Cinema Paradiso (1988) ซีเนม่า พาราดิโซ่

 
''นี่คือเหตุผลว่าทำไมเรายังรักการชมภาพยนตร์''
 
บางคนอาจเคยติดอยู่ในความทรงจำ แม้จะพยายามหนีไปไกลแค่ไหน ก็มิอาจหนีความทรงจำพ้น

''โตโต้'' ก็เหมือนกันเขาเป็นเด็กที่เติบโตมาจากซิซิเรีย และจากบ้านมายังกรุงโรมกว่า 30 ปีเพื่อทำตามความฝัน เขาได้ทำตามความสำเร็จ ได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังดั่งใจหวัง แต่แล้วก็มีโทรศัพท์ดังขึ้นมา ปลายสายเป็นเสียงของแม่ของเขา เธอโทรมาเพื่อแจ้งข่าวว่า ''อัลเฟรโด้'' เสียชีวิตแล้ว

 
แล้ว 'อัลเฟรโด้' คือใคร?
 
หนังย้อนกลับมาเล่าในช่วงเวลาที่ ''โตโต้'' ยังเป็นเด็ก เขาชื่นชอบภาพยนตร์มาก จนอยากจะมาเป็นคนฉายหนัง เขารู้จักกับ 'อัลเฟรโด้' เพราะ 'อัลเฟรโด้' เป็นคนฉายหนังที่โรงหนัง Cinema Paradiso
 
'อัลเฟรโด้' มักจะบอกกับ 'โตโต้' เสมอว่า
''ที่แห่งนี้ไม่เหมาะกับเธอ วันหนึ่งเธอจะต้องก้าวข้ามมันเพื่อสิ่งที่ดีกว่า''
----------------------------------------------------
 
หนังเรื่องนี้แบ่งออกเป็นสามองค์ชัดเจนครับ
คือวัยเด็กของโตโต้ วัยรุ่น และก็วัยกลางคน (พาร์ทปัจจุบัน) และหนังก็ดำเนินเรื่องไปแบบเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน ผ่านยุคสมัยต่างๆ ไล่มาตั้งแต่การฉายหนังด้วยฟิล์มหมุน พัฒนามาเป็นฟิล์มกันไฟไหม้ หรือหนังยุค Clark Gable ,John Wayne ไล่มาจนถึง Marlon Brando เลยครับ เรียกว่าเป็น Easter Egg ของคอหนังยุคคลาสสิคเลยก็ว่าได้ครับ
 
ส่วนตัวผมชอบหนังเล่าถึงการพัฒนาตามยุคสมัยมากเลยนะครับ เรื่องนี้ตอนต้นโตโต้เป็นเด็ก ตัวละครยังปั่นจักรยานอยู่เลย ตอนโตเริ่มมีรถแบบโบราณๆใช้บ้างแล้ว จนถึงวัยกลางคนก็ถึงยุคที่มี จักรยานยนต์หรือรถยนต์ใช้กันทั่วไปแล้ว
 
''เธออยู่ที่นี่วันแล้ววันเล่าเธอก็จะคิดว่านี่เป็นศูนย์กลางของโลก เธอจะคิดว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าเธอไปสักปี สองปี เมื่อกลับมาอะไรต่างๆก็จะเปลี่ยนไป''
--------------------------------------------------------
นอกจากพาร์ทของ 'โตโต้' กับ 'อัลเฟรโด้' แล้ว
พาร์ทโรแมนติกของเรื่องก็ทำได้ประทับใจไม่แพ้กัน
''อีกแค่คืนเดียว เจ้าหญิงก็จะเป็นของเขาตลอดกาล''
----------------------------------------------------------
หนังยังมีองค์ประกอบด้านการถ่ายภาพ พื้นหลังของหนัง และอีกอย่างที่ยกระดับหนังขึ้นมาคือ ''สกอร์หนัง'' ครับ เรื่องนี้ทำได้จับใจมาก
 
ทำไปทำมาหนังครบเครื่องดีแฮะ องค์ประกอบหนังโดยรวมสามารถสร้างความประทับใจให้คนดูไม่ยากเลย
 
หนังคลุ้งไปด้วยกลิ่นของ ''ความทรงจำ'' ครับ บางครั้งคนเรายังติดอยู่ในความทรงจำในอดีต และต้องก้าวผ่านมันไป
 
โรงหนัง Cinema Paradiso จึงเป็นตัวแทนของความทรงจำในอดีต ที่สามารถทำให้ทั้งตัวละครและคนดูหวนนึกถึงอดีต คนแต่ก่อนดูหนังผ่านโรงภาพยนตร์เท่านั้น ก่อนจะเริ่มมีโทรทัศน์เข้ามา พัฒนามาตามเทคโนโลยีต่างๆ จนทุกวันนี้แม้แต่โทรศัพท์ยังสามารถดูหนังได้เลย
 
โรงหนังแบบ Stand Alone ปัจจุบันก็หายากแล้ว ไปรวมอยู่กับห้างสรรพสินค้าแทบทั้งหมด สักวันมันจะเปลี่ยนแปลงไปอีกเป็นยังไงก็ได้ ใครจะไปรู้
 
แต่ไม่ว่ายังไง 'เสน่ห์ของภาพยนตร์' จะยังคงอยู่แบบเดิม ที่เปลี่ยนไปคือรูปแบบของภาพยนตร์เท่านั้น
 
คนยุคโน้นจะนึกถึงพวกหนังคาวบอย ถัดมาก็จะเป็นพวก จูราสสิก พาร์ค,อีทีหรือไททานิก แต่ยุคนี้อาจจะเป็นหนังฮีโร่ คำว่า 'ภาพยนตร์' มันมียุคสมัยของมัน ในหนังจะมีฉากที่คนมาดูหนังในโรงหนังและสนุกไปกับมัน บางคนมาดูหนังจนท่องบทพูดได้ทั้งเรื่องเลยก็มี ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับยุคปัจจุบันเลยครับ
 
ผมเชื่อว่าคนเราจะยังรักในการดูหนังและยังคงเป็นแบบนั้นไปอีกนาน
 
หนังเรื่อง Cinema Paradiso สำหรับผมให้ 10/10 ครับ นานๆจะรู้สึกแบบนี้ต่อภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง แต่เรื่องนี้คู่ควรครับ 😊
 
ปล. ตอนนี้ขอบรรจุชื่อ Giuseppe Tornatore เป็นผู้กำกับที่ชอบอีกคน เพราะว่าดูหนังแกมาสามเรื่อง ปรากฎว่าชอบหมดเลยแฮะ (Cinema Paradiso,The Legend of 1900 และ Malèna)



Create Date : 19 กรกฎาคม 2566
Last Update : 19 กรกฎาคม 2566 18:15:15 น.
Counter : 583 Pageviews.

2 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณnewyorknurse

  
เรื่องนี้ได้คะแนนเยอะมาก

โดย: หอมกร วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:6:59:34 น.
  
หนังดีมากๆ จริงๆ ครับ
โดย: ไมเคิล คอร์เลโอเน วันที่: 20 กรกฎาคม 2566 เวลา:21:33:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chekie007.BlogGang.com

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด