โคตรรักเอ็งเลย = บทวิจารณ์อ่านสนุกโดยคุณแท๊กซี่นิรนาม =
.....สำหรับท่านที่คิดว่าจะไปดูหนังโคตรรักเอ็งเลย อ่านก่อนตัดสินใจอีกทีนะครับ.....

.....สำหรับท่านที่ไม่คิดจะไปดูอยู่แล้ว ก็อ่านเป็นข้อมูลได้เลยนะครับ..
....กระผมไม่ได้เขียนเองนะครับ แต่ก๊อปมาจากกระทู้ของคุณแท๊กซี่นิรนาม ก็เอามาเผยแพร่กันต่อ คิดว่าเขาคงไม่ว่าอะไร แต่เด๋วจะหลังไมค์ไปขออนุญาติอีกทีนึงครับ เชิญอ่านกันได้ ณ บัดนี้เลยครับ

โคตรรักฯหรือโคตรแสบ! (แม้จะเปิดเผยเนื้อเรื่อง แต่ก็ควรอ่านถ้าคิดจะดู)
ออกตัวก่อนว่าถึงแม้หนังมันไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาวิจารณ์ แต่ผมก็มีสิทธิระบายความเจ็บใจในฐานะคนดูที่หนังเรื่องนี้ปล้นเงินกับเวลาของผมไปนะครับ

จะมีสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้อาจจะภูมิใจได้ ก็คือมันหลอกคนดูหนังอย่างผมได้ครับ ผมนี่มั่นใจว่าตัวเองมองหนังทะลุพอสมควร ถึงแม้ไม่ได้คาดหวังอะไรกับหนังเรื่องนี้มาก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายขนาดนี้ …เด็ดจริงๆ อาศัยจุดอ่อนที่เราอยากจะให้กำลังใจหนังรักของไทยเพราะเห็นไม่ค่อยได้มีโอกาสทำกัน แล้วมาสนองคุณเราแบบนี้…

คือถ้ามันจะมีปัญหาเพราะเหตุผลอย่างที่หนังเรื่องอื่นเจอ อย่าง…

ต้มยำกุ้ง - เรื่องอ่อน - ถูกกดดันที่"ต้อง"ดันจาพนมเพื่อตอบโจทย์คนดูหนังกังฟูของเมืองนอก
กระสือฯ - คุณภาพผลิตสะเพร่า - ปัญหาของระบบการจัดงบทำหนังแบบไทย
ชะนีฯ - ปล่อยผ่านบางปัญหาทั้งๆที่ไม่ควรผ่าน QC - เร่งผลิตเพราะต้องใช้"ดารา"เพื่อทำเงินให้ได้งบดุลย์สำหรับเตรียมเข้าตลาดฯ

กรณีเหล่านี้ยังพอทำใจให้อภัยได้ แต่เรื่องนี้… มันมีเหตุผลอะไรครับ??? ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไรตรงไหนเลย… หนังมันเลวเพราะคุณภาพเลวของการทำโดยแท้

เอาล่ะ… ถึงแม้นึกไม่ถึงว่ามันจะออกมาแย่ขนาดนี้ แต่ไหนๆก็พลาดไปแล้ว ทำไมไม่ฉายแบบหนังเกรดวีซีดี(ที่ต้องฉายโรงก่อนเพราะเหตุผลทางการตลาด) ไปเสียเงินพิมพ์ฟิล์มเยอะแยะหลอกคนดู หลอกตัวเองว่ามันเป็นหนังเกรดบีทำไมครับ? อีโก้ของใคร? …สติยังดีอยู่หรือเปล่าครับ?

หรือหวังลมๆแล้งๆเผื่อมันจะฟลุ๊ค… ใครมันหลอกเสี่ยอย่างนี้เอาไปประหารได้แล้ว ฮ่วย

จริงๆสิ่งที่หนังมันอยากจะบอกก็ไม่เลว แต่ขอโทษ… สิ่งที่หนังอยากจะบอกนั้น เขาก็ยัดใส่ปากนางเอกให้พูดให้คนดูฟังโต้งๆอยู่แล้วตอนจบ เฮ้อ… มา… ผมจะสับหนังเรื่องให้ท่านฟังเป็นข้อๆ อย่างยาววว(เพราะแค้นมาก) …ก่อนที่ท่านจะหลงเป็นเหยื่อเหมือนผม

1.บท - ผมไม่ทราบว่าใครเขียนบท …แต่นี่มันไม่ใช่บทหนังนี่ครับ นี่มันบทละครทีวีที่ compressed ลงมาให้อยู่ใน 2 ชั่วโมงครับ

บทหนังบ้าอะไรครับเล่าเรื่องด้วยบทพูด! นึกว่าคนดูหนังนี่เขาทำกับข้าวไปดูหนังไปหรือครับ? ถึงต้องให้ตัวละครเล่าๆๆอยู่นั่น คนดูหนังเขามาดูหนังจอใหญ่เขาก็หวังจะถูกดูดเข้าไปในเรื่องราวด้วยการแสดง ด้วยภาพ ด้วยเสียง จะเล่าไปทำหอกอะไรหนักหนา …ฉันไปโน่นมานะ ไปนี่มานะ ปวดขี้นะ รักกันนะ…

สมควรหักเงินคนเขียนบท… จ่ายมันเท่าราคาสคริพท์ทีวีนั่นแหละ ถึงจะเหมาะสม

แล้วบทมันไม่มีโครงสร้างเลย… มันจึงยากที่จะวิจารณ์ เพราะมันไม่มีเหียกอะไรให้วิจารณ์ ไม่มีองค์ ไม่มีกระดูก ไม่มีธีม ไม่มีสับธีม ไม่มีพัฒนาการของตัวละคร สับสนปนเปมั่วซั่ว พูดง่ายๆ.. คือไม่มีเรื่องราวอะไรเลย

ผมสามารถเล่าหนังเรื่องนี้ให้คุณฟังแล้วได้อรรถรสเดียวกันกับการเสียเงินร้อยยี่สิบบวกเวลาสองชั่วโมงได้ในย่อหน้าเดียว

"ผัวเมียทะเลาะกัน หักมุมไปมาเจ็ดรอบแต่ไม่ไปไหนเหมือนโรนัลโด้สับขาหลอก แล้วผัวเมียก็คืนดีกันโดยที่เมียบอกผัวว่า "ทีหลังเวลาทะเลาะกันเราคุยกันนะ"

จบ… หนังทั้งเรื่องมีอยู่แค่นี้ครับ อย่างที่บอกไว้ว่า message ของหนังมีอยู่แค่นี้แหละ แถมยังบอกด้วยรสนิยมอันต่ำทรามด้วยการยัดใส่ปากนางเอกให้พูดตอนจบ …แค่นั้นแหละ พูดจริงๆ ดูโรนัลโด้สับขาหลอกยังสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยถึงมันจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่เทคนิคมันก็ยังสวยงาม

แต่เรื่องนี้… ทั้งไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีเทคนิค ไม่สวยงาม และที่สำคัญ… มันจะสับไปทำหอกอะไรของมัน ทำไมมันไม่ไปเล่นฟุตบอลซะให้หมดเรื่อง มันจะมาแปลงกายเป็นบทหนังทำทรากอะไรไม่ทราบ

จริงๆการสับขาหลอกคนดูนั้นไม่ผิดนะครับ การเซอร์ไพร๊ส์คนดูเป็นหลักการอย่างหนึ่งของหนัง แต่มันต้องมีที่มาที่ไป มีน้ำหนักมีความเป็นไปได้ มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง และทำในจังหวะและรสนิยมที่ดี ไม่ใช่หลอกอย่างเดียวไม่พื้นฐานอย่างกะผีลอยอยู่ในอวกาศอย่างนี้ แถมยังทำไม่เป็น …หลอกไม่เนียน ไม่ถูกจังหวะ แล้วยังบอกเขาก่อนว่า "ฉันกำลังจะหลอกเธอแล้วนะ…" อีกแน่ะ มาสไตล์นี้ซ้ำซากจนเรื่องไม่เดินหน้าไปไหนเลย… เซอร์ไพร๊ส์เหลือเกิน ฮ่วย…

มันกะหลอกคนดูจนเผลอหลอกตัวเองไปด้วย …คิดดู ขณะที่คนดูส่วนหนึ่งอาจจะดูไม่รู้เรื่อง(ท่านไม่โง่ไม่ผิดครับ… ผมยืนยันว่าหนังมันมั่วครับ) คนดูอีกส่วนก็จะรอแก๊กตลกของโน๊ตแล้วก็รู้สึกว่า …เมื่อไหร่มันจะจบซะทีวะ …อย่างที่ผมเป็น

(เผื่อท่านที่อ่านแล้วไม่อยากไปดูแต่อยากรู้เรื่อง เรื่องมีอยู่ว่า นางเอกตาย! …แต่จริงๆแล้วไม่ตาย พระเอกตาย! …แต่จริงๆแล้วก็ไม่ตาย ลูกตาย! …แต่จริงๆแล้ว …ตาย แต่ไม่เป็นไร เรามีลูกแฝด! แล้วหักมุมทั้งหมดนี้ …ไม่ได้มีความเป็นไปได้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับอารมณ์ของเรื่องทั้งสิ้น …กรูจะหัก ใครจะทำไมกรู)

2.การกำกับ - หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังไทยที่มีบทแย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาครับ มันไม่ถึงขนาดแย่บัดซบ แต่ที่มันออกมาแล้วยิ่งแย่หนักจนบัดซบก็เพราะการกำกับครับ ใครกำกับผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นผ่านๆตาในนี้เหมือนจะคุยว่ามีฝีมือพอสมควร

ผมว่าไม่จริงครับ, มีฝีมือครับ………แต่ไม่ใช่พอสมควร………คือมีน้อยมากครับ ไม่ได้ช่วยอะไรบทที่แย่ๆเลยครับ ช่วยอย่างเดียว… ช่วยให้มันแย่เยี่ยวราดหนักเข้าไปอีก

ตีบทไม่แตก ไปหลงงมกับอะไรไม่ทราบ กำกับแบบเมาๆ จับอารมณ์ของเรื่องไม่อยู่ ที่พออยู่ก็เค้นไม่เป็น เค้นผิดวิธี ผิดจังหวะ ฯลฯ

ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือการไม่เข้าใจใน paradox of emotional representation ไม่เข้าใจความยั่วแย้งระหว่างอารมณ์ของตัวละครกับอารมณ์ของเรื่อง เวลาจะให้เรื่องเศร้าก็บังคับให้ตัวละครร้องไห้ เวลาจะให้เรื่องขำก็บังคับให้ตัวละครทำตลก …ทื่อๆมันไปอย่างนั้น ทำอย่างกับไม่ได้กำกับหนัง แต่เป็นการกำกับละครทีวีเช้าวันอาทิตย์ที่เด็กดูแบบนั้น …หลุดมาจากไหนก็ไม่ทราบ

แถมยังชอบเล่นกับของยากทั้งๆที่ฝีมือมีไม่ถึง หนังเรื่องนี้ใช้สไตล์ parody เยอะมากครับ เกือบทั้งหมดแป๊ก… เพราะ parody นั้นยากสสส… ปูเนื้อมาไม่ดี จังหวะยังไม่ถึง ทะลึ่งจะ parody อย่างโรงที่ผมดูมีคนดูเยอะพอสมควร แต่ฮา…….กริบตลอด …สมน้ำหนวก

การใช้กล้องเล่าเรื่องก็บัดซบมาก จนผมขี้เกียจและไม่สนใจจะจำ จำได้อยู่ฉากเดียว เพราะฉากนี้ทั้งโรงมีผมหัวเราะอยู่คนเดียวจนคนดูอื่นมองหน้า ฉากที่พระเอกเอาสคริพท์ไปให้โปรดิวเซอร์ดูครับ ท่านออกแบบซีนสนทนาไม่เป็นครับ(เป็นอย่างนี้ทั้งเรื่องครับ ซีนขนมๆอย่างนี้ท่านถ่ายข้ามไหล่ไม่เป็น) ท่านคงไม่รู้จะทำยังไง เลยเช่าดอลลี่มาให้เปลืองตังค์เล่น แล้วก็เอากล้องไปตั้งบนดอลลี่ แล้วก็ลากไปลากมา… ลากมาลากไป… อยู่อย่างนี้ทั้งฉาก โดยไม่มีมรรคผลใดๆ ไม่รับใช้อารมณ์ของซีน ไม่ถูกบีต รังแต่จะทำให้ดูน่ารำคาญ

ผกก.ไม่จำเป็นต้องเรียนมาหรอกครับ แต่การไม่ศึกษาไม่ใฝ่รู้ศาสตร์ของหนังก่อนทำงานนี่ …ด่าว่าสะเออะได้ไหมครับ

แต่ที่แย่ถึงระดับที่ถ้าการทำหนังมีกฎหมายนี่ก็ต้องประหารชีวิตแล้ว คือการกำกับการแสดงครับ ไม่ทราบว่าสำนักไหนสอนมาให้บังคับนักแสดงเล่นอย่างโน้นเล่นอย่างนี้ครับ! ถ้าชอบเล่นอย่างนั้นเมิงไม่เล่นเองไปเลยหละ… จ้างนักแสดงทำหอกอะไร …นักแสดงเป็นคนนะคร๊าบ มีชีวิตจิตใจ อารมณ์และจินตนาการของเขา แล้วเขาก็ใช้มันในการแสดง เขาไม่ใช่หุ่นให้คุณปั้นท่าโน้นท่านี้ดั่งใจ

ทำไมผมถึงพูดอย่างนี้… ก็เพราะการแสดงมันปัญหาว่าผิดธรรมชาติของนักแสดงแบบโจ่งแจ้งกระจ่างตาชนิดดูออกว่าไม่ได้เล่นเอง แต่เล่นอย่างนั้นเพราะกำลังเลียนแบบไอ้บ้าที่ไหนคนหนึ่งอยู่ ชัดที่สุดก็คือนางเอก ดูออกครับว่านางเอกเป็นนักแสดงสมัครเล่น แต่เขาดูมีศักยภาพมาก เวลาจับจังหวะของตัวเองได้จะเป็นธรรมชาติมาก แต่มาตกม้าตายชนิดไม่ได้เกิดกับหนังเรื่องนี้ก็ซีนร้องไห้นี่แหละ

หนังเรื่องนี้นางเอกร้องไห้ทั้งเรื่อง ร้องมันเกือบทุกครั้งที่เสียใจ ทะเลาะกับผัวก็ร้อง เลิกก็ร้อง ผัวตาย… ผัวไม่ตาย… นอกใจ… ไม่นอกใจ… ลูกตาย… ร้องมันอยู่นั่นทุกสิบนาที แต่ที่บัดซบมากคือร้องทุกครั้งร้องในโหมดเดียว เหมือนกันหมด เหมือนกันเด๊ะ …ขนาดปริมาณของน้ำตาทุกครั้งยังเท่าๆกันเลย…

บ้าแล้ว… มนุษย์ที่ไหนจะร้องไห้ตะวักตะบวยแล้วก็ร้องเหมือนกันทุกครั้งเป็นหุ่นยนตร์อย่างนี้ ที่แสบที่สุดก็คือบางครั้งเขาไม่อยากร้องไห้ก็บังคับให้เขาร้อง เขาร้องแล้วไม่มีน้ำตา ก็เอาน้ำมาหยอดตาเขาอีก …บัดซบไหมล่ะ

ท่านได้ยินถูกต้องแล้วครับ มีบางซีนที่เขาเล่นเอาน้ำหยอดตากันเลย ดูออกครับ จริงๆนี่เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการกำกับหนังใหญ่นะครับ ในโรมาเนียสมัยเชาเชสคู ผกก.หนังใหญ่คนไหนทำอย่างนี้เขาจับไปประหารชีวิตเลยนะครับ (…อันนี้มุก)
หายโมโหแล้ว… พอ… ทั้งที่มีเรื่องให้วิจารณ์ต่อได้อีกเป็นกระตั๊ก แต่ขี้เกียจ… ไม่คุ้มค่าแก่การพูดถึงและจดจำ สรุปเลยก็แล้วกัน

ใครมีเงินเหลือเฟือ และพอใจกับการเสียเวลาอันน่ารำคาญไปกับแก๊กสดๆของโน๊ตอุดมไม่กี่แก๊ก (มันเล็กกว่ามุกจึงเรียกว่ามุกไม่ได้ มุกมันต้องเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ มุกแป๊กเกือบหมด) ก็เชิญลอง แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าดีกว่า ไม่จำเป็นต้องลองเลยครับ รับประกันไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชมกลุ่มไหน หนังเรื่องนี้ทำคุณเสียเวลาแน่นอน ไม่ซึ้ง ไม่ตลก ไม่สนุก ไม่ตื่นเต้น ไม่สวยงาม ไม่ประเทืองปัญญา ไม่ประโลมอารมณ์ด้วยประการทั้งปวง มีเพื่อนก็บอกต่อเพื่อน มีพี่ก็บอกต่อพี่ บอกทุกคนที่มีสิทธิจะไปดูว่าอย่าไปดู

ไม่อย่างนั้นเสียใจมาแล้วจะหัวเราะเยาะให้ …ไม่เชื่ออยากลองโง่เหมือนผมก็เชิญ

หนังอย่างนี้ …เช่าวิซีดีมาดูยังไม่คุ้มเสียเวลาเลยครับ

ผมไม่รู้จักผกก. ไม่รู้จักใครทั้งนั้น รู้แต่ว่าการทำหนังเรื่องหนึ่งนั้นกว่าจะเสร็จเลือดตาแทบกระเด็น คนทำหนังทุกคนสมควรได้รับการยกย่องตรงนี้ ผมยอมรับตรงนี้ แต่จะให้ผมฝืนใจให้กำลังใจคนทำหนังอย่างนี้เห็นทีจะไม่ไหว ผมเคยอ่านผ่านๆว่าผกก.ท่านนี้เอาเรื่องจริงของตนเองมาทำหนัง ถ้าอย่างนั้น… ผมยิ่งอยากด่าหนักเข้าไปอีก เรื่องส่วนตัวอย่างนั้นสมควรทำอย่างสุดหัวใจ ไม่ใช่เอาเท้าเขี่ยทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้มันทรยศต่อความรักของตัวเองชัดๆ ถ้าผมมีคนรัก วันหนึ่งผมจากไปแล้วคนรักเอาเรื่องของเรามาทำหนัง แล้วทำออกมาอย่างนี้…

ผมก็อยากจะบอกกับเขาว่า…

"ที่รัก… ผมภูมิใจมากที่คุณคิดถึงและให้เกียรติผม ขนาดนำเรื่องของเรามาทำหนังด้วยความอุตส่าหะทุ่มเท
…แต่หลังจากผมได้ดูหนังของเราแล้ว …ที่รักครับ
ผมถึงนึกออกด้วยหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนจากหนัง
ก็เพราะคุณมันบ้องตื้นอย่างนี้นี่เอง …เรื่องราวของเราถึงเป็นเช่นนี้
ผมสงสารตัวเองจัง…"



Create Date : 03 สิงหาคม 2549
Last Update : 3 สิงหาคม 2549 23:17:14 น.
Counter : 1753 Pageviews.

8 comments
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ มาช้ายังดีกว่าไม่มา
(2 ม.ค. 2567 07:30:30 น.)
The Last Thing on My Mind - Tom Paxton ... ความหมาย tuk-tuk@korat
(1 ม.ค. 2567 14:50:49 น.)
ไม่ลอดช่องโหว่ ปัญญา Dh
(2 ม.ค. 2567 13:44:30 น.)
BUDDY คู่หู คู่ฮา multiple
(3 ม.ค. 2567 04:49:04 น.)
  
มันก้อแล้วแต่ความคิดของแต่ละคนเนอะ..บางคนอาจจะชอบ แต่บางคนอาจจะไม่ชอบ...
โดย: pahn IP: 203.113.77.7 วันที่: 3 สิงหาคม 2549 เวลา:23:56:44 น.
  
ไม่ได้คาดหวังกับหนังเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ไปดูเพราะอยากพิสูจน์ให้รู้ว่า ไอ้ที่เขาวิจารณืว่าแย่ๆมันแย่จริงๆหรอ และแล้วพอดูหนังไปได้เกือบครึ่งเรื่องก็เริ่มได้คำตอบกับตัวเองว่า ไม่น่าเลย....นั่งดูนาฬิกาว่าเมื่อไหร่หนังจะจบ ผิดหวังอย่างแรง เพราะไอ้ที่คิดมาแล้วว่าจะแย่แต่ไม่คิดว่าจะแย่มากมายขนาดนี้ บทที่แย่ ไม่ซึ้ง และไม่ขำเลย เขียนบทได้อย่างยัดเยียดให้คนดูอินตลอดเวลา แต่เป็นการพยายามที่ไร้ค่ามาก นักแสดงบางคนที่เล่นซะแข็งทื่อมาก จังหวะหนังที่ไม่ดีเลยในบางฉาก และการคลายปมในบางจุดที่ง่ายจนเกินไป รวมทั้งบทสนทนาของตัวละครบางประโยคก็คุ้นๆว่าเคยดูมาแล้วจากภาพยนตร์รักโรแมนติคเรื่องหนึ่ง ไม่รู้ว่าคนเขียนบทจงใจหรือเปล่า ไม่รุ้จะพูดอย่างไง แต่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับบทความนี้ ว่าเสียดายเวลาและเสียดายเงิน
โดย: cuomo (cuomo ) วันที่: 4 สิงหาคม 2549 เวลา:17:37:29 น.
  
ตอนที่มีกระทู้นี้ ก็ได้แต่ไม่อ่านค่ะ เพราะไม่ชอบอ่านกระทู้รีวิวหรือพูดถึงหนังก่อนที่จะได้ดู

แต่พออ่านแล้วก็เห็นด้วยในบางเรื่อง

แต่บางเรื่องก็ไม่เห็นด้วย

กะว่าจะทำรีวิวเร็วๆ นี้ค่ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 8 สิงหาคม 2549 เวลา:16:17:57 น.
  
โดย: aaa IP: 61.19.219.144 วันที่: 18 สิงหาคม 2549 เวลา:13:15:34 น.
  
ชอบแฮะ หนังเรื่องนี้
น่ารักดี อ่ะ แปลกคนหรือเป่าเรา
อืม ๆๆ
โดย: helpo IP: 58.64.100.142 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:32:29 น.
  
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะครับ

คือ อยากบอกว่า ทำไมเขาวิจารณ์ได้แรงดีจังครับ ผมว่าถ้าผมเจอเขาตอนกำลังจะลงมือเขียนวิจารณ์หนังเรื่องนี้นะ ผมจะให้เงินเขาสัก 120 บาท ค่าตั๋วหนังที่เขาเสียไป เผื่อว่าเขาจะได้ไม่ต้องมาทำอะไรที่มันถ่วงโลกอย่างนี้

เหตุผลที่มันถ่วงโลกนะครับ เพราะเขาเขียนเพราะพื้นฐานการคิดมาจากต้องการจะเผยแพร่ความรังเกียจหรือความรู้สึกที่มันไม่ดีที่มันมีต่อหนังเรื่องนี้ ก็คือเขาอยากให้คนอื่นมีจุดดำมืดบอดในจิตใจเหมือนกับเขา ไม่ใช่หวังดีเป็นห่วงคนอื่น ไม่อยากให้คนอื่นเสียเวลา เสียเงินไปดูหนังเรื่องนี้หรอก

โอเคว่าอาจจะมองว่า เออ อ่านเอามัน อ่านอารมณ์โกรธของคนบางคน เพื่อความสำราญ อันนี้ก็ไม่ว่า แต่ย่อหน้าต่อไปนะครับ เป็นการด่าความมองโลกแคบของคนที่เขียนวิจารณ์โคตรรักเอ็งเลย

เริ่มจาก สมมติว่าผมไม่เคยดูโคตรรักเอ็งเลย ผมก็อยากมันบอกว่านายคนนี้ได้แต่เขยนด่าลอยๆ มีตัวอย่างมาแค่อยู่แค่ฉากเดียว ที่เขียนด่าว่าตอนที่พระเอกเอาบทหนังไปยื่น ว่าฉากนี้มันไม่ดี ผมเห็นแค่ตัวอย่างเดียว นอกนนั้นด่าลอยๆ เหมือนเป็นพวกร้อนทฤษฎีอยากเอาความรู้มาโชว์ แต่ไม่ประยุกต์ให้คนทั่วไปอ่านเข้าใจได้ เขียนให้ตัวเองในไดอารี่ตัวเองเหอะ อย่ามาถ่วงความเจริญคนอื่นเลย ถ้าจะเถียงว่า เออ ก็กุอูเขียนให้คนมีความรู้เฉพาะด้านอ่านอันนี้ก็ไม่ว่า ปล่อยไป เจ้าคนจิตใจสีหมอง

ยังอยู่ในข้อสมมติที่ว่า ผมไม่เคยดูหนังเรื่องนี้นะครับ อ้ายเจ้าคนเขียนวิจารณ์เนี่ย ถ้ามันกำกับหนังแล้วได้รางวัลใหญ่โตมาจากต่างประเทศ หรือรางวัลสั่วๆ ที่ไหนก็ได้ ผมก็จะไม่ว่าที่มันมาเขียนด่าพิง ลำพระเพลิงอย่างนี้ หรือถ้ามันกำกับหนังแล้วโกยรายได้เป็นกอบเป็นกำมหาศาล ก้ต้องขอโทษที่มาด่า แต่ถ้าอ้ายเจ้าคนเขียนวิจารณ์ มันไม่ทำอะไรเลย เป็นแค่สัตว์เศรษฐกิจ ไม่เคยสร้างสรรค์งานศิลปะอะไรเลย อันนี้จะว่าอะไรล่ะครับ รู้ป่าวภาพยนตร์ก็เป็นงานศิลปะนะ ส่วนอ้ายเจ้าคนที่เขียนก็เป็นแค่พวกคิดอะไรใหม่ๆ ไม่เป็น แค่เอากรอบความรู้แคบๆ ของตนไปจำกัดงานสร้างสรรค์ของคนอื่น ผมคิดว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้นะครับ ขอถามหน่อยนะครับ เจ้าคนที่เขียนวิจารณ์ มันเคยทำอะไรอย่างที่ผมถามหรือป่าว หรือด่าเป็นอย่างเดียว แสดงความคิดเห็นโดยใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นอย่างเดียว

ภาพยนตร์มันเป็นงานศิลปะนะครับ ก็มีรูปวาดราคาหลายล้านที่ผมมองไม่เห็นเลยว่ามันสวยงามตรงไหน แต่ผมก็ไม่เอามาด่าว่าคนซื้อโง่ ผมไม่เคยเลย คนเขียนมันไม่เปิดใจกว้างนี่นา เคยคิดบ้างรึป่าวว่าแต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน หรือว่าคิดว่าทุกคนชอบเหมือนกันหมด

ก็ยังคงอยู่ในข้อสมมติที่ว่าผมไม่เคยดูหนังเรื่งนี้นะครับ ต่อให้หนังเรื่องนี้ มันห่วยจริง มันการตลาดดี แต่หนังห่วยจริงๆ แล้วยังไงล่ะ เจาเอาเงินของบิดามารดาเจ้าขนเขียนวิจารณ์ไปสร้างเหรอครับ หนังเรื่องนี้พอออกฉายแล้วมันทำให้ใครตีกันเหรอครับ มันทำให้ใครเดือดร้อนเหรอครับ นอกจากเจ้าคนเขียนวิจารณ์เอง ที่พยายามทำให่คนอื่นมีความรู้สึกไม่ดี หรือ ทุกข์นั่นเอง เกิดขึ้นในจิตใตเหมือนกันกับตัวเขา

ทั้งหมดนี้ อาจจะคิดว่า แล้วใครใช้ให้ผมมาอ่านล่ะ อันนี้ก็ไม่ว่ากันครับ ขอโทษด้วย ที่ยุ่ง ผมแค่อยากต่อว่า ที่เจ้าคนเขียนวิจารณ์มันทำอะไรแย่ๆ อย่างนี้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ไม่เคยสร้างสรรค์อะไรเลย ถ้าสร้างสรรค์ก็ดีไป

ขอบคุณมากครับที่อ่านมาถึงตรงนี้
โดย: สาวก (SanJiKicK ) วันที่: 3 มิถุนายน 2550 เวลา:20:17:59 น.
  
เสียเวลาในชีวิตไปเปล่าๆครับ
กับการดูหนังเรื่องนี้
โดย: บังเอิญผ่านมา IP: 125.25.51.201 วันที่: 14 มิถุนายน 2551 เวลา:17:29:45 น.
  
เธซเธ™เธฑเธ‡เน€เธฃเธทเนˆเธญเธ‡เธ™เธตเน‰เธชเธธเธ”เธขเธญเธ”เธ”เธ”เธ”เธ„เธฃเธฑเธšเธšเธš
โดย: เธญเธดเธ™เน†เน† IP: 118.173.187.235 วันที่: 9 กันยายน 2552 เวลา:23:00:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Joblovenuk.BlogGang.com

joblovenuk
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]

บทความทั้งหมด