บ้านกลางทุ่ง Organic Home - สบายๆสไตล์บ้านกลางทุ่ง
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=cookie-nim&month=10-01-2008&group=3&gblog=17



ตื่นแต่เช้าตรู่ในวันส่งท้ายปีเก่า อากาศเย็นสบายไร้มลภาวะ ได้ยินเสียงนกร้องเบาๆ เปิดประตูห้องนอนก็พบเจ้าปังปอนด์ องค์รักษ์พิทักษ์บ้านมานั่งรออยู่แล้ว เมื่อเห็นเราก้าวออกมาจากห้องก็แสดงท่าทางดีใจโดยการแกว่งหางไปมาพร้อมส่งเสียงงี๊ดๆ ซึ่งป้าแอ๊ดเคยบอกไว้แล้วว่าในตอนเช้าปังปอนด์ชอบมาชวนให้แขกที่มาพักออกไปเดินเล่นด้วยกัน เมื่อเราถามปังปอนด์ว่าจะไปเดินเล่นเหรอเค้าจะทำท่าดีใจรีบวิ่งนำหน้าออกนอกรั้วบ้านไป และคอยหันมองเป็นระยะๆว่าเราตามไปหรือเปล่า ถ้าเราอยู่ห่างมากเค้าก็จะหยุดรอ



ปังปอนด์ทำหน้าที่พาเดินเล่น


ปังปอนด์วิ่งนำไปตามถนนหน้าบ้านที่เป็นดินลูกรัง สองข้างทางเป็นทุ่งนาที่ผ่านการเก็บเกี่ยวแล้ว เหลือเพียงตอข้าวแห้งๆและกองฟาง ลมเย็นสดชื่นอากาศบริสุทธิ์มากๆ เห็นฝูงนกกระยางบินผ่านไปเป็นระยะ มีฝูงแม่ไก่ของบ้านใกล้ๆพาลูกออกหากินตามพื้นดินเดินผ่านหน้าไป เป็นภาพชีวิตที่เห็นได้ทั่วไปตามต่างจังหวัด แต่คนที่ใช้ชีวิตในกรุงเทพอย่างพวกเราไม่เคยได้เห็น

หลายๆคนเริ่มตื่นและเดินออกมาสมทบ หากคนไหนที่ตื่นสายแล้วยังไม่ได้ออกมาเดินโดยที่คนอื่นๆกลับเข้าบ้านแล้ว เจ้าปังปอนด์ก็จะทำหน้าที่ของมันคือไปชวนให้ออกเดินเล่น น่ารักจริงๆ



ปังปอนด์วิ่งนำหน้าไปแล้ว


หลังจากเดินออกกำลังกายพร้อมกับซึมซับบรรยากาศชาวทุ่งจนเต็มอิ่ม ก็เดินกลับบ้านเพื่อให้รางวัลกับชีวิตในยามเช้าด้วยกาแฟหอมๆในถ้วยศิลาดลสีสวยที่ป้าแอ๊ดบรรจงคัดสรรมาเพื่อแขกของบ้านกลางทุ่งโดยเฉพาะ กาแฟร้อนๆแกล้มด้วยบรรยากาศสงบสุขพร้อมกับการใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่รีบเร่ง ซึ่งเราหาไม่ได้ในการดำรงชีวิตยามปกติ เพียงเท่านี้เราก็รู้สึกได้เลยว่าแท้จริงแล้วการดำรงชีวิตของคนเรานั้นไม่ได้ต้องการอะไรที่หรูหราฟุ่มเฟือย จริงๆแล้วความเรียบง่ายต่างหากที่คนเราต้องการอย่างแท้จริง

อาหารเช้าวันนี้มีข้าวต้มธัญพืช ผัดหนำเลี๊ยบ ไส้กรอก ไข่เค็ม ล้างปากด้วยส้มเขียวหวานและกล้วยน้ำว้า ป้าแอ๊ดยกชามลูกตาลลอยแก้วออกมาให้พวกเราปิดท้ายมื้อเช้า ลูกตาลลอยแก้วของป้าแอ๊ดต้มด้วยน้ำตาลแดงหวานน้อยๆและทานอุ่นๆไม่ใส่น้ำแข็ง เราพบว่ามันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ



