พระโอวาท พระอรหันต์จี้กง









พระโอวาท พระอรหันต์จี้กง


ชีวิตย่อมเป็นไปตามวิถีแห่งกรรมลิขิต
วอนขออะไร

วันนี้ไม่รู้เหตุการณ์ในวันพรุ่งนี้
กลุ้มเรื่องอะไร

ไม่เคารพพ่อแม่แต่เคารพพระพุทธองค์
เคารพทำไม

พี่น้องคือผู้ที่เกิดตามกันมา
ทะเลาะกันทำไม

ลูกหลานทุกคนล้วนมีบุญตามลิขิต
ห่วงใยทําไม

ชีวิตย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จได้
ร้อนใจทำไม

ชีวิตใช่จะพบเห็นรอยยิ้มกันได้ง่าย
ทุกข์ใจทำไม

ผ้าขาดปะแล้วกันหนาวได้
อวดโก้ทำไม

อาหารผ่านลิ้นแล้วกลายเป็นอะไร
อร่อยไปใย

ตายแล้วบาทเดียวก็เอาไปไม่ได้
ขี้เหนียวทำไม

ที่ดินคือสิ่งที่สืบทอดแก่คนรุ่นหลัง
โกงกันทำไม

โอกาสจะได้กลายเป็นเสีย
โลภมากทำไม

สิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือศีรษะเพียง 3 ฟุต
ข่มเหงกันทำไม

ลาภยศเหมือนดอกไม้ที่บานอยู่ไม่นาน
หยิ่งผยองทำไม

ทุกคนย่อมมีลาภยศตามวาสนาที่ลิขิต
อิจฉากันทำไม

ชีวิตลำเค็ญเพราะชาติก่อนไม่บำเพ็ญ
แค้นใจทำไม บำเพ็ญไวไว

นักเล่นการพนันล้วนตกต่ำ
เล่นการพนันทำไม

ครองเรือนด้วยความประหยัดดีกว่าขอพึ่งผู้อื่น
สุรุ่ยสุร่ายทำไม

จองเวรจองกรรมเมื่อไรจะจบสิ้น
อาฆาตทำไม

พูดเท็จทอนบุญจนบุญหมด
โกหกทำไม

ดีชั่วย่อมรู้กันทั่วในที่สุด
โต้เถียงทำไม

ใครจะป้องกันมิให้มีเรื่องเกิดขึ้นได้ตลอด
หัวเราะเยาะกันทำไม

ฮวงจุ้ยที่ดีอยู่ในใจใช่ที่ภูเขา
แสวงหาทำไม

ข่มเหงผู้อื่นคือทุกข์ รู้ให้อภัยคือบุญ
ถามโหรเรื่องอะไร

ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย
วุ่นวายทำไม

( ที่มา ไทยแวร์ธรรมะ)




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 17 พฤษภาคม 2551 22:59:27 น.
Counter : 1149 Pageviews.

3 comments
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - บุกคนสำคัญ : กะว่าก๋า
(1 ก.ค. 2568 04:20:36 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - โตเกียวไม่มีขา : กะว่าก๋า
(27 มิ.ย. 2568 05:35:40 น.)
ธรรมะวันนี้ ๒๕ มิ.ย. ๒๕๖๘ **mp5**
(25 มิ.ย. 2568 08:32:21 น.)
กินคาวไม่กินหวานสันดาน...ไพร่ สมาชิกหมายเลข 6015765
(24 มิ.ย. 2568 03:42:47 น.)
  
ชอบจัง รู้สึกว่า อ่านแค่ใจความสั้นๆ ก็ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาเยอะเลยนะเนี่ย
โดย: แพร-พีจ๊ะ IP: 61.7.144.254 วันที่: 29 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:16:48 น.
  
เป็นปรัชญาชีวิตที่แสวงหามานาน สงบเย็นใจดีจริงๆ เข้าใจง่ายไม่ต้องตีความให้ปวดหัว ขอบพระคุณครับ
โดย: วิษณุพงศ์ IP: 58.10.192.175 วันที่: 9 เมษายน 2553 เวลา:20:34:39 น.
  
ณ์ในการกราบไหว้พุทธะทางศาสนาด้วย ซึ่งแต่ละยุคนั้นการอุ้มตราลัญจกรแตกต่างไปตามยุค ซึ่งในยุคสุดท้ายนี้คือปัจจุบัน ตราลัญจกรนั้นไม่ได้ใช้เฉพาะเพียงการกราบไหว้เท่านั้น แต่ยังบอกถึงสภาวะของความเป็นพุทธะอีกด้วย ซึ่งยากที่ผู้บำเพ็ญที่บำเพ็ญแบบผิวเผินก็จะไม่เข้าใจในความหมายอันแยบยล การก้มกราบโดยการอุ้มตราลัญจกรนั้นเป็นวิธีแฝงที่จะให้เราน้อมจิตกลับมาที่ญาณทวาร ซึ่งเป็นศุนย์รวมระหว่างกายและจิต เมื่อได้รวมเป็นหนึ่งแล้วก็จะค่อยๆเข้าถึงความแยบยลได้
ตราลัญจกรนั้นมีจุดอยู่ 2 จุด คือ 子 (จื่อ) กับ 亥 (ไห้)
子 (จื่อ) คือ ราศรีชวด คือจุดเริ่มต้น
亥 (ไห้) คือ ราศรีกุน คือจุดสิ้นสุด
การอุ้มตราลัญจกรนั้น จะใช้นิ้วมือกดจุดทั้งสอง แล้วใช้มือซ้ายโอบมือขวา แล้วรวบกันให้สนิท จุดสองจุดคือ สถาวะ หยินหยาง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด การรวบเข้าหากันคือ การรวมให้เป็นหนึ่ง นั้นหมายถึงว่าจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดคือ เป็นจุดหนึ่งเดียว นี่แหล่ะคือความแยบยลที่กำลังบอกให้รู้ถึงภาวะขอนิพพาน
การก้มกราบที่เป็นรูปลักษณ์นั้น เป็นสิ่งที่ให้เราอาศัยพุทธระเบียในการกราบไหว้พระ เพื่อให้เราค่อยๆน้อมจิตกับสู่ความเป็นพุทธะ แต่ผู้บำเพ็ญส่วนใหญ่มักแต่สักแต่ว่ากราบ โดยไม่เข้าใจความแยบยลที่ได้รับวิถีอนุตตรธรรมมา เมื่อจิตใจโดยสิ่งยั่วย้อมจากภายนอก ก็ทำให้เลิกล้มการบำเพ็ญไป หรือหากยังอยู่ในอาณาจักรก็แค่เป็นแต่การสร้างความดีทั่วๆไป ยังไม่ได้เข้าใจถึงการบำเพ็ญในวิถีอนุตตรธรรมอย่างแท้จริงเลย
จุดสองนี้ที่อยู่ในตราลัญจกรแท้จริงแล้ว คือความแยบยลของจุดญาณทวาร ซึ่งเป็นจุดหนึ่งเดียว อันเป็นจิตหนึ่ง หรือจิตแห่งความเป็นพุทธะนั่นเอง
โดย: ทรางเกียรติ IP: 110.164.26.23 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:15:49:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Icyiceberg.BlogGang.com

lcelcy
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด