"" เมื่อวานโชคดีเหลือเกิน ได้ไปดู My Sister's Keeper ที่ House มา หนังดีมั่กมั่ก ""
........................สัปดาห์ที่แล้วพลาดหนังดีอย่าง Inglorious Basterds ไปแล้วหนนึง สัปดาห์นี้ต้องมาชั่งใจเลือกหนังท้ายโปรแกรมสองเรื่องซึ่งผมจะมีโอกาสดูได้แค่เรื่องเดียว เรื่องนึงคือ Broken Embraces ของป้า เปโดร อัลโมโดวาร์ กับอีกเรื่องคือหนังดราม่าบีบน้ำตา My Sister's Keeper ของ นิค คาสซาเวท ซึ่งผลงานที่ผ่านมาดีทุกเรื่องเช่นเดียวกับป้าเปโดร !! เล่นเอาทำใจลำบากเหมือนกัน แต่แยกร่างไม่ได้ เลือกจากรสนิยมส่วนตัว ผมชอบหนังดราม่าบีบน้ำตามากกว่าหนังตลกร้าย เลยขอเลือก Sister ที่ House แทนดีกว่า ... เพราะอารมณ์ช่วงนี้แบบว่าอยากร้องไห้อยู่พอดี แล้วอีกอย่างก็คือไม่ได้ดูหนังแนวเมโลดราม่า บีบคั้นน้ำตาหนักๆมานานมากแล้วล่ะ เรื่องสุดท้ายจำไม่ได้แล้วว่าคือเรื่องอะไร ?
........................ลงทุนลางานครึ่งวัน ขับรถไปเฮ๊าส์ ไปถึงก่อนเวลาพอสมควร ก็เลยเดินเตร็ดเตร่เซอร์เวย์แถวๆโรงหนังเฮ๊าส์ House เปลี่ยนหน้าตาไปเยอะ เงียบลง สวยขึ้น จัดอะไรต่อมิอะไรเป็นระเบียบเรียบร้อยมากๆๆ ห้องสมุดหนังของ House นั้นแจ่มแหล่มสุดๆครับ มีหนังให้เลือกดูมากมาย มีบริการอินเตอร์เน็ทราคาประหยัด มีทีวีกับดีวีดีให้เปิดเล่นดูหนังได้ฟรีๆ !! มีหนังสือหนังหาให้เลือกนั่งอ่านได้อย่างสบายอารมณ์ แถมยังจัดบริเวณได้เหมือนอาร์ตแกลอรี่ ไฮโซๆอีกต่างหาก นึกๆแล้วน่าเสียดายมากที่มีคนไปใช้บริการน้อยเหลือเกิน ส่วนของร้านอาหารก็ดูดีมีคลาส น่านั่ง เป็นที่เหมาะไปนั่งชิลชิล ทำงาน สัมภาษณ์ พักผ่อน มีตติ้งฯลฯ จะทำอะไรก็เวิร์คอ่ะครับ จะไปจู๋จี๋จีบสาวออกเดทก็ยังถือว่าเข้าท่ามากๆครับ ~ ยิ่งวันธรรมดานะครับ บรรยากาศนี้ส่วนตัวมากๆเลย
........................ขอพูดถึงหนังบ้าง ทีแรกนึกว่าจะต้องนั่งดูคนเดียวในโรงซะแล้ว ปรากฏว่าหนังฉายไปได้หน่อยนึง มีคนมาดูด้วยเป็นเพื่อนอีกคู่นึงครับ !! หนังดราม่าเรื่องนี้ไม่ใช่หนังอาร์ต ไม่ใช่หนังนอกกระแสนะครับ เป็นหนังสตูดิโอใหญ่อย่างนิวไลน์ ดาราดังๆเพียบ แถมลงทุนไปน่าจะไม่ใช่น้อยๆครับ ถ้าจำไม่ผิดหนังก็ได้เงินไปพอสมควรครับที่เมืองนอก พอดีหนังฉายบ้านเราในโรงดิจิตอล ค่าตั๋วราคาแพง ผมเลยไม่ไปดู จนหนังออกโปรแกรมไปแล้ว House เขากรุณานำมาฉายในโรงเฮ๊าส์ เผื่อใครที่หลงหูหลงตาไปอย่างผม ได้มีโอกาสกลับมาดูในโรง ซึ่งก็ต้องบอกว่าน่าซาบซึ้งใจมาก ไม่งั้นผมคงพลาดชมหนังดีที่สุดในรอบปีนี้ในโรงภาพยนตร์ไปอย่างน่าเสียดายที่สุด !! ภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่าเสียเวลาเดินทางแน่นอน ไม่ว่าท่านจะพักอาศัยอยู่ไกลเฮ๊าส์ขนาดใหน ?
........................My Sister's Keeper เล่าเรื่องของครอบครัวที่มีลูกสาวเป็นมะเร็งลูคีเมีย ไม่มีหนทางรักษาได้แต่พยุงอาการไปเรื่อยๆ ครอบครัวที่น่าจะอบอุ่นก็เลยสั่นคลอน หมอแนะนำว่าพ่อแม่ควรจะมีลูกอีกคนนึง เพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว หาดีเอ็นเอที่เหมาะสม เพื่อจะได้นำเด็กคนนี้มาเป็นอะไหล่ชีวิตเพื่อต่ออายุให้ลูกสาวคนโต !! เพราะการได้เนื้อเยื่อ เลือด ไขกระดูก อวัยวะ ฯลฯ จากเด็กคนนี้ซึ่งมีโครโมโซม ดีเอ็นเอทุกอย่างเหมือนพี่สาว จะมีโอกาสช่วยเหลือพี่สาวได้มากกว่ารอบริจาคจากผู้บริจาครายอื่น ซึ่งโอกาสแมทซ์กันมีน้อยมากๆๆ !! ปรากฏว่าพอน้องสาวโตขึ้น แทนที่จะยอมช่วยเหลือพี่สาวแต่โดยดี เธอกลับไปจ้างทนายฟ้องพ่อแม่ตัวเอง ขอสิทธิในการเป็นเจ้าของทุกอย่างในร่างกายของเธอ พูดง่ายๆคือไม่ยอมให้เจาะโน่นเจาะนี้ไปช่วยพี่ตัวเอง ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันตามระเบียบ !!
........................ฟังพล็อตเรื่องเหมือนดูจะไม่เข้าท่า แต่หนังเล่าเรื่องได้ดีมากๆๆ ละมุนละไม ละเมียดอารมณ์สุดๆครับ วิจารณ์เป็นคำพูดก็คงยาก เพราะหนังพูดเรื่องราวที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมครับ จะเอาเหตุผล หรือเอาหลักการอะไรมาวิเคราะห์ก็คงเป็นเรื่องยาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ Emotional สุดๆครับ แล้วก็เล่าเรื่องอย่างเนิบนาบแต่กินใจครับ !! เนื้อเรื่องเหมือนจะเครียด กดดัน หดหู่ แต่เปล่าเลยครับ หนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดี แล้วก็พูดถึงชีวิตในแง่ดีมากๆๆ ที่สำคัญหนังถ่ายภาพได้สวยสุดๆ หนังมีธีมที่ว่าด้วยว่า ชีวิตคือความงดงาม แล้วหนังก็ถ่ายความงามอันนั้นมาให้เราเห็นอย่างเต็มๆตา จนผมอดที่จะหลั่งน้ำตาด้วยความปีติไม่ได้ !! คือการที่คนเราร้องไห้ให้หนังเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเศร้านะครับ แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข เหมือนตอนดูหนังเรื่อง Be with you ที่พูดถึงประเด็นความตายเหมือนกัน แต่ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกสะเทือนใจ เศร้าใจ แต่เป็นความซึ้งใจ ที่ทุกๆคนต่างมอบความรักให้แก่กันและกัน ~
........................หนังมีหลายฉากที่เล่นเอาผมน้ำตาร่วง ขอสปอยด์หน่อยละกัน เชื่อว่าหลายๆคนคงดูมาแล้ว และคิดว่าอีกหลายคนยังไงก็คงไม่ไปดูอยู่แล้วครับ จริงๆเรื่องนี้สปอยด์ไปก็ไม่มีผลครับ เพราะจุดหักมุมไม่ใช่หัวใจของหนัง ถึงจะรู้เรื่องราวทั้งหมด ไปดูแล้วก็ยัง Feel Good ได้ไม่ต่างกันครับ !! หนังฆ่ากันตั้งแต่ฉากหนูแอนนา ถามความรู้สึกของผู้พิพากษา โจน คูแซค ว่า ตอนลูกตายรู้สึกอย่างไร ? ถัดมาด้วยฉากไปเที่ยวทะเล ตามมาด้วย ฉากปิคนิคที่สนามหญ้า กับคำถามที่ว่า พี่จะรอหนูใหม แล้วถ้าหนูหาพี่ไม่เจอล่ะ ... พี่สาวตอบว่า ไปเจอกันที่มอนตาน่า ( โอย แล้วฉากจบนะคุณ ตายไปเลยขอบอก ) กับอีกฉากที่เล่นเอาต้องกัดนิ้วกลัวเสียงสะอื้นจะดังออกไปให้คนอื่นได้ยิน คือฉากที่เคท คุยกับแม่ พร้อมทั้งเล่าเรื่องให้ฟังเรื่องที่นั่งรถไปเที่ยว แล้วครั้งนี้เคทก็บอกว่า หนูก็กำลังจะนั่งรถไปเที่ยวนะ แล้วหนูจะหันมามองแม่นะ ... โฮๆๆ ...น้ำตาร่วงพรูๆๆยังกะก๊อกแตก !! ใครอยากร้องไห้ อยากเสียน้ำตาด้วยความสุขใจ รีบไปตีตั๋วที่ House RCA เลยครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าหนังยังฉายอีกกี่วัน แต่สัปดาห์นี้ยังมีฉายอยู่ครับ
My Sister's Keeper .. ชีวิตหนู ... ขอลิขิตเอง ... 4 ดาวครับ ~
พูดคุยกันเพิ่มเติมเชิญบอร์ดแพนด้าครับ
//www.pandagroup.pantown.com/
รอลูกชายโตเมื่อไรจะพาไปดูหนังบ้าง
น่าจะเป็นการพักผ่อนที่ราคาถูกที่สุ้ดหละมัง