Top Gun: Maverick (2022) ท็อปกัน มาเวอริค

''เครื่องไม่ใช่ตัวตัดสิน นักบินต่างหาก''

หลังจากดูหนังเรื่องนี้จบ สิ่งที่ผมเสียดายที่สุดไม่ใช่อยู่ที่ตัวหนังเลยนะ แต่เป็นเพราะ

''เสียดายที่เมื่อตอนหนังเรื่องนี้เข้าฉายในโรงแล้วไม่มีโอกาสได้ไปดู''

เป็นหนังที่ผมชอบที่สุดในรอบหลายปี เป็นหนังที่ครบเครื่อง เป็นหนังที่โหยหา บันเทิง เป็นหนังที่ให้ข้อคิดและอะไรเยอะเลยหลังจากที่ดูจบ

โดยภาคนี้เราได้เห็น พีท ‘มาเวอริค’ มิทเชลล์ กลับมาเป็นครูฝึกโรงเรียนท็อปกัน เพื่อพาทีมนักบินที่เก่งที่สุดในโลกไปทำภารกิจเสี่ยงตาย

เราได้เห็นการกลับมาของตัวละครเก่าๆ ทั้ง มาเวอริค, ไอซ์แมน และตัวละครใหม่ๆ ที่สร้างภาพจำให้เราได้ทั้ง รูสเตอร์ (ลูกชายกู๊ส เพื่อนของมาเวอริค) แฮงค์แมน และอีกมากมาย

ผมว่าสิ่งที่ดีของหนังเรื่องนี้ก็คือ ไม่ว่าจะเคยดูภาคแรกมาก่อนหรือไม่ ก็สามารถสนุกกับภาคนี้ไปได้ไม่ยาก แต่ถ้าดูภาคแรกมา จะเข้าใจความสัมพันธ์ของตัวละคร ทั้ง ลูกชายของกู๊ส และไอซ์แมน มิตรภาพและคู่แข่งของมาเวอริค สมัยอยู่โรงเรียนท็อปกัน

ซึ่งหนังได้นำเรื่องราวเหล่านี้มาสานต่อ และทำให้เห็นว่าตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา พวกเขาผ่านอะไรกันมา และเมื่อกลับมาเจอกัน ก็เหมือนเจอคนที่เคยรู้จัก เพื่อนเก่าที่หายหน้ามานาน คือดีใจนะ แต่อีกใจก็ใจหาย เพื่อนเราก็เหมือนเดิม เพียงแต่สังขารเปลี่ยนไป

ตัวหนังก็เหมือนกันครับ เป็นหนังในแบบที่คนดูหนังยุคเก่าๆ ถวิลหา แบบพระเอกเท่ๆ แอ็คชั่นเท่ๆ เพลงประกอบไพเราะๆ สูตรสำเร็จแบบหนังยุคก่อนๆ แต่เอามาใช้ให้สนุกขึ้นตามเทคโนโลยีปัจจุบัน ทั้งการออกแบบฉากเครื่องบินรบ การถ่ายทำระบบ imax ซึ่งล้วนดึงศักยภาพของตัวหนังมาใช้ได้เต็มที่

ทุกอย่างดีงาม หนังสนุก ถ่ายภาพสวย โรแมนติกก็มี ดราม่าก็ได้ ดนตรีประกอบเยี่ยม ทุกอย่างลงตัว จนผมกล้าพูดอย่างเต็มปากเลยว่า

''นี่คือหนังเครื่องบินรบที่ดีที่สุดที่เคยดูในชีวิตได้เลย''

จนมาถึงฉากสุดท้าย เพลง Hold My Hand ดังขึ้น

ตอนนั้นมารู้สึกตัวอีกที น้ำตาเเอบไหล เพราะรู้สึกว่า เราจะไม่ค่อยเห็นอะไรแบบนี้เเล้ว เหมือนที่ตัวละครของ Ed Harris พูดไว้ว่า

''มันเริ่มหมดยุคของนักบินแล้ว ต่อจากนี้จะมีเครื่องบินรบแบบไม่ใช้คนขับ หมดยุคคนอย่างพวกคุณแล้ว''

มันก็จริงนะ โรงเรียนท็อปกันที่เคยดูยิ่งใหญ่ในภาคแรก ภาคนี้ก็ไม่เหมือนเดิม ตัวละครเก่าๆ ก็ล้มหายตายจาก แม้แต่ตัวของ Tom Cruise อีกไม่นานก็น่าจะไม่เล่นแอ็คชั่นหนักๆ แบบนี้เเล้ว

ทุกอย่างมันมีช่วงที่ดีที่สุดของมัน และวันหนึ่งช่วงเวลาแบบนั้นมันจะค่อยๆจางลงตามกาลเวลา และมีสิ่งอื่นมาทดแทน

เรื่องของภาพยนตร์ก็เช่นกัน

รูปแบบการนำเสนอหนังแอ็คชั่นค่อยๆเปลี่ยนไป ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนไป หนังแบบนี้ก็ค่อยๆ หายไปแล้ว รวมถึง Top Gun ที่ดูแล้วก็น่าจะจบที่ภาคนี้แหละ

สำหรับตัวหนังเรื่องนี้ ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️

คะแนนความชอบส่วนตัว 10/10 ครับ

เป็นหนังที่ชอบที่สุดในรอบสองสามปีหลังเลย (เป็นความชอบส่วนตัวนะ)

แต่ยังไงก็แนะนำให้ทุกคนลองดูครับ 😊

 



Create Date : 31 สิงหาคม 2565
Last Update : 31 สิงหาคม 2565 20:50:33 น.
Counter : 819 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  
รายได้ดีน่าจะมีคนให้เต็มสิบเยอะอยู่จ้า

โดย: หอมกร วันที่: 31 สิงหาคม 2565 เวลา:22:43:59 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Chekie007.BlogGang.com

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]

บทความทั้งหมด