A Myron Bolitar Novel : Harlan Coben Tell No One(อย่าบอกใคร) เป็นผลงานชิ้นแรกของ Harlan Coben ที่อมรินทร์แปลออกมาเมื่อมีนาคม 2547 โดยจัดเข้าเป็นชุด Unputdownable Mystery 1 ร่วมกับ The Davinci Code ของ Dan Brown และ Bloodwork(ภารกิจเลือด) ของ Michael Connelly แม้ว่ากระแสความนิยมของ The Davinci Code จะโด่งดังจนเหมือนกลบหนังสือเล่มอื่นๆจนหมด แต่ถ้านับถึงปัจจุบัน เราคิดว่า Tell No One ก็น่าจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จค่อนข้างมาก และมีคนกล่าวถึงอยู่เรื่อยๆทีเดียวค่ะ ความรู้สึกของเราต่อหนังสือเล่มแรกของ Coben ที่ได้อ่านคือ อ่านสนุก เดินเรื่องเร็ว กระชับ วางไม่ลงสมชื่อ และไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือหักมุมได้อย่างสุดยอด คาดไม่ถึงเอาเลย แต่นั่นกลับเป็นจุดที่ทำให้เราไม่ค่อยชอบเล่มนี้เท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่ามันจงใจหักมุมมากจนเกินไป แบบเอาให้ไม่มีทางเดาถูกเด็ดขาด เหมือนดูหนังฮอลลีวู้ดน่ะค่ะ อีกจุดหนึ่งที่ทำให้ไม่ค่อยชอบเล่มนี้ก็คือเราไม่ประทับใจกับบุคลิกของตัวเอก ก็เลยไม่ทำให้รู้สึกเอาใจช่วยซักเท่าไหร่ ดังนั้นเล่มแรกของ Coben สำหรับเราคือ อ่านสนุก แต่ยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ Gone For Good(หาย) เป็นเล่มที่สองของ Coben ที่แปลตามมาอย่างรวดเร็วเมื่อตุลาคม 2547 อยู่ในชุดวางไม่ลง 3 ค่ะ เล่มนี้ยังคงมีจุดเด่นทุกอย่างเหมือนเล่มแรก ทั้งอ่านสนุก ตื่นเต้น เดินเรื่องเร็ว และวางไม่ลง ส่วนการหักมุมนั้นก็ยังสุดยอดเหมือนเดิม ซึ่งเราชอบของเล่มนี้มากกว่ากันเยอะเลยค่ะ ไม่ได้รู้สึกว่ามันจงใจมากเกินไปอีกแล้ว แต่กลับรู้สึกอึ้ง ช็อก และชอบมากทีเดียว สำรับเราแล้ว Gone For Good จัดอยู่ในอันดับต้นๆที่ชอบมากที่สุดในชุดวางไม่ลงนี่เลยล่ะค่ะ กรกฎาคม 2548 อมรินทร์หยิบเอาซีรี่ส์ของ Coben มาแปลให้อ่านกันบ้าง หลังจากที่สองเล่มแรกนั้นเป็นหนังสือแบบเล่มเดี่ยว โดยออกมาพร้อมกันทีเดียว 2 เล่มคือ Deal Breaker(หลง) และ Drop Shot(กลลวง) Myron Bolitar พระเอกของเรื่องมีอาชีพเป็นตัวแทนนักกีฬาค่ะ และต้องเข้าไปสืบสวน แก้ปัญหาคดีฆาตกรรมต่างๆที่ลูกค้าของเขาเข้าไปเกี่ยวข้อง จัดเป็นพล็อตที่ค่อนข้างแปลก และแตกต่างจากซีรี่ส์สืบสวนเรื่องอื่นๆนะคะ ซึ่งเรื่องชุดนี้ก็ยังคงรักษาจุดเด่นของ Coben ได้อย่างดีเยี่ยม การหักมุม -- ซึ่งจริงๆแล้วควรจะเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานชองนิยายสืบสวนทุกเล่ม แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว เราคิดว่ามีน้อยคนนะคะที่จะทำได้ดีอย่าง Coben เพราะสำหรับแฟนๆเรื่องแนวนี้ ที่อ่านมานับร้อยเล่ม หลายๆครั้งก็รู้สึกว่าการเดาตัวคนร้ายนั้นไม่ยากเลย สำหรับตัวเราเอง อาจจะมีแค่ไม่กี่ครั้งที่รู้เฉลยเกือบทุกอย่างทั้งตัวคนร้าย แรงจูงใจ และวิธีการ แต่มีหลายๆครั้งเลยล่ะที่สามารถบอกได้อย่างแน่ใจว่าคนนี้ต้องเป็นฆาตกรแน่ แม้จะไม่สามารถบอกถึงรายละเอียดอื่นๆได้ก็ตาม ซึ่งน่าจะเป็นเพราะแนวการดำเนินเรื่อง สถานการณ์ และรูปแบบบางอย่างที่คล้ายๆกันในหลายๆเล่ม ทำให้สามารถเดาตัวคนร้ายได้ ซึ่งก็จะทำให้รู้สึกว่าเรื่องนั้นไม่ค่อยสนุกเลยล่ะค่ะ แต่การหักมุมของ Coben นั้น ต้องเรียกว่ายอดเยี่ยมเอามากๆเลยค่ะ สี่เล่มที่เราว่ามานี่เราไม่สามารถเดาได้แม้แต่นิดเดียว เป็นบทเฉลยที่ทำให้อึ้ง และเซอร์ไพรซ์สุดๆ และไม่ใช่แค่บทเฉลยเท่านั้น แต่การหักมุมนั้นมีไปเรื่อยๆตลอดเรื่องเลยทีเดียว การดำเนินเรื่อง -- เป็นอีกจุดหนึ่งที่โดดเด่นมากๆ ด้วยการเดินเรื่องที่รวดเร็ว พลิกไปพลิกมาตลอกเวลา ไม่น่าเบื่อแม้แต่น้อย สามารถพูดได้ว่าวางไม่ลงตั้งแต่กลางๆเล่มเลยล่ะค่ะ แต่นอกจากสองจุดนี้แล้ว ยังมีสิ่งที่เพิ่มเข้ามา ซึ่งทำให้เราประทับใจหนังสือชุดนี้มากไปกว่า 2 เล่มข้างต้น คือ อารมณ์ขัน -- ไม่ใช่ตลกขบขัน เบาสมอง จนนานๆไปเข้าขั้นติงต๊องเหมือนในมิเกะเนะโกะ โฮล์มส์ ไม่ใช่ตลกแบบสาวแสบ ซ่าในวีรกรรมทำเพื่อเงิน และก็ไม่ใช่ตลกร้าย ขันขื่น แบบยิ้มทั้งน้ำตานะคะ แต่เป็นตลกเสียดสี กวนประสาท แบบทะเล้นๆ น่าถีบ น่ะค่ะ และแม้ว่าหลายๆมุขจะเกี่ยวกับวงการทีวีของอเมริกา(ซึ่งถ้ารู้เรื่อง ก็คงจะขำยิ่งไปกว่านี้) แต่รวมๆแล้วก็ยังเข้าใจ และสามารถอมยิ้มได้เรื่อยๆล่ะค่ะ แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ทั้งๆที่ใส่มุขตลกเข้ามาเยอะ ก็ยังสามารถรักษาบรรยากาศของเรื่องที่เป็นโทนเข้มข้น จริงจังอยู่ได้ บทสนทนา -- นอกเหนือจากความเสียดสี กวนโอ๊ยสุดๆแล้ว ยังไหลรื่น มีเสน่ห์ และเฉียบคมเอามากๆค่ะ บุคลิกตัวละคร -- เราคิดว่านี่เป็นจุดสำคัญมากๆสำหรับซีรี่ส์ใดๆก็ตามเลยค่ะ เพราะสำหรับคนที่ไม่ชอบอ่านเรื่องราวแบบเป็นชุดหลายๆเล่ม ก็มักจะด้วยเหตุผลว่า อ่านแล้วจับทางได้ โครงเรื่องคล้ายๆเดิม เล่มหลังๆไม่เคยสนุกเท่าเล่มแรกๆได้ซักที ในทางตรงกันข้าม คนที่ชอบอ่านเรื่องเป็นซีรี่ส์ เหตุผลที่สำคัญข้อหนึ่งน่าจะเป็น ความผูกพันกับตัวละคร ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้จักมากขึ้นเรื่อยๆ และก็หลงรักมากขึ้นเรื่อยๆด้วย ซึ่งเราคิดว่า Coben สร้างตัวละครเอกได้ดีมากจริงๆ Myron Bolitar - บทบรรยายหลังเล่มบอกว่า เป็นตัวละครที่ซับซ้อน โมโหง่าย ใจดี น่าพิศวง และเดาใจยากขึ้นเรื่อยๆ ตัวเราเองไม่ได้รู้สึกถึงขนาดนั้นน่ะค่ะ สำหรับเราไมรอนเป็นผู้ชายตลก น่ารัก ใจดี แถมยังอ่อนไหวอีกต่างหาก และที่แน่ๆคือเป็นตัวละครที่น่าประทับใจ และน่าติดตามเรื่องราวของเค้าต่อไปเรื่อยๆด้วยอีกต่างหาก ซึ่งยิ่งอ่านไปเรื่อยๆ Coben ก็ยิ่งเปิดเผยให้เรารู้จักเค้ามากขึ้นไปอีก จนต้องบอกว่านี่เป็นจุดที่ทำให้ซีรี่ส์ชุดนี้ยิ่งอ่านยิ่งสนุกขึ้นค่ะ แต่ที่น่าประทับยิ่งไปกว่าไมรอน ต้องเป็นคู่หู และเพื่อนรักของเค้าคนนี้ค่ะ Win หรือ Windsor Horn Lockwood the Third - จากชื่อและรูปลักษณ์ภายนอก ใครๆก็ต้องคิดว่าวินเป็นลูกผู้ดี ร่ำรวย รูปหล่อ ที่ไม่น่ามีพิษสงอะไร ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามาก็เกือบถูก เว้นแต่ว่าเค้าเป็นคนเย็นชา เลือดเย็น เข้าขั้นไม่มีหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเสน่ห์ น่าสนใจ ลึกลับน่าค้นหาเป็นที่สุด และที่สำคัญก็คือเค้าเป็นเพื่อนรักที่ไมรอนสามารถฝากชีวิตไว้ได้เลย พูดได้เลยว่าวินต้องเป็นที่หลงใหลและกล่าวถึงของแฟนๆหนังสือชุดนี้เลยล่ะค่ะ และเราก็อยากถามคุณโคเบนจริงๆ ว่าเค้าคิดสร้างตัวละครแบบวินขึ้นมาได้ยังไงกันนะ เอาแรงบันดาลใจมาจากไหนเนี่ย ชอบจริงๆค่ะ Fade Away(เล่ห์) เป็นเล่มที่สามในชุดค่ะ(และเป็นเล่มที่ได้รับรางวัล Edgar Award หลังจากที่ Deal Breaker เคยเข้าชิงไปแล้ว) พิมพ์ออกมาเมื่อมีนาคม 2549 เป็นเล่มที่จะพาเราไปรู้จักกับอดีตของไมรอน สนุกมากค่ะ และเราชอบส่วนสุดท้ายของเล่มนี้ชะมัด ส่วน Back Spin(แค้น) เพิ่งออกสดๆร้อนๆเลยค่ะ เรายังไม่ได้อ่านเหมือนกัน กะจะรอไว้ซื้อในงานหนังสือปลายปี แต่ไปพลิกๆดูมาแล้ว เป็นเล่มที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะจะพาเราไปพบกับอดีตของวินบ้างค่ะ (ประโยคสุดท้ายของคำนำสำนักพิมพ์คือ "ยินดีต้อนรับสู่โลกของวิน" หุ หุ เป็นโลกที่น่ากลัว แต่ก็น่าสนใจจริงๆ ) จากเล่มแรกของ Coben ที่เราแอบค่อนขอดว่าฮอลลีวู้ดไปหน่อย แต่ตอนนี้ยกให้เป็นนักเขียนในดวงใจอีกคนนึงไปแล้วค่ะ และเรื่องชุดนี้ก็เป็นซีรี่ส์สืบสวนที่ลงตัวและสมบูรณ์แบบมากที่สุดเรื่องหนึ่งเท่าที่เราเคยอ่านมาเลยล่ะค่ะ ชม Coben มาเยอะแล้ว ขอชมอมรินทร์ซักนิดละกันค่ะ โดยปกติเรามักจะวิจารณ์อมรินทร์ว่าตั้งราคาหนังสือแพง แถมยังลดน้อยอีกต่างหาก (การที่บังคับให้ซื้อเป็นชุดถึงจะลด 20% น่ะ เราไม่ชอบเอาเลยจริงๆ) แต่เราก็ต้องบอกว่าชอบชุดวางไม่ลงนี้มากๆ และมีแค่ 2 เล่มเท่านั้นเองที่ไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ ต้องขอชื่นชมการแปลของคุณอริณี เมธเศรษฐด้วยค่ะ ที่แปลดีทุกเล่ม ทำให้อ่านลื่นไหลไม่มีติดขัด แถมยังหาข้อมูลอ้างอิงเกี่ยวกับชื่อและมุขต่างๆที่มีอยู่ไม่น้อยเลยด้วย ดีใจที่ให้นักแปลท่านเดียวแปลงานเป็นซีรี่ส์ค่ะ เพราะจะได้ไม่รู้สึกแปร่งๆเวลาเปลี่ยนสำนวนน่ะ อีกจุดเล็กๆที่อยากชมคือการตั้งชื่อไทยค่ะ ถึงจะยังไม่ค่อยสื่อถึงเรื่องราวเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเท่และมีสไตล์ดีค่ะ (ลองไปดูการตั้งชื่อไทยของนิยายของคุณป้า Agatha กว่า 80 เล่มสิคะ มีแผนอุบาทว์ แผนสังหาร ลางสังหาร เสน่หาอาฆาต พิศวาสฆาตกรรม อะไรพวกนี้ ไม่เห็นจะรู้สึกว่ามันต่างกันยังไงเลย แถมทำเอาเราซื้อซ้ำเพราะจำไม่ได้นี่ล่ะค่ะ ) อีกอย่างคือชอบที่เอาปกตามต้นฉบับมาค่ะ เพราะพอเอามาเรียงกันแล้วมันสวยดีน่ะ จขบ. จะเปิดฉากชกกับคนข้างบนเมื่อไหร่ บอกด้วย จะได้จองริงไซด์ (รับรองไม่มีห้าม ไม่มีไกล่เกลี่ย)
อยากอ่าน tell no one กับ gone for good มาก ได้ปกแข็งมา แต่เจอแปลกับอ่านพล็อตที่คนอื่นเล่า (แล้วทะลึ่งไปอ่าน) เลยเซ็ง ขอวางยาววววว สรุปว่าแปลชุดไมรอนดีใช่มะ? ไว้ซื้อมาเก็บไว้หน่อยดีกว่า อมรินทร์จะจับแพ็คลดสัก 50% ไหมน้อ??? โดย: ยาคูลท์ วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:3:16:43 น.
^
^ ยุแยงตะแคงรั่วอีกแล้ว สร้างความร้าวฉานคืองานของเราเนาะ เดี๋ยวกินบีทาเก้นเสียนี่ ชุดแฮรี่ บอชนั้นหนา (จะบอกว่าเราหลงเสน่ห์พี่แกมาก อยาก...ด้วย เอิ๊ก พูดอะไรนี่ฉัน ที่สาธารณะนะเฟ้ย) ถ้าแปลขายเห็นทีจะเจ๊งไปตามๆ กันแน่นอนค่ะ มันไม่ตื่นเต้น ไม่หักมุม ไม่อะไรเลย แล้วโลกหม่นมืดมากๆ เศร้า เครียด (แล้วทำไมทีงี้ชอบวะ อ้อ ชอบพระเอก หุหุ) ช้ำใจ ฝันร้าย ฯลฯ จะบอกว่าคอนเนลลี่ซาดิสต์อ่ะ ชอบจนเอาไปตั้งชื่อบริษัท แต่ทำร้ายเขาตลอดเลย ชีวิตไม่เคยเจออะไรดีๆ เศร้าแทนจริงจริ๊ง โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:3:34:39 น.
สำหรับชุดไมรอนนี่อ่านสองหรือสามเล่มเนี่ยค่ะ ซื้อมาตอนอมรินทร์โปรโมทเป็นชุดวางไม่ลงน่ะค่ะ
แปลกที่เรากลับเดาฆาตกรได้หมดนะคะ แต่ที่ชอบกลับเป็นเรื่องอารมณ์ขัน และแน่นอนพ่อวินแสนโหดของเรา (โอ้..พระเจ้า ใช่ว่าฝ่ายธรรมะจะมีแต่คนจิตใจดี ไม่ทำร้ายใครนะคะ) เป็นตัวละครที่น่าสนใจค่ะ เล่มอื่นๆ แม้จะไม่ได้ประทับใจคนเขียนมาก แต่ก็น่าจะหามาอ่านค่ะ ถ้าพูดถึงอดีตของตาวินด้วย โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:10:33:16 น.
อ้อๆๆๆ อีกเรื่อง
เราชอบเฉลียงมากๆ ค่ะ ไม่รู้ว่าเรียกแฟนพันธุ์แท้ได้หรือเปล่าเหมือนกัน และที่สำคัญเราศรัทธาคุณจิกมากๆ ด้วย ส่วนยูไนเต็ด เราไปดูมาแล้วค่ะ อืมม์..แล้วแต่ว่าจะชอบแนวนี้มั้ยนะคะ เราเองก็ชอบในระดับหนึ่งค่ะ แม้การที่กล้องสั่นๆ จะทำให้เราอยากอ้วกในบางช่วงก็ตาม กล่องคอมเม้นท์ไม่น่าใช่เจ้าชายน้อยนะคะ แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เอามาจากเว็บของญี่ปุ่นอะค่ะ ลิงค์มีนะคะ เราทำไว้ที่ลิงค์ของบล็อกอะค่ะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:10:35:42 น.
ดีจ้า ... ชอบมาก เรียกว่างานของโคเบนนั้นชอบการเดินเรื่องและตอนเฉลยที่สุด เพราะว่าแต่ละคนที่อ่านๆ มา บทมันมีเอื้อกันตลอด แล้วก็ที่สำคัญอ่านแล้วไม่น่าเบื่อนะ เพราะมันมีอะไรให้คิด แล้วก็เร่งอยากอ่านเพราะว่าอยากรู้ เรียกได้ว่าชอบมากเลยค่ะ ของโคเบน ... เดี๋ยวกลับบ้านไปคาดว่าจะหาซื้อหนังสือแปลซะหน่อย เพราะจะได้อ่านซ้ำอีกรอบ เมื่อผ่านไปสักระยะ
ตอนนี้ที่อ่านจบไปของโคเบน เรื่อง The Innocenet แต่ว่ายังไม่ได้เอามาอัพบล็อกเลยค่ะ เล่มนี้ก็สนุกมากๆ เหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้เป็นชุดของ Myron Bolitar นะค่ะ แต่ก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ โดย: JewNid วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:11:20:42 น.
เคยอ่านแต่ Fade Away (เป็นชื่อท่ายิง ที่จะเฟดตัวเองให้หลบบล็อก)
ก็สนุกดีครับ เรื่องอาจไม่สนุกมากเท่าไร แต่ที่แกเขียนได้อารมณ์คืออารมณ์เกี่ยวกับกีฬานี้แหละ คนติดตามอเมริกันเกมส์อย่างผมชอบมาก ๆ โดย: I will see U in the next life. (I will see U in the next life. ) วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:12:04:10 น.
ประโยคที่เราชอบ ก็มีคนพูดมาก่อนแหละจ้า เพียงแต่พี่จำไม่ได้ว่าได้ยินจากไหน
แต่จำได้ประมาณว่าเขาพูดถึงเรื่องอเมริกากับสงครามเวียดนามน่ะ แหะๆ บล็อกเขียนถึงเฉลียงนี่ สงสัยต้องเป็นแบบเชิงพร่ำเพ้อพรรณนามากกว่าน่ะจ้ะ แหะๆ คงไม่ไหวกระมัง แต่สำหรับพี่จิกนี่นอกจาก "ศรัทธา" แล้ว พี่ยกให้เป็นผู้ชายในฝันคนหนึ่งเลยนะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:16:25:02 น.
เรื่องที่อยากรู้เดี๋ยวไปถามให้ค่ะ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.14.42 วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:16:39:08 น.
ผมได้อ่านแค่ เล่มเดียวครับ คือเล่มแรก
เล่มที่เหลือไม่ได้อ่านไมใช่ว่าไม่ชอบนะครับ แต่ว่า ไม่มีให้ยืม คือเล่มแรกผมก็ยืมห้องสมุดอ่านน่ะครับ อ่านแล้วก็ชอบครับ ผมขอคิดต่างนะฮะ ตัวเอกของ "อย่าบอกใคร" ผมว่าเป็นอะไรที่ ธรรมดาๆดีนะครับ บุคลิกไม่ได้แบบ ฮีโร่โดยกำเนิด แถมยังมีข้อบกพร่องแบบที่เราๆท่านๆ หรือใครๆก็เป็นได้ครับ อ่านจากที่คุณเขียนวิจารณ์ เรื่องอื่นๆ ทำให้อยากอ่านเพิ่มจริงๆครับ แต่คิดว่า คงไม่ได้ซื้อเพราะว่า หนังสือค่อนข้างราคาสูง และอีกอย่าง ผมมีเป้าหมายที่เสียเงินที่นิยายกำลังภายในแล้ฮะ ปล. ท่าทาง จขบ จะชอบ เรื่องลึกลับ นะฮะ You are what you read หรือป่าวน้อ โดย: Nutty Professor วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:19:53:50 น.
อืม ! ยังมะเคยอ่านเลยสักเล่มสำหรับงานของ Harlan Coben สงสัยต้องลองหามาอ่านมั่งแล้ว
หุหุหุ ซื้อหนังสือ จน เครียด ซื้อหนังสือ จน เครียด โดย: poser (poser ) วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:1:52:06 น.
^
^ เครียดๆๆๆ เครียดจนต้องคิกๆๆ คิกๆๆ คักๆๆๆ บ้าไปแย้ว คิกคิก พูดถึงแนวมืดมนแบบที่ "ผู้ฝักใฝ่บีทาเก้น" ข้างบนชอบ สงสัยขึ้นมาว่าเมื่อไหร่มติชนจะแปลตอนต่อของ crosses&knots เสียที? (จำชื่อไม่ค่อยถูกแฮะว่าอะไรมาก่อน knot หรือ cross) ชุดไมรอนเนี่ย เสียดายว่าถ้าอ่าน e ได้ว่องไวหน่อย ซื้อแบบรวมเล่มหนา ๆ สามตอนในเล่มเดียวน่าจะคุ้มกว่า เจอเล่มละไม่เกิน 200 บาทหลายครั้ง เฉลี่ยเหลือราคาตอนละ 60-70 บาทเองอ่ะ (ไม่แน่ใจด้วยว่าเคยสอยขึ้นมาแล้วด้วยรึเปล่า?) ว่าแล้วก็สรุปที่ปัญหาเดิม ...ไม่มีปัญญาอ่าน e ก๊ากกก โดย: ยาคูลท์ วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:3:06:35 น.
^
^ ชุดของพี่แร้งกินน่ะ (นักสืบชื่อไรนะ รีบัสใช่ไหม) แนะนำให้อ่านภาษาอังกฤษ เพราะไม่ไว้ใจคนแปล แค่ชื่อเรื่องก็แปลผิดแล้ว Knots and Crosses มันก็คือเกมโอเอ็กซ์บ้านเรา ของที่คนร้ายส่งมาให้พระเอกคือเชือกที่ผูกเป็นปมกับรอยขีดกากบาทในจดหมาย เพราะฉะนั้นมันต้องแปลว่า ปริศนาเงื่อนและกากบาท สิเว้ยเฮ้ย ไม้กางเขนมาเกี่ยวไรด้วยฟะ เดาว่าสาเหตุที่ไม่แปลตอนต่อออกมา เพราะตอนแรกมันขายไม่ได้ชัวร์ ตอนซื้อเรื่องนี้มาอ่านเพราะคิดว่าอยากแปลเหมือนกัน แต่อ่านแล้วก็ต้องเปลี่ยนใจ เจ๊งแน่ ชอบบรรยากาศของเมือง โดยเฉพาะในฉากไคลแม็กซ์ (เพื่อนที่เคยไปเที่ยวชอบเมืองนี้มาก) แต่ไม่ค่อยประทับใจตัวพระเอกเท่าไหร่นัก โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:3:37:36 น.
ปล. มาคิดดูอีกที คนตั้งชื่อเรื่องอาจไม่ใช่คนแปลก็ได้ โอเค ยกประโยชน์ให้จำเลย
จขบ.อ่านเรื่องนี้ยังคะ ชอบเป่า โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:3:39:16 น.
แร้งกินอ่าน e แล้วหลับ ฟันธง เคยซื้อรวมเล่มหนามาแล้ว ตายคาที่เลย เราไม่ถูกกับสำนวนอังกฤษทึม ๆ แบบนี้เท่าไหร่ พอบ่นมาก ๆ แล้วตาปรือทุกที
ฉบับแปลอ่านได้บรรยากาศทึมดีนะ จำได้ว่าชอบอ่ะ อย่างน้อยก็ไม่แปลทื่อ ๆ ดุ่ย ๆ โดย: ยาคูลท์ วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:4:10:09 น.
เป็นหนังสือชุดที่...อยากได้
แต่ลังเลที่จะอ่าน (กลัวมันหลอน!) โดย: สายลมอิสระ วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:15:26:09 น.
เซลล์เป็นผลงานของนักเขียนที่มีความสุขครับ
แต่ละย่อหน้า เขาจะบรรจงเติมรายละเอียดเข้าไป หลังจากที่เขาได้รับอุบัติเหตุ รถตู้พุ่งชน งานเขียนจะกลมกล่อมกว่ายุคต้นที่ดิบเถื่อนมาก อ่านสนุกครับ อยากให้อ่านด้วยกัน ตอนนี้แปลกระดูกร้องทุกข์ของลอรี อาร์มสตรอง นิยายนักสืบสาวห้าวสุดเดช คงออกได้ทันงานมหกรรมหนังสือตุลาฯนี้ เอาใจช่วยการเรียนหนังสือครับ โดย: นพดล IP: 58.8.100.122 วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:9:45:24 น.
^
^ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ ดีใจกับข่าวหนังสือใหม่ค่ะ จะได้มีหนังสือดีๆ สนุกๆให้อ่านกันอีก ที่ไม่มีอยู่อย่างเดียวก็คือเวลานี่แหละน้า โดย: azzurrini วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:12:42:13 น.
โฮะๆ นึกว่าจะไม่มีใคร เก็ตมุข ซะแล้ว
เอ หรือ เค้าเก็ตกัน แต่ไม่กล้าบอก เอ...เค้าว่ากันว่าแชมป์แชริตี้ชิลด์มักไม่ค่อยจะได้ถ้วยพรีเมียร์ชิพไม่ใช่เหรอคะ หุ หุ เอ ถ้าจำไม่ผิด ปีที่แล้ว เชลซีชนะทีมไรไม่รู้ 2-1 นา เอ ถ้าจำไม่ผิด สุดท้ายเชลซีก็เป็นแชมป์ นิ เอ แล้วเมื่อวานอาิทิตย์ ลิเวอร์พูลชนะ ทีมไรไม่รู้ 2-1 เท่ากัน เอ อย่างงี้ ท้ายฤดูกาลก็ ดีครับ ผมก็ชอบอ่านแนวนี้เหมือนกัน แต่ไม่ชอบซื้อ ว่างๆ ขอยืมมั่งฉิ อิอิ โดย: Nutty Professor วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:13:51:33 น.
มาจองที่นั่งริงไซด์ค่ะ (ชกกันไปหรือยังคะ )
ดีใจจังที่คุณจขบ.มีเวลาอัพบล็อกซะที อัพทีหายอยากเลยเนอะ... นี่เราก็ซื้อเรื่อง หลง มาดองเค็มอยู่ที่บ้าน ยังหาเวลาอ่านไม่ได้เลยค่ะ ถ้าถูกใจค่อยหาซื้อเรื่องอื่นในซีรี่ส์ต่อค่ะ โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:20:49:21 น.
หลายๆ เล่มในนี้ยังไม่เคยอ่านเลยค่ะ เคยแต่เปิดๆ
แต่จะมาบอกว่าขอบคุณที่แนะนำเกี่ยวกับโกธนะคะ จริงๆ ก็ชอบพวกหลอนๆ แหละ (แต่เป็นการดูหนังมากกว่า) เห็นเจ้านายเราเค้าก็ชอบโกธน่ะค่ะ โดย: fonkoon วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:9:54:16 น.
คืองานหนังสือที่ผ่านมาเราซื้อของโอตสึอิจิมา ๔ เล่มค่ะ
เหมือนๆ ว่าจะมีนัดหมายในความมืดด้วยนะคะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะมันยังอยู่ในกองมหาสมบัติของเราอยู่เลย ยังไม่ได้อ่านเลยค่ะ ถ้าได้อ่านแล้วจะมาคุยด้วยอีกทีแล้วกันนะคะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:11:28:08 น.
เคยเกือบจะซื้อชุดนี้เหมือนกันค่ะ แต่ยังไม่พร้อมจะอ่านซีรี่ส์หลายๆ เล่ม กลัวจะติด
สงสัยว่าง ๆ (เมื่อไหร่น้อ?) จะต้องไปสอยมา...หรือรอให้มันลด 50% ก่อนดี โดย: unwell วันที่: 19 สิงหาคม 2549 เวลา:15:12:12 น.
ชวนไปอ่านหนังสือที่บล็อกค่ะ เรื่องนี้คล้ายๆ จะเป็นนักสืบเหมือนกัน สืบหาหนังสือ แหะแหะ มีบทหนึ่งในเรื่องที่เขียนโดยใช้บรรยากาศแบบหนังสือนักสืบแบบ hard-boiled ด้วย เชียร์เต็มที่ค่ะ
ปล. ซื้อฆาตกรรมวันฮาโลวีนลดราคาในเว็บไม่ทัน ไปเจอที่ร้านสองร้อยกว่า แพงจัง รอซื้องานหนังสือดีกว่า (ตั้งแต่หัดซื้อหนังสือในเว็บนี่ เห็นหนังสือสองร้อยขึ้นแล้วแพงทุกทีเลย ฮ่าๆ) โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.15.84 วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:18:01:37 น.
สำนักพิมพ์นี้จะอยู่ที่บูธบลูสเกล บูธเดียวกับพี่แป๊ดค่ะ เดี๋ยวใกล้ๆ งานพี่แป๊ดก็จะมาประชาสัมพันธ์เองค่ะว่าเบอร์อะไร รับรองหาเจอแน่
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.13.53 วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:16:10:20 น.
ยังไม่ได้อ่านสักเล่ม ทั้งที่ปกซีรี่ส์ของ coben นี่มันยั่วใจมาก
(เป็นพวกบ้าปกสวยน่ะค่ะ) แต่ลองเปิดอ่านทีไร ก้รู้สึกไม่มีแรง จูงใจให้ซื้อเท่าไหร่แฮะ อาจเป็นเพราะอ่าน davinci code ที่แพงพอกัน แล้วดันไม่ชอบด้วย เลยไม่อยากซื้อเล่มอื่นอีก ตอนนี้กำลังบ้าหนังสือแปลของญี่ปุ่นค่ะ otsuichi นี่มาเป็นอันดับหนึ่ง ชอบ goth เหมือนกันเลยค่ะ โดย: แมวปิลาร์ วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:9:26:20 น.
เห็นแว๊บๆที่หน้าเวปบล็อค.....สุขสันต์วันเกิดนะค้า ขอให้มีตังค์เยอะๆ(ไว้ซื้อหนังสือ) แล้วก็ขอให้มีเวลาอ่านเยอะๆด้วยนะคะ จะได้มาเขียนรีวิวให้ได้อ่านกันอีก
ป.ล.ชุดของคนแต่งคนนี้ก็อยากอ่านนะคะ แต่มันไม่ยอมลดราคาเยอะๆสักที ชอบไปขายรวมกับเล่มอื่นที่ไม่อยากได้ด้วยสิ โกรธอ่ะ ลดน้อย งกจัง โดย: หมูย้อมสี (หมูย้อมสี ) วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:10:43:20 น.
มา Happy Birthday เจ้าของบล็อกค่ะ
หนังสือชุดไมรอน ไม่ได้ซื้อค่ะ เช่าร้านอ่านเอาหมดเลย เพราะปกติไม่ค่อยชอบกีฬาและเกิดอคติส่วนตัวนิดหน่อยตอนเรียนที่โดนบังคับแปลเรื่องนี้ โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:12:01:15 น.
สุขสันต์วันเกิดจ้า ขอให้ได้พบแต่สิ่งดีๆ สุขภาพแข็งแรง ชีวติสดชื่น มีหนังสืออ่านเยอะๆ แล้วแจ้งข่าวดี ตุลานี้ Lincoln Lawyer ออกแล้วจ้า โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 24 สิงหาคม 2549 เวลา:15:26:11 น.
มะด้ายแปล Lincoln Lawyer จ้า ไม่กล้าทาบชั้นคุณสุเมธ เชาว์ชุติหรอก แต่พอดีไปเห็นรายชื่อหนังสือใหม่ที่จะออกในงานเดือนตุลามา เลยคาบข่าวมาบอก ฮี้กับๆ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 25 สิงหาคม 2549 เวลา:23:23:27 น.
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรค่า
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:0:38:43 น.
เคยอ่าน อย่าบอกใคร เล่มเดียว กำลังมอง ๆ หายอยู่
เดี๋ยวต้องอ่านบ้าง เรื่องอื่นที่แนะนำก็น่าสนใจค่ะ add บล็อกนี้ดีกว่า โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:7:42:01 น.
สำรวจบล็อกมา ฆาตกรรมออนไลน์ น่าอ่านที่สุด
แต่โดนหักคะแนนตรงราคานี่สิ !!! โดย: ~:พุดน้ำบุศย์:~ วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:7:48:46 น.
HBD ... แฟนผีค่า
ขอให้ความสุขมากๆ น๊า... อยากอ่านเรื่องไหนในโลกก็ขอให้ได้อ่านสมใจ =) โดย: hunjang วันที่: 26 สิงหาคม 2549 เวลา:22:31:19 น.
เรียนเชิญไปฟังเพลงขอบคุณที่บล็อกค่ะ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:23:41:52 น.
โอ๊ะๆ...มาย้อนหลังอวยพรวันเกิดแล้วกันนะคะ
Happy Belated Birthday ค่า ขอให้มีความสุขมากๆ เรียนได้คะแนนดีๆ มีเวลาได้อ่านหนังสือที่ชอบเยอะๆนะคะ โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:11:09:02 น.
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ
ขอให้มีสุขภาพกาย-ใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ มีชัยชนะเหนืออุปสรรคและศัตรูเน้อ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 29 สิงหาคม 2549 เวลา:11:52:23 น.
เห็นเรื่อง ฆาตกรรมอินเทอร์เน็ต รึยังค่ะ ของ แพรวสำนักพิมพ์ เป็นนิยายสืบสวนแนวสยองขวัญของไต้หวันนะคะ
คือ...จริงๆแล้ว อยากหาหนูทดลอง อยากรู้ว่าสนุกรึเปล่า เห็นจขบ.ชอบแนวนี้ โดย: หมูย้อมสี วันที่: 31 สิงหาคม 2549 เวลา:13:39:26 น.
อาจเป็นที่เซิฟเวอร์เก็บเพลงก็ได้ค่ะ มันจะโอเวอร์โหลดบ่อยๆ ว่าจะย้ายที่แล้วเนี่ย ลองกลับมาอีกครั้งอาจจะฟังได้ก็ได้ค่ะ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.13.241 วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:16:57:41 น.
ขอบคุณที่มาช่วยตอบนะคะ(แต่ถ้าได้อ่านแล้วจะดีมั่กๆเลย)
โดย: หมูย้อมสี IP: 203.114.118.188 วันที่: 1 กันยายน 2549 เวลา:17:53:01 น.
ตอนนี้มี หาย มาอยู่ในมือแล้ว คาดว่าคงได้อ่านในเร็ววันนี้
โดย: พุดน้ำบุศย์ IP: 58.10.234.2 วันที่: 2 กันยายน 2549 เวลา:21:24:56 น.
แหม..ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ
ก็อยากอวยพรนี่เนาะ คอมเม้นท์ยาวแล้วนะ ไม่อัพบล็อกเหรอคะ? โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 กันยายน 2549 เวลา:9:06:44 น.
รอให้เสร็จสมบูรณ์ก่อนก็ได้ค่ะ จะได้ดูแบบครบๆ (แต่ไม่แน่ใจว่าตอนเสร็จสมบูรณ์แล้วมันจะยังมีลดราคาอยู่หรือเปล่านะคะ)
ของสำนักพิมพ์ใหญ่ๆ ก็ค่อนข้างมากันครบนะ แต่กระจายอยู่กันคนละชั้นน่ะจ้า โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 7 กันยายน 2549 เวลา:13:29:32 น.
ไม่ได้อ่านสักเล่มเลยครับที่ จขบ. แนะนำ แต่ก็จับอยู่หลายหนนะครับ พอมาเห็นแนะนำแบบนี้ อดใจไม่ไหวแล้วครับ
กลายเป็นว่าตอนนี้ โอตสึ อิจิ เป็นนักเขียนญี่ปุ่นในดวงใจผมอันดับต้น ๆ ไปแล้วล่ะคร้บ โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 10 กันยายน 2549 เวลา:21:37:49 น.
หลงรักวิน ไปเลยค่ะ ตอนอ่านอยู่นะ ยังคิดเลยว่าถ้าทำเป็นหนัง ต้องพี่จู๊ด ลอว์ คนเดียวเท่านั้น เล่มสี่ก็เพิ่งอ่านเสร็จสดๆ ร้อนๆ เฮ้อ รักพี่วิน พี่วิน พี่วิน
โดย: tip IP: 58.136.71.175 วันที่: 11 กันยายน 2549 เวลา:18:07:52 น.
อืมม์..สำหรับมีแอนด์ยูฯ นี่เราชอบสไตล์การสร้างหนังรักของเขามากกว่า
วิธีการสื่อและถ้อยคำคมๆ การเขียนบทการโยงร้อยตัวละครแต่ละตัว ชอบ "วิธีการ" ของมันน่ะค่ะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:11:49:14 น.
อิอิ ชอบอาหารทุกชาติที่อร่อยๆ อ่ะจ้ะ คิกๆ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.13.65 วันที่: 12 กันยายน 2549 เวลา:16:13:20 น.
ขอทำลิงค์จากหน้า LIF มายังหน้ารีวิว ฆาตกรรมออนไลน์ นะคะ ขอโทษที่ไม่ได้ขอล่วงหน้า เพราะรู้ว่าจขบ.ใจดี ต้องให้อยู่แล้วล่ะ อิอิ
ของยังไม่ได้ส่งให้เลยค่ะ รอเดี๋ยวนะ โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 16 กันยายน 2549 เวลา:17:41:13 น.
คุณ azzurrini ได้อ่าน The R Document (เขียนถูกป่าวหว่า) รึยังครับ ถ้าชอบเหมือนกัน ก็น่าจะชอบ The Broker นะ
แต่เราว่า ถ้าเทียบกันแล้ว The R Document สนุกกว่านะ ได้ลุ้นตลอดทั้งเรื่อง ลองอ่านดูทั้งสองเรื่องละกันนะ แล้วบอกด้วยหละว่าเปงยังไง โดย: poser IP: 58.9.19.157 วันที่: 22 กันยายน 2549 เวลา:0:06:05 น.
มาบอกข่าวเพิ่มสำหรับแฟนๆของ Myron & Win
ตอนนี้ Harlan Coben ออกเล่มล่าสุด Promise Me (คิดว่าน่าจะเป็นลำดับที่8 ในชุดของ Myron Bolitar) หวังว่าทาง สนพ. คงจะเร่งแปลให้ครบชุดในเร็วๆนี้ โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:17:23:20 น.
โอ้..จะบอกว่าไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะ
สารภาพว่า ตอนพี่อ่านนอวีเจี้ยนวู้ดครั้งแรกแล้วจบนี่ อึ้งก่อนเลย บอกไม่ถูก แบบว่า..เราไม่เคยเจอแนวนี้มาก่อนไง แต่ก็คล้ายๆ กับเราก็คือ รู้สึกชอบมากกว่าไม่ชอบ แต่ไม่ใช่อาการชอบแบบที่เรารู้สึกกับหนังสือเล่มอื่นๆ ที่เคยอ่านน่ะ ชอบแบบกึ่งๆ อึ้งๆ กึ่งๆ แปลกๆ น่ะ (บอกไม่ถูกวุ้ย) เพราะงั้น..ไม่ได้ต่างกันเลย และพี่ก็เลยอยากหาเล่มอื่นมาอ่านอีกเช่นกัน ถ้าถามเล่มอื่นของมูราคามิที่จะให้แนะนำ พี่ยังคงชอบแกะรอยแกะดาวเป็นอันดับสองนะ เพียงแต่ถ้าจะอ่านแกะรอยแกะดาวได้ ควรจะอ่านสดับลมขับขาน (ซึ่งอาจทำให้หมดความอดทนต่อการอ่านได้ง่ายๆ เพราะเรียบเรื่อยแบบ..บอกไม่ถูกมากๆ) และพินบอล (ซึ่งสนุกขึ้นมาอีกหน่อย) ก่อนน่ะ พี่ก็เลยไม่รู้ว่าควรให้เราอ่านดีมั้ย เพราะกลัวจะหมดความพยายามกับเล่มแรกไปก่อน (อย่างพี่กว่าจะอ่านเล่มแรกจบ ทั้งที่บางๆ นะ ยัง ๓ วัน พินบอลนี่สองวันมั้ง ส่วนแกะรอยแกะดาวซึ่งหนาสุดกลับใช้เวลาแค่สองวันเอ๊งงงง) เอามั้ย? คิดว่าไหวหรือเปล่า (อ้อ..แต่มีนักอ่านบางคนเค้าชอบสดับลมขับขานที่สุดนะ) ถ้าสนใจ เดี๋ยวพี่จะเอาสามเล่มนี้ขึ้นโครงการ LIF ไว้น่ะ จะได้ยืมได้ไง โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:17:25:34 น.
แล้วก็
ผมว่า ของ Jeffery Deaver ก็สนุกนะครับ ใน Serie ของ Lincoln Rhyme ตอนนี้ออกมาเล่มล่าสุดคือ The Cold Moon (เล่ม7แล้ว) ในชุดนี้ประกอบด้วย 1.The Bone Collector ทาง Hollywood นำมาสร้างแล้ว โดยตัวเอกคือ แดนเซล วอร์ชิงตัน & แองเจลีน่า โจลี่ 2.The Coffin Dancer 3.The Empty Chair 4.The Stone Monkey 5.The Vanished Man 6.The Twelfth Card 7.The Cold Moon โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:17:31:03 น.
แหะ..แหะ..
เพิ่มเติม Promise Me (เล่ม8 ของ Myron & Win) จะ้เล่าถึง Background ของ วิน ด้วยครับ อดีตในวัยเด็ก.. ความสัมพันธ์ในครอบครัว โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 28 กันยายน 2549 เวลา:17:39:56 น.
ขอบคุณนะคะคุณรันย์อะเวย์ เราเองก็หวังว่าอมรินทร์จะแปลออกมาให้ครบชุดเหมือนกัน
ของ Jeffery Deaver น่าสนใจดีค่ะ แต่เราคงต้องรอให้มีคนใจดีเอามาแปลก่อนน่ะ โดย: azzurrini วันที่: 29 กันยายน 2549 เวลา:15:21:40 น.
ตอนนี้กำลังอ่าน The Death Collectors ของ Jack Kerley ครับ
ความจริงเล่มนี้ออกมานานแล้วราว 4-5 เดือนแล้วมั๊ง ช่วงนั้นงานยุ่งเลยสุมๆไว้ หลังจากนั้นไปเจอเอา The Cold Moon และ Promise Me เสียก่อน เลยลืมคู่หูนักสืบแห่งโมไบล์ไป ช่วงนี้งานไม่ยุ่ง + กะ รถพังเลยต้องแกร่วอยู่บ้าน อดออกไปซ่าส์ข้างนอก ได้ฤกษ์ ปัดฝุ่นกองหนังสือ The Death Collectors เป็นตอนที่2 ของ นักสืบไรเดอร์ และ นักสืบนอร์ติลุส ตอนแรกก็คือ The Hundredth Man(ศพไร้หัว) PS:1. แอบมาทิ้งข้อความหลายรอบแล้ว รู้สึกเกรงใจ จขบ. เลยขอสมัครเปงสมาชิกขาจรก็แล้วกัน 2.พอดีใกล้บ้านมีร้านหนังสือมือ2อยู่ด้วย ว่างๆจะเข้าไปคุ้ยหาหนังสือสอบสวน+ลึกลับ ได้ความ/ได้เรื่องเด็ดอย่างไร จะเอามาแบ่งปันครับ โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:7:54:00 น.
ขอบคุณนะคะ ด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนตามอ่าน blog เราด้วย(ที่แทบจะไม่ update เอาซะเลย)
อ่าน The Hundreadth man แล้วค่ะ เราชอบปานกลางนะ ยังไม่ถึงกับถูกใจเท่าไหร่ โดย: azzurrini วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:9:36:07 น.
อ่านจบแล้วครับ The Death Collectors
สารภาพตามตรงว่าความจริงแล้วผมเองก็ไม่ได้แตกฉานภาษาอังกิดสักเท่าไหร่ แต่ที่ตามอ่านเพราะว่าสถานการณ์มันบังคับ รอฉบับแปลไม่ไหว แล้วก็ไม่รู้ว่าจะแปลเมื่อไหร่ มาโฆษณาให้ The Death Collectors ต่อดีกว่า ฉบับแรก The Hundredth Man นั้น ผมเองก็อ่านฉบับภาษาไทยครับ ยอมรับว่าค่อนข้างเนือยๆสักหน่อยจัดว่าอยู่ขั้นใช้ได้ แต่พอมา The Death Collectors นี้ เห็นความแตกต่างได้ชัด (ไม่แน่ใจเพราะกระบวนการแปล หรือปล่าวที่ทำให้งานชิ้นแรกดูจืดไปหน่อย..แต่ไม่ได้กล่าวหาผู้แปลนะ) The Death Collectors นี้เป็นนิยายเรื่องที่ 2 ที่ผมอ่านรวดเดียวจบ (เรื่องแรกคือ The Davinci Code เพราะทนรอฉบับแปลม่ายหวาย)ใช้เวลา 2 วันนิดๆ แบบว่าว่างก็อ่านเลย อ่านจนหลับ ตื่นก็อ่าน ด้วยเนื้อเรื่องขมวดปมน่าติดตาม ทำให้เราตามลุ้นแทบทุกหน้า หวังว่าทางสนพ.ที่เมืองไทยคงจะแปลออกมาในเร็ววันนะครับ โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:27:27 น.
ตอนนี้ก็ขยับมาที่
STRIPPED - Brian Freeman และ Spider Trap - Barry Maitland ได้ความอย่างไรจะเอามาขยายต่อครับ โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:30:04 น.
ผิดๆๆๆๆๆ
ผิดไปแล้วครับมาแก้ข้อผิดพลาดหน่อย . Promise Me (เล่ม8 ของ Myron & Win) เป็นเรื่องราวรักครั้งใหม่ของ ไมรอน ส่วนที่้เล่าถึง Background ของวิน อดีตในวัยเด็ก.. ความสัมพันธ์ในครอบครัว อยู่ในเล่ม Back Spin ครับ... ผิดไปแล้วขออภัย โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 30 กันยายน 2549 เวลา:15:58:18 น.
^
^ หวังว่าคนข้างบนคงจะทำให้จขบ.ทนไม่ไหว เิริ่มอ่านนิยายภาษาอังกฤษได้เร็วๆ เชียร์อยู่จ้ะ ทีนี้ล่ะหนังสือรอเข้าคิวอ่านไม่ทันกันเลย อิอิ โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.13.84 วันที่: 1 ตุลาคม 2549 เวลา:16:05:06 น.
โดน LMJ ยุมากๆ ก็เริ่มจะทนไม่ไหวเหมือนกันค่ะ ยิ่งสมัยนี้นิยายแปลราคาเกือบเท่าต้นฉบับด้วยสิ
แต่ยังไงมันก็ไม่มีเวลาอ่านน่ะ ถ้าเราเอาเวลาทั้งหมดที่มีไปอ่านต้นฉบับ มันก็จะได้จำนวนน้อยลงเยอะนะสิคะ โดย: azzurrini วันที่: 3 ตุลาคม 2549 เวลา:20:24:08 น.
สวัสดีค่ะ
มีหนังสือมาแนะนำเพิ่มเติมหรือยังคะ ยังรออ่านอยู่น้า... โดย: หวัน (หวันยิหวา ) วันที่: 7 ตุลาคม 2549 เวลา:0:10:56 น.
เราเองก็อยากอ่านจากภาษาต้นฉบับได้บ้างจัง
แต่ยังไม่เคยได้ลองสักที โดย: poser (poser ) วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:2:52:45 น.
....ไม่ค่อยอัพบล็อคเลยนะคะ(ไม่ได้มาต่อว่านะคะ จิงจิ้งงงงง)
มีหนังสือแนวสืบสวนมาแนะนำบ้างมั้ยค่ะ ใกล้จะงานหนังสือแล้ว ตอนนี้ก็มีเล็งๆชุดของ....(จำชื่อไม่ได้แล้ว ที่ถามหลังไมค์ไปนะคะ) มีชุดอื่นแนะนำมั้ยค่ะ โดย: หมูย้อมสี วันที่: 16 ตุลาคม 2549 เวลา:15:36:22 น.
ตอนนี้กำลังจะเริ่มอ่าน Deal Breaker ครับ (หลังจากดองมาข้ามปี ไม่มีเวลาอ่านเลย - -) ส่วน Tell No One กับ Gone For Good นั้นอ่านไปเมื่อปีที่แล้ว แล้วก็ชอบมากๆเช่นกัน ^^
เดี๋ยวอ่าน Deal Breaker กับ Drop Shot เสร็จแล้วก็คงตัดสินใจได้ล่ะครับว่าอีกสองเล่มที่เหลือจะได้ซื้อรึเปล่า ^^ โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:13:21:22 น.
ได้ไปงานหนังสือมั่งยังครับ ถ้าไปแล้วอย่าลืมรีบกลับมาอัพบล็อกบอกเล่าเรื่องราวให้ฟังในบัดดลเรยนะครับ
จารออ่าน นะ โดย: poser (poser ) วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:1:29:57 น.
"แต่ยังไงมันก็ไม่มีเวลาอ่านน่ะ ถ้าเราเอาเวลาทั้งหมดที่มีไปอ่านต้นฉบับ มันก็จะได้จำนวนน้อยลงเยอะนะสิคะ"
สักพักก็คล่องค่ะ เวลาจะดีขึ้นเ้รื่อยๆ เดี๋ยวนี้เราสามารถอ่านนิยายสืบสวนระดับทั่วไปหนาประมาณ 300 หน้าให้จบได้ภายในสองวันแล้ว ทั้งที่เมื่อสมัยหัดใหม่ๆ อ่านอกาธา (ซึ่งง่ายมาก) 200 หน้า ต้องใช้เวลาถึงสองอาทิตย์ แต่ข้อดีคือมันมีตัวเลือกเยอะมาก เราสามารถอ่านที่อยากอ่านได้ตามสบาย ไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์ ไม่ต้องกลัวคนแปลห่วย ไม่ต้องทนอ่านอะไรงี่เง่า แล้วจะติดใจค่ะ โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:15:59:51 น.
ตอนนี้พี่คงต้องไปแล้วแหละค่ะ เพราะไม่ต้องออกทริปแล้ว แล้วคุณแม่ก็จะขึ้นมาเที่ยวงานด้วย ก็คงพาแกไปนั่นแหละ
แต่จะพยายามซื้อให้น้อยที่สุดเหมือนกันค่ะ โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:16:30:11 น.
อยากไปงานหนังสือจัง
แต่แค่ที่บ้านตอนนี้หนังสือก็กองรออ่านเต็มไปหมด " แต่ข้อดีคือมันมีตัวเลือกเยอะมาก เราสามารถอ่านที่อยากอ่านได้ตามสบาย ไม่ต้องง้อสำนักพิมพ์ ไม่ต้องกลัวคนแปลห่วย ไม่ต้องทนอ่านอะไรงี่เง่า แล้วจะติดใจค่ะ โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ "้ เห็นด้วยคร๊าบ.... และยีงมีหนังสือดีๆอีกมากมายจากผู้แต่งหลายๆท่าน ที่ทางสนพ.ต่างๆไม่ได้แปลออกมา (ไม่รู้เพราะอะไร) เวลาผมเข้าร้านหนังสือที เห็นทางร้านเขาจัดไล่ตามชื่อผู้เขียน..ตาลายครับ ยิ่งเรื่องสอบสวน ลึกลับ มีเป็นชุดๆ สมัยอ่านแต่ฉบับแปลไม่เคยรู้จักผู้เขียนเลย (รู้่จักแต่คนแปล) ลองอ่านต้นฉบับดูนะฮะ แล้วจะรู้สึกเหมือนทำแจ๊กพอตแตก โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.165 วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:20:52:20 น.
ได้คุณรันย์อะเวย์กับ LMJ ยุมากๆ คิดว่าซักวันคงจะได้ลองอ่านดูค่ะ แต่ต้องรอให้ว่างกว่านี้ก่อนนะ
ตอนนี้ Pearl เอา Jeffery Deaver มาแปลแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ชุด Lincoln Rhyme ที่คุณรันย์อะเวย์เคยพูดถึงนะ เป็นเรื่อง Blue Nowhere ค่ะ เราไปสอยมาแล้วล่ะ โดย: azzurrini วันที่: 23 ตุลาคม 2549 เวลา:21:27:15 น.
หากค่ำคืนหนึ่งฯ ซื้อได้ที่ บูธเบลูกา (บลูสเกลเดิม เป็นชื่อบริษัท ส่วนบลูสเกลเป็นชื่อสำนัำกพิมพ์ค่ะ) W 16 โซนเอเทรียมค่ะ
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ IP: 58.9.14.197 วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:0:05:32 น.
ได้ไรจากงานหนังสือมั่ง อัพมาให้ดูมั่งเน้อ
หรือว่ายังซื้อไม่หมด โดย: poser (poser ) วันที่: 28 ตุลาคม 2549 เวลา:0:44:41 น.
เอาหนังสือมาดูหน่อยเร็ว
โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 30 ตุลาคม 2549 เวลา:0:43:14 น.
ไปบอกคุณพัณณิดาด้วยตัวเองได้เลยค่ะ
//lawit.bloggang.com โดย: ลูกสาวโมโจโจโจ้ (the grinning cheshire cat ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:20:28 น.
ได้คุณรันย์อะเวย์กับ LMJ ยุมากๆ คิดว่าซักวันคงจะได้ลองอ่านดูค่ะ แต่ต้องรอให้ว่างกว่านี้ก่อนนะ
ตอนนี้ Pearl เอา Jeffery Deaver มาแปลแล้วค่ะ แต่ไม่ใช่ชุด Lincoln Rhyme ที่คุณรันย์อะเวย์เคยพูดถึงนะ เป็นเรื่อง Blue Nowhere ค่ะ เราไปสอยมาแล้วล่ะ ********************************************* The Blue Nowhere ก็หนุกฮะ ถึงแม้จะพิมพ์ออกมาตั้งแต่ 2001 ก็ตาม แต่เนื้อเรื่องที่ชวนให้ติดตามและลุ้นอยู่ทุกนาท ีก็ทำให้ตัดเรื่องพัฒนาการของคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันกับในเนื้อเรื่องไปได้ หยิบได้เยี่ยมครับ ผมเองเพิ่งจบ The Blue Nowhere ไปเมื่อเดือนกันยาฯนี่เอง ไปจับมาที่ร้านมือ2 โดย: รันย์อะเวย์ IP: 202.7.166.173 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:36:26 น.
คุณลูกสาวโมโจโจโจ้คะ
ความเห็นที่ 13 "ชุดของพี่แร้งกินน่ะ (นักสืบชื่อไรนะ รีบัสใช่ไหม) แนะนำให้อ่านภาษาอังกฤษ เพราะไม่ไว้ใจคนแปล แค่ชื่อเรื่องก็แปลผิดแล้ว Knots and Crosses มันก็คือเกมโอเอ็กซ์บ้านเรา ของที่คนร้ายส่งมาให้พระเอกคือเชือกที่ผูกเป็นปมกับรอยขีดกากบาทในจดหมาย เพราะฉะนั้นมันต้องแปลว่า ปริศนาเงื่อนและกากบาท สิเว้ยเฮ้ย ไม้กางเขนมาเกี่ยวไรด้วยฟะ" จริงๆที่คนร้ายส่งมาให้คือ เชือกที่ผูกเป็นปม กับ "ไม้กางเขนที่มัดขึ้นจากก้านไม้ขีดไฟ 2 ก้าน" นะคะ ไม่ใช่รอยขีดกากบาทค่ะ แล้วตอนท้ายเรื่องคนแปลก็มีบอกแล้วว่าคนร้ายส่งมาเพื่อเป็น clue ให้รำลึกย้อนไปถึงถึงสมัยตารีบัสกับคนร้ายชอบเล่น "เกมโอเอ็กซ์" ด้วยกันสมัยถูกจับขังในคุกค่ะ :) โดย: Girl from Ipanema IP: 58.9.30.178 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:30:08 น.
^
^ ^ แหะๆ...ต่ออีกจิ๊ดนึงค่ะ แล้วที่คิดว่าน่าจะเป็นไม้กางเขนก็เพราะว่าตอนที่อีตารีบัสกับคนร้ายถูกจับขังคุกนั้น ทั้งคู่เป็นทหารอยู่ในค่ายที่รีบัสตั้งชื่อให้เองว่า "ค่ายไม้กางเขน" เพราะพวกทหารข้างในค่ายเคยพูดขู่เล่นๆว่าจะจับเขาตรึงกางเขน แล้วก็น่าจะเป็นการสื่อถึงปมความขัดแย้งเรื่องศรัทธาในพระเจ้าของนายตำรวจคนนี้ด้วยมั้งคะ อันหลังนี้ความเห็นส่วนตัวค่ะ:) โดย: Girl from Ipanema IP: 58.9.30.178 วันที่: 9 ธันวาคม 2549 เวลา:13:59:30 น.
ชอบเรื่อง Gone for good มากๆ เลยค่ะ
อ่านนิยายสืบสวนมาหลายสไตล์แล้ว แต่เรื่องนี้หักมุมได้แบบ ... ประทับใจจ๊อด ส่วนผลงานชุด Myron Bolitar นี่ ก็เล่นเอาติดงอมแงม ไม่จบเล่ม ไม่นอน อะไรอย่างนั้นเลย หยิบมาอ่านแล้ว วางไม่ลงจริงๆ ไม่มีคำว่าง่วงค่ะ Myron ดูเป็นผู้ชายแบบที่เจ้าของบล๊อกว่าไว้จริงๆ ดูเป็นคนดี อย่างไม่น่าให้อภัย (คือ ดีเกินไป แถมอ่อนไหว น่าปกป้องอีกต่างหาก) แต่ไม่ได้ประทับใจเราเท่าไหร่หรอก คนที่ทำให้เราอ่านไป กรี๊ดไป (ประมาณใกล้คลุ้มคลั่ง คล้ายๆ บ้าดารา) คือ Winsor Horn Lockwood III นี่แหละ ชอบมากกกกก เข้าขั้นหลงรักเลยก็ว่าได้ สำหรับผู้อ่านหลายๆ คน คงจะรักหนุ่มเลือดเย็น ไม่มีหัวใจ (ซึ่งเราว่าไม่จริ๊งไม่จริง Win มีหัวใจนะ ใจสุดยอดเลยเชียวแหละ แต่จะให้ใครมั่งเท่านั้นเอง) คนนี้ มากกว่าตัวเอกอย่าง Myron เหมือนเราแน่ๆ เทียว ปล. ขอบคุณ Harlan Coben ที่สร้างสรรค์งาน ที่ทั้งสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ และทำให้หัวเราะได้เรื่อยๆ อย่างนี้ออกมาสู่ชาวโลก และขอขอบคุณคุณอริณี ผู้แปล ที่แปลได้อย่างสุดยอด อย่างที่ จขบ. ว่าไว้เลย Cool! (เยี่ยมนะ ไม่ใช่เย็น) โดย: คนผ่านมา ^_^ IP: 202.44.139.25 วันที่: 9 มกราคม 2550 เวลา:12:33:47 น.
ปล. สำหรับผลงานของ Agatha เราไม่เคยจำชื่อไทยได้เลยค่ะ (แต่ก็จำได้เป็นบางเรื่อง มันจำได้เอง) มันคล้ายๆ กัน ทำให้สับสนจริงๆ เราเลยจำชื่อภาษาอังกฤษ เพราะ Agatha ก็ตั้งชื่อเรื่องไว้ สอดคล้องกับเนื้อเรื่องด้วย ทำให้นึกออกว่า อ๋อ .. เรื่องนี้เอง
โดย: คนผ่านมา ^_^ IP: 202.44.139.25 วันที่: 9 มกราคม 2550 เวลา:12:40:47 น.
ชอบไมรอน มาก น่ารัก ตลก
แต่หลงรักวิน โดย: deedee IP: 125.26.44.239 วันที่: 21 ธันวาคม 2550 เวลา:15:10:59 น.
งานสปอยล์คงอีกสักพักนะครับ เพราะต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่
แล้วเขียนหลังจากอ่านจบเลย ความรู้สึกคงได้ไม่เหมือนตอน อ่านครั้งแรก หรืออาจจะเขียนจากความทรงจำแล้วเปิดหนังสือ ทบทวนเป็นบางจุด แต่ที่แน่ๆ บทความของผมคงไม่เขียนเป็น การวิจารณ์อะไรเป็นเรื่องเป็นราวหรอกครับ จะเป็นแนวชีวิต คนอ่านที่เกี่ยวกับหนังสืออะไรทำนองนั้น อ่านแล้วอาจจะไม่ได้ ประโยชน์เท่าไหร่หรอกครับ หุ หุ แต่ถ้าจะเอาแบบเป็นสาระจริงๆผมเห็นมีสมาชิกบล็อกหลายๆท่าน เขียนไว้แล้วเหมือนกันนะครับ อย่างเช่นที่บล็อกคุณ azzurrini https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=azzurrini&month=08-2006&date=14&group=1&gblog=4 ยังไงลองอ่านบทวิจารณ์จากบล็อกนี้ดูก่อนก็ดีครับ จะได้ไม่ต้อง เสียเวลารอผม และเผื่อผมเขียนไม่มีสาระจะได้ไม่ต้องผิดหวัง อิ อิ โดย: ST.Exsodus วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:21:23:50 น.
จ๊าก พิมพ์แล้ววางผิดบล็อก ขอโทษเจ้าของบล็อกไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
โดย: ST.Exsodus วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:21:24:40 น.
|
บทความทั้งหมด
|
แต่ก็มีคนให้ยืมหายมา เลยอ่านๆ ซะหน่อย ไม่ชอบอีกแล้ว ด้วยเหตุผลเดิม คราวนี้สาบานเลยว่าจะไม่อ่านของพี่แกอีกเด็ดขาด
ถึงจะมีใครมาชักชวนว่าชุดไมรอนนี้ขำนักขำหนายังไงก็ตามแต่ สงสัยว่าอารมณ์ขันของเรามันคงไม่ด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะฮาร์ลาน เกลียดตั้งกะนามสกุลตัวเอกทีเดียวเชียว
แล้วก็เกลียดวงการกีฬาแบบอเมริกัน พวกเบสบอล อเมริกันฟุตบอล บาสเก็ตบอล กอล์ฟ อะไรพวกนี้ กีฬาที่เราชอบมีอยู่สองอย่างคือฟุตบอลกับเทนนิส นอกนั้นไม่อยากยุ่งด้วย
ยังไงก็คงไม่อ่านล่ะค่ะ ยังมีอะไรให้อ่านอีกเยอะ ตอนนี้กะลังจะอ่าน The Poet ของไมเคิล คอลเนลลี่ คนนี้ช๊อบชอบ
ไปดีกว่า เดี๋ยวจขบ.เอาอะไรขว้าง หุหุ