บันไดกี่ขั้นสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน – ขั้นที่1.5 ทุกคนมีกรรมเป็นของตนเอง(2) เรื่องที่สี่ อ่านหนังสือพิมพ์ก็ต้องระวัง เกริ่นกล่าว – บางครั้งนักหนังสือพิมพ์ก็ชอบเอาเรื่องราวของคน ที่(น่าจะ)ประสบความสำเร็จมาลง เรื่องราวดูเต็มไปด้วยสีสันบาดตาบาดใจ บ้างอ่านแล้วก็อมยิ้ม บ้างก็อ่านแล้วอมทุกข์ บ้างก็อ่านแล้วอดที่จะเย้ยหยันชะตาชีวิตตัวเองไม่ได้ ฟ้าส่งข้ามาเกิด แล้วไยไม่ส่งไปเกิดในท้องคนรวย เราลองมาดูกันว่า ไอ้ที่ลงหนังสือพิมพ์น่ะ มันเป็นยังไง เนื้อเรื่อง – มีคนหน้าตาดีคนหนึ่ง(ขอไม่บอกว่าใครนะ อิอิ) ได้รับการติดต่อให้ไปสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์ชื่อดังด้านการเงิน เค้าก็เล่าเรื่องราวไปตามที่มันเป็นจริง ไม่ได้มีการปิดบังประการใด อาจจะมีการบิดนิดหน่อยให้พองาม ๕๕๕ ผล – พอไปออกหนังสือพิมพ์ ผมล่ะงงว่า เฮ้ย นี่เราเคยพูดอะไรแบบนี้ไปด้วยหรอ น่าจะมีข้อผิดพลาดจากการสื่อสารแน่นอน นี่ถ้าผมดังผมจะนัดมาสัมภาษณ์ใหม่แล้ว แต่แน่นอนมันไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้น สรุป – คนที่ถูกเล่าเรื่องราวผ่านตัวหนังสือพิมพ์มันอาจจะไม่ได้สวยหรูอย่างนั้นไปทั้งหมดหรอกครับ อย่าอิจฉาวาสนาคนอื่น ทำตัวเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว และก็อย่าโทษฟ้าโทษฝนเลย เราเกิดมาเท่านี้แต่ไม่ได้ต้องตายเท่านี้สักหน่อยนี่นา อย่าไปหาข้ออ้างว่าทำไม่ได้ คนบางคนพอเห็นคนอื่นประสบความสำเร็จแล้วก็ชอบอ้างว่า(อ่านดีๆนะถ้าเราเคยพูดหรือเคยคิด ลด ละ เลิกซะนะครับ) เค้าเกิดมารวยอยู่แล้ว เค้ามีเงิน เค้ามีโอกาสเราไม่มี เค้ามีความรู้ และที่สำคัญที่สุดและแย่ที่สุดด้วย คือ เค้ามีดวง ผมถามหน่อยเถิด ว่าตอนเกิดมาคุณมีป้ายประจำตัวติดมาด้วยหรือเปล่าว่า นี่เป็นเทพสวรรค์ ข้าขอระบุว่าเด็กคนนี้จะต้องชื่อขอบฟ้าบูรพา และเด็กคนนี้จะต้องมีชีวิตเป็น...เท่านั้น ไม่มีหรอกครับ คนเรากำหนดทางเดินเองทั้งนั้น ถ้าดวงมันแม่นจริง เปลี่ยนไม่ได้จริง ผมถ้าหมอดูทุกคนหานายกจากเด็กที่เพิ่งเกิดให้ได้สิ ทายทีมที่จะเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกล่วงหน้าสิเอาแบบตรงๆไม่กั๊ก ทำนายอัตราดอกเบี้ยให้ถูกสิ ซื้อหุ้นให้ได้กำไรสิ แปลกนะที่เค้าทำกันไม่ได้ แต่เราก็เชื่อเค้าอยู่ตลอดมา และคงตลอดไป แถม – แต่สิ่งที่ออกมาแม้ว่าคนที่ออกสื่อจะสร้างภาพ หรือจะหลอกแมงเม่าให้เข้าหุ้นก็ตามแต่ แต่เราก็อาจจะได้ความรู้จากตรงนั้นด้วย ตรงนี้สำคัญนะครับ เค้าอาจจะพูดมาลอยๆ แต่ถ้าเราเก็บมาคิดเราอาจจะได้อะไรติดสมองมามั่งก็ได้ เหมือนที่ผมได้มาจากนักลงทุนชื่อดังท่านนึง(ผมไม่ได้บอกว่าเค้าสัมภาษณ์สร้างภาพนะ แต่ตอนผมอ่านผมได้ความรู้จากเค้าจริงๆ) เค้าบอกว่า”อะไรที่ผมไม่รู้ นั่นคือความเสี่ยง และไม่จะไม่เล่นกับมัน ผมจะลงทุนก็ต่อเมื่อผมรู้ว่ามันจะเป็นยังไง”(อาจไม่ตรงเป๊ะ แต่ใจความก็ประมาณนี้) อย่ารบ ถ้าไม่คิดว่าจะชนะ – มิยาโมโต มูซาชิ เรื่องที่ห้า เก็บเงินได้เยอะดี เกริ่นกล่าว – เอาล่ะย้ายออกมาจากเรื่องลงทุนมาเป็นเรื่องที่คนทั่วๆไปเคยเจอบ้างดีกว่า หลายคนมักน้อยเนื้อต่ำใจ ว่าไยเราจึงเก็บเงินได้ขี้ติ๊ด ไม่เหมือนทิดอ่ำเก็บได้หลายอัฏ แล้วเราจะมีชีวิตที่ดี มีอนาคตที่สดใสกับเค้ามั่งไหมน้อ หรือจะใสเฉพาะหัวล้านหว่า อยากเก็บเงินให้ได้มากๆแบบเค้ามั่ง ทำไงดี!!! โพสถามตามบอร์ดดีกว่า!!! เนื้อเรื่อง – ผมเคยวิสาสะกับคนรู้จักอยู่คนหนึ่ง ที่เค้าเองออกจะชื่นชมตัวเองเป็นหนักหนาว่าเป็นนักเก็บเงินตัวยง ขอบฟ้ารู้ไหมว่าชีวิตเรานะ เราหามาเองหมดเลย อายุ20ต้นๆเรามีหมดแล้วนะ รถยนต์ เสื้อผ้า ของใช้ (ไม่แน่ใจว่าที่ศัลยกรรมนี่เงินตัวเองหรือที่บ้านออกให้) โอ้โหชีวิตดูเจ๋งมากเลยอ่า มีเงินเก็บตั้งแต่อายุยังน้อยแปลว่าต้องขยันทำมาหากินแล้วประหยัดอดออมสุดๆไปเลยนะเนี่ย ชีวิตน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ผล – ผมเองตั้งข้อสงสัยว่า ด้วยการดำเนินชีวิตแบบเค้าคนนั้นและด้วยวิถีคิดแบบนี้เป็นไปได้อย่างไรที่มีเงินเก็บมากขนาดซื้อรถได้เองโดยไม่ต้องพึ่งพาทางบ้าน คนเรานี่ดูจากหน้าตาไม่ได้จริงๆนะ เลยสอบถามเพิ่มเติมสักหน่อย เบื้องหลัง – ก็มันจะไม่มีเงินซื้อนู่น นี่ นั่นได้ไงในเมื่อที่บ้านให้เงินเดือนตั้งแต่อยู่มัธยม แล้วก็ไม่มากเท่าไหร่ แค่มากกว่าเงินเดือนผู้บริหารบริษัทระดับกลางละกัน เค้าคนนั้นกิน เที่ยวเดือนละสองสามหมื่นต่อเดือน(วัยมัธยมนะนั่น) แล้วการเก็บเงินจากตรงนี้มาซื้อสิ่งของมันไม่ได้ยากเลย จนผมต้องเปลี่ยนความคิดจาก “เก็บเงินเก่งจัง เป็นฟุ่มเฟือยดีจัง” สรุป – เวลาที่หดหู่เนื่องจากคิดว่าเราเก็บเงินได้น้อยจัง ทำไมคนอื่นทำได้เราทำไม่ได้ ก็ภาระเราต่างกันครับ บางคนบอกว่าเก็บเงินได้ 50%ต่อเดือน แต่ถ้าถามดีๆ กินอยู่ที่บ้าน ไปกลับกับพ่อ เสาร์อาทิตย์ไปเที่ยวกับพ่อแม่(แน่นอนพ่อแม่จ่าย) แบบนี้ถ้าหักที่เค้าใช้จากที่บ้านดีไม่ดีอาจติดลบก็ได้ แต่กับหลายคนที่เก็บได้เพียง 10-20% แต่ดูแลตัวเองได้ ไม่เป็นภาระให้ใคร ช่วยเหลือที่บ้านได้ แบบนี้ผมว่าภูมิใจในตัวเองเถอะครับ เรื่องที่หก – ตำแหน่งดีๆ ไม่มีที่ให้ฉัน เกริ่นกล่าว – นี่ก็เป็นอีกหัวข้อนึง ที่ทำให้คนหมดกำลังใจเอาง่ายๆ เราเองก็เป็นมนุษย์อยากได้ อยากมี อยากเป็นเหมือนกันนี่นา ทำไมคนอื่นทำงานแป๊บๆได้เลื่อนขั้นแล้ว บางคนอายุยังไม่สามสิบก็เป็นเจ้าคนนายคน เราเองวัยทองแล้วสามีก็ยังไม่มี หน้าที่ก็ต่ำต้อย โอ๊ย ชั้นละสับสน นี่ก็เข้าทางศาสนาท่านพุทธทาสก็สอนนะว่า”ตัวกู ของกู” ชั้นก็พยายามแล้วแต่มันยังไม่ได้อย่างที่อยากเลยนะ(สงสัยอ่านแต่หน้าปกจริงๆ) เนื้อเรื่อง – อันนี้พบเจอได้เยอะแยะตาแป๊ะไก่ครับ คนเดี๋ยวนี้เก่งๆกันเยอะแยะไปครับ พอเข้าทำงานก็ได้เป็นตำแหน่งที่ต้องใช้สมองบริหารกันเลย ประเภทจบปุ๊บได้ตำแหน่งรองผู้จัดการเลย บ้างก้หัวหน้าฝ่ายเป็นอย่างน้อย นี่แค่ตรีนะครับไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินเดือนคนกลุ่มนี้ได้เงินเดือนบางทีฟังแล้วยังกับไม่ใช่สกุลบาท อาจจะเป็นจ๊าด เป็นกีบ เป็นด่ง ก็แหมเริ่มกันที่หมื่นปลายเหยียบๆแสน บางคนก็ดูไม่ได้เก่งอะไรมากมาย แต่ได้งานบริษัทดีๆที่ทุกคนอยากได้ ผล – กลุ่มนี้มักจะพบเจอได้บ่อยในห้องสีลม บ้างก็เข้ามาชื่นชมคนรุ่นใหม่ บ้างก็เข้ามาขอบตาร้อน บ้างเข้ามาบ่น บ้างเข้ามารำคาญกระทู้ประเภทนี้ และหลายๆคนเริ่มท้อใจในชะตาชีวิต(อีกแล้ว) เบื้องหลัง – เท่าที่ผมพบเจอคนที่ทำได้แบบนี้มีน้อยมากๆครับ และต้องครบองค์ประกอบหลายๆอย่างเช่น เกียรตินิยม มหาวิทยาลัยดัง และภาษาที่ดั่งกับเกิดมากลางมหานครลอนดอน หากไม่มีองค์ประกอบดั่งว่ามา ก็สามารถเช่นกันหากมีคุณสมบัติดังนี้ พ่อแม่ทำธุรกิจอยู่แล้วรับลูกเป็นรองประธานมันเลย หรือไม่ก็ฝากให้บริษัทเพื่อน อาแปะอาโกวที่ทำงานตำแหน่งใหญ่ๆในบริษัทโตๆ สรุป – การที่เค้าทำได้ไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกเรื่องความสามารถหรอกครับ แต่เป็นการสร้างโอกาสที่จะพัฒนาความสามารถของตัวของเค้ามากกว่า ถ้าเรามองแต่เปลือกก็อาจจะท้อใจ แต่ถ้าเรามองไปลึกๆ ความสามารถมันสร้างได้ไง พ่อแม่ที่ประสบความสำเร็จเค้าเลยพยายามเอาลูกเค้าไปอยู่ในทางที่ถูกต้อง เราเองถ้าท้อชีวิตนี้ก็หมด สิ่งที่เราน่าจะทำคือทำยังไงที่จะไปอยู่ในที่ๆถูกต้อง ในสังคมที่ถูกต้อง และกับคนที่ถูกต้องนะครับ แถม – จริงๆว่าจะไม่เล่าเป็นตัวอย่าง เพราะเรื่องนี้พบเจอได้บ่อยมาก แต่เล่าหน่อยละกัน ผมรู้จักคนนึงจบมาจากมหาลัยมีชื่อของประเทศ(ถ้ามีมหาลัยไหนไม่มีชื่อบอกผมด้วยนะ-ฮา) ที่บานจะให้ไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนั้น ในตำแหน่งที่ดีที่สุดในบริษัทนั้น กับคนที่เก่งมากๆของบริษัทนั้น เลยอาศัยเส้นสายจัดการไป ผมก็อำนวยพรให้ไปได้ดี ปรากฏว่าหลายเดือนผ่านไป ก็ยังไม่ได้เข้าทำงานสักที ผมมาสอบถามภายหลังพบว่า เค้าสอบข้อเขียนตก(อันนี้เส้นยาก) เลยอดสัมภาษณ์(อันนี้เข้าไปนั่งตดก็ผ่าน) ต่อมาเค้าก็ได้เข้าไปทำงานในนั้น(ไม่แน่ใจว่าเส้นหรือสอบรอบหลัง) และก็ข้ามห้วยไปอยู่ฝ่ายที่ดีที่สุดตลอดกาลของบริษัทนั้น เห็นไหมครับจะไปอิจฉาทำไมถ้าเราเข้าทำงานได้ด้วยความสามารถของเราเอง มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเข้าไปทำงานอะไร แต่อยู่ที่เราทำงานแล้วได้เติบโตแค่ไหนต่างหาก อย่างคนนี้ถ้าเค้าได้เรียนรู้มากๆ และทำงานได้ดีในที่สุดก็จะพัฒนาขึ้นมาได้(จากที่สอบยัไม่ผ่าน) แต่ถ้าเข้าไปแล้วอยู่ไปวันๆ เค้าก็รอเราไล่หลังครับ เรื่องที่เจ็ด เงินเดือนเหมือนความฝัน คิดได้แต่ไม่เป็นจริง ขี้เกียจพิมพ์แล้ว ดึกมากกก เอาว่าก็คล้ายๆกับข้อบน คนส่วนใหญ่ที่มาบอกว่าเงินเดือนเท่านั้นเท่านี้ ลองถามสิครับว่าทำงานให้ใคร ทำอะไรบ้าง ถ้าไม่เซียนจริงส่วนใหญ่ก็ทำงานกงสี ทำกับที่บ้าน ที่บ้านฝากให้ทำนองนี้เป็นส่วนใหญื เรื่องที่แปด ทำธุรกิจง่ายนิดเดียว เกริ่นกล่าว – คนเราเดี๋ยวนี้นิยมออกมาทำมาหากินเอง นัยว่าทำเองเจ๊งเอง เอ้ยทำเองได้เองไม่ต้องเป็นเบี้ยล่างบริษัท เดี๋ยวนี้ออกมาทำกันเยอะแยะ ใครๆก็ทำได้ มีแต่เราที่มีแต่เรื่องปวดหัวไปหมด ทั้งเรื่องเงิน การผลิต คนงาน ทำไมคนอื่นทำอะไรก้ได้ง่ายจัง สงสัยต้องไปหาหนังสือ DIY มาอ่านมั่งซะแล้ว เนื้อเรื่อง – มีคนคนนึงมาสังสรรค์หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานปี ด้วยหัวเรื่องที่น่าตื่นเต้นว่า เค้าตั้งบริษัทเองแล้วนะไม่ทำกับที่บ้านหรอก เพราะว่าเค้าอยากทำอะไรเป็นของตัวเอง ตอนนี้ธุรกิจก็ไปได้ดีเพราะเป็นแบบใหม่มีทีมทำออกมาเอง พี่เค้าจบด้านการออกแบบพวกนี้มา ลูกค้านี่เยอะมาก ผล – ฟังแล้วหูตาตั้งเลย โหยเก่งจังเลยนะอายุ(ตอนนั้น)20ต้นๆเอง คนที่ออกมาตั้งธุรกิจเอง มีลูกน้องมีหน่วยวิจัยนี่ต้องสุดยอดมากแน่ๆเลย เบื้องหลัง – ผมชอบถามคนครับ ถามๆๆๆเท่าที่เราอยากรู้ เพราะถ้าเค้าเก่งจริงผมก็อยากศึกษาจากเค้า ถ้าเค้าของปลอมผมก็ฝึกการใช้คำถามและคิดวิเคราะห์แยกแยะ มีแต่ได้ไม่มีเสีย ;0 สรุปว่าที่ออกมาตั้งเอง เงินที่บ้าน ใช้ออฟฟิศที่บ้าน ใช้คนงานที่บ้าน(บางส่วน) เวลามีปัญหาก็ถามที่บ้าน และที่สำคัญลูกค้าก็คือลูกค้าเก่าของที่บ้านนั่นเอง(ซึ่งจะซื้อด้วยความเจ๋งของสินค้าหรือเกรงใจก็ไม่แน่) สรุป – คนเรามีกรรมไม่เหมือนกันครับ ถ้ามานั่งอิจฉาคนประเภทนี้ก็ไม่รู้จะว่ายังไง อิจฉาแล้วไง น้อยใจแล้วไง ชีวิตเราดีขึ้นหรือเปล่า พ่อแม่เค้าก็เคยไม่มีเหมือนเรามาก่อน ทำไมเราไม่สร้างมันขึ้นมาเหมือนพ่อแม่เค้าเพื่อว่าวันนึงข้างหน้าลูกเราจะได้สบายๆแบบนี้บ้าง แล้วเดี๋ยวพอผมยกตัวอย่างอื่นๆต่อไปก็จะได้รู้ว่า คนที่สร้างเองนั้นมันน่าภูมิใจกว่าเป็นไหนๆ ดีมากเลยครับ ขอ copy หน่อยนะครับ
โดย: ธัมโม IP: 124.120.232.205 วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:12:44:25 น.
โดย: dawreung51 วันที่: 30 ธันวาคม 2553 เวลา:18:53:04 น.
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:18:24 น.
โดย: veerar วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:31:32 น.
สุขสันต์วันเกิดครับ ขอให้มีสุขภาพร่างกายเเข็งเเรง
คิดสิ่งใดก็ขอให้สมปรารถนาเเละมีความสุขในทุกๆวันครับ โดย: Don't try this at home. วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:08:52 น.
Happy Valentine & Happy birthday ka
ขอให้มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆ และได้เป็นที่รักของทุกๆคนนะคะ โดย: Sugar lip วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:4:24:01 น.
พรใดที่เป็นของชาวโลก สุขใดที่ช่วงโชติของชาวสวรรค์ รักใดที่อมตะและนิรันดร์ ขอรักนั้นและพรนั้น จงเป็นของ จขบ. จ้า โดย: หน่อยอิง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:5:41:19 น.
สุขสันต์วันเกิดค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสบความสำเร็จทุกประการค่ะ Happy Valentine's ด้วยค่ะ โดย: แม่น้องแปงแปง วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:11:10:12 น.
ขอให้มีความสุขมากๆในทุกๆวัน.. ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงและสมบูรณ์.. และมีรักที่สุขสมหวังยั่งยืนตลอดไปนะค่ะ โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:01:08 น.
More โดย: phunsud วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:14:03:17 น.
โดย: nootikky วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:16:58 น.
สุข สราญงามสรรพชีวิต
สันต์ สถิตสมมารถปรารถนา วัน คืนลับ ทุกข์คลายหายพริบตา เกิด ปัญญา รับวันใหม่ ผ่องแผ้วเอย โดย: ทัสนะ (atruthoflife10 ) วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:05:58 น.
ในวันคล้ายวันเกิดของ จขบ.ขอบฟ้าบูรพา ให้มีความสุขสมปรารถนา ดั่งใจนึกทุกประการ จ๊ะ
โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:27:17 น.
โดย: จีนี่ในกระจกแก้ว วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:19:48:55 น.
|
บทความทั้งหมด
|