Kargil ระยะทางสั้นๆแต่ช่างยาวนาน ![]() วิวหน้าห้องนอนที่ Lumpini Hotel จนวันสุดท้ายก็ไม่ได้นั่งจิบกาแฟอย่างที่คิด 6 กค.2552 7.30 น. ทุกคนพร้อมเพรียงกันที่ห้องอาหารเช่นเคย วันนี้เราจะออกเดินทางโดยมีจุดหมายปลายทาง คือ เมืองศรีนาการ์-แคชเมียร์ แต่การไปศรีนาการ์ต้องใช้เวลาเดินทางถึง 2 วันในเส้นทางรถยนต์ ระยะทาง 400 กว่ากิโลเมตร โดยเราจะแวะเที่ยวและพักค้างคืนที่เมือง Kargil เหมือนเช่นเคย ถนนช่วงแรกเป็นถนนลาดยางวิ่งสบาย รถทำเวลาได้ค่อนข้างดี แต่ไม่นานก็เริ่มเข้าสู่ถนนเลาะเรียบไล่เขา ซึ่งถนนสายนี้ภูเขาเป็นหินที่ค่อนข้างผุกร่อนง่าย ถนนจึงขรุขระเต็มไปด้วยหลุมบ่อและฝุ่นยามรถวิ่ง เส้นทางนี้เราแทบจะเปิดหน้าต่างรถไม่ได้เลย ต้องคอยหาโอกาสเปิดตอนช่วงที่ฝุ่นน้อยๆเพื่อรับลมเย็นๆ รถวิ่งมาได้ประมาณ 1 ชม. เราก็แวะจอดข้างทางเพื่อชมทิวทัศน์ซึ่งเป็นบริเวณที่แม่น้ำสินธุและแม่น้ำซันสการ์มาบรรจบกัน แล้วรวมเป็นแม่น้ำซันสการ์สายใหญ่ แต่ช่วงฤดูนี้จะเห็นแม่น้ำออกเป็นสีขุ่น ไม่เป็นสีฟ้าสวยอย่างช่วงกันยายน ![]() แม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ![]() สีเขียวเข้มคือแม่น้ำสินธุ สีน้ำนมคือแม่น้ำซันสการ์ จากนั้นเดินทางต่อเพื่อไปที่ วัดอัลชิ (Alchi Gompa) วัดเก่าแก่อายุหลายร้อยปี เป็นวัดเล็กๆในหมู่บ้านที่เงียบสงบ ทางเดินเข้าไปที่วัดเป็นทางเดินเล็กๆร่มรื่นผ่านหมู่บ้าน ได้เห็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย บางช่วงจะเห็นทุ่งข้าวสาลี บางช่วงมีต้นแอพริคอทที่กำลังเริ่มออกลูกเล็กๆ วิหารของวัดสร้างด้วยไม้ผสมโครงสร้างที่เป็นอิฐในรูปแบบดั้งเดิม ภายในมีภาพเขียนสีทังการ์ ซึ่งถือเป็นภาพเขียนสีที่เก่าแก่ที่สุด แต่ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ด้านหลังวัดติดลำธารมีธรรมชาติที่สวยงามมาก ![]() ทางเดินเข้าวัด ![]() ทางเข้าวัดมีร้านค้านานาชนิด ช่วงที่เดินผ่านหมู่บ้านเข้าไปเราเดินผ่านร้านค้ามีของขายหลากหลายทั้ง เสื้อผ้าเครื่องประดับ และร้านเบเกอร์รี่สัญชาติเยอรมัน ซึ่งหมอต่วนบอกว่าน่าจะเป็นร้านนี้นะที่ในหนังสือหรือในเวบไหนสักแห่งแนะนำให้กินน้ำมะม่วงปั่น พวกเราจึงหมายตาว่าขาออกมาจะแวะกินกัน ![]() หน้าวิหารของวัดอัลชิ เป็นไม้แกะสลักสวยงามมาก แต่ถ่ายรูปยากจังเพราะพื้นที่ข้างหน้าแคบๆ ![]() ประตูสวยดี เมื่อเข้าไปถึงวัดก็เจอกับนักท่องเที่ยวฝรั่ง 2 กลุ่มใหญ่อยู่ข้างในวิหาร รวมพวกเราเข้าไปอีกก็แน่นวิหารแล้ว มีไกด์ท้องถิ่นกำลังอธิบายความหมายของพระพุทธรูปปางต่างๆให้นักท่องเที่ยวฝรั่งฟัง พวกเราก็ถือโอกาสฟังไปด้วย ![]() ทิวทัศน์หลังวัดอัลชิ ใช้เวลาสักพักก็ค่อยๆเดินออกจากวัด ชมนกชมไม้ถ่ายรูปกันไปเรื่อย และไม่ลืมที่จะแวะกินขนม และถือโอกาสเข้าห้องน้ำกันด้วย พวกเราคงอดอยากอยู่หลายวันพอเห็นขนมอะไรก็อยากกินไปหมดแต่ด้วยความที่กลัวไม่อร่อยก็เลยสั่งมาลองอย่างละนิดละหน่อย และพบว่าที่อร่อยพอกินได้ก็ช็อคบอลที่เนื้อนุ่มหนึบดี ส่วนน้ำผลไม้ปั่นก็ธรรมดาๆ เหมือนนำมะม่วงมาปั่นกับน้ำธรรมดาไม่หวาน ไม่เย็น ดีที่มะม่วงอินเดียมีกลิ่นค่อนข้างหอมก็เลยกินได้จนหมด ระหว่างที่บางคนนั่งกินขนม บางคนที่มีวิญญาณช็อปปิ้งอยู่ในสายเลือดใช้เวลาให้เป็นประโยชน์สูงสุด ได้เสื้อยืดปักกันมาคนละ 2-3 ตัว ช่วงเดินออกจากวัดก็ค่อยๆเดินตามกันมา แต่ออกมาถึงที่จอดรถเหลือกันอยู่ 4-5 คน สอบถามได้ความว่าเจ้าแบงค์แวะซื้อหมวกทำจากหินเทอควอยซ์ที่ตอนเดินเข้าไปหมายตาไว้ มีน้อย ปลา และหมอต่วนเป็นกองเชียร์ช่วยต่อราคา จนในที่สุดได้หมวกมาในราคาที่น่าพอใจ ![]() หุ่นกระบอก แขวนขายอยู่ที่ร้านหน้าวัดอัลชิ ออกจากวัดอัลชิเรามุ่งหน้าสู่เมืองอินดัสเพื่อกินมื้อกลางวัน เราเข้าไปนั่งในร้านข้าวร้านหนึ่งที่ค่อนข้างสะอาด มีขายอาหารเหมือนข้าวแกงบ้านเราคือมีกับข้าว 2-3 อย่างตักราดข้าวขาย อาหารของพวกเราในกล่องก็เหมือนเดิม พอดีเหลือบไปเห็นโต๊ะอื่นสั่งน้ำอะไรเป็นขวดๆสีชาจึงถามปลาดู ปลาบอกว่าเป็นน้ำแอ๊ปเปิ้ลเลยสั่งมาลองกินดูบ้าง รสชาติหอมหวานอร่อยทีเดียว นี่ถ้าอยู่บ้านเราได้แช่เย็นๆกินคงชื่นใจน่าดู ส่วนปลาสั่งอาหารในร้านมากินกับตาล ซึ่งพวกเราเห็นก็ไม่มีใครนึกอยาก ก็มันอาหารแขกนี่นา แต่ปลากับตาลใช้ชีวิตอยู่อินเดียจนชอบอาหารแขกไปซะแล้ว ![]() ชาวพื้นเมืองที่เมืองอินดัส ![]() ป้าคนนี้นั่งขายอัลมอนด์และแอพริคอทอยู่ข้างทาง ![]() แม่ลูกจะไปไหนกันจ๊ะ ที่เมืองอินดัสนี้ สองข้างทางจะมีร้านขายพวกนัท เช่นอัลมอนด์ วอลนัท และแอพริคอทแห้ง แต่เท่าที่เราดูแล้วคุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไรนัก คืออัลมอนด์เม็ดเล็กมาก แอพริคอทก็เนื้อบางๆเหนียวไม่หวาน คนทำขนมอย่างเราเห็นแล้วเลยรู้สึกเฉยๆ ได้แต่เดินเล่นและถ่ายรูปไปเรื่อยๆจนทุกๆคนพร้อมออกเดินทาง ![]() ถนนที่รถวิ่งมุ่งหน้าไปการ์กิล ถ่ายตอนที่จอดติดเพราะหินถล่ม เลยจากขวามือของภาพก็เป็นเหวลงไป ข้างล่างเป็นแม่น้ำซันสการ์ ![]() ด้านในถนนอีกด้าน ออกเดินทางได้ไม่นาน ก็เจอเข้ากับปัญหาธรรมชาติของที่นี่ นั่นคือหินถล่มลงมาขวางถนน มีรถติดจอดต่อกันเป็นแถวยาว เหล่าคนขับรถบ้าง นักท่องเที่ยวบ้างเดินสวนกันไปมาเพื่อดูเหตุการณ์ ข้อมูลบอกต่อๆกันมาว่า รถตักกำลังมากวาดเศษหินออกแล้ว โชคดีที่มีการทำถนนอยู่ใกล้ๆรถตักเลยมาได้ทันใจ และก็โชคดีที่หินไม่ได้ถล่มลงมาตอนที่รถวิ่งผ่าน ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ออกเดินทางต่อกันได้ ![]() ถนนที่วิ่งขึ้นมาบนวัด ![]() ธงมนต์ที่แขวนอยู่เชิงบันไดวัด และทิวทัศน์ที่สวยงาม ![]() กุฏิปลูกเรียงรายอยู่ตามหน้าผา ![]() ชอบประตูบานนี้จัง ที่ต่อไปที่เราแวะก็คือ วัดลามายุรุ (Lamayuru) เป็นวัดทิเบตอยู่ในหุบเขาที่มีสภาพคล้ายผิวดวงจันทร์มากที่สุด (Moon Land) ที่นี่มีโรงเรียนสอนศาสนาด้วย จึงมีกุฏิน้อยใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตามหน้าผา ถือเป็นวัดที่ใหญ่พอสมควรทีเดียว เที่ยวเดินชมกันไปเรื่อยๆไม่รีบไม่เร่ง ชอบตรงไหนนานก็นั่งนานหน่อย ถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ สมควรแก่เวลาก็เริ่มเคลื่อนขบวนออกเดินทางต่อ ![]() ภูเขาที่มีสภาพคล้ายผิวดวงจันทร์ ![]() ความแตกต่างที่เห็นชัดระหว่างพื้นที่หุบเขาและพื้นที่ภูเขา ![]() ผิวดวงจันทร์ ถึงช่วงนี้สองข้างทางเริ่มไม่มีอะไรให้ดูเท่าไหร่แล้ว วิวข้างทางเป็นภูเขาหินที่ไม่ค่อยสวยนัก มีลักษณะร่วนๆแบบว่าพร้อมจะหล่นลงมาได้ทุกเมื่อ เราเลยของีบเอาแรงดีกว่า อีกอย่างแดดที่ส่องเข้ามาในรถแรงมากๆ กระจกรถก็เปิดไม่ได้เพราะฝุ่นตลบ อากาศในรถจึงร้อนพอดู ทำให้ง่วง ![]() พระพุทธรูปแกะสลักอายุกว่าพันปี ถ่ายจากด้านนอกวัด ![]() แบบเต็มองค์ต้องเข้าไปถ่ายในวัด ที่มีพื้นที่แคบนิดเดียว ประมาณ 4 โมง รถก็เริ่มวิ่งเข้าสู่เขตหมู่บ้าน ตอนนี้ถนนไม่ค่อยมีฝุ่นแล้ว สองข้างทางเริ่มมีต้นไม้ใบหญ้า ทุ่งข้าวให้ชม ไม่นานเราก็ถึง Chamba Statue ซึ่งเป็นวัดเล็กๆ ที่นี่มีพระพุทธรูปแกะสลักอยู่บนภูเขาหินอายุเก่าแก่กว่าพันปี