จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg) ![]() 8 กค.2552 8.00 น. เป็นเวลาที่นัดรวมพลกินมื้อเช้ากัน แต่ว่าเราและคุณพ่อบ้านตื่นกันตั้งแต่ 6.30 เดินออกมาหน้าบ้านเรือ ปรากฎว่าคนนอนเฝ้าบ้านนอนอยู่ในห้องรับแขกยังไม่ตื่นเลย กลายเป็นว่าเราปลุกให้เขาตื่น คุณพ่อบ้านนั้นเดินถือกล้องออกไปถ่ายรูป เราออกมานั่งเล่นสักครู่ก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จแต่เช้าๆ แล้วออกมานั่งกินกาแฟพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วยที่หน้าบ้าน ส่วนอีกห้องที่นอนเรือลำเดียวกันและเรือลำใหญ่ยังเงียบกริบอยู่ ![]() บ้านเรือ Pegeon Deluxe ลำนี้ข้างในค่อนข้างเก่าพอสมควร น่าจะต้องปรับปรุงได้แล้ว ![]() บ้านเรือลำใหญ่ Crystal Palace ข้างในหรูหราสวยงาม ปลาบอกว่าเขาจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอด ![]() นกเป็ดน้ำ มีมากในทะเลสาบดาล ![]() ช่วงนี้อากาศยามเช้าในทะเลสาบดาลเย็นสบายดี บรรยากาศเงียบสงบ น้ำในทะเลสาบนิ่งเห็นนกเป็ดน้ำดำผุดดำว่าย มุดตรงโน้นโผล่ตรงนี้หาปลา นานๆก็มีเรือพายผ่านมาสักลำ บ้างก็เป็นเรือที่บรรทุกผัก บ้างบรรทุกเสื่อ บ้างก็เป็นเรือเปล่าๆที่คงจะออกไปหาซื้อของที่ตลาด ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและสงบดีจัง เริ่มสายเรือก็เริ่มมีมากขึ้น เรือขายเมล็ดพันธ์ดอกไม้เริ่มพายมาเตร็ดเตร่แถวหน้าบ้านพวกนี้จะรู้ว่าลำไหนมีนักท่องเที่ยวพักอยู่ก็จะมาชักชวนให้ซื้อเมล็ดพันธ์ โดยที่มีดอกไม้สวยๆใส่มาเต็มลำเรือเพื่อดึงดูด ![]() ![]() เรารอให้มีพรรคพวกออกมาถ่ายรูปหน้าบ้านเป็นการดึงพ่อค้าดอกไม้ให้พายเรือมาจอดหน้าบ้าน และมีหน้าม้ามาคอยพูดคุยต่อรองราคากับพ่อค้า เราจะได้มีเวลาถ่ายรูปเรือดอกไม้นานๆหน่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน โชคดีมีฝรั่งที่พักเรือข้างๆตกเป็นเหยื่อพ่อค้า (ไม่รู้ใครเป็นเหยื่อใคร) ต้องนั่งฟังพ่อค้าโม้ถึงพันธ์ดอกไม้แกเสียนาน เราเลยสบโอกาสได้ถ่ายรูปจนพอใจ ![]() ![]() กว่าจะเริ่มมีเสียงจ๊อกแจ๊กจากบ้านเรือลำใหญ่ก็เกือบ 8 โมงแล้ว ทุกๆคนมาสมทบกันที่ห้องอาหาร วันนี้มิสเตอร์ดีนมีขนมปังปิ้ง มาการีนและแยมหอมๆ และเมนูไข่ที่ให้เลือกว่าแต่ละคนจะกินไข่อะไร มีชา กาแฟ ชาแคชเมียร์ และน้ำร้อนสำหรับชงเครื่องดื่มอื่นๆ ผลไม้มีมะม่วงสุก และกล้วยหอม(อีกแล้ว) อิ่มอร่อยพร้อมแล้วพวกเราก็ออกไปหน้าบ้านเรือเพื่อรอเรือชิคาร่ามารับ วันนี้เราจะไปกุลมาร์คกัน ![]() ![]() ![]() กว่าเรือชิคาร่าจะมารับและพร้อมออกเดินทางก็ปาเข้าไป 9.30 แล้ว เรือค่อยๆพายพาเราออกสู่ด้านนอกทะเลย ระกว่างเราได้เห็นวิถีชีวิตยามเช้าที่เรียบง่ายของผู้คนสองข้างทาง