The Irishman (2019) : เราไม่ได้เห็นหนังแก๊งสเตอร์คุณภาพแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว?


 

ผมยังจำวาทะของลุง Martin Scorsese ที่แกลั่นไว้เมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้อยู่เลย ที่แกว่า ''หนังมาเวลมันไม่ใช่ภาพยนตร์แต่เป็นสวนสนุกมากกว่า''

ถ้าเรามาตีความในสิ่งที่แกจะสื่อจริงๆ ผมค่อนข้างเห็นด้วยนะ (อย่าเพิ่งด่าผม) คือแกคงเป็นห่วงที่สมัยนี้หนังที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์มันมีเพียงไม่กี่แนวเท่านั้น ส่วนใหญ่จะออกแนวซ้ำๆ ไม่รีเมคก็ภาคต่อ หรือที่เห็นเยอะที่สุดก็พวกซูเปอร์ฮีโร่ (ไม่ใช่เพียง Marvel) คือโรงหนังส่วนใหญ่จะเทโรงฉายให้หนังพวกนี้หลายรอบมากๆ จนเบียดหนังแนวอื่นๆตกกระป๋องตามๆกัน

ด้วยความที่ลุง Martin แกโตมากับช่วงที่หนังมันหลากหลายมีความเป็นตัวเอง (ไม่จำเป็นต้องมีภาคต่อ) เลยค่อนข้างเป็นห่วงกับยุคนี้

รวมไปถึงผู้กำกับชื่อบิ๊กๆอย่าง Francis Ford Coppola, Steven Spielberg, Quentin Tarantino หรือแม้แต่คนที่ทำหนังทุนสร้างสูงๆอย่าง James Cameron ก็เคยออกมาพูดถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

เเละสิ่งที่ Martin Scorsese สามารถทำให้เราเห็นได้ก็คือ แกไม่ได้แค่พูดอย่างเดียว แต่แกทำให้ดูด้วย ว่าศิลปะภาพยนตร์มันเป็นยังไง?

The Irishman จึงถือกำเนิดขึ้นมาใน ค.ศ. นี้ แล้วด้วยชื่อชั้นบารมีเก่าๆของแก ทำให้ Netflix ได้ออกทุนกว่า 100 ล้านเหรียญ ดึงนักแสดงรุ่นเก๋าหลายคนมาร่วมจอ แล้วให้อิสระในการทำหนังอย่างเต็ม

เราจึงเห็นหนังเรื่องนี้ยาวกว่า สามชั่วโมงครึ่ง!!!

พระเจ้า!!!

ตัวผมเองชอบหนังแก๊งสเตอร์เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย มีเรื่องโปรดสุดๆคือ The Godfather ตามมาด้วย Scarface หรือแม้แต่ Pulp Fiction คือผมค่อนข้างถูกโฉลกกับหนังแนวนี้มาก แล้วยิ่งมี Robert De Niro, Al Pacino และ Joe Pesci มาร่วมแสดงอีก ไม่รวมคำวิจารณ์ที่เปิดมาโครตดี!!!

The Irishman จึงถือเป็นหนังที่ผมค่อนข้างสนใจเป็นอย่างยิ่ง แม้จะยาวมากๆ หรือแม้จะยุ่งแค่ไหน ผมก็หาเวลาดูจบจนได้

หนังเรื่องนี้ไม่ได้มาในแนวมาเฟียเท่ๆแบบ The Godfather
แต่จะมาแนว Goodfellas หรือ Casino มากกว่า

คือจะเน้นไปที่เรื่องราวชีวิตของตัวละครในเรื่องว่ามีความเป็นมาอย่างไร

ตัวหนังองค์ประกอบดีมาก มีทุกอย่างที่หนังระดับเตรียมไปชิงออสการ์ควรจะมีหรือเราเรียกง่ายๆว่ามันเป็นองค์ประกอบของหนังคุณภาพ

แต่สำหรับผมแล้ว The Irishman แม้มันจะเป็นหนังที่ดี!!! แต่มันยังดูไม่ถึงระดับ ''มาชเตอร์พีซ'' นะครับ

ถ้าเทียบกับผลงานของ Martin Scorsese เอง แนวนี้ของแกผมยังชอบจังหวะการเล่าเรื่องของ Goofellas มากกว่า

คือมันยังมีลูกเล่น ความบันเทิงแฝงมาในตัวหนังบ้าง แต่ The Irishman ตัวหนังการแสดงก็น่าสนใจดีนะ แต่มันเต็มไปด้วยบทสนทนาแล้วไม่ค่อยมีจังหวะเร่งเร้าเท่าไหร่ ตัวหนังเองน่าสนใจแต่เมื่อมันยาวกว่าสามชั่วโมงแล้วยังเต็มไปด้วยบทสนทนา มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน!!! (อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ)

ถ้ามีคนมาแย้งว่า พวก The Godfather มันก็ยาวกว่าสามชั่วโมงแล้วเต็มไปด้วยบทสนทนาเหมือนกัน ขอบอกว่าคนละแบบกันเลยครับ

The Godfather มันมีอะไรให้เข้าถึงง่ายกว่า มันประโยคเท่ใส่มาแทบทั้งเรื่อง การแสดงก็โครตสุดทุกด้าน ดนตรีก็เทพ มันขึ้นหิ้งแบบที่ไม่มีเรื่องไหนทำแบบนั้นได้เเล้ว

แต่ The Irishman มันยังก้าวไปไม่ไม่ถึงจุดนั้น เป็นหนังดีแต่ยังไม่ถึงขนาดไปนั่งในใจคนดู หรือเรียกได้ว่าถ้าจะหยิบมาดูซ้ำอาจส่ายหัวอยู่เหมือนกัน

แต่อย่างน้อยในยุคสมัยนี้ ยุคที่หนังแก๊งสเตอร์ดีๆไม่ค่อยมีใครทำออกมา ก็มีเรื่องนี้ล่ะครับที่ทำให้เรานึกถึงบรรยากาศยุคมาเฟียครองเมืองแบบนั้นได้

การได้เห็น Robert De Niro กับ Al Pacino มาร่วมจอกันอีกครั้งมันก็คุ้มค่าที่จะดูมากๆแล้ว

คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10




Create Date : 29 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2562 8:38:35 น.
Counter : 1301 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  
ไมเคิล คอร์เลโอเน Movie Blog ดู Blog
พอดีไม่ใช่แนวที่ชอบจ้า
ว่าจะไปดูหนังไทยที่เคนเป็นพระเอกกลางเดือนหน้านี้

โดย: หอมกร วันที่: 29 พฤศจิกายน 2562 เวลา:9:27:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chekie007.BlogGang.com

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด