~ มนตร์ทศทิศ : จินตนิยายอิงประวัติศาสตร์ โดย "ราตรี อธิษฐาน" ~



มนตร์ทศทิศ
ผู้เขียน : ราตรี อธิษฐาน
สนพ.อรุณ/พิมพ์
576 หน้า ราคา 435 บาท


โปรยปก


“ใจหนอใจ ใจใดเล่าหากลองใช้มีดกรีดออกมา
ก็จักได้รู้ว่าในเป็นเพียงก้อนเนื้ออ่อนๆเท่านั้นเอง”

อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเดินทางไปสักการะพระธาตุอินทร์แขวน
ส่งให้เอื้องดาวเรียงย้อนกลับไปในอดีตกาล ณ หงสาวดี
เมืองทองที่เป็นดั่งดวงหฤทัยของผู้ที่ถูกขนานนามว่าพระเจ้าสิบทิศ

แต่เมืองทั้งเมืองใช่ว่าจักมีแต่พระนามขององค์ประมุขผู้นี้เพียงเท่านั้น
ภายในพระราชวังกัมโพชธานีสถานที่นี้ยังมีเรื่องราวมากมาย
ที่ไม่อาจจารึกไว้ในประวัติศาสตร์





และแล้วก็ได้ฤกษ์อ่านเสียที สำหรับนิยายพีเรียดเล่มหนาเรื่องนี้ 
หลังจากได้ยินชื่อเสียงเลื่องลือมาพักใหญ่ๆ

เล่าเรื่องย่อต่อจากปกหลังอีกคร่าวๆละกันค่ะ...

เรื่องนี้เป็นกึ่งๆนิยายอิงประวัติศาสตร์ กึ่งๆจินตนิยายแนวเหนือจริงสักเล็กน้อย 
อิงพล็อตข้ามภพข้ามชาติแบบไม่ต้องอาศัยตรรกะ เหตุแลผลใดๆทั้งสิ้น

(หรืออาจจะมีแต่ผู้เขียนไม่ได้เฉลยปมตรงนี้...ยังไงเราก็ไม่ทราบ?)

นางเอก เอื้องดาวเรียง เด็กสาวเชื้อสายเจ้าทางเหนือเพิ่งเรียนจบมัธยมปลาย
 ทั้งดื้อรั้นและซุกซนจนเป็นเรื่อง...
เธอพลัดตกจากท้ายรถโดยสารสองแถว
ที่กำลังแล่นฝ่าสายฝนขึ้นเขาสูงชัน ขณะเดินทางจะไป
สักการะพระเจดีย์พระธาตุอินทร์แขวน

ร่างของเธอลอยละลิ่งลงสู่ก้นเหวลึก...วิญญาณพลันหลุดจากร่าง
ไปเข้าร่างแม่น้อย เด็กหญิงชาวอโยธยาวัยสิบสาม 
ที่กำลังเดินทางรอนแรมร่วมขบวนของพระองค์ดำ
(สมเด็จพระนเรศวร)มุ่งหน้าสู่กรุงหงสาวดี 
เมื่อสอบถามจากผู้ที่ช่วยเหลือเธอ เธอจึงได้รู้ว่าช่วงเวลานั้นคือ...
ปีจุลศักราช 930 !!! 
(+1181 = พุทธศักราช 2111 ก่อนเสียกรุงอโยธยาหนึ่งปี)

เดิมทีแม่น้อยเป็นเด็กเบื้อใบ้ไม่ยอมพูดจา หลังจากตกน้ำตกท่า
 ฟื้นขึ้นมาก็พูดจาแปลกๆจนคนรอบข้างต่างเข้าใจว่า
เป็นธรรมดาที่เมื่อขวัญกลับเข้าร่างใหม่ๆก็ต้องแปลกเปลี่ยนบ้าง