ด้านนอกทะเลสาบใกล้กับท่าเรือยังไม่พลุกพล่านวุ่นวายเท่าไหร่นัก ![]() ![]() ![]() เมื่อถึงท่าเรือมีรถ 2 คันมาจอดรอพวกเราอยู่แล้ว เรา คุณพ่อบ้าน ตาล พี่นุช และพี่อ๋อย อยู่คันเดียวกัน คนขับของพวกเราเป็นชายชราวัยน่าจะเข้าไป 70 กว่า ร่างเล็ก ผมขาวทั้งหัว ท่าทางใจดี แต่เมื่อพวกเราเห็นคนขับรถแล้ว ทุกคนก็ออกจะวิตกว่า แกจะอายุมากเกินไปหรือเปล่า แถมเจ้าตาลยังมีข้อมูลจากทริปก่อนมาบอกอีก น่าจะเป็นคนนี้แหละที่ทำวีรกรรมไว้คราวก่อน แต่พวกเราก็ยังไม่ได้วิตกจนเกินไป ระหว่างนั่งรออยู่ในรถ พวกเราก็เหลือบไปเห็นครอบครัวน่ารักๆคงมานั่งรอรถหรือเรือเพื่อไปโรงเรียน ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี พี่น้อง 3 คนแบ่งกันกินขนมชิ้นเดียว โดยที่เจ้าตัวเล็กครอบครองคนเดียวซะส่วนใหญ่ พี่ๆได้คนละนิดละหน่อย พวกเราถ่ายรูปกันเพลินเลย ![]() เด็กชายคนนี้หล่อม๊ากกก ![]() 3 คน พี่น้อง หน้าตาดีหมด จากนั้นก็เริ่มออกดินทาง เริ่มแรกรถวิ่งไปตามถนนที่เรียบไปกับทะเลสาบดาล มีรถวิ่งกันแน่นไปหมดไม่รู้เลนส์ไหนเป็นเลนส์ไหน สองข้างทางก็เห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่ เป็นวิถีชีวิตแขกโดยแท้จริงๆ เส้นทางที่เราไปกุลมาร์คนี้มีรถวิ่งมากตลอดสาย รถทำเวลาไม่ค่อยได้มากนัก อีกอย่างรถลุงแกก็ดูเหมือนจะไม่มีกำลังเอาซะเลย แต่สำคัญเหนืออื่นใด ลุงแกชอบแซงซะด้วย แซงโดยไม่สนใจว่ากำลังมีรถวิ่งสวนมาหรือเปล่า แกคิดว่ารถแกติดเทอร์โบหรือไงเนี่ย พวกเรานั่งกันไปก็ลุ้นกันไปทุกคน โดยเฉพาะคนที่ขับรถเป็นนี่คงเหยีบเบรค เหรียบคันเร่งตามแกไปด้วย เมื่อรถเรามาถึงด่าน มิสเตอร์ดีนลงไปติดต่อทำเรื่องผ่านด่าน บางคนไปเข้าห้องน้ำ แต่คันเราอยู่กันครบ ตอนนี้ลุงแกเปิดฝากระโปรงรถแล้วงุ่นง่านทำอะไรกับเครื่องยนต์อยู่เป็นนานสองนานก็ไม่รู้ ตอนนี้พวกเราเริ่มวิตกเล็กๆแล้วว่าลุงแกจะพาไปถึงกุลมาร์คมั้ยน้อ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อเมื่อผ่านด่านเข้าไปแล้ว คราวนี้พวกเรายิ่งลุ้นกันหนักเข้าไปอีก เพราะเป็นทางขึ้นเขา ลุงแกก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมคือแซงแหลก ทั้งๆที่เครื่องก็เร่งไม่ขึ้น เฮ้อ เหนื่อย ![]() ![]() สองข้างทางขึ้นกุลมาร์คเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าสน มองไปไกลๆจะเห็นเขาบางลูกมีหิมะปกคลุมอยู่บนยอด ตามเชิงเขามีดอกหญ้าสีขาวขึ้นอยู่เต็มไปหมด สวยงามมาก คนนั่นเรียกดอกเดซี่ เมื่อรถถึงจุดชมวิวก็จอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูป ส่วนเราข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อถ่ายดอกเดซี่ แล้วกลับมาสมทบกับคนอื่นๆ คราวนี้เห็นลุงแกทำอะไรกับเครื่องรถอีกแล้ว