"ธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน" ว่ามันถูกฝาถูกตัวกันหรือไม่ ?
ธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน เมือง สาวัตถีได้ตรัสสอนพระราหุลถึงธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน ๖ คู่ คือ
๑. "ราหุล! เธอจงเจริญเมตตาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญเมตตาภาวนาอยู่ จักละพยาบาท (คือความคิดที่จะแก้แค้น) ได้
๒. เธอจงเจริญกรุณาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญกรุณาภาวนาอยู่จักละวิหิงสา (คือการเบียดเบียน) ได้
๓. เธอจงเจริญมุทิตาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญมุทิตาภาวนาอยู่จักละอรติ (คือความริษยา) ได้
๔. เธอจงเจริญอุเบกขาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอุเบกขาภาวนาอยู่ จักละปฏิฆะ (คือความขัดใจ) ได้
๕. เธอจงเจริญอสุภภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอสุภภาวนาอยู่ จักละราคะ (คือความยินดีในกาม) ได้ "
๖. เธอจงเจริญอนิจจสัญญาภาวนาเถิด เพราะเมื่อเธอเจริญอนิจจสัญญาภาวนาอยู่ จักละอัสมิมานะ (คือการถือตัว) ได้ * มหาราหุโลวาทสูตร ๑๓/๑๒๗ *
การปฏิบัติธรรมเพื่อการดับทุกข์อย่างแท้จริงควร จะต้องศึกษาให้รู้ถึงสิ่งที่เป็น "คู่ปรับ" ของกันและกัน ดังที่ทรงยกมาสอนแก่พระราหุล ๖ ข้อนี้ และยังมีอีกมาก
การปฏิบัติธรรม ถ้าเราจับคู่ของธรรมะข้อนั้นๆให้ถูกฝาถูกตัวกัน การปฏิบัติธรรมก็จะดูเป็นเรื่องไม่ยากเลย เช่น คนมีความตระหนี่ขี้เหนียว ก็ต้องพิจารณาโทษของความตระหนี่ถี่เหนียว ทำให้เกิดเป็นคนยากจนไม่มีพวกพ้องบริวาร ทำให้เป็นคนมีใจคับแคบ และเห็นแก่ตัวจัด เป็นต้น
ทางแก้ก็ต้องใช้แบบ "หนามยอก เอาหนามบ่ง" คือ การบริจาค การให้ทาน การเสียสละต่างๆ ให้มาก จริงอยู่ในการทำครั้งแรกๆ มันก็ย่อมฝืนใจและ ทำยากแต่เมื่อหัดทำบ่อยๆ มันก็จะเกิดความ เคยชินไปเอง
ธรรมะข้ออื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน ล้วนมีคู่ปรับที่คอย หักโค่นกันอยู่เสมอ ถ้าเราจัดหาคู่ปรับมาแก้ ให้ถูกฝาถูกตัวกันได้แล้ว การปฏิบัติธรรม ทางศาสนาก็จะไม่กลายเป็นเรื่องยาก หรือ เป็นเรื่อง "สุดวิสัย" อย่างที่คนทั่วๆ ไป คิดเห็นกันอีกต่อไป
ดังนั้น ผู้ที่ปฏิบัติธรรมแล้วไม่ก้าวหน้า ไม่เกิดผลใดๆก็ขอให้พิจารณาดูข้อธรรมนั้นๆ ว่ามันถูกฝาถูกตัวกันหรือไม่ ??
(อภิมหามงคลธรรม หน้า ๒๐๑)
|
---|
Icyiceberg.BlogGang.com
lcelcy
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [ ?]
|
|