วันที่เราไปถึงคิดว่าภายในหมู่บ้านคงจะมีงานอะไรกัน เพราะเห็นชาวบ้านเดินเข้าออกวัดกันพลุกพล่าน และก็เดินตามกันไปรวมตัวที่ไหนสักแห่งในหมู่บ้าน ดูคึกคักดีจัง เราเลยได้เห็นวิถีชีวิตคนพื้นเมือง ![]() ชาวบ้านกำลังมุนกงล้อมนต์ ![]() คุณป้ากำลังไปร่วมงานในหมู่บ้าน กว่ารถพวกเราจะเข้าเขต Kargil ก็เย็นมากๆแล้ว ประมาณ 6 โมงกว่า ลำแสงสุดท้ายกระทบภูเขาหินเป็นสีทองสวยงามมาก พระอาทิตย์ที่อินเดียตอนเหนือนี้ทำงานขยันขันแข็งมาก ขึ้นแต่เช้ามืด ตี 5.30 ฟ้าสว่างโล่ ส่วนตอน 6 โมงเย็นแดดยังส่องแจ๋อยู่เลย 2 ทุ่มก็ยังไม่มืด เราไม่กล้าให้รถจอดหรือยื่นกล้องออกไปถ่ายนอกรถ เพราะปลาบอกว่าเมื่อเข้าเขตการ์กิลแล้วไม่ให้ยื่นกล้องออกไปถ่ายรูปนอกรถ ถ้าทหารเห็นจะโดนเรียก เมื่อพ้นเขตลาดักออกมาจะพบเห็นทหารตามจุดต่างๆบ่อยขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเข้าเขตแคชเมียร์ เมือง Kargil มองจากระยะไกลๆนั้นสวยทีเดียว เนื่องจากสร้างบ้านเรือนลดหลั่นอยู่ตามไหล่เขาด้านหน้าเมืองเป็นลำธารขนาดใหญ่ที่มีน้ำไหลแรงมากๆ เราเห็นแล้วยังพูดกับคุณพ่อบ้านว่าถ้าเป็นเมืองไทยคงมีบริการล่องแก่ง ![]() หน้าวัด Chamba ![]() ทางเข้า Kargil ประมาณ 6 โมงเย็น ![]() ทั้งหมดถ่ายจากในรถ เสียดายถ้าได้จอดลงไปถ่ายคงจะดีกว่านี้ โรงแรมที่เราพักเป็นโรงแรมขนาดเล็กและถือว่าดีที่สุดใน Kargil แล้ว ถ้าจะให้เปรียบเทียบก็เหมือนโรงแรมตามต่างจังหวัดบ้านเราเมื่อสัก 20 กว่าปีที่แล้วได้ เก็บข้าวของเข้าที่เราก็รวมตัวเตรียมไปกินมื้อเย็นกัน หมอต่วนถามปลาว่าจะเดินไปเที่ยวไหนได้บ้างก่อนเวลาอาหาร ปลาบอกว่าถ้าอยากเดินจริงๆก็ให้อยู่ละแวกหน้าโรงแรมเท่านั้น เพราะเมืองนี้ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว แต่เป็นเมืองที่เหล่าสิงห์รถบรรทุกทั้งหลายจะมาแวะหยุดพักค้างคืน เพื่อความปลอดภัยและสบายใจอย่าออกไปดีกว่า อาหารเย็นวันนี้เป็นอาหารแขกแบบมุสลิม (จากการ์กิลไปเริ่มเข้าเขตแคชเมียร์ซึ่งประชาชนเป็นมุสลิม) รสชาติค่อนข้างดีทีเดียว เรากินได้มากหน่อย ลักษณะการเสริฟอาหารก็ออกไปแนวแบบยุโรป ปลาบอกว่าถึงที่นี่จะเล็กแต่ว่ามีแขกเข้ามาพักมากและต่อเนื่องตลอด แขกฝรั่งก็เยอะเพราะส่วนใหญ่ถ้าวิ่งรถยนต์เส้นนี้ก็ต้องมากพักที่นี่ทั้งนั้น ![]() พระจันทร์คืนวันอาสาฬหบูชาที่ Kargil จบการเดินทางที่ยาวนานของวันนี้ คืนนี้นอนหลับไปพร้อมกับเสียงสวดมนต์ของชาวมุสลิมที่ลอยมากับแสงจันทร์คืนวันอาสาฬหบูชา ติดตามตอนอื่นๆ Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...I Leh ดินแดนแห่งขุนเขา และ...วัด - ทัวร์ไหว้พระ 9 วัด ...II Pangong Tso ทะเลสาบพันกอง - พันกอง...จริงๆนะ Nubra Valley หุบเขาแห่งดอกไม้ ...ไม่ยักกะเห็นดอกไม้ Bye...Nubra Valley...แล้วจะกลับมาตามหาดอกไม้ Sonamarg ดินแดนแห่งเทพนิยาย จากทะเลสาบดาล (Dal Lake)..สู่..กุลมาร์ค (Gulmarg) Pahalgam กำเนิดนางเอกหนังแขกดวงใหม่ บอกลาศรีนาการ์ ..ชม นครแห่งรัก - จบการเดินทาง คุณตุ๊กขา...คุณตุ๊กเขียนได้น่าติดตามอ่านอย่างยิ่งค่ะ
นี่นางฟ้าย้อนกลับไปอ่านตอนก่อน ๆมาทีเดียวรวดเลย อ่านตอนที่พ่อบ้านคุณตุ๊กล้มแบบเป็นล้ม แต่ตายังลืมอยู่ น่าตกใจเหมือนกันนะคะ... ![]() *ชอบรูปหัวบล้อกจัง... ![]() โดย: นางฟ้าของชาลี
![]() ![]() ไม่ยั๊กกะรู้ว่าพี่ตุ๊กหนีเที่ยว ภาพสวยมาก ๆ เลยค่ะ (ขนาดถ่ายผ่านกระจกรถอีกทีนะคะเนี่ย) สนุกมั้ยคะ
โดย: ชินโจมายุ
![]() แวะมาดูรูปจ้า
อยากไปจังเลย พี่ตุ๊กสบายดีนะคะ โดย: อ้อ (hokpok
![]() กลับมานานหรือยังคะพี่ตุ๊ก..
หน่ายังไม่ได้อ่านเลย..เดี๋ยวจะตามอ่านแบบหนังสือสารคดีท่องเที่ยวเลยนะคะ... เพราะแค่อ่านช่วงแรกๆ ก็คิดว่าเข้าบล๊อคผิดซะแล้ว ![]() คิดถึงจังค่ะพี่ตุ๊ก.. โดย: หน่า (danaausaman
![]() ตามมาอ่านมันทุกหัวเรื่องเลย เยี่ยมจริง ๆ บรรยายได้น่าติดตาม จะรอติดตามต่อนะคะ พี่เองได้แต่อ่านแล้วก็นึกตาม เขียนเองไม่เป็น อาศัยอ่านของตุ๊กก็เหมือนเราไปเองน่ะแหละ ใช่ปะ
โดย: พี่อ๋อย IP: 118.173.114.255 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:22:57 น.
![]() ชวนไปทำแกลเลอรี่ออนไลน์กัน จะเก็บภาพถ่าย เก็บหนัง เพลงที่ชอบ เก็บไฟล์ซ่อนไว้ หรือให้เพื่อนดาวน์โหลด พื้นที่ก็ให้เพียบ แล้วยังเพิ่มได้อีก ยิ่งเล่นเป็นกลุ่ม ก็ได้อีกเพียบ ดูในบล็อก 360D Gallery หรือจะไปตอนนี้ก็ คลิกได้เลยจ้า... เอาคูปองลงทะเบียน Exclusive Member ด้วยจ้า pantip 2012-1 โดย: 360D Gallery
![]() |
บทความทั้งหมด
|
จบคณะอะไรมานี่ เขียนดีจัง พี่นะตกวิชาเรียงความ ถ้าให้เรียงความคิดไม่ออก แต่ถ้าให้ย่อความ ก็ย่อไม่ได้ข้อความอะไรก็สำคัญไปหมด