The World's Fastest Indian ..... บิดสุดใจ ไกลเกินฝัน
....................เมื่อเช้าแวะไปดูคอนโดที่สุขุมวิทพลัสมา อืมย์ ได้ดูแค่สามห้อง ค่อนข้างผิดหวังเพราะที่คุยกับเซลล์ไว้ นึกว่าเค้าจะหาห้องที่อื่นให้ดูด้วย อุตส่าห์หยุดทั้งทีก็อยากดูหลายๆที่ แต่นี่ดูเหมือนเค้าไม่ได้ทำการบ้านมาเลย กะจะขายของตัวเองอย่างเดียว แถมราคาก็แพงซะ พูดถึงสภาพห้องโดยรวมๆก็ค่อนข้างน่าพอใจครับ โดยเฉพาะห้องแรกที่เห็นวิวค่อนข้างรอบทิศ แต่ผมก็ว่าห้องยังดูเล็กไปสักนิด แต่ facility ค่อนข้างครบครัน
.....................ทีแรกกะว่าจะได้ไปดูห้องอีกที่นึงแถวพระรามสาม แต่เซลล์เค้าคุยกับ owner แล้วปรากฏว่าเข้าไปดูไม่ได้ ช่วงบ่ายเลยว่าง มีเวลาเหลือพอดูหนังแฮะ ว่าแล้วเลย รีบขับรถมาลิโด้ดีกว่า รถติดเอาเรื่องเลย มาถึงเกือบเลยรอบฉาย กว่าจะเข้าห้องน้ำห้องท่าเสร็จ เดินเข้าโรงช้าไปนิด หนังเริ่มไปนิดนึงแล้ว
.......................World Fastest Indian ( สองดาวกว่าๆ ) เป็นหนังนิวซีแลนด์ ที่เคยมาฉายตอนเทศกาลหนังไปรอบนึงแล้ว แต่ผมไม่ได้ไปดู ที่เลือกดูก่อนในบรรดาหนังทั้งหมดของโปรแกรมเพราะเห็นว่าเหลือฉายอยู่แค่วันละรอบเดียวแล้ว ( ขณะที่ The bow / Tsotsi / year of yao มีรอบฉายเกือบทั้งวัน ) ต้องรีบดูซะก่อนเด๋วจะออก แถมมีเสียงคนที่ไปดูมาก็เห็นบอกว่าหนังดีปกันหลายคน
........................ท่านเซอร์ แอนโธนี ฮอปกิ๊นส์ กลับมาอีกครั้งในบทบาทของ เบิร์ต มันโร นักซิ่งมอร์ไซค์วัยดึกชาวกีวี ที่มีความฝันจะไปแข่งรถยังบอนเนอวิลล์ สหรัฐ ซึ่งเป็นเมืองแห่งความเร็ว หลังจากที่ทราบจากหมอว่า เขามีอาการเส้นเลือดหัวใจตีบ คงจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก คุณปู่เลยฮึดครั้งสุดท้าย ขอสานความฝันตัวเองให้เป็นจริง ว่าแต่อายุปูนนี้แล้ว กับการแข่งขันมอร์ไซค์ความเร็วสูง ฝันของปู่จะสมหวังหรือเปล่าล่ะหน๊อ ??
.........................หนังเรื่องนี้อ้างอิงจากอัตตชีวประวัติของคุณปู่ เบิร์ต มอนโร ซึ่งเป็นฮีโร่ของชาวนิวซีแลนด์ ตัวจริงเสียงจริงซะด้วย ส่วนตัวแล้วผมก็ชอบดูหนังเรื่องราวชีวิตของคนอยู่แล้วล่ะครับ หนังเรื่องนี้ก็เล่าเรื่องแบบนุ่มนวล ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งเร้า แปลกใจเล็กๆเหมือนกัน สมัยก่อนอเมริกาดูเหมือนจะเป็นประเทศที่น่าอยู่ ผู้คนก็น่ารักดี ไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่เปลี่ยนไปจะทำให้อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้ เสียดายที่อุปสรรคของปู่มอนโร ไม่ค่อยมากเท่าไหร่นัก ก็เลยพาลให้อารมณ์มันไม่ค่อยลุ้นถึง peak เท่าไหร่นัก ท่านเซอร์ ฮอปกิ๊นส์ ก็เล่นได้ดีตามมาตรฐาน คุณปู่มอนโร เลยดูเป็นคนแก่ที่น่ารัก เข้มแข็ง อารมณ์ดี อ่อนโยน แถมยังเป็นนักรักชั้นเยี่ยมอีกตะหาก หนังไม่มีฉากสูตรแบบหนังฮอลลีวู๊ดเท่าไหร่ ( อาทิ พระเอกออกมาปาฐกถาอะไรบางอย่าง หรือว่าพระเอกทำสำเร็จแล้วคนออกมาแห่แหน ฯลฯ ) แต่ก็มีฉากที่เกือบจะคล้ายๆเหมือนกัน จัดเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆครับ
.........................ช่วงเย็นแวะไปเรียนอิตาลีที่ จุฬา เช่นเคย วันนี้วันที่สองแล้วของอาจารย์ฝรั่ง ( ยังไม่รู้จักชื่อเลย ) วันนี้ดีหน่อย เริ่มปรับตัวได้แล้ว พอจะฟังอาจารย์รู้เรื่องบ้าง หลังจากที่วันแรกเล่นเอางงแตก เพราะอาจารย์พยายามไม่พูดภาษาอังกฤษเลย ( ไม่พูดไทยด้วย ) พูดแต่อิตาลีอย่างเดียว แต่แกพยายามพูดช้าๆมากๆแล้วนะ ไม่รู้ว่าจะราบรื่นตลอดหลักสูตรหรือเปล่า เพราะช่วงเดือนหน้าเนี่ย อาจจะมีบางวันที่ไม่รู้จะลาไปเรียนได้หรือเปล่า เป็นห่วงจัง ยิ่งยากขึ้นๆ ถ้าไม่ได้ไปเรียนต่อเนื่อง สงสัยจะมีปัญหาแน่เรา ก็ต้องสู้กันต่อไปครับ
ไม่ได้เข้ามาเสียนานเลย