จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg)







8 กค.2552 – 8.00 น. เป็นเวลาที่นัดรวมพลกินมื้อเช้ากัน แต่ว่าเราและคุณพ่อบ้านตื่นกันตั้งแต่ 6.30 เดินออกมาหน้าบ้านเรือ ปรากฎว่าคนนอนเฝ้าบ้านนอนอยู่ในห้องรับแขกยังไม่ตื่นเลย กลายเป็นว่าเราปลุกให้เขาตื่น คุณพ่อบ้านนั้นเดินถือกล้องออกไปถ่ายรูป เราออกมานั่งเล่นสักครู่ก็เข้าไปอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จแต่เช้าๆ แล้วออกมานั่งกินกาแฟพร้อมกับถ่ายรูปไปด้วยที่หน้าบ้าน ส่วนอีกห้องที่นอนเรือลำเดียวกันและเรือลำใหญ่ยังเงียบกริบอยู่



บ้านเรือ Pegeon Deluxe ลำนี้ข้างในค่อนข้างเก่าพอสมควร น่าจะต้องปรับปรุงได้แล้ว



บ้านเรือลำใหญ่ Crystal Palace ข้างในหรูหราสวยงาม ปลาบอกว่าเขาจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอด



นกเป็ดน้ำ มีมากในทะเลสาบดาล






ช่วงนี้อากาศยามเช้าในทะเลสาบดาลเย็นสบายดี บรรยากาศเงียบสงบ น้ำในทะเลสาบนิ่งเห็นนกเป็ดน้ำดำผุดดำว่าย มุดตรงโน้นโผล่ตรงนี้หาปลา นานๆก็มีเรือพายผ่านมาสักลำ บ้างก็เป็นเรือที่บรรทุกผัก บ้างบรรทุกเสื่อ บ้างก็เป็นเรือเปล่าๆที่คงจะออกไปหาซื้อของที่ตลาด ช่างเป็นชีวิตที่เรียบง่ายและสงบดีจัง เริ่มสายเรือก็เริ่มมีมากขึ้น เรือขายเมล็ดพันธ์ดอกไม้เริ่มพายมาเตร็ดเตร่แถวหน้าบ้านพวกนี้จะรู้ว่าลำไหนมีนักท่องเที่ยวพักอยู่ก็จะมาชักชวนให้ซื้อเมล็ดพันธ์ โดยที่มีดอกไม้สวยๆใส่มาเต็มลำเรือเพื่อดึงดูด











เรารอให้มีพรรคพวกออกมาถ่ายรูปหน้าบ้านเป็นการดึงพ่อค้าดอกไม้ให้พายเรือมาจอดหน้าบ้าน และมีหน้าม้ามาคอยพูดคุยต่อรองราคากับพ่อค้า เราจะได้มีเวลาถ่ายรูปเรือดอกไม้นานๆหน่อย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครตื่นขึ้นมาสักคน โชคดีมีฝรั่งที่พักเรือข้างๆตกเป็นเหยื่อพ่อค้า (ไม่รู้ใครเป็นเหยื่อใคร) ต้องนั่งฟังพ่อค้าโม้ถึงพันธ์ดอกไม้แกเสียนาน เราเลยสบโอกาสได้ถ่ายรูปจนพอใจ










กว่าจะเริ่มมีเสียงจ๊อกแจ๊กจากบ้านเรือลำใหญ่ก็เกือบ 8 โมงแล้ว ทุกๆคนมาสมทบกันที่ห้องอาหาร
วันนี้มิสเตอร์ดีนมีขนมปังปิ้ง มาการีนและแยมหอมๆ และเมนูไข่ที่ให้เลือกว่าแต่ละคนจะกินไข่อะไร มีชา กาแฟ ชาแคชเมียร์ และน้ำร้อนสำหรับชงเครื่องดื่มอื่นๆ ผลไม้มีมะม่วงสุก และกล้วยหอม(อีกแล้ว) อิ่มอร่อยพร้อมแล้วพวกเราก็ออกไปหน้าบ้านเรือเพื่อรอเรือชิคาร่ามารับ วันนี้เราจะไปกุลมาร์คกัน













กว่าเรือชิคาร่าจะมารับและพร้อมออกเดินทางก็ปาเข้าไป 9.30 แล้ว เรือค่อยๆพายพาเราออกสู่ด้านนอกทะเลย ระกว่างเราได้เห็นวิถีชีวิตยามเช้าที่เรียบง่ายของผู้คนสองข้างทาง ด้านนอกทะเลสาบใกล้กับท่าเรือยังไม่พลุกพล่านวุ่นวายเท่าไหร่นัก













เมื่อถึงท่าเรือมีรถ 2 คันมาจอดรอพวกเราอยู่แล้ว เรา คุณพ่อบ้าน ตาล พี่นุช และพี่อ๋อย อยู่คันเดียวกัน คนขับของพวกเราเป็นชายชราวัยน่าจะเข้าไป 70 กว่า ร่างเล็ก ผมขาวทั้งหัว ท่าทางใจดี แต่เมื่อพวกเราเห็นคนขับรถแล้ว ทุกคนก็ออกจะวิตกว่า แกจะอายุมากเกินไปหรือเปล่า แถมเจ้าตาลยังมีข้อมูลจากทริปก่อนมาบอกอีก น่าจะเป็นคนนี้แหละที่ทำวีรกรรมไว้คราวก่อน แต่พวกเราก็ยังไม่ได้วิตกจนเกินไป ระหว่างนั่งรออยู่ในรถ พวกเราก็เหลือบไปเห็นครอบครัวน่ารักๆคงมานั่งรอรถหรือเรือเพื่อไปโรงเรียน ดูเป็นครอบครัวที่อบอุ่นดี พี่น้อง 3 คนแบ่งกันกินขนมชิ้นเดียว โดยที่เจ้าตัวเล็กครอบครองคนเดียวซะส่วนใหญ่ พี่ๆได้คนละนิดละหน่อย พวกเราถ่ายรูปกันเพลินเลย




เด็กชายคนนี้หล่อม๊ากกก



3 คน พี่น้อง หน้าตาดีหมด




จากนั้นก็เริ่มออกดินทาง เริ่มแรกรถวิ่งไปตามถนนที่เรียบไปกับทะเลสาบดาล มีรถวิ่งกันแน่นไปหมดไม่รู้เลนส์ไหนเป็นเลนส์ไหน สองข้างทางก็เห็นผู้คนเดินกันขวักไขว่ เป็นวิถีชีวิตแขกโดยแท้จริงๆ เส้นทางที่เราไปกุลมาร์คนี้มีรถวิ่งมากตลอดสาย รถทำเวลาไม่ค่อยได้มากนัก อีกอย่างรถลุงแกก็ดูเหมือนจะไม่มีกำลังเอาซะเลย แต่สำคัญเหนืออื่นใด ลุงแกชอบแซงซะด้วย แซงโดยไม่สนใจว่ากำลังมีรถวิ่งสวนมาหรือเปล่า แกคิดว่ารถแกติดเทอร์โบหรือไงเนี่ย พวกเรานั่งกันไปก็ลุ้นกันไปทุกคน โดยเฉพาะคนที่ขับรถเป็นนี่คงเหยีบเบรค เหรียบคันเร่งตามแกไปด้วย

เมื่อรถเรามาถึงด่าน มิสเตอร์ดีนลงไปติดต่อทำเรื่องผ่านด่าน บางคนไปเข้าห้องน้ำ แต่คันเราอยู่กันครบ ตอนนี้ลุงแกเปิดฝากระโปรงรถแล้วงุ่นง่านทำอะไรกับเครื่องยนต์อยู่เป็นนานสองนานก็ไม่รู้ ตอนนี้พวกเราเริ่มวิตกเล็กๆแล้วว่าลุงแกจะพาไปถึงกุลมาร์คมั้ยน้อ จากนั้นก็ออกเดินทางต่อเมื่อผ่านด่านเข้าไปแล้ว คราวนี้พวกเรายิ่งลุ้นกันหนักเข้าไปอีก เพราะเป็นทางขึ้นเขา ลุงแกก็ยังคงเอกลักษณ์เดิมคือแซงแหลก ทั้งๆที่เครื่องก็เร่งไม่ขึ้น เฮ้อ เหนื่อย










สองข้างทางขึ้นกุลมาร์คเป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยป่าสน มองไปไกลๆจะเห็นเขาบางลูกมีหิมะปกคลุมอยู่บนยอด ตามเชิงเขามีดอกหญ้าสีขาวขึ้นอยู่เต็มไปหมด สวยงามมาก คนนั่นเรียกดอกเดซี่ เมื่อรถถึงจุดชมวิวก็จอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูป ส่วนเราข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อถ่ายดอกเดซี่ แล้วกลับมาสมทบกับคนอื่นๆ คราวนี้เห็นลุงแกทำอะไรกับเครื่องรถอีกแล้ว มีน้ำสีเขียวๆไหลออกมานองถนนด้วย เฮ้อ จะรอดไหมเนี่ย

เมื่อขึ้นไปถึงสถานีกระเช้า มิสเตอร์ดีนพาพวกเราเข้าไป กระเช้าที่นี่ นั่งได้ 5-6 คน กะว่าพวกเรา 2 กระเช้าพอดี ระหว่างรอกระเช้าเรายืนกันอยู่ในกลุ่มรั้งท้ายเพื่อจะขึ้นกระเช้าที่สอง และมีกลุ่มแขกเดินเข้ามาต่อท้าย เจ้าแบงค์และต่ายรีบกระเถิบเข้ามากระซิบ พี่ๆจั๊กกะไรติสอย่างแรงเลย เร็วๆเข้า พอกระเช้ามาถึงพวกเราจึงรีบขึ้นกันจนหมดแล้วรีบปิดประตู
(ขยายความ : จั๊กกะไรติส มาจากพี่นุชซึ่งเป็นพยาบาล พี่นุชบอกว่าเป็นคำแสลงของเหล่าพยาบาลที่รพ. ศัพท์ทางแพทย์ itis แปลว่าการอักเสบ เมื่อเอามาต่อท้ายกับอวัยวะใดก็หมายถึงการอักเสบของอวัยวะนั้น ฉะนั้น จั๊กกะแร้ + itis ก็คือจั๊กกะแร้อักเสบ มีกลิ่นเหม็น พวกเราจึงใช้ศัพท์นี้ล้อเล่นกันมาตลอดทริปเมื่อเจอกลิ่นแขก)













กระเช้าค่อยๆวิ่งไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อย ข้างล่างเป็นป่าสนต้นสูงชะลูด นานๆจะเห็นกลุ่มบ้านเรือนอยู่บ้าง ตาลบอกว่ามาตอนเมษาหิมะตกคลุมบ้านเหล่านี้จนมิด เห็นชาวบ้านต้องขุดหิมะมุดเข้าบ้าน เมื่อกระเช้าขึ้นมาถึงสถานีขั้นแรก พวกเราก็เห็นวิวที่เป็นทุ่งหญ้าโล่งๆ มีม้าเดินเล็มหญ้าอยู่ไกลๆ ถัดไปสุดสายตาก็เป็นป่าสน ถ่ายรูปกันสักพัก ปลาก็เดินมาบอกว่าวันนี้โชคดีกระเช้าขั้นที่สองเปิดให้ขึ้นได้ (ปลามาหลายครั้งแล้วไม่เคยเจอเปิดเลย) ปลาจึงถามว่าใครจะขึ้นไปไหม แต่เราและคุณพ่อบ้านดูๆแล้ว เห็นว่าที่นี่ไม่สวยขนาดดึงดูดใจให้ขึ้นเท่าไหร่ จึงมีปลา น้อย ตาลและหมอต่วนขึ้นกัน 4 คนพวกเราที่เหลือรออยู่ที่นี่










รอกันไปถ่ายรูปกันไปกินขนมก็แล้ว พวกข้างบนก็ยังไม่กลับลงมา แดดเริ่มแรง จึงชวนกันเข้าไปรอในร้านอาหาร สั่งเครื่องดื่มและคุยกันไป ระหว่างนี้เราก็เห็นแขกเข้าไปมุงดูทีวีกันแบบผิดสังเกตุ มองไปไกลๆเห็นภาพข่าวจุดไฟเผารถ พี่นุชจึงเดินเข้าไปสืบข่าว ได้ความว่า เกิดจลาจลในศรีนาการ์แต่เท่าที่ดูผู้คนก็ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจอะไรกันเลย บ่าย 2 พวกข้างบนก็ยังไม่ลงมาสักที ไกด์ท้องถิ่นจึงเดินมาบอกให้พวกเราลงไปก่อน เพื่อให้มิสเตอร์ดีนพาไปกินข้าวกลางวัน ส่วนเขาจะรอพวกข้างบนอยู่ที่นี่










เมื่อลงไปถึงมิสเตอร์ดีนรอรับพวกเราอยู่แล้ว พาเดินลัดเลาะไปตามเนินเขาเพื่อไปห้องอาหาร ระหว่างทางเดินมีดอกไม้สวยๆให้เราหยุดถ่ายรูปตลอด กว่จะเดินถึงคนอื่นล่วงหน้าไปหมด ถึงตอนนี้ฝนก็ลงเม็ดพอดี เมื่อพวกเราลงมือกับอาหารได้ไม่นานพวกที่เหลือก็ตามมาถึง แล้วปฎิบัติการณ์กวาดล้างอาหารก็เป็นไปอย่างรวดเร็ว โปรแกรมว่าจะแวะถ่ายรูปดอกไม้ข้างทางจึงถูกลืมไปเพราะฝนตก ดีนะที่เราฉวยโอกาสถ่ายไว้ตอนขาขึ้นแล้ว เตรียมพร้อมขึ้นรถกันแล้วปลาเดินมาส่งข่าวว่า เราจะกลับบ้านเรือกันเลย โปรแกรมเที่ยวในเมืองวันนี้ขอยกเลิกเพื่อความปลอดภัย เพราะเหตุว่ามีจราจล ซึ่งพวกเราก็ตกลงไม่มีปัญหาอะไร







ห้องอาหารที่เราไปกินมื้อกลางวัน อยู่บนเนินโน่น




ขากลับพวกเรายังคงต้องทำใจและช่วยลุ้นกับลุงแกไปอีกตลอดทางจนถึงท่าเรือ พี่อ๋อยบอกว่า ถ้าพรุ่งนี้ต้องนั่งรถลุงอีกพี่อ๋อยขอเปลี่ยนคันนะ พี่อ๋อยนั้นนั่งหน้าจึงเห็นทุกอย่าง บอกว่าขับๆอยู่เกียร์กระเด้งหลุดก็มี พวกเราจึงมาบ่นๆกับปลา แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสกัน แถมยังเอามาเมาท์กันเป็นเรื่องสนุกแล้วก็จัดการเปลี่ยนรถกันเรียบร้อย โดยกะให้คนที่ไม่เคยนั่งกับลุงมานั่งบ้างในวันพรุ่งนี้




