คำศัพท์น่ารู้คู่มือคนจะบิน เคยได้เขียนบทความเก่าเกี่ยวกับมือใหม่หัดขึ้นเครื่องบินไว้ หลังจากที่เราผ่านกระบวนการถกเถียงกันเรียบร้อยแล้วว่าเราจะไปไหนกันดีในทริปนี้ แน่นอนทริปนี้ต้องมีการขึ้นเครื่องบินแน่ๆ ขั้นตอนต่อมาก็คือ การจองตั๋วเครื่องบิน วิธีการจองตั๋วเครื่องบินได้เคยบอกไว้ในบทความเก่าแล้วคราวนี้เรามาดูกันว่า เราจะเจอศัพท์อะไรที่จำเป็นต้องรู้ในการขึ้นเครื่องบินกันบ้าง ![]() ในการจองตั๋่วเครื่องบินในปัจจุบันง่ายมากๆ เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ต เปิดเว็บไซต์ของสายการบินที่ต้องการจะจองขึ้นมาขั้นตอนนี้ง่ายมากๆ ตอนจองเพียงแค่คลิกไปที่เวอร์ชั่นภาษาไทยก็ทำตามขั้นตอนได้เลยโล่งอกไปยังไม่เจอศัพท์ แต่พอจองเสร็จเท่านั้นล่ะ เราจะได้เมล์ตอบกลับมาเป็นใบจองบางสายการบินแจ้งเป็นภาษาไทยแต่ส่วนใหญ่แล้วจะเจอเป็นภาษาอังกฤษ ![]() มาเริ่มกันเลยใบหน้าตาแบบนี้ เค้าเรียกว่า Itinerary มันก็คือใบรายละเอียดการจอง และการขึ้นเครื่องบินนั่นแหละค่ะ มาคัดเอาเฉพาะศัพท์ที่เราต้องจำและต้องใช้จริงๆในใบนี้ดีกว่า Booking Number ตัวนี้จำเป็นเลยเป็นหมายเลขการจองของเราค่ะจะเอาไปใช้ตอนที่เราจะเช็คอิน Flight (Flight no.) เป็นหมายเลขของเครื่องบินที่เราจะขึ้นค่ะตัวนี้จะเจอที่ตารางการบินค่ะสังเกตุเวลาที่เราไปสนามบินจะเจอบอร์ดตารางการบินที่เป็นตัวดิจิตอลหรือบางทีเป็นจอโทรทัศน์ เอาไว้ดูว่าเครื่องเราจะขึ้นกี่โมงมีเหตุการณ์อะไรฉุกเฉินหรือเปล่า เครื่อง delay หรือไม่ Departing รายละเอียดเครื่องออกจากสนามบิน Arriving รายละเอียดเครื่องถึงสนามบินปลายทาง ทั้ง Departing และ Arriving นี่จำเป็นต้องจำให้ขึ้นใจเลย เพราะอาจจะตกเครื่องได้ถ้าจำวันที่และเวลาขึ้นเครื่องผิด เมื่อได้ใบ Itinerary หน้าตาแบบนี้มาก็ทำการปริ๊นท์ออกมาได้เลยค่ะต่อไปก็นั่งนับวันรอขึ้นเครื่อง เวลาผ่านไป ได้เวลาออกเดินทาง เช็คสิ่งของเตรียมเดินทางให้เรียบร้อย ตรวจสอบของเหลวมีปริมาณเกินกำหนดหรือไม่กระเป๋าเดินทางลองกะดูเกินกำหนดหรือไม่ ไม่ใช่อะไรหรอกบางสายการบินอาจจะมีการชาร์จเงินกรณีน้ำหนักกระเป๋าเกิน ควรกะเวลาอย่างน้อย 2 ชม. ในการออกเดินทางไปสนามบิน เพราะเราต้องเผื่อเวลาเช็คอิน ตรวจนั่นตรวจนี่ของทางสนามบินด้วย ป่ะออกเดินทางไปสนามบินกัน เมื่อมาถึงสนามบินแล้ว สิ่งที่ต้องมองหาสิ่งแรกคือเค้าน์เตอร์เช็คอิน Check-inคำนี้ได้ยินบ่อยๆ สำหรับการขึ้นเครื่องบิน คำว่า Check-in ที่ใช้ในสนามบินก็คือ การมารายงานตัวว่าฉันมาแล้วนะ พร้อมขึ้นเครื่องแล้วนะปกติแล้วทางสายการบินจะเปิดให้ทำการ เช็คอิน ก่อนขึ้นเครื่อง 1 ชม.เมื่อมองหาเค้านท์เตอร์เช็คอินของสายการบินที่เราจะไปเจอแล้วก็เตรียมบัตรประชาชน และใบจองที่เราปริ้นท์เตรียมไว้ออกมา ยื่นให้พนักงานตรวจสอบหลังจากนั้นพนักงานก็จะปริ๊นท์ Boarding pass ให้เรา Boarding pass คำนี้เจอแน่ๆ มันก็คือบัตรโดยสารนั่นแหละค่ะ ใบที่จะพาเราผ่านไปยังห้องที่รอขึ้นเครื่องได้เคยสังเกตุมั้ยคะ สำหรับคนที่ยังไม่เคยขึ้นเครื่องบิน เวลาไปส่งใครขึ้นเครืื่องบินเราไปส่งได้แค่ข้างนอกตรงบริเวณเช็คอินเท่านั้นมีจะมีประตูที่เราไม่สามารถเดินตามคนขึ้นเครื่องไปได้ ประตูนั้นแหละค่ะที่จะเดินไปยังบริเวณที่รอขึ้นเครื่อง ใครไม่มี boarding pass ก็เข้าไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นไปเอา boarding pass มาก่อนนะจ๊ะ ในขั้นตอนการ Check-in ถ้าใครมีกระเป๋าที่น้ำหนักมากๆ ทางสายการบินจะไม่อนุญาตให้นำเข้าไปในห้องผู้โดยสารเพราะฉะนั้นต้องฝากกระเป๋า Load ลงใต้ท้องเครื่อง Load กระเป๋า ถ้าได้ยินคำนี้ที่สนามบินก็หมายความว่ากรณีที่กระเป๋าเดินทางสัมภาระของเราน้ำหนักเกินพนักงานก็จะนำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่ใต้ท้องเครื่องให้เราก็เพียงส่งกระเป๋าให้พนักงานหลังจากนั้นพนักงานก็จะนำกระเป๋าของเราไปชั่งน้ำหนัก แล้วยื่นใบรับกระเป๋าให้เรา เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นเจอกระเป๋าของเราอีกทีก็ตอนลงเครื่องเลยค่ะ ![]() ต่อไปเรามาส่อง Boarding pass กัน ใน boarding pass จะระบุรายละเอียด Flightno.: หมายเลขเครื่อง BoardingTime: เวลาขึ้นเครื่อง Gate:ประตูที่เราจะเดินไปขึ้นเครื่อง DepartureTime: เวลาเครื่องออก ArrivingTime: เวลาเครื่องถึง รายละเอียดใน 5 ตัวนี้จำให้ขึ้นใจนะคะเดี๋ยวตกเครื่องไม่รู้ด้วย
Check-inเสร็จแล้ว ได้ Boarding pass แล้ว ก็เดินไปที่จุดตรวจเพื่อผ่านทางไปขึ้นเครื่องได้เลยค่ะ เตรียม Boarding pass และ บัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรวจด้วย
เมื่อเข้ามาแล้วตอนนี้จะจัดการธุระอะไรก็ทำให้เสร็จจะหาของกิน จะเข้าห้องน้ำ ช็อปปิ้งสินค้า duty fee อะไรก็ทำให้เสร็จสรรพ์ เสร็จแล้วก็หันดูหน้าจอตารางบินซักนิด เผื่อเครื่องบิน Delay เครื่องบิน Delay ก็หมายถึงเครื่องจะขึ้นช้ากว่าปกตินั่นเอง
เสร็จธุระแล้วก็มานั่งรอที่หน้า Gate หรือประตูขึ้นเครื่อง ตามหมายเลขที่ใน Boarding pass ระบุได้เลยค่ะหลังจากนั้นรอน้องแอร์สาวสวยเรียกขึ้นเครื่องก็เป็นอันว่าเสร็จพิธีการรอ
เมื่อขึ้นเครื่องแล้ว ก็ไม่ค่อยมีศัพท์อะไรที่น่าสนใจแล้วค่ะ ยกเว้นซะจาก กัปตันรูปหล่อจะบอกว่า เครื่องกำลังจะ take-off ก็หมายถึงเครื่องจะขึ้นแล้วน๊าาา ก็เตรียมตัวตามที่คุณแอร์เค้าสาธิต
นั่งไปเพลินๆ ซักพักใกล้ถึงกัปตันบอกว่า เครื่องกำลังจะ Landing กำลังลดระดับลง นั่นหมายถึง เครื่องจะลงแล้วค่ะ อย่าลืมทำตามที่แอร์บอกอย่างเคร่งครัดแอร์ก็จะมาเดินๆ ตรวจว่าเราคาดเข็มขัดหรือยัง
พอเครื่องลง ใครมีกระเป๋าก็ไปรอรับ เอาใบรับกระเป๋าไปด้วยอย่างที่เค้าเคยบอกกันว่า ไปรอโหลดกระเป๋า ส่วนใครไม่มีกระเป๋าที่โหลด ก็ไปโล้ดเลยจ้า ---------------------------------------------------------- |
บทความทั้งหมด
|