มีน้ำสีเขียวๆไหลออกมานองถนนด้วย เฮ้อ จะรอดไหมเนี่ย เมื่อขึ้นไปถึงสถานีกระเช้า มิสเตอร์ดีนพาพวกเราเข้าไป กระเช้าที่นี่ นั่งได้ 5-6 คน กะว่าพวกเรา 2 กระเช้าพอดี ระหว่างรอกระเช้าเรายืนกันอยู่ในกลุ่มรั้งท้ายเพื่อจะขึ้นกระเช้าที่สอง และมีกลุ่มแขกเดินเข้ามาต่อท้าย เจ้าแบงค์และต่ายรีบกระเถิบเข้ามากระซิบ พี่ๆจั๊กกะไรติสอย่างแรงเลย เร็วๆเข้า พอกระเช้ามาถึงพวกเราจึงรีบขึ้นกันจนหมดแล้วรีบปิดประตู (ขยายความ : จั๊กกะไรติส มาจากพี่นุชซึ่งเป็นพยาบาล พี่นุชบอกว่าเป็นคำแสลงของเหล่าพยาบาลที่รพ. ศัพท์ทางแพทย์ itis แปลว่าการอักเสบ เมื่อเอามาต่อท้ายกับอวัยวะใดก็หมายถึงการอักเสบของอวัยวะนั้น ฉะนั้น จั๊กกะแร้ + itis ก็คือจั๊กกะแร้อักเสบ มีกลิ่นเหม็น พวกเราจึงใช้ศัพท์นี้ล้อเล่นกันมาตลอดทริปเมื่อเจอกลิ่นแขก) ![]() ![]() ![]() กระเช้าค่อยๆวิ่งไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ข้างล่างเป็นป่าสนต้นสูงชะลูด นานๆจะเห็นกลุ่มบ้านเรือนอยู่บ้าง ตาลบอกว่ามาตอนเมษาหิมะตกคลุมบ้านเหล่านี้จนมิด เห็นชาวบ้านต้องขุดหิมะมุดเข้าบ้าน เมื่อกระเช้าขึ้นมาถึงสถานีขั้นแรก พวกเราก็เห็นวิวที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ มีม้าเดินเล็มหญ้าอยู่ไกลๆ ถัดไปสุดสายตาก็เป็นป่าสน ถ่ายรูปกันสักพัก ปลาก็เดินมาบอกว่าวันนี้โชคดีกระเช้าขั้นที่สองเปิดให้ขึ้นได้ (ปลามาหลายครั้งแล้วไม่เคยเจอเปิดเลย) ปลาจึงถามว่าใครจะขึ้นไปไหม แต่เราและคุณพ่อบ้านดูๆแล้ว เห็นว่าที่นี่ไม่สวยขนาดดึงดูดใจให้ขึ้นเท่าไหร่ จึงมีปลา น้อย ตาลและหมอต่วนขึ้นกัน 4 คนพวกเราที่เหลือรออยู่ที่นี่ ![]() ![]() รอกันไปถ่ายรูปกันไปกินขนมก็แล้ว พวกข้างบนก็ยังไม่กลับลงมา แดดเริ่มแรง จึงชวนกันเข้าไปรอในร้านอาหาร สั่งเครื่องดื่มและคุยกันไป ระหว่างนี้เราก็เห็นแขกเข้าไปมุงดูทีวีกันแบบผิดสังเกตุ มองไปไกลๆเห็นภาพข่าวจุดไฟเผารถ พี่นุชจึงเดินเข้าไปสืบข่าว ได้ความว่า เกิดจลาจลในศรีนาการ์แต่เท่าที่ดูผู้คนก็ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจอะไรกันเลย บ่าย 2 พวกข้างบนก็ยังไม่ลงมาสักที ไกด์ท้องถิ่นจึงเดินมาบอกให้พวกเราลงไปก่อน เพื่อให้มิสเตอร์ดีนพาไปกินข้าวกลางวัน ส่วนเขาจะรอพวกข้างบนอยู่ที่นี่ ![]() ![]() เมื่อลงไปถึงมิสเตอร์ดีนรอรับพวกเราอยู่แล้ว พาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาเพื่อไปห้องอาหาร ระหว่างทางเดินมีดอกไม้สวยๆให้เราหยุดถ่ายรูปตลอด กว่จะเดินถึงคนอื่นล่วงหน้าไปหมด ถึงตอนนี้ฝนก็ลงเม็ดพอดี เมื่อพวกเราลงมือกับอาหารได้ไม่นานพวกที่เหลือก็ตามมาถึง แล้วปฎิบัติการณ์กวาดล้างอาหารก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว โปรแกรมว่าจะแวะถ่ายรูปดอกไม้ข้างทางจึงถูกลืมไปเพราะฝนตก ดีนะที่เราฉวยโอกาสถ่ายไว้ตอนขาขึ้นแล้ว เตรียมพร้อมขึ้นรถกันแล้วปลาเดินมาส่งข่าวว่า เราจะกลับบ้านเรือกันเลย โปรแกรมเที่ยวในเมืองวันนี้ขอยกเลิกเพื่อความปลอดภัย เพราะเหตุว่ามีจราจล ซึ่งพวกเราก็ตกลงไม่มีปัญหาอะไร ![]() ![]() ห้องอาหารที่เราไปกินมื้อกลางวัน อยู่บนเนินโน่น ขากลับพวกเรายังคงต้องทำใจและช่วยลุ้นกับลุงแกไปอีกตลอดทางจนถึงท่าเรือ พี่อ๋อยบอกว่า ถ้าพรุ่งนี้ต้องนั่งรถลุงอีกพี่อ๋อยขอเปลี่ยนคันนะ พี่อ๋อยนั้นนั่งหน้าจึงเห็นทุกอย่าง บอกว่าขับๆอยู่เกียร์กระเด้งหลุดก็มี พวกเราจึงมาบ่นๆกับปลา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสกัน แถมยังเอามาเมาท์กันเป็นเรื่องสนุกแล้วก็จัดการเปลี่ยนรถกันเรียบร้อย โดยกะให้คนที่ไม่เคยนั่งกับลุงมานั่งบ้างในวันพรุ่งนี้ ![]() แม่ลูกในเรือที่แซงเรามา หลังจากพวกเราเข้าบ้านพักผ่อนกันสักครู่ มิสเตอร์ดีนก็พาออกไปช็อปปิ้ง ระหว่างทางเราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวทะเลสาบดาลอย่างใกล้ชิด เห็นบ้านเรือน ผู้คน การทำสวนปลูกผักในทะเลสาบ ดีนพาเราไปที่โรงงานทำเปเปอร์มาเชย์ ก่อนขายของลุงเจ้าของร้านอธิบายวิธีการทำให้พวกเราฟังอย่างละเอียด (ประมาณให้รับรู้ว่าที่แพงน่ะเพราะมันทำยากนะ) จากนั้นจึงปล่อยให้เลือกชมสินค้าซึ่งทำเป็นเครื่องใช้ และของตกแต่งบ้าน ใช้เวลากันนานพอสมควรทีเดียวกว่าจะออกจากที่นี่ ได้ของติดมือกันมาหลายคน แต่เราและคุณพ่อบ้านตัดใจไม่ซื้อเพราะดูแล้วไม่รู้จะเอามาทำอะไร ![]() ![]() ![]() ออกมาฟ้าก็เริ่มสลัวๆแล้ว (แต่เวลาคือ 1 ทุ่ม) อันที่จริงพวกเราก็เริ่มหิวกันแล้ว แต่ความอยากช็อปปิ้งยังมีอยู่ มิสเตอร์ดีนจึงพาไปโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้จากไม้วอลนัท ในร้านนี้เราพบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของแต่งบ้านไม้สวยๆหลายชิ้น รวมทั้งพวกกล่องต่างๆ แต่ราคาค่อนข้างสูง ที่นี่เราได้กล่องไม้เล็กๆมา 2 ใบในราคา 500 รูปี แบบไม่ได้ตั้งใจ (จากใบละ 500 และลดลงมาให้เราเหลือ 2 ใบ 800 และ 500ในที่สุด) มื้อเย็นวันนี้เรามีเมนูพิเศษสั่งตรงมาจากโคราช ยอดชายนายแบงค์อยากกินไก่ต้มน้ำปลา ปลาจึงบอกพ่อดีนไว้ตั้งแต่คืนวานว่าให้เตรียมไก่เอาไว้ให้ด้วย เมื่อกลับเข้าถึงบ้านเรือพ่อครัวแม่ครัวจำเป็นทั้งหลายก็หายเข้าครัวกันไปร่วมชั่วโมง กว่าเราจะได้กินข้าวเย็นวันนี้ปาเข้าไป 4 ทุ่ม(บ้านเราก็ 5 ทุ่มกว่า) แต่บนโต๊ะอาหารมีไก่ต้มน้ำปลานอนแอ้งแม้งอยู่ 1 ตัว พร้อมกับน้ำจิ้มแซ่บๆอีก 1 ชามใหญ่(เห็นแล้วอยากกินซีฟู๊ดมากเลย) มื้อเย็นวันนี้พวกเราทุกคนเจริญอาหารเป็นพิเศษ เพราะมีอาหารถูกปาก แล้วยังมีน้ำจิ้มรสเด็ดเป็นตัวชูโรง ที่แค่ตักราดกับผัดถั่วแขกก็อร่อยล้ำ หลังอาหารยังมีการช็อปปิ้งกันต่ออีก วันนี้มีผ้าเจ้าเดิม กับกระเป๋าหนังเครื่องหนังอีกเจ้า การซื้อของกับแขกนี่ ต้องใช้สมองและเลห์เหลี่ยมอย่างมาก ไม่งั้นโดนแขกทั้งหลอกและโขกราคาแน่ๆ ดีที่ว่าเหล่าพ่อค้าที่ขึ้นมาขายในบ้านเรือมักจะเป็นเจ้าประจำ ค่อนข้างจะเชื่อใจได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังต้องต่อราคาเยอะๆ กว่าจะซื้อได้แต่ละชิ้นเล่นเอาเหนื่อย จากศัพท์คำใหม่ที่เราได้เมื่อคืนวาน เราก็เริ่มนำมาใช้คืนกับพ่อค้าบ้าง วันนี้เราจึงได้ยินเสียงพ่อค้า กับเสียงน้อย ...กุรุ กุรุ กุรุ กันไปตลอดการซื้อขาย คืนนี้กว่าจะได้อาบน้ำนอนกันเข้าไปกี่ไมงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าหัวเราะกันจนเหนื่อยและตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ติดตามตอนอื่นๆ Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้ Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้ Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่ บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง เยี่ยม เหมือนเดิม แวะมาอ่านก่อนทำงานประจำค่ะ
โดย: ป้านุช IP: 203.157.71.243, 117.121.208.2 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:28:22 น.
นอนซมพิษไข้ แต่พอได้ดูภาพสวยๆก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีค่ะ
โดย: mrsozturk
![]() โอ๊วววว บ้านเรือ สวยจังเลยพี่ตุ๊ก
ชอบภาพเรือขายดอกไม้ด้วยค่ะ โดย: แพนด้ามหาภัย
![]() ![]() พี่ตุ๊กกกก....ปูว่าสถานที่มันดูสวยขึ้นทุกวันเลยค่ะ
จากวันแรกๆยังคิดว่าดีที่ไม่ได้ไป พออ่านถึงวันนี้เริ่มต้องคิดดูใหม่ซะแล้ว แต่คงลำบากกว่าตอนไปแชงฯมากเลยใช่ไหมคะ โดย: ปู&อุ้ย IP: 125.25.140.4 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:17:36 น.
พี่นุช เราไปด้วยกันอ่านแล้วก็สนุกเพราะนึกภาพตาม แต่คนที่ไม่ได้ไปอ่านแล้วจะสนุกหรือเปล่าไม่รู้เนอะ
คุณmrsozturk ขอให้หายไข้เร็วๆนะคะ น้องหมีฯ บ้านเรือข้างในก็สวยจ้ะ พี่ถ่ายรูปข้างในมาด้วยแค่สองรูปแต่มันไม่ชัด ปู วันแรกๆที่ลาดัก จะเที่ยวแบบสมบุกสมบัน แต่มาแคชเมียร์แล้วเที่ยวแบบสบายๆจ้ะ กินอยู่นอน เดินทางสบายๆ ปูมาแค่แคชเมียร์อย่างเดียวก็ได้ ไปดูโปรแกรมสิ รู้สึกจะมีเดือนสิงหาด้วย แต่ถ้าเป็นพี่ อยากไปเดือนตุลาเพราะอากาศดีแล้วได้เห็นทุ่ง saffron ด้วย โดย: Cookie Nim
![]() ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ดูทิวทัศน์แล้วแปลกหูแปลตาดีนะคะ
โดย: weissbier
![]() |
บทความทั้งหมด
|