เอื้องดาวเรียงเองแม้จะยังสับสนมึนงงในเบื้องแรก แต่เมื่อมั่นใจว่าไม่ใช่ความฝัน เธอก็พยายามคิดหาทางกลับสู่มิติของตัวเอง 
เมื่อไม่สำเร็จเธอก็ต้องทำใจยอมรับสภาพ 
พยายามฟื้นความรู้ความเข้าใจในวิชาประวัติศาสตร์ที่เคยเรียนมา
แล้วทำตัวกลมกลืนตามน้ำไปก่อน

ด้วยผิวพรรณที่ผุดผ่องกับรูปโฉมอันงดงาม 
พี่สาวของเธอจึงต้องใช้เขม่ากับผงถ่านพอกตัวเธอไว้เป็นการอำพรางโฉม

เมื่อมาถึงหงสาวดี แม่น้อยก็ได้เข้าอยู่ในตำหนักของพระเทพกษัตรี 
มเหสีองค์หนึ่งในพระเจ้าบาเยงนอง(ที่เรารู้จักกันดีในนามพระเจ้าบุเรงนองนั่นเอง)ที่มาจากอโยธยา(มีศักดิ์เป็นน้าของพระนเรศวร) 
พระเทพกษัตรีประทานชื่อใหม่ให้แม่น้อย เธอจึงทูลขอชื่อเอื้อง 
จากนั้นเธอจึงกลายเป็นแม่เอื้อง บ่าวในตำหนักมเหสีจากอโยธยา 
แต่ในสายตาผู้คนในวังเธอก็เป็นอีโยเดียตัวดำ 
เพราะเธอยังคงพรางตัวเองไว้ภายใต้ผงถ่านเช่นเดิม

แต่กระนั้น ด้วยความร่าเริงสดใสของสาวน้อยในร่างเด็กหญิง
 เธอก็กลายเป็นที่ต้องตาต้องใจของผู้อื่นจนได้...
โดยเฉพาะเจ้าชายหนุ่มน้อย เมงจีสวา ผู้มิได้พึงพอใจกับสถานะเจ้าชาย
แถมพ่วงด้วยตำแหน่งว่าที่องค์อุปราชาของตัวเองเลย...

ความดื้อรั้นซุกซนของแม่เอื้องกลายเป็นเสน่ห์ดึงดูดให้เจ้าชายพม่าต้องเฝ้าติดตามด้วยความห่วงใยว่านางอาจจะต้องประสบภัย...
จนกลายเป็นความผูกพัน คิดถึงคนึงหายามต้องห่างไกล

แม้ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองตามฐานะชาติกำเนิด 
เขาจำเป็นต้องอภิเษกกับชายาถึงสองคน 
แต่หญิงเดียวที่อยู่ในดวงใจก็มีเพียงแม่หญิงชาวอโยธยาเท่านั้น

ฝ่ายเอื้องดาวเรียง เธอจับพลัดจับผลูหลุดเข้ามากลางวงสงคราม
ที่เธอรู้แก่ใจดีถึงผลลัพธ์ ใจหนึ่งเธอจึงพะว้าพะวังมุ่งแต่จะพาตัวเอง
ให้พ้นจากวังวนนี้ แต่อีกใจเธอก็เริ่มผูกพันกับทั้งผู้คน
และสถานการณ์ต่างๆที่แวดล้อมตัวเธอ
...โดยเฉพาะกับความรักความเอื้ออาทรที่เธอได้รับจากเมงจีสวา
 เจ้าชายพม่ารามัญ...เจ้าชายจากชาติศัตรู!

แม้เธอจะยอมรับสภาพเป็นเพียงนางในไร้ตัวตน
 ไม่วาดหวังยศศักดิ์ฐานันดรใดๆ เพียงความรักที่เธอกับเขามีให้แก่กัน
นั่นก็เพียงพอแล้ว
ทว่า...ผู้อื่นมิได้คิดเช่นนั้น 
แม่เอื้องจึงกลายเป็นเสี้ยนหนามชิ้นใหญ่
ที่ต้องถูกกำจัด




ว่าจะย่อสั้นๆ ไหงลากยาวได้ขนาดนี้ล่ะเนี่ย...
(ความยาวของเรื่องย่อจะขึ้นอยู่กับความชอบไม่ชอบของคนอ่านด้วยค่ะ แหะๆ)
แต่นี่ก็ยังคงเป็นเรื่องราวเพียงส่วนเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น 
ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง

ชอบค่ะ ชอบมากๆ ชื่นชมผู้เขียนที่นำเอาเรื่องราวในประวัติศาสตร์ในช่วงที่เราคุ้นเคยกันดีมาต่อยอด ต่อเติมเสริมแต่งด้วยจินตนาการ...โดยไม่ได้บิดเบือนสาระข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลักๆเดิมๆที่พวกเราเคยเรียนรู้และจดจำกันมานาน

มีแต่จะนำเสนอมุมมองใหม่ๆที่ฉีกไปจากเดิม
ที่ทำให้เราได้ฉุกคิดและเปิดใจมองผู้คนที่เราเคยคิดว่าเขาอยู่ฝ่ายตรงกันข้าม
หรือเป็นผู้ร้ายในสายตาเรามาก่อน 
ว่าอันที่จริงเขาก็เป็นมนุษย์มนาคนหนึ่งเหมือนพวกเรา 
ที่ล้วนแต่มีรัก โลภ โกรธ หลงได้เหมือนกันหมด 
มีทุกข์มีสุข มีปุ่มมีปมในใจได้เหมือนๆกับเราเช่นกัน

ผู้เขียนดำเนินเรื่องผ่านช่วงชีวิตของเอื้องดาวเรียง 
โดยอิงอาศัยช่วงเวลาและเหตุการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต...
(ตามหลักฐานเท่าที่มีการบันทึกไว้ในพงศาวดารและตำรับตำราต่างๆ) 

เริ่มตั้งแต่เมื่อเธอหลุดเข้ามากลางขบวนเดินทางของพระนเรศวร
จากเมืองสองแควมุ่งหน้าสู่หงสาวดี...

การเล่าเรื่องของเธอเป็นไปอย่างลื่นไหล อ่านเพลินมาก 
แม้จะสะดุดๆอยู่บ้างกับจริตนิสัยของนางเอกในช่วงแรกๆ 
แต่เมื่อเมื่อวันเวลาผ่านไป มีเหตุการณ์ต่างๆเกิดขึ้น
 ตัวละครตัวนั้นตัวนี้โผล่ขึ้นมา ซึ่งแต่ละตัวเราก็รู้สึกประพิมพ์ประพาย 
คล้ายว่าจะเคยรู้จัก หรืออย่างน้อยก็คุ้นชื่อล่ะ 
ก็เลยทำให้กลบๆกลืนๆความไม่เข้าท่าของนางไปได้...

อนึ่ง เมื่อเติบโตขึ้นและได้เผชิญปัญหาหลายสิ่งหลายอย่าง
 นางก็ดูจะมีพัฒนาการ มีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ในระดับหนึ่ง
 ซึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้เราเริ่มๆคลายหมั่นไส้ หันมาเอื้อเอ็นดู
และเอาใจช่วยเธอได้ในตอนหลังอย่างไม่ยากเย็นนัก

ตัวละครที่ชอบที่สุดก็คือพระเอก เจ้าชายเมงจีสวา 
หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในนามมังกะยอชวา
(หรือมังสามเกียดนั่นเอง...หลายชื่อจัง) 
พระมหาอุปราชาผู้ทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระนเรศวร
จนถูกพระแสงของ้าวฟันคอขาดสะพายแล่ง
สิ้นพระชนม์บนคอช้าง...

เจ้าชายพระองค์นี้เท่าที่เราเคยได้อ่านได้ฟังมา 
รับรู้กันมาประมาณว่าทรงเป็นลูกแหง่ เหยาะแหยะอ่อนแอไม่เอาไหน...

แต่ในนิยาย...ผู้เขียนได้นำเสนอบุคลิกขององค์ชายออกมา
ในอีกแง่มุมหนึ่ง...
คือในมุมของเด็กหนุ่มผู้มีปมในใจ 
ถูกผู้เป็นพ่อและปู่กดดันให้ต้องแกร่งกร้าวห้าวหาญ

ย่าไม่ปลื้มเพราะคอยแต่จะเอาเขาไปเปรียบเทียบกับนัดดาอีกองค์หนึ่ง
แม่ไม่โอ๋เพราะความเชื่อที่ฝังกันมาช้านานว่าลูกผู้ชายติดแม่ไม่เติบโต...
เขาจึงแอบอิจฉาน้องชายนักหนาที่ได้อยู่ใกล้มารดา...
เพียงเพราะน้องไม่ต้องรับภาระตำแหน่งรัชทายาท...บลาๆๆๆ

พอโตขึ้น รู้จักความรักก็ยังไม่สามารถรักคนที่ตนรักได้ 
เพราะต้องอภิเษกกับหญิงที่ฐานะทัดเทียม
และสามารถหนุนบัลลังก์ให้มั่นคงได้
เจ้าชายเมงจีสวาในเรื่องนี้จึงดูจะน่าสงสารน่าเห็นใจเป็นอันมาก

ด้วยความที่นิยายเรื่องนี้จัดเป็นนิยายรักโรแมนติก 
ตามที่ผู้เขียนได้ออกตัวไว้ตั้งแต่ในหน้าคำนำว่าอยากให้ผู้อ่านอ่านเอาเป็นนิทาน
เพื่อความบันเทิงมากกว่าจะยึดถือเป็นตำราประวัติศาสตร์ ื
ส่วนตัวจึงอ่านแบบไม่ได้คาดหวังในสาระข้อมูลใดๆ 
ผลที่ได้รับจึงออกจะเกินคาด เพราะถึงแม้ผู้เขียนจะออกตัวดังกล่าวข้างต้น
 แต่เธอก็ไม่ได้ละเลยข้อเท็จจริงที่มีอยู่เดิม 
นิยายมีรายละเอียดเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเต็มไปหมด 
เช่นฉากตำหนักต่างๆในวังหงสาวดียุครุ่งเรือง 
เกร็ดวัฒนธรรม ตลอตถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนในระดับต่าง ๆ 
จากบทบรรยาย บทสนทนาในเรื่องเราจะเห็นได้ชัดว่า
ผู้เขียนคงต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่วงพอสมควรเลยแหละ 
กว่าจะออกมาเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์เล่มหนาเตอะ
แล้วอ่านเพลินได้ขนาดนี้

จริงๆแล้วยังมีอีกหลากหลายประเด็นเหลือเกินที่อยากพูดถึง...
ทั้งเรื่องของเจ้าชายนัดจินหน่อง เจ้าชายจากตองอู ลูกผู้น้องของเมงจีสวา
 เจ้าหญิงราชาธาตุเทวีกับเจ้าหญิงนัดเชงเมดอ(ชื่ออ่านยากมาก)
พระชายาทั้งสองของเมงจีสวา...

แต่ให้เล่าหมดคงยาวอะ สรุปเลยละกันว่าอ่านสนุก อ่านเพลินลื่นไหลมาก
ด้วยสำนวนภาษาที่ละเมียดละไมของผู้เขียน 
กับเรื่องราวเนื้อหาที่ครบครัน 
มีรักหวานโรแมนติก มีดราม่าโศกซึ้งสะเทือนใจ
 มีฉากผจญภัยตื่นเต้นเร้าใจ...

สมแล้วที่ครั้งหนึ่งนิยายเรื่องนี้เคยเป็นแรร์ไอเท็ม
ชนิดที่มีคนปั่นราคาขึ้นไปถึงหลายเท่าตัว...
ของเค้างานดีเช่นนี้เอง 😆






Create Date : 13 ธันวาคม 2561
Last Update : 13 ธันวาคม 2561 12:25:34 น.
Counter : 3655 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณJim-793009

  
แวะมาเยี่ยมครับ
โดย: **mp5** วันที่: 13 ธันวาคม 2561 เวลา:16:13:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Maekai.BlogGang.com

แม่ไก่
Location :
ลำปาง  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 184 คน [?]

บทความทั้งหมด