทยครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 เมษายน 2562 เวลา:23:30:20 น.
ผมไม่ได้เข้าไปในคูเมืองเลยครับ
เล่นน้ำครั้งสุดท้าย น่าจะ 20 ปีที่แล้วครับ 555 ปีนี้ก็ทำงานตามปกติ อากาศก็ยังร้อนมาก ปกติสงกรานต์ทุกปีจะมีฝน ปีนี้ไม่มีเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 เมษายน 2562 เวลา:10:43:30 น.
|
บทความทั้งหมด
|
มหาวิทยาลัยนาลันทาใหญ่โตอลังการมากครับ นักศึกษาหมื่นกว่าคน อาจารย์พันกว่าคน
เป็นมหาวิทยาลัยเรียนกินนอน ที่ต้องใช้พื้นที่มากมายครับ