กระปุกพริกไทยเกลือ บนโต๊ะทานข้าว


วันนี้ป้าแอ๊ดจะพาพวกเราไปทัวร์บ้านหนองขาวด้วยรถอีแต๋น เมื่อถึงเวลานัดรถอีแต๋นคันเท่ห์ขับโดยสารถีกิตติมศักดิ์แห่งบ้านหนองขาวก็คือผู้ใหญ่บ้านนั่นเอง มารับพวกเราชาวบ้านกลางทุ่งออกทัวร์บ้านหนองขาวโดยมีป้าแอ๊ดเป็นมัคคุเทศน์ จุดแรกที่เราไปเยี่ยมชมคือวัดอินทารามหรือวัดหนองขาว ป้าแอ๊ดพาพวกเราไปกราบหลวงพ่อโต(พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำบ้านหนองขาว วันที่ไปมีพี่คนหนึ่งมาแก้บนด้วยประทัด 1,000 นัด เพราะถูกหวยสองตัวที่ขอไว้) เพื่อขอพรและเป็นสิริมงคลในวันส่งท้ายปีเก่า จากนั้นเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านหนองขาวซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดบ้านหนองขาวนั่นเอง ที่นี่เราจะได้ทราบถึงความเป็นมาของบ้านหนองขาว ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตชุมชน ขนบธรรมเนียมประเพณี รวมถึงวัฒนธรรมพื้นบ้าน พิพิธภัณฑ์นี้ริเริ่มและดำเนินการโดยหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดหนองขาว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดีมากๆ นับว่าหลวงพ่อเป็นพระที่มีวิสัยทัศน์อย่างยิ่ง






ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารเรียนหลังแรกที่ถูกสร้างขึ้นของจังหวัดกาญจนบุรี สร้าง พ.ศ.2478


จากนั้นเราเดินทางไปดูการทอผ้าขาวม้าร้อยสีซึ่งเป็นงานหัตถกรรมลือชื่อประจำบ้านหนองขาว แต่โชคไม่ดีที่วันนี้เป็นวันสิ้นปีไม่มีใครทอผ้ากันเพราะส่วนใหญ่จะเตรียมตัวฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่กับญาติพี่น้อง แต่ยังนับว่าโชคดีที่ไปกับป้าแอ๊ดเพราะป้าแอ๊ดขอร้องให้ป้าที่เป็นประธานกลุ่มทอผ้าแสดงฝีมือการทอผ้าขาวม้าร้อยสีให้เราดูเป็นขวัญตา จากนั้นเราก็ไปแวะชมศูนย์โอทอปของบ้านหนองขาวเพื่ออุดหนุนผ้าขาวม้าร้อยสีและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็มีรายการจับจ่ายเกิดขึ้นพอสมควรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า



ป้าประธานกลุ่มกำลังอธิบายวิธีการทอผ้า



น้องคนนี้พอเห็นพวกเราอยากดู ก็สาธิตวิธีปั่นด้ายให้ดู


เที่ยงพอดีถึงเวลาสำคัญนั่นคือเวลาอาหารกลางวัน ป้าแอ๊ดพาเราไปยังศูนย์อาหารแห่งบ้านหนองขาว ที่นี่เป็นศูนย์อาหารจริงๆเพราะมีทั้งอาหารตามสั่ง ข้าวมันไก่ ก๋วยจั๊บ สารพัดส้มตำมีให้เลือก ปีกไก่ทอด น้ำตก ข้าวเหนียว ก๊วยเตี๋ยวหมู ก๊วยเตี๋ยวเนื้อ ฯลฯ บรรยายไม่หมด อาหารที่นี่รสชาติดีอร่อยทุกอย่างแถมราคายังย่อมเยาอีกด้วย เสียดายที่เนื้อที่กระเพาะอาหารมีน้อยเกินไปไม่สามารถบรรจุอาหารได้ทุกอย่าง เลยต้องฝากไว้ก่อน คราวหน้ามาอีกต้องลองกินให้ครบ อิอิ..





หลังอาหารกลางวันก็เดินทางกลับเข้าบ้าน พวกเราไม่คิดจะออกไปไหนกัน นอนเล่น ฟังเพลง บ้างอ่านหนังสือ เด็กๆได้เพื่อนเล่นอีกตัวคือเจ้าครีมมาจากบ้านลูกสาวป้าแอ๊ด เจ้าครีมแสนรู้ไม่แพ้ปังปอนด์เลย พวกเราเลยสนุกสนานกับการได้ทรมาณเจ้าครีม ก็จะไม่ทรมาณได้ไงเล่นให้เจ้าครีม ยกขาสวัสดีทุกครั้งที่ให้กินมันฝรั่ง 1 แผ่น ส่วนเจ้าปังปอนด์สงสัยจะรู้แกวเลยฉากหนีปล่อยให้เจ้าครีมเป็นนางเอกไป



เจ้าครีมแสนรู้ เด็กๆพากันหลงรักไม่แพ้ปังปอนด์



ผักสวนครัวที่ป้าแอ๊ดปลูกไว้

ตกบ่ายแก่เราเริ่มออกสำรวจสวนครัวของป้าแอ๊ด เก็บภาพพืชผักที่ป้าแอ๊ดปลูกไว้มากมาย ล้วนปลอดสารผิดกินได้อย่างสบายใจ จนเดินมาถึงเรือนกล้วยไม้ของป้าแอ๊ด ชื่นชมดอกกล้วยไม้ไปคุยกับป้าแอ๊ดไป สุดท้ายเลยชักชวนกันไปเที่ยวฟาร์มกล้วยไม้ที่ป้าแอ๊ดไปซื้อมา ก่อนเข้าฟาร์มกล้วยไม้ป้าแอ๊ดชวนเลยไปเที่ยวอนุสรณ์ดอนเจดีย์แห่งบ้านหนองขาวเพราะอยู่ใกล้กันนิดเดียว ที่นี่เป็นที่ซึ่งในหลวงฯเคยเสด็จมาเมื่อพ.ศ.2516 จากการขุดค้นพบหลักฐานหลายอย่างและสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรฯกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา มากกว่าจะเป็นที่ดอนเจดีย์ จ. สุพรรณบุรี แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ต้องแล้วแต่การพิจารณาเอาเอง หลังจากสักการะอนุสาวรีย์พระนเรศวรมหาราชแล้ว เราก็ไปที่ฟาร์มกล้วยไม้โชคดีได้พบเจ้าของฟาร์มด้วยเลยคุยกันอยู่นาน กว่าจะกลับจากฟาร์มก็เกือบสองชั่วโมงโดยได้กล้วยไม้ติดไม้ติดมือกันมาคนละหลายกระถาง



สถูปทีสันนิษฐานว่าฝังอัฐิของพระมหาอุปราชา





มื้อเย็นลุงสาครเสริฟพวกเราด้วยเมนู มัสมั่นไก่ที่เคี่ยวจนไก่นุ่มเครื่องแกงหอมๆเข้าเนื้อ ผัดถั่วงอกเมนูอันขึ้นชื่อของลุง ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน ผัดวุ้นเส้นที่มีคนติดใจจนต้องวิ่งเข้าครัวขอดูสูตรและวิธีทำของลุง แถมด้วยขนมจีนปักษ์ใต้รสแซ่บ ปิดท้ายด้วยส้มเขียวหวาน กล้วยน้ำว้า ลูกตาลลอยแก้ว และว่านหางจระเข้ลอยแก้ว เนื่องจากเป็นวันส่งท้ายปีเก่า วันนี้เลยมีเมนูพิเศษนั่นคือขนมเค้กฝีมือลูกสาวป้าแอ๊ด กว่าจะแยกย้ายออกจากโต๊ะอาหารกันได้ทำเอาาทุกคนจุกจนพุงกาง กลับเข้าห้องพักมาแต่ละคนอาบน้ำเสร็จพากันหลับตั้งแต่ 4 ทุ่ม มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนได้ยินเสียงน้องๆที่พักบ้านไทยเคาน์ดาวน์กัน





บ้านกลางทุ่ง Organic Home - บทส่งท้าย
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=cookie-nim&month=14-01-2008&group=3&gblog=19