แม่ลูกในเรือที่แซงเรามา




หลังจากพวกเราเข้าบ้านพักผ่อนกันสักครู่ มิสเตอร์ดีนก็พาออกไปช็อปปิ้ง ระหว่างทางเราได้เห็นวิถีชีวิตของชาวทะเลสาบดาลอย่างใกล้ชิด เห็นบ้านเรือน ผู้คน การทำสวนปลูกผักในทะเลสาบ ดีนพาเราไปที่โรงงานทำเปเปอร์มาเชย์ ก่อนขายของลุงเจ้าของร้านอธิบายวิธีการทำให้พวกเราฟังอย่างละเอียด (ประมาณให้รับรู้ว่าที่แพงน่ะเพราะมันทำยากนะ) จากนั้นจึงปล่อยให้เลือกชมสินค้าซึ่งทำเป็นเครื่องใช้ และของตกแต่งบ้าน ใช้เวลากันนานพอสมควรทีเดียวกว่าจะออกจากที่นี่ ได้ของติดมือกันมาหลายคน แต่เราและคุณพ่อบ้านตัดใจไม่ซื้อเพราะดูแล้วไม่รู้จะเอามาทำอะไร













ออกมาฟ้าก็เริ่มสลัวๆแล้ว (แต่เวลาคือ 1 ทุ่ม) อันที่จริงพวกเราก็เริ่มหิวกันแล้ว แต่ความอยากช็อปปิ้งยังมีอยู่ มิสเตอร์ดีนจึงพาไปโรงงานทำเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้จากไม้วอลนัท ในร้านนี้เราพบเฟอร์นิเจอร์ไม้ ของแต่งบ้านไม้สวยๆหลายชิ้น รวมทั้งพวกกล่องต่างๆ แต่ราคาค่อนข้างสูง ที่นี่เราได้กล่องไม้เล็กๆมา 2 ใบในราคา 500 รูปี แบบไม่ได้ตั้งใจ (จากใบละ 500 และลดลงมาให้เราเหลือ 2 ใบ 800 และ 500ในที่สุด)

มื้อเย็นวันนี้เรามีเมนูพิเศษสั่งตรงมาจากโคราช ยอดชายนายแบงค์อยากกินไก่ต้มน้ำปลา ปลาจึงบอกพ่อดีนไว้ตั้งแต่คืนวานว่าให้เตรียมไก่เอาไว้ให้ด้วย เมื่อกลับเข้าถึงบ้านเรือพ่อครัวแม่ครัวจำเป็นทั้งหลายก็หายเข้าครัวกันไปร่วมชั่วโมง กว่าเราจะได้กินข้าวเย็นวันนี้ปาเข้าไป 4 ทุ่ม(บ้านเราก็ 5 ทุ่มกว่า) แต่บนโต๊ะอาหารมีไก่ต้มน้ำปลานอนแอ้งแม้งอยู่ 1 ตัว พร้อมกับน้ำจิ้มแซ่บๆอีก 1 ชามใหญ่(เห็นแล้วอยากกินซีฟู๊ดมากเลย) มื้อเย็นวันนี้พวกเราทุกคนเจริญอาหารเป็นพิเศษ เพราะมีอาหารถูกปาก แล้วยังมีน้ำจิ้มรสเด็ดเป็นตัวชูโรง ที่แค่ตักราดกับผัดถั่วแขกก็อร่อยล้ำ

หลังอาหารยังมีการช็อปปิ้งกันต่ออีก วันนี้มีผ้าเจ้าเดิม กับกระเป๋าหนังเครื่องหนังอีกเจ้า การซื้อของกับแขกนี่ ต้องใช้สมองและเลห์เหลี่ยมอย่างมาก ไม่งั้นโดนแขกทั้งหลอกและโขกราคาแน่ๆ ดีที่ว่าเหล่าพ่อค้าที่ขึ้นมาขายในบ้านเรือมักจะเป็นเจ้าประจำ ค่อนข้างจะเชื่อใจได้ในระดับหนึ่งแต่ก็ยังต้องต่อราคาเยอะๆ กว่าจะซื้อได้แต่ละชิ้นเล่นเอาเหนื่อย จากศัพท์คำใหม่ที่เราได้เมื่อคืนวาน เราก็เริ่มนำมาใช้คืนกับพ่อค้าบ้าง วันนี้เราจึงได้ยินเสียงพ่อค้า กับเสียงน้อย “...กุรุ กุรุ กุรุ” กันไปตลอดการซื้อขาย คืนนี้กว่าจะได้อาบน้ำนอนกันเข้าไปกี่ไมงก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าหัวเราะกันจนเหนื่อยและตาจะลืมไม่ขึ้นแล้ว



ติดตามตอนอื่นๆ

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I

Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II

Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ

Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้

Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้

Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน

Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย

Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่

บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง



Create Date : 23 กรกฎาคม 2552
Last Update : 28 กรกฎาคม 2552 9:04:30 น.
Counter : 3456 Pageviews.

8 comments
Fujisan Hongu Sengen Taisha Shrine : ศาลเจ้าประจำภูเขาไฟฟูจิ poongie
(20 เม.ย. 2568 18:43:48 น.)
BANK OF NINGBO Badminton Asia Championships 2025 The Kop Civil
(21 เม.ย. 2568 10:43:34 น.)
เมื่ออยู่ในวัย"คุณน้า" กิจกรรมพักผ่อน คือไปดูพระอรหันตธาตุ,อัฐิธาตุพระอาจารย์ peaceplay
(19 เม.ย. 2568 23:20:46 น.)
ร้านลับริมคลองภาษีเจริญ ร้านGood Stories Cafe&Bistro เพชรเกษม 25 นายแว่นขยันเที่ยว
(18 เม.ย. 2568 01:35:26 น.)
  
เยี่ยม เหมือนเดิม แวะมาอ่านก่อนทำงานประจำค่ะ
โดย: ป้านุช IP: 203.157.71.243, 117.121.208.2 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:9:28:22 น.
  
นอนซมพิษไข้ แต่พอได้ดูภาพสวยๆก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีค่ะ
โดย: mrsozturk วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:43:53 น.
  
โอ๊วววว บ้านเรือ สวยจังเลยพี่ตุ๊ก
ชอบภาพเรือขายดอกไม้ด้วยค่ะ
โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:12:03:47 น.
  
พี่ตุ๊กกกก....ปูว่าสถานที่มันดูสวยขึ้นทุกวันเลยค่ะ
จากวันแรกๆยังคิดว่าดีที่ไม่ได้ไป พออ่านถึงวันนี้เริ่มต้องคิดดูใหม่ซะแล้ว
แต่คงลำบากกว่าตอนไปแชงฯมากเลยใช่ไหมคะ
โดย: ปู&อุ้ย IP: 125.25.140.4 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:17:36 น.
  
พี่นุช เราไปด้วยกันอ่านแล้วก็สนุกเพราะนึกภาพตาม แต่คนที่ไม่ได้ไปอ่านแล้วจะสนุกหรือเปล่าไม่รู้เนอะ


คุณmrsozturk ขอให้หายไข้เร็วๆนะคะ

น้องหมีฯ บ้านเรือข้างในก็สวยจ้ะ พี่ถ่ายรูปข้างในมาด้วยแค่สองรูปแต่มันไม่ชัด

ปู วันแรกๆที่ลาดัก จะเที่ยวแบบสมบุกสมบัน แต่มาแคชเมียร์แล้วเที่ยวแบบสบายๆจ้ะ กินอยู่นอน เดินทางสบายๆ ปูมาแค่แคชเมียร์อย่างเดียวก็ได้ ไปดูโปรแกรมสิ รู้สึกจะมีเดือนสิงหาด้วย แต่ถ้าเป็นพี่ อยากไปเดือนตุลาเพราะอากาศดีแล้วได้เห็นทุ่ง saffron ด้วย


โดย: Cookie Nim วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:16:26:06 น.
  
ตามไปเที่ยวด้วยคนครับ
โดย: อนันต์ครับ วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:13:00 น.
  
ขอตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ ดูทิวทัศน์แล้วแปลกหูแปลตาดีนะคะ
โดย: weissbier วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:36:39 น.
  
ภาพสวยจังเลยค่ะ...น่าไปเที่ยวบ้างจัง
โดย: CrystaL_32 วันที่: 23 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:37:14 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Cookie-nim.BlogGang.com

Cookie Nim
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 71 คน [?]

บทความทั้งหมด