The Creator (2023) เดอะ ครีเอเตอร์
หนังไซไฟเรื่องนี้มีสิ่งที่น่าสนใจ ดึงดูดให้ต้องดูเยอะมากเลยนะ ทั้งฉากส่วนใหญ่ถ่ายทำในประเทศไทย ไอเดียสุดล้ำของเรื่อง การออกแบบตัวละคร งานสร้าง และก็เครดิตการกำกับโดย Gareth Edwards ซึ่งงานเก่าๆ ของแก ทั้ง Rogue One: A Star Wars Story (2016) และ Godzilla (2014) ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่อยู่ในมาตรฐานที่ดี
หลายๆ อย่างที่ว่ามารวมกัน จึงทำให้ The Creator เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจมากๆ อีกเรื่องเลย
หนังเล่าถึงโลกอนาคต ที่หุ่นยนต์เอไอมีจำนวนมาก และต้องแยกจากมนุษย์มาอยู่ในพื้นที่ฝั่งเอเชีย แต่มนุษย์สืบทราบว่ามีอาวุธหนักที่ฝั่งเอไอแอบทำขึ้นมา จึงส่ง 'โจชัว' มาค้นหาสุดยอดอาวุธนี้ ก่อนที่เขาจะพบว่า แท้จริงแล้วอาวุธนี้ก็คือ ''เด็กคนหนึ่ง'' เขาจึงเลือกจะปกป้องเด็ก ท่ามกลางสงครามที่กำลังจะปะทุขึ้น
ตัวหนังถือว่ามีพล็อตและการออกแบบที่น่าสนใจเลยนะ เอาแค่ดูตัวอย่างก็รู้สึกถึงความน่าดูแล้ว และยิ่งนึกถึงฉากสงครามในหนังเรื่อง Rogue One ที่มีโทนคล้ายๆ กับหนังเรื่องนี้ ก็ทำให้แอบคาดหวังไม่ได้
แต่หนังเรื่องนี้ไม่ได้เน้นสงครามเหล่านั้นมาก หนังเปิดเรื่องและเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว แต่ระหว่างทางเหมือนจะดำเนินเรื่องอย่างช้าๆ และการตัดต่อที่ยังดูไม่ค่อยลื่น ทำให้อารมณ์ของหนังยังดูไม่นิ่งเต็มที่
และตัวหนังไม่ได้ปูความสัมพันธ์ของตัวละครมาก ไม่ได้เน้นตรงนี้แบบลึกๆ ทำให้พอถึงซีนไคลแม็กซ์จริงๆ หนังก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้อย่างเต็มที่
ฉากสงครามในเรื่องก็ไม่ได้เน้นดึงอารมณ์ความบันเทิงของคนดูเช่นกัน แต่จะใช้ฉากแอ็คชั่น ฉากสงครามเป็นพื้นหลังประกอบของเรื่องมากกว่า (จะเน้นฉายไปที่ความโหดร้าย ดิบเถื่อนของสงครามมากกว่า)
แต่สิ่งที่ทำให้หนังดูเพลิน(สำหรับคนดูที่เป็นคนไทย) ก็คือได้เห็นการหยิบเอาโลเคชั่นต่างๆ ในประเทศไทยมาเล่าเรื่อง เห็นแล้วจะนึกตาม นั่นคือสะพานมอญ นั่นคือที่นั่นที่นี่ คือดูแล้วจะคุ้นตามากๆ แถมยังมีตัวละครหลายๆตัว พูดภาษาไทยมาตรงๆ เลย ดูรู้เรื่องแบบไม่ต้องอ่านซับเลย
ส่วนตัวเเล้ว ดูหนังเรื่องนี้แล้วแอบผิดคาดไปนิดนึง เพราะว่าตอนแรกตั้งใจจะมาดูหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เน้นความบันเทิง แต่ตัวหนังจริงๆ จะเน้นไปที่ความดิบ ความรุนแรงของสงครามระหว่างทั้งสองฝ่ายมากกว่า ถ้าดูเอาบันเทิงล้วนๆอาจมีมึนๆ ได้เหมือนกัน
คะแยยความชอบส่วนตัว 6.5/10 
วันที่: 12 ธันวาคม 2566 เวลา:11:28:19 